"พี่รู้ไหม ? พ่อหนูคือใคร"





แสงมีแฟนเป็นช่างแต่งหน้า ทำงานเช้ามืดทุกวัน ตีสามกว่า ๆ เขาต้องตื่นขึ้นมาส่งแฟนไปทำงานเป็นกิจวัตร ถึงจะง่วงแต่เขาก็ไม่เคยบ่น เพราะเข้าใจดีว่างานของแฟนต้องเริ่มเร็วแค่ไหน

เช้าวันนั้นก็ดูเหมือนจะปกติ... แต่มันไม่ใช่

ก่อนออกจากบ้าน สุนัขของเพื่อนบ้านที่ไม่เคยหอนก็พากันส่งเสียงร้องโหยหวนไปทั่ว เสียงนั้นดังลากยาวฟังแล้วชวนขนลุก ฟ้าก็มืดกว่าทุกวัน ราวกับพระจันทร์แอบหลบอยู่หลังเมฆดำ แสงรู้สึกแปลก ๆ แต่ก็ไม่คิดอะไร เพราะแฟนเร่งให้รีบไปส่งกลัวจะสาย

เส้นทางที่แสงใช้ทุกวัน ต้องผ่านใต้สะพานใหญ่และห้างร้างที่ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้

เมื่อส่งแฟนเสร็จ แสงก็ขี่รถกลับตามทางเดิม แต่แล้ว... มอเตอร์ไซค์ของเขาก็ดับกลางทาง อย่างไม่มีสาเหตุ แสงพยายามติดเครื่องอยู่พักหนึ่งก็ไม่สำเร็จ จึงตัดสินใจจูงรถเดินผ่านใต้สะพาน ระหว่างพักสูบบุหรี่ใต้สะพานนั้น เขาก็เหลือบไปเห็นบางสิ่ง...

เด็กชายตัวเล็กคนหนึ่ง กำลังโยนบอลเล่นอยู่ริมถนน

แสงแปลกใจ ว่าทำไมดึกดื่นขนาดนี้ ยังมีเด็กออกมาเล่นบอลคนเดียว? พ่อแม่ปล่อยได้ยังไง? เขาดับบุหรี่แล้วจูงรถไปต่อ และเมื่อเข้าใกล้จุดที่เด็กเล่นอยู่ ลูกบอลกลม ๆ ลูกนั้นก็กระเด้งมากลิ้งมาหยุดตรงหน้าเขาอย่างพอดิบพอดี

แสงก้มลงเก็บบอลขึ้นมายื่นให้เด็กพลางถามว่า
“ดึกขนาดนี้ เล่นคนเดียวเหรอ? พ่อแม่อยู่ไหน?”

เด็กชายเงยหน้าขึ้นมาช้า ๆ แล้วตอบด้วยเสียงเย็นเยียบว่า
“พี่รู้จักพ่อหนูไหม?”

แสงขมวดคิ้วงุนงง
“จะไปรู้ได้ไง ว่าพ่อเราเป็นใคร?” เขาตอบกลับไป

ทันใดนั้น เด็กชายก็แสยะยิ้ม มุมปากฉีกกว้างจนถึงหูทั้งสองข้าง
นัยน์ตาไร้ตาดำ ปูดโปนออกมาน่าขนลุก
แล้วเขาก็พูดซ้ำอีกครั้งด้วยเสียงเย็นเฉียบ
“พี่รู้จักพ่อหนูไหม?”
ก่อนจะหัวเราะเสียงดังสนั่น

แสงตกตะลึงกับภาพตรงหน้า สะดุ้งเฮือก รีบจับรถแล้วจูงหนีออกมาสุดแรง
จนพ้นจากตึกร้างประมาณร้อยเมตร เขาก็ลองสตาร์ทรถอีกครั้ง — คราวนี้เครื่องติดทันที

แสงรีบขับกลับบ้านโดยไม่หันกลับไปมอง

เช้าวันรุ่งขึ้น เขาเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนกลุ่มหนึ่งฟังขณะนั่งดื่มกันที่บ้าน หนึ่งในนั้น ชื่อ “ไอ้ชาย” ทำหน้าเคร่งทันทีที่ได้ยิน แถมยังบอกว่า...

“กูเคยเจอเด็กคนนั้นเหมือนกัน”

ชายเล่าว่า วันหนึ่งเวลาตีสองกว่า เขาขับรถผ่านมาเส้นนั้น เห็นเด็กชายตัวเล็กวิ่งไล่ลูกบอลที่กลิ้งลงมาบนถนน
ขณะเด็กกำลังจะเก็บบอลก็สะดุดล้ม — หัวของเด็กหลุดออกจากคอ
กลิ้งไปตามลูกบอล...
ชายเห็นกับตาว่า เด็กคนนั้นรีบลุกขึ้น วิ่งไปเก็บหัวของตัวเองมาใส่กลับที่เดิม แล้ววิ่งไปตามเก็บบอลต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

หลังจากฟังเรื่องจากแสง ทุกคนก็เริ่มพูดถึงเรื่องแปลก ๆ ที่เคยเจอแถวนั้น จนมีคนหนึ่งพูดขึ้นว่า...

“เหมือนเคยได้ยินว่า ตึกนั้นเคยมีเด็กพม่าตกลงมาตาย ตอนก่อสร้างลิฟต์ยังไม่เสร็จ”

ว่ากันว่า วิญญาณของเด็กอาจยังไม่ไปไหน และอาจเป็นสาเหตุที่ตึกนั้นไม่มีวันสร้างเสร็จ




นี่คือเรื่องจริง...หรืออาจเป็นแค่ความเชื่อ
แต่หากคุณผ่านตึกร้างแถวนั้นในเวลากลางคืน
แล้วเห็นลูกบอลกลิ้งมาหยุดตรงหน้า...

อย่าถามว่า “พ่อหนูอยู่ไหน”
...เพราะคำตอบที่ได้ อาจทำให้คุณไม่อยากรู้จักอีกเลย
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่