เทศกาลไหว้บ้ะจ่าง (端午节) เทศกาลที่ 4 ประจำปี 2568
เหมือนเพิ่งไปไหว้อากงอาม่าที่สุสานมา อีกไม่กี่อาทิตย์จะไหว้ขนมบ๊ะจ่างกันอีกแล้ว โหงวหว่วยโจ่ยะ วัน 5 ค่ำ เดือน 5 ตรงกับวันที่ 31 พ.ค. 2568
เดี๋ยวแม่นันต้องจัดวันเดินเยาวราชเพื่อหาซื้อวัตถุดิบสำหรับทำบ๊ะจ่าง เต็กเฮียะ (ใบไผ่) ต้องสั่งเจ้าประจำให้เก็บไว้ให้ เพราะแม่นันใช้เยอะ กุ้งแห้งตัวโตๆ เห็ดหอม กุนเชียงต้องย่างด้วยเตาถ่านเท่านั้น ว่าแล้วต้องรีบสั่งไข่แดงเจ้าอร่อยแล้วค่ะ เพราะไข่เจ้านี้สดใหม่อร่อย นี่ยังไม่รวมที่ต้องทำเอง โอ่วนี้ห่อหล่าพาแซ (เผือกกวนห่อด้วยมันแพรหมู) ไว้จะนำวิธีกวนเผือกแบบโบราณมาให้ดูกันค่ะ
บ๊ะจ่างเป็นขนมไหว้ประจำเทศกาลตวนอู่(端午节)ชาวจีนแต้จิ๋วเรียกเทศกาลไหว้บ๊ะจ่างนี้ว่า "โหงวเหว่ยโจ่ย"(五月节)ซึ่งแปลว่าเทศกาลเดือนห้า ภาษาจีนกลางเรียกว่า “จ้งจึ” บ๊ะจ่าง(肉粽)เป็นชื่อเรียกสำเนียงแต้จิ๋วหมายถึงขนมจ้างไส้เค็มที่มีเนื้อสัตว์เป็นส่วนประกอบ ที่เป็นไส้หวานและเค็มผสมกันในหนึ่งลูก เรียกว่า "ซังเพ็ง" (双烹)
ขนมจ้างของชาวจีนแต้จิ๋วมี 2 ชนิดคือขนมจ้างลูกใหญ่มีไส้ และขนมจ้างด่างลูกเล็ก
ขนมจ้างไส้เค็มเรียกว่าบ๊ะจ่าง วัตถุดิบหลักคือข้าวเหนียว วัตถุดิบรองคือเครื่องเคียงอย่างอื่นของบ๊ะจ่างเช่น กุนเชียง หมูสะโพก หรือหมูสามชั้น กุ้งแห้ง ไข่แดงเค็ม ถั่วลิสง ลูกบัว เห็ดหอม แปะก้วย เผือกกวน และเครื่องเคียงบางอย่างต้องผ่านกรรมวิธีการปรุงก่อน การห่อบ๊ะจ่างในแต่ละท้องที่ก็จะมีการห่อในรูปทรงที่ต่างกันไปตามความนิยม แต่ส่วนมากนิยมห่อเป็นกรวยแหลมแล้วมัดด้วยเชือกปอ
ขนมจ้างด่างมีชื่อเรียกเป็นภาษาจีนแต้จิ๋วว่า “กีจ่าง”(栀粽) ใช้ข้าวเหนียวที่คัดข้าวเจ้าออกแล้ว ลงแช่ในน้ำด่างค้างคืนแล้วใช้ใบไผ่ห่อ โดยนิยมใช้ด่างที่ได้จากขี้เถ้าถ่านหรือขี้เถ้าเปลือกทุเรียน อุปกรณ์สำหรับการห่อขนมกีจ่างมีอยู่สองอย่าง คือใบไผ่ที่ใช้สำหรับห่อและเปลือกปอฉีกเป็นเส้นๆหรือเชือกกล้วยใช้สำหรับมัดขนมเป็นพวง ขนมกีจ่างมีขนาดเล็กกว่าขนมเทียนเล็กน้อย รูปทรงเหมือนกับบ๊ะจ่าง ส่วนใหญ่ใช้วิธีนึ่งให้สุก เมื่อสุกแล้วเนื้อขนมจะใสโปร่งแสงสีสันสวยงามน่ารับประทาน เวลาเซ่นไหว้นิยมไหว้พร้อมกับน้ำตาลถุงเล็กๆ เมื่อไหว้เสร็จแล้วเวลารับประทานก็จะนำมาจิ้มรับประทานกับน้ำตาลทราย สำหรับครอบครัวที่ยึดธรรมเนียมดั้งเดิมจริงๆจะต้องไหว้พระพุทธพระโพธิสัตว์ด้วยขนมกีจ่างนี้เท่านั้น
ในสมัยราชวงศ์เหลียง ยุคราชวงศ์เหนือใต้ อู๋จวินได้รวบรวมนิทานเรื่องแปลกประหลาดไว้เล่มหนึ่ง มีเรื่องชีว์หยวนกับขนมจ้างว่า หลังจาก ชีว์หยวนโดดน้ำตายแล้ว ทุกปีพอถึงวันตวนอู่ชาวแคว้นฉู่จะนำข้าวหลามโยนลงน้ำเซ่นไหว้เขาตลอดมา ถึงสมัยราชวงศ์ฮั่นปีศักราชเจี้ยนอู่ วิญญาณชีว์หยวนมาบอกโจวหุยชาวเมืองฉางซาว่า ข้าวหลามที่โยนไปให้ทุกปีนั้นถูกแย่งกินหมด ต่อไปขอให้เอาใบกู (ข้าวป่าชนิดหนึ่ง) อุดปากกระบอก ผูกด้วยด้ายหลากสีด้วย เพราะงู มังกรกลัวของสองอย่างนี้ ข้าวหลาม คำภาษาจีนเรียกขนมจ้างกระบอก(筒粽)นิทานเรื่องนี้ทำให้กลายเป็นปฐมเหตุให้เกิดวันตวนอู่และขนมจ้าง เมื่อแพร่หลายไปนานเข้าคนก็เลยเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง
ขนมจ้างเป็นของไหว้ในเทศกาลตวนอู่มาตั้งแต่ปลายราชวงศ์ฮั่น ถึงราชวงศ์ถังกลายเป็นของกินในช่วงเทศกาลนี้ที่แพร่หลายไปทั่วทุกชนชั้น ขนมจ้างเป็นเครื่องบอกฤดูกาลว่าอากาศหนาวหมดไปอย่างแน่นอนจนมีสำนวนพูดของชาวบ้านจีนว่า “กินบ๊ะจ่างเดือนห้าแล้วเก็บเสื้อหนาวลงลัง ถ้ายังไม่ได้กินบ๊ะจ่างเดือนห้าเสื้อหนาวอย่าเพิ่งเก็บลงลัง”
สำหรับคนแต้จิ๋วแล้วการกินจั่งไม่ได้กินเพื่อรำลึกถึงชีว์หยวนโดยตรง อาจจะมีเป็นตำนานเรื่องวันตวนอู่บ้างซึ่งได้มาจากระบบการศึกษา แต่ไม่ได้เป็นความเชื่อดั้งเดิมที่ถ่ายทอดมา ชาวแต้จิ๋วทำบ๊ะจ่างเพื่อเซ่นไหว้เทพเจ้าและบรรพบุรุษ ชาวแต้จิ๋วมีความเชื่อว่าการกินบ๊ะจ่างในเทศกาลตวนอู่จะทำให้เกิดความเป็นสิริมงคลและจะแข็งแรง เนื่องจากคำว่า“จั่ง”(粽)ไปพ้องเสียงกับคำว่า “จั่ง” (壮)ที่แปลว่าแข็งแรง
การห่อบ๊ะจ่าง ภาษาแต้จิ๋วมีคำเรียกว่า “ปักจ่าง”(缚粽)คนแต้จิ๋วมีธรรมเนียมว่าหากในครอบครัวมีคนเสียชีวิตลง ภายในสามปีที่มีพิธีกรรมเซ่นไหว้ผู้ตายมากมายจะงดห่อบ๊ะจ่าง เนื่องจากคำว่า“ปักจ่าง”แปลว่ามัดขนมจ้างมีคำว่ามัดอยู่ เกรงว่าจะเป็นการไปมัดกระดูกและวิญญาณผู้ตายไว้ ถ้าจะไหว้ก็จะต้องไปซื้อเอาหรือต้องเป็นบ๊ะจ่างที่ญาติมิตรนำมาให้ ห้ามไม่ให้“ปักจ่าง”เองโดยเด็ดขาด หรือบางครอบครัวถือมากก็จะงดไหว้เทศกาลนี้ไปเลย๓ปี เป็นเคล็ดว่าจะได้ไม่ต้องผูกมัดวิญญาณผู้ตายไว้อีก
เทศกาลบ๊ะจ่างเป็นเทศกาลที่ครึกครื้นเทศกาลหนึ่งของชาวจีนแต้จิ๋ว พอใกล้ถึงวันเทศกาล อาเหล่าอึ้ม อาโกว เหล่ากิ๋ม ที่อยู่ในตลาดเดียวกันจะตื่นเต้นมากเป็นพิเศษในการเตรียม "ปักจ่าง" (ปักจ่างเป็นคำกิริยาสำเนียงแต้จิ๋วแปลว่ามัดหรือผูกบ๊ะจ่างซึ่งสื่อความว่าการทำบ๊ะจ่างนั่นเอง) ก่อนหน้าวันไหว้เป็นอาทิตย์จะมีการเตรียมวัตถุดิบกันอย่างครึกครื้น อาอึ้มคนหนึ่งเที่ยววิ่งไปทั้งตลาดเที่ยวถามทุกบ้านว่า "ปีนี้ทำบ๊ะจ่างมั้ยจ๊ะ เตรียมดองไข่รึยัง ซื้อใบจ่างรึยัง เครื่องเตรียมครบมั้ย พูดคุยเรื่องปักจ่างอย่างสนุกสนานตื่นเต้น ต่างคนต่างงัดสูตรประจำตระกูลออกมาอวด มาถกเถียงกันอย่างสนุกสนาน มองดูน่ารักน่าเอ็นดู เป็นความสุขเล็กๆของคนเฒ่าคนแก่ ที่จะได้ลงมือจัดเตรียมของไหว้ประจำเทศกาล ย้อนวันวานที่แสนหวานชื่นเมื่อครั้งหนุ่มสาว
ขอบพระคุณข้อมูลที่มีประโยชน์สูงสุด เขียนและค้นคว้าโดย อจ.จักรกฤษณ์ เกษกาญจนานุช สาขาวิชาภาษาจีน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เมื่อ 1 มิถุนายน 2559 ท่านมีเมตตาอนุญาตให้แม่นันนำมาถ่ายทอดลงในหนังสือ “รวมรสมืออาม่า”
เทศกาลไหว้บ้ะจ่าง (端午节)
บ๊ะจ่างเป็นขนมไหว้ประจำเทศกาลตวนอู่(端午节)ชาวจีนแต้จิ๋วเรียกเทศกาลไหว้บ๊ะจ่างนี้ว่า "โหงวเหว่ยโจ่ย"(五月节)ซึ่งแปลว่าเทศกาลเดือนห้า ภาษาจีนกลางเรียกว่า “จ้งจึ” บ๊ะจ่าง(肉粽)เป็นชื่อเรียกสำเนียงแต้จิ๋วหมายถึงขนมจ้างไส้เค็มที่มีเนื้อสัตว์เป็นส่วนประกอบ ที่เป็นไส้หวานและเค็มผสมกันในหนึ่งลูก เรียกว่า "ซังเพ็ง" (双烹)
ขนมจ้างของชาวจีนแต้จิ๋วมี 2 ชนิดคือขนมจ้างลูกใหญ่มีไส้ และขนมจ้างด่างลูกเล็ก
ขนมจ้างไส้เค็มเรียกว่าบ๊ะจ่าง วัตถุดิบหลักคือข้าวเหนียว วัตถุดิบรองคือเครื่องเคียงอย่างอื่นของบ๊ะจ่างเช่น กุนเชียง หมูสะโพก หรือหมูสามชั้น กุ้งแห้ง ไข่แดงเค็ม ถั่วลิสง ลูกบัว เห็ดหอม แปะก้วย เผือกกวน และเครื่องเคียงบางอย่างต้องผ่านกรรมวิธีการปรุงก่อน การห่อบ๊ะจ่างในแต่ละท้องที่ก็จะมีการห่อในรูปทรงที่ต่างกันไปตามความนิยม แต่ส่วนมากนิยมห่อเป็นกรวยแหลมแล้วมัดด้วยเชือกปอ
ขนมจ้างด่างมีชื่อเรียกเป็นภาษาจีนแต้จิ๋วว่า “กีจ่าง”(栀粽) ใช้ข้าวเหนียวที่คัดข้าวเจ้าออกแล้ว ลงแช่ในน้ำด่างค้างคืนแล้วใช้ใบไผ่ห่อ โดยนิยมใช้ด่างที่ได้จากขี้เถ้าถ่านหรือขี้เถ้าเปลือกทุเรียน อุปกรณ์สำหรับการห่อขนมกีจ่างมีอยู่สองอย่าง คือใบไผ่ที่ใช้สำหรับห่อและเปลือกปอฉีกเป็นเส้นๆหรือเชือกกล้วยใช้สำหรับมัดขนมเป็นพวง ขนมกีจ่างมีขนาดเล็กกว่าขนมเทียนเล็กน้อย รูปทรงเหมือนกับบ๊ะจ่าง ส่วนใหญ่ใช้วิธีนึ่งให้สุก เมื่อสุกแล้วเนื้อขนมจะใสโปร่งแสงสีสันสวยงามน่ารับประทาน เวลาเซ่นไหว้นิยมไหว้พร้อมกับน้ำตาลถุงเล็กๆ เมื่อไหว้เสร็จแล้วเวลารับประทานก็จะนำมาจิ้มรับประทานกับน้ำตาลทราย สำหรับครอบครัวที่ยึดธรรมเนียมดั้งเดิมจริงๆจะต้องไหว้พระพุทธพระโพธิสัตว์ด้วยขนมกีจ่างนี้เท่านั้น
ในสมัยราชวงศ์เหลียง ยุคราชวงศ์เหนือใต้ อู๋จวินได้รวบรวมนิทานเรื่องแปลกประหลาดไว้เล่มหนึ่ง มีเรื่องชีว์หยวนกับขนมจ้างว่า หลังจาก ชีว์หยวนโดดน้ำตายแล้ว ทุกปีพอถึงวันตวนอู่ชาวแคว้นฉู่จะนำข้าวหลามโยนลงน้ำเซ่นไหว้เขาตลอดมา ถึงสมัยราชวงศ์ฮั่นปีศักราชเจี้ยนอู่ วิญญาณชีว์หยวนมาบอกโจวหุยชาวเมืองฉางซาว่า ข้าวหลามที่โยนไปให้ทุกปีนั้นถูกแย่งกินหมด ต่อไปขอให้เอาใบกู (ข้าวป่าชนิดหนึ่ง) อุดปากกระบอก ผูกด้วยด้ายหลากสีด้วย เพราะงู มังกรกลัวของสองอย่างนี้ ข้าวหลาม คำภาษาจีนเรียกขนมจ้างกระบอก(筒粽)นิทานเรื่องนี้ทำให้กลายเป็นปฐมเหตุให้เกิดวันตวนอู่และขนมจ้าง เมื่อแพร่หลายไปนานเข้าคนก็เลยเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง
ขนมจ้างเป็นของไหว้ในเทศกาลตวนอู่มาตั้งแต่ปลายราชวงศ์ฮั่น ถึงราชวงศ์ถังกลายเป็นของกินในช่วงเทศกาลนี้ที่แพร่หลายไปทั่วทุกชนชั้น ขนมจ้างเป็นเครื่องบอกฤดูกาลว่าอากาศหนาวหมดไปอย่างแน่นอนจนมีสำนวนพูดของชาวบ้านจีนว่า “กินบ๊ะจ่างเดือนห้าแล้วเก็บเสื้อหนาวลงลัง ถ้ายังไม่ได้กินบ๊ะจ่างเดือนห้าเสื้อหนาวอย่าเพิ่งเก็บลงลัง”
สำหรับคนแต้จิ๋วแล้วการกินจั่งไม่ได้กินเพื่อรำลึกถึงชีว์หยวนโดยตรง อาจจะมีเป็นตำนานเรื่องวันตวนอู่บ้างซึ่งได้มาจากระบบการศึกษา แต่ไม่ได้เป็นความเชื่อดั้งเดิมที่ถ่ายทอดมา ชาวแต้จิ๋วทำบ๊ะจ่างเพื่อเซ่นไหว้เทพเจ้าและบรรพบุรุษ ชาวแต้จิ๋วมีความเชื่อว่าการกินบ๊ะจ่างในเทศกาลตวนอู่จะทำให้เกิดความเป็นสิริมงคลและจะแข็งแรง เนื่องจากคำว่า“จั่ง”(粽)ไปพ้องเสียงกับคำว่า “จั่ง” (壮)ที่แปลว่าแข็งแรง
การห่อบ๊ะจ่าง ภาษาแต้จิ๋วมีคำเรียกว่า “ปักจ่าง”(缚粽)คนแต้จิ๋วมีธรรมเนียมว่าหากในครอบครัวมีคนเสียชีวิตลง ภายในสามปีที่มีพิธีกรรมเซ่นไหว้ผู้ตายมากมายจะงดห่อบ๊ะจ่าง เนื่องจากคำว่า“ปักจ่าง”แปลว่ามัดขนมจ้างมีคำว่ามัดอยู่ เกรงว่าจะเป็นการไปมัดกระดูกและวิญญาณผู้ตายไว้ ถ้าจะไหว้ก็จะต้องไปซื้อเอาหรือต้องเป็นบ๊ะจ่างที่ญาติมิตรนำมาให้ ห้ามไม่ให้“ปักจ่าง”เองโดยเด็ดขาด หรือบางครอบครัวถือมากก็จะงดไหว้เทศกาลนี้ไปเลย๓ปี เป็นเคล็ดว่าจะได้ไม่ต้องผูกมัดวิญญาณผู้ตายไว้อีก
เทศกาลบ๊ะจ่างเป็นเทศกาลที่ครึกครื้นเทศกาลหนึ่งของชาวจีนแต้จิ๋ว พอใกล้ถึงวันเทศกาล อาเหล่าอึ้ม อาโกว เหล่ากิ๋ม ที่อยู่ในตลาดเดียวกันจะตื่นเต้นมากเป็นพิเศษในการเตรียม "ปักจ่าง" (ปักจ่างเป็นคำกิริยาสำเนียงแต้จิ๋วแปลว่ามัดหรือผูกบ๊ะจ่างซึ่งสื่อความว่าการทำบ๊ะจ่างนั่นเอง) ก่อนหน้าวันไหว้เป็นอาทิตย์จะมีการเตรียมวัตถุดิบกันอย่างครึกครื้น อาอึ้มคนหนึ่งเที่ยววิ่งไปทั้งตลาดเที่ยวถามทุกบ้านว่า "ปีนี้ทำบ๊ะจ่างมั้ยจ๊ะ เตรียมดองไข่รึยัง ซื้อใบจ่างรึยัง เครื่องเตรียมครบมั้ย พูดคุยเรื่องปักจ่างอย่างสนุกสนานตื่นเต้น ต่างคนต่างงัดสูตรประจำตระกูลออกมาอวด มาถกเถียงกันอย่างสนุกสนาน มองดูน่ารักน่าเอ็นดู เป็นความสุขเล็กๆของคนเฒ่าคนแก่ ที่จะได้ลงมือจัดเตรียมของไหว้ประจำเทศกาล ย้อนวันวานที่แสนหวานชื่นเมื่อครั้งหนุ่มสาว