JJNY : “พิธา” ช่วยหาเสียงเชียงใหม่│ธนาธรเชื่อท่องเที่ยวเชิงกีฬาพัฒนาได้ │ชาวสวนผักโคราชวอนลดต้นทุน│วิจารณ์ยับ “ทรัมป์”

“พิธา” ช่วย "เหมา-ธีรวุฒิ" หาเสียงเทศบาลเชียงใหม่
.
.
“พิธา” ช่วยหาเสียงเทศบาลเชียงใหม่ ขอประชาชน-สื่อสนใจนโยบายผู้สมัคร อย่าไปหลงโวหารที่พยายามเบี่ยงประเด็น
.
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน พร้อมด้วย สส.เชียงใหม่ของพรรต ขึ้นเวทีปราศรัยเพื่อช่วยหาเสียงเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ให้กับ “เหมา-ธีรวุฒิ แก้วฟอง” ผู้สมัครจากพรรคประชาชน เบอร์ 2 โดยมีพี่น้องประชาชนเข้ามาร่วมรับฟังอย่างคับคั่งและอบอุ่น
พิธากล่าวว่า การเลือกตั้งนายกเทศมนตรีและสมาชิกสภาเทศบาลในวันอาทิตย์ที่ 11 พฤษภาคมนี้มีความสำคัญยิ่ง
.
และสำหรับเทศบาลนครเชียงใหม่มีความเป็นไปได้อย่างมากสำหรับพรรคประชาชน เพราะถ้าพี่น้องชาวเทศบาลนครเชียงใหม่ออกมาเลือกพรรคประชาชนให้ได้เท่ากับการเลือกพรรคก้าวไกลในปี 2566 หรือแม้กระทั่งเท่ากับการเลือกตั้งนายก อบจ.เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เราได้นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ชื่อ “เหมา ธีรวุฒิ แก้วฟอง” แน่นอน
.
เทศบาลนครเชียงใหม่ครอบคลุมพื้นที่กว่า 40 ตารางกิโลเมตร แต่ได้รับงบประมาณปีละกว่า 2,000 ล้านบาท เกือบเท่ากับ อบจ.เชียงใหม่ทั้งจังหวัด จึงเป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญมาก ตนขอให้พี่น้องประชาชนออกมาใช้สิทธิ์กันมากๆ อย่าเพิ่งเบื่อหน่ายการเมือง อย่าเพิ่งรู้สึกว่าประเทศนี้สิ้นหวังแล้ว เหลือเวลาอีก 1 สัปดาห์ ช่วยกันกระจายข่าว บอกพี่น้องลุงป้าน้าอาให้ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง เลือกผู้บริหารท้องถิ่นที่อยู่ใกล้ชิดกับชีวิตเรามากที่สุด ยิ่ง 11 พฤษภาคมนี้เป็นวันอาทิตย์ที่หยุดยาวด้วย คนเชียงใหม่ที่อยู่ข้างนอกก็ขอให้กลับบ้านมาหาครอบครัว มาทำบุญร่วมกันในวันวิสาขบูชา แล้วออกไปเลือกตั้งด้วยกัน
.
พิธากล่าวต่อไปว่า เหมา ธีรวุฒิ คือเพื่อนรักของตน เป็นคนที่ทุ่มเททำงานมาก หากทุกคนดูในแผ่นพับจะเห็นว่านโยบายของเหมาลงลึกในระดับแขวง ทั้ง 4 แขวงของเทศบาลนครเชียงใหม่มีนโยบายที่เฉพาะเจาะจง เช่น แขวงนครพิงค์เน้นการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะ แขวงศรีวิชัยเน้นการแก้ปัญหาฝุ่นพิษด้วยนโยบายระเบียงสีเขียว (Green Corridor) แขวงเม็งรายซึ่งเป็นพื้นที่ปลายน้ำ เน้นแก้ปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก และแขวงกาวิละเน้นนโยบายยกระดับศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ถือเป็นผู้สมัครที่มีนโยบายครบถ้วนมาก พร้อมทำให้ 40 ตารางกิโลเมตรเป็นเมืองที่น่าอยู่ทั้งคนในและคนนอก
.
“ขอโอกาสให้พรรคประชาชนปักธงใจกลางเมืองเชียงใหม่ 11 พฤษภาคมนี้เลือก ‘เหมา ธีรวุฒิ แก้วฟอง’ เบอร์ 2 พร้อม ‘ดูแลคนใน ใส่ใจคนนอก’ ทั้งคนเชียงใหม่ที่อยู่ที่นี่ และนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยว เหมาพร้อมรับเหมาหมดครับพิธากล่าว
.
พิธากล่าวด้วยว่า ในการหาเสียงเลือกตั้งเทศบาลเราควรพูดถึงนโยบายของท้องถิ่น อย่าไปกับหลงวาทกรรมโวหาร ใครจะว่าเราสึงตึงก็ให้เขาว่าไป ประชาชนจะตัดสินเองว่าใครเป็นยังไง อย่าเสียสมาธิไปกับเรื่องพวกนี้เป็นอันขาด อย่าไปตกหลุมพรางของฝ่ายตรงข้ามที่จะพูดถึงเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับนโยบายในพื้นที่ 40 ตารางกิโลเมตรนี้
.
ประชาชนต้องช่วยกันรู้เท่าทันวิธีคิดของฝ่ายตรงข้าม ว่าเขาต้องการพูดคำแรงๆ เพื่อที่จะให้พาดหัวทุกอย่างเป็นเรื่องแบบนั้น ทำให้ไม่ต้องไปนั่งคิดถึงนโยบายว่าจะทำให้ชีวิตของประชาชนดีขึ้นยังไง ขอให้ทุกคนช่วยกันกระจายข่าวว่านายกเทศมนตรีของพรรคประชาชนมีนโยบายอย่างไร ดีกว่าไปหลงอยู่กับวาทกรรมพวกนั้นพิธากล่าว
.
ส่วนคำถามที่ว่าพรรคประชาชนจะร่วมรัฐบาลกับใครได้บ้างนั้น พิธากล่าวว่า พรรคประชาชนมีอุดมการณ์ที่ชัดเจนมาโดยตลอดตั้งแต่อนาคตใหม่และก้าวไกล ไม่เคยเปลี่ยนจุดยืน การจะจับมือกับพรรคไหนเราดูที่ “อะไร” ไม่ได้ดูที่ว่าเป็น “ใคร” เราต้องเอาวาระของประชาชนเป็นตัวตั้ง ใครเห็นด้วยกับการยุติวงจรรัฐประหาร แก้รัฐธรรมนูญ หรือปฏิรูปกองทัพ เราก็เป็นพวกเดียวกันได้ 
.
“จุดยืนของพวกเรายังเหมือนเดิม คุณกลับไปถามพรรคของคุณเถอะว่าคราวหน้าจะทำยังไง พรรคคุณจะทำอะไร พรรคเราเน้นอุดมการณ์ในการทำงานบริหารให้กับพี่น้องประชาชนพิธากล่าว
.
พิธากล่าวทิ้งท้ายว่า การเลือกตั้งครั้งนี้คือเดิมพันของพี่น้องชาวเชียงใหม่ทุกคน ที่เรามีโอกาสจะชนะ มีโอกาสที่จะปักธงอย่างแม่นยำ ขอให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นกระดุมเม็ดแรกในการสู้ต่อไป เพื่อให้พรรคประชาชนเป็นรัฐบาลที่ดีที่สุดในการเลือกตั้งปี 2570
.

.
ธนาธร วิ่งจบ เทรล 100 ไมล์ ที่เบตง ใช้เวลา 30 ชั่วโมง เชื่อท่องเที่ยวเชิงกีฬาพัฒนาได้
https://www.matichon.co.th/politics/news_5167567
.
ธนาธร วิ่งจบ เทรล 100 ไมล์ ที่เบตง ใช้เวลา 30 ชั่วโมง เชื่อท่องเที่ยวเชิงกีฬาพัฒนาได้
.
วันที่ 4 พฤษภาคม นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Thanathorn Juangroongruangkit
.
ระบุว่า
.
Amazean Jungle Trail 100 miles – จบแล้ว!
.
ขอบคุณทุกกำลังใจ จบด้วยเวลา 30 ชั่วโมง มากกว่าครั้งแรกเมื่อ 4 ปีที่แล้ว 3 ชั่วโมง
.
มาครั้งนี้ เห็นการพัฒนาของงานในทางบวก
.
นอกจากผู้จัดงานที่มืออาชีพ ทีมงานที่น่ารักคอนห่วงใยนักวิ่ง สิ่งที่ผมเห็นคือ ครั้งนี้คนในเบตงมีส่วนร่วมและมีความเป็นเจ้าของงานมากขึ้น
และนี่คือพัฒนาการขั้นสำคัญที่จะทำให้งาน local เป็นงาน global ได้
.
ตอนอยู่บนเขา เดินผ่านบ้านชาวบ้าน เขาเห็นเนื้อตัวเรามอมแมม จึงชวนเข้าไปล้างหน้าล้างตัว
.
ตอนอยู่ในเมือง เสียงครบมือ เสียงตะโกนให้กำลังใจสู้ๆ มีไม่ขาดระยะ
.
งานวิ่งนี้ ไม่ได้จัดอย่างแยกขาด หรืออย่างเป็นเอกเทศกับคนในพื้นที่ งานแข่งหลายงาน คนในพื้นที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำมีงานวิ่ง และต้องมาถามนักวิ่งว่ามาทำอะไร การมีส่วนร่วมของชุมชน มันทำให้งานมีเสน่ห์ และอบอุ่น นักวิ่งรู้สึกว่าไม่ได้ต่อสู้อยู่คนเดียว
.
ในสนามวิ่งระดับโลกที่ผมเคยไปมา ผู้คนตะโกนเชียร์สนับสนุน ประหนึ่งว่าเราเป็นฮีโร่เลย ผู้คนที่นั่นเข้าอกเข้าใจนักวิ่ง และภาคภูมิใจในบ้านตัวเอง ผมเห็นเบตงกำลังพัฒนาไปในทิศทางนั้น
.
กลับมาวิ่งที่นี่ ครั้งนี้ นอกจากความเจ็บปวดทรมานที่มากกว่าเคย ความสวยงามของธรรมชาติโดยเฉพาะทะเลหมอกยามเช้า ยังได้สังเกตถึงการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงกีฬา ที่ชุมชนมีส่วนร่วม ได้ความรู้เยอะเลยครับ
.
ทราบจากผู้จัดว่า ค่าลิขสิทธิ์แบรนวิ่ง UTMB ของงานนี้ อยู่ในระดับ สิบล้านต้นๆ บวกลบคูณหารกับจำนวนนักท่องเที่ยว, การได้โปรโมทสถานที่ท่องเที่ยวไทย, เศรษฐกิจที่เกิดขึ้นกับชุมชน, ประสบการณ์, ทักษะการจัดการและความรู้จากการที่คนในชุมชนได้ทำงานร่วมกัน อย่างไรก็คุ้ม
.
ให้กำลังใจผู้จัดและผู้คนในชุมชน หวังว่าจะจัดงานได้ดีขึ้นอีกในปีต่อๆไป สร้างสนามระดับโลกในประเทศไทยครับ
.
ปล. ขอบคุณภาพสวยๆ จากผู้จัดงานครับ
.
https://www.facebook.com/thanathorn.juangroongruangkit/posts/pfbid0AzNPVuc4eoPhCFXboHdDPWgFPaFAsnKk4A8TdXL5CfcF4ns6HCA1oKHjAmJVjudWl
.

.
ชาวสวนผักโคราชวอนรัฐลดต้นทุน ช่วยพยุงราคา
.
ชาวสวนผักโคราชวอนรัฐลดต้นทุนการผลิต-ช่วยพยุงราคาผักไม่ให้ตกต่ำ
.
นายตุ๋ย ภู่นอก อายุ 57 ปี เกษตรชาวสวนผักบ้านซับตะเคียน ต.ลาดบัวขาว อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ซึ่งได้ปลูกผักชีและผักชีลาวเอาไว้กว่า 5 ไร่ กำลังอยู่ในช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิตเพื่อนำออกมาจำหน่าย กำลังประสบปัญหากับราคาปุ๋ยที่มีราคาเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องประกอบกับราคาของผักชีที่มารับซื้อหน้าสวนก็ไม่ได้สูงขึ้นซึ่งอยู่ที่กิโลกรัมละ 40-50 บาท ทำให้ปัจจุบันนี้แทบไม่เหลือกำไร
.
โดยนายตุ๋ยฯ บอกว่า ปัจจุบันนี้ราคาผักขึ้นๆลงๆ ไม่เหมือนกับปีที่แล้วซึ่งปีที่แล้วถือว่ายังพอมีกำไรให้มาลงทุนต่อ แต่ปีนี้ราคาผักชีแทบไม่มีทีท่าว่าจะขึ้นไปถึง 70-80 บาท มีแต่แนวโน้มที่จะลดลง จึงอยากให้ทางรัฐบาลหันมาสนใจเกษตรกรอย่างจริงจังแก้ไขปัญหาเรื่องราคาและที่สำคัญคือราคาปุ๋ยซึ่งเป็นต้นทุนของเกษตรกรทุกประเภท ปัจจุบันนี้ตนซื้อปุ๋ยในกระสอบละ 900-1,200 บาท ซึ่งเป็นราคาที่สูงมากและยังไม่มีทีท่าว่าราคาจะปรับลดลงเลยซึ่งถ้ารัฐบาลสามารถทำให้ราคาปุ๋ยปรับลงมาเหลือกระสอบละ 700-800 บาท ก็จะการช่วยเหลือเกษตรกรได้อีกทางเช่นกัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่