พิธา นับถือใจคนเกาหลีใต้ ปกป้องประชาธิปไตยเต็มที่ ชี้เพื่อนส.ส.โสมขาว นอนเฝ้าสภา 2-3 วัน
https://www.matichon.co.th/politics/news_4943601
‘พิธา’ นับถือใจชาวเกาหลีใต้ ปกป้องประชาธิปไตย เผยได้คุยกับเพื่อน ส.ส.เกาหลีใต้ ต้องนอนเฝ้ารัฐสภา 2-3 วัน ชมแม้หลายคนมีแนวคิดทางการเมืองต่างกัน แต่ยังอยู่ในระบบประชาธิปไตย ไม่ให้ทหารอยู่เหนือพลเรือน
เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงการถอดบทเรียนจากเหตุการณ์ต่อต้านการประกาศกฎอัยการศึกในประเทศเกาหลีใต้ว่า ประเทศไทยยังคงต้องถอดบทเรียนในอีกหลายเรื่อง แต่บางทีจะเทียบกันตรงๆ ไม่ได้ เพราะประเทศเขาเป็นระบบประธานาธิบดี และมีฝ่ายค้านคอยทำงานถ่วงดุล แต่ในระบบของเราเป็นแบบรัฐสภา จึงอาจจะไม่เหมือนสักทีเดียว
นาย
พิธากล่าวต่อว่า แต่สิ่งคล้ายๆ กันคือ 1. พลเรือนอยู่เหนือทหารได้ 2. ประชาชนสามารถควบคุมวาระทางสังคมได้ จึงต้องรอดูต่อไปจากการที่อัยการของเกาหลีใต้ควบคุมตัว แล้วทำให้การเมืองเบาลงจริงหรือไม่ หรือจำเป็นจะต้องมีการลาออกของประธานาธิบดี แต่ดูแล้วคงเหมือนไม่อยากให้เกิดการกล่าวหา เพราะจะได้ไม่ต้องมาเลือกตั้งกันใหม่ และนำไปสู่การที่ฝ่ายค้านจะชนะแบบแลนด์สไลด์
นาย
พิธากล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งใหม่ ในตอนที่ตนอยู่ประเทศเกาหลีใต้ก็จะแสดงให้เห็นว่าไม่ว่าคุณจะคิดแบบอนุรักษนิยม หรือเสรีนิยม แต่ไม่มีใครยอมให้ไปไกลถึงขนาดที่ให้ทหารอยู่เหนือพลเรือนแน่นอน และมาต่อสู้กันในระบบ จึงถือเป็นเรื่องที่น่าชื่นชม
ส่วนการทำงานของ ส.ส.เกาหลีใต้ ที่เข้าไปร่วมกันลงมติยกเลิกกฎอัยการศึกนั้น นาย
พิธากล่าวว่า กฎหมายของประเทศเกาหลีใต้สามารถให้ทำได้ แต่ของประเทศไทยจะต้องกลับมาดูกันว่าจะทำอย่างไรให้เป็นลักษณะแบบนั้นที่สามารถ Veto อำนาจของประธานาธิบดีได้
นาย
พิธากล่าวอีกว่า สิ่งที่น่าชื่นชมคือประชาชนชาวเกาหลีใต้ทำหน้าที่เหมือนเกราะกำบังป้องกันรัฐสภาของเขาไม่ให้ทหารเข้าไปได้ ซึ่งตนได้พูดคุยกับเพื่อน ส.ส.ที่รู้จักกันตั้งแต่สมัยยังอยู่พรรคก้าวไกล เขานอนอยู่ที่รัฐสภา 2-3 วัน เพราะเกรงว่าจะมีการประกาศกฎอื่นซ้ำ ต้องนับถือในความเป็นประชาธิปไตย แม้จะมีแนวคิดทางการเมืองที่แตกต่างกัน แต่ก็ยังอยู่ในระบบประชาธิปไตยอยู่
พิธา ร้องโอ๊ย โต้เป็นเดอะแบก ช่วยโกยคะแนน ไม่กังวลคำปรามาส พรรคประชาชนแพ้ตลอด
https://www.matichon.co.th/politics/news_4943622
‘พิธา’ ไม่กังวลคำปรามาส พรรคประชาชนแพ้ทุกสนามท้องถิ่น มองแง่บวกขอเปลี่ยนเป็นแรงผลักดัน ร้องโอ๊ย บอกไม่ใช่เดอะแบก ชี้ตอบแทน ‘ทักษิณ’ ไม่ได้ ลำบากใจหรือไม่ลงพื้นที่อุบลฯ ช่วยผู้สมัครเบอร์ใหญ่คนกันเอง
เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ปรึกษาประธานคณะก้าวหน้า ให้สัมภาษณ์ถึงภาพรวมการลงพื้นที่ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงของ นาย
สิทธิพล เลาหะวนิช ผู้สมัครนายก อบจ.อุบลราชธานี พรรคประชาชน ว่ายังต้องทำงานอย่างหนัก พยายามพูดคุยกับประชาชนให้อย่าเพิ่งรีบตัดสินใจ เพราะเร็วๆ นี้จะมีการประชันวิสัยทัศน์ของผู้สมัคร ซึ่งผู้สมัครของพรรคประชาชนถือว่าเป็นคนที่สู้เพื่อคนตัวเล็กตัวน้อย ส่วนว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภา อบจ.ที่จะมาช่วยก็เป็นพ่อค้าแม่ขายตัวเล็กตัวน้อยเช่นกัน อาจไม่เสมอไปที่ต้องเป็นนายทุนใหญ่ๆ
นาย
พิธายอมรับว่า กังวลกับตัวเลขผู้ที่จะออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง แต่ก็เข้าใจ เพราะเมื่อนายก อบจ.คนเก่าลาออกเดือนตุลาคม จึงทำให้วันเลือกตั้งนายก อบจ.กำหนดเป็นวันที่ 22 ธันวาคม ซึ่งหากประชาชนจะกลับบ้านมา ปีใหม่ 1 ครั้ง เลือกตั้งนายก อบจ. 22 ธันวาคม อีก 1 ครั้ง และเลือกตั้งสมาชิกสภา อบจ.อีกในเดือนกุมภาพันธ์ เพราะฉะนั้นในช่วง 4-5 สัปดาห์ หากต้องกลับบ้าน 3 ครั้ง เพื่อทำหน้าที่พลเมืองตามหลักประชาธิปไตย ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องยาก ประกอบกับมีข้อมูลที่ นาย
แสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ได้ให้ไว้ก่อนหน้านี้ว่าตัวเลขผู้ออกมาใช้สิทธิน้อยอาจเป็นเพราะนายก อบจ.ลาออกก่อน และขอมาทำงานต่อก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ประชาชนต้องตั้งคำถามเกี่ยวกับงบประมาณและความสะดวกของประชาชนที่ต้องเดินทาง 3 รอบภายใน 5 อาทิตย์ ซึ่งประชาชนในภาคอีสานและชาวอุบลราชธานีบอกว่าเป็นไปไม่ได้ แต่สำหรับคนที่ไม่สามารถกลับมาได้ก็ขอให้ช่วยไปบอกพ่อแก่แม่เฒ่าในพื้นที่ หากอยากได้การเปลี่ยนแปลงก็ต้องเลือกผู้สมัครของพรรคประชาชน
เมื่อถามว่า พรรคประชาชนถูกปรามาสมาตลอดว่าแพ้มาทุกสนาม นาย
พิธาบอกว่า ไม่กังวล และขอเปลี่ยนคำปรามาสเป็นแรงผลักดัน ย้ำว่าแข่งกับใครก็ไม่เท่าแข่งกับตัวเอง และแต่ลักษณะการเลือกตั้งก็แตกต่างกัน เลือกตั้งระดับประเทศก็แบบหนึ่ง เลือกตั้งท้องถิ่นก็แบบหนึ่ง เลือกตั้งซ่อมก็อีกแบบหนึ่ง อย่าง จ.อุบลราชธานี เป็นจังหวัดใหญ่อันดับที่ 5 ของประเทศ ประชากรอันดับ 3 ของประเทศ 1.8 ล้านคน คนมาใช้สิทธิในการเลือกตั้งใหญ่ 72% และออกมาเลือกตั้งนาย กอบจ. 62% หายไป 10% ที่ไม่ได้ออกมาใช้สิทธิ หรือคิดเป็นกว่า 100,000 คน จึงคิดว่าต้องขยันให้มากกว่า และเดินให้ครบทั้งหมด 25 อำเภอให้ได้ ซึ่ง 2 วันที่ตัวเองมาลงพื้นที่ก็มีการเลือกเริ่มต้นเดินสาย 4-5 อำเภอแรก ซึ่งถือเป็นจุดแข็งของพรรคประชาชน
ส่วนที่มีหลายคนมองว่านาย
พิธาคือเดอะแบกของพรรค นายพิธาถึงกับร้อง “
โอ๊ย” แล้วหันไปทางนาย
สิทธิพล ผู้สมัครนายก อบจ.อุบลราชธานี พรรคประชาชน ก่อนจะบอกว่า “
เขาต่างหากที่แบกผม และช่วยวางแผนการหาเสียงให้กับผม” พร้อมบอกต่อว่า นาย
สิทธิพลและว่าที่ผู้สมัครสมาชิก อบจ. แม้ช่วงที่ตนไม่ได้มาก็หาเสียงในพื้นที่อยู่ ไม่ใช่เพิ่งจะมาหาเสียงตอนที่ตนมาลงพื้นที่ ส่วนตนก็อาจพอช่วยได้เล็กๆ น้อยๆ ในช่วงสุดสัปดาห์ เพื่อทำให้เกิดความตื่นตัว
เมื่อถามถึงการลงพื้นที่อุบลราชธานีของ นาย
ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 11 ธันวาคมนี้ จะทำให้นาย
ทักษิณลำบากใจหรือไม่ เพราะเป็นบ้านใหญ่ที่ใกล้ชิดทั้งคู่ นาย
พิธาระบุว่า ตอบแทนนาย
ทักษิณไม่ได้ แต่ตนเห็น นาย
สมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง บ่นอะไรสักอย่างเมื่อเช้าว่า ไม่ใช่พรรคเพื่อไทยเหมือนกัน และอยู่กันคนละพรรค ก็มองว่าอยู่กันคนละเบอร์ แต่ก็มีการวิเคราะห์ว่าเป็นคนคุ้นเคยกัน และทำงานร่วมกันมาตั้งแต่ 20 ปีที่แล้ว
นาย
พิธากล่าวว่า หากสมัยก่อนใครตามพรรคเพื่อแผ่นดินก็คงจะตามทันว่าการเมืองมีความเป็นมาอย่างไร แต่ก็ถือว่าไม่ได้เป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเรา ก็ทำในสิ่งที่ควบคุม พยายามเข้าหามวลคะแนน เนื้อคะแนนในอำเภอที่พรรคประชาชนมีจุดแข็ง ซึ่งในสัปดาห์หน้า นาย
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า จะลงพื้นที่อุบลราชธานี วันที่ 12-15 ธันวาคม และตนจะกลับมาอีกทีวันที่ 20 ธันวาคม ซึ่งในช่วงสุดสัปดาห์ที่คนอยู่บ้านก็หวังจะช่วงชิงเปลี่ยนใจคนให้มากที่สุด ส่วนในวันธรรมดาก็มีนาย
สิทธิพลที่จะเคาะประตูบ้านปูพรมหาเสียง
นาย
พิธาย้ำว่า หากประชาชนเปิดใจอะไรก็เป็นไปได้ เพราะหากวิเคราะห์ตัวเลขในอดีต ผู้ที่ชนะการเลือกตั้งนายก อบจ.ปี 2563 ได้ 280,000 คะแนน ส่วนผู้ที่ได้คะแนนมาเป็นอันดับ 2 ได้ 260,000 คะแนน และผู้สมัครจากคณะก้าวหน้าได้กว่า 100,000 คะแนน ซึ่งหากดูภาพรวมคะแนนแล้วก็มีความเป็นไปได้ แต่สุดท้ายก็ขึ้นอยู่ว่าจะทำให้ประชาชนกลับมาใช้สิทธิได้เยอะเท่าปี 2563 หรือไม่
พิธา แนะ นายกฯอิ๊งค์ ตอบกระทู้ในสภาดีกว่า แถลงผลงาน100 วันรบ. เหตุ ตรงวันเปิดสภา จี้ เท้ง ถาม
https://www.matichon.co.th/politics/news_4943571
พิธา แนะ นายกฯอิ๊งค์ ตอบกระทู้ในสภาดีกว่า แถลงผลงาน 100 วันรบ. เหตุตรงวันเปิดสภา จี้ เท้ง ถาม
เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงการแถลงผลงานรัฐบาลครบรอบ 100 วัน ในวันที่ 12 ธ.ค. ว่า ในวันแถลงก็เป็นวันเปิดสภาพอดี จึงอยากฝากพรรคประชาชนและผู้นำฝ่ายค้านฯ ว่าทำไมไม่ลองตั้งกระทู้ถามสดนายกรัฐมนตรีในวันนั้น โดยเฉพาะประเด็นสำคัญเกี่ยวกับประเทศเพื่อนบ้าน MOU 44 พื้นที่ทับซ้อน ว้าแดง VAT 15% เป็นต้น ถือว่าเป็นการทำงานในระบบรัฐสภา นายกรัฐมนตรีก็มาตอบเองได้ จะได้ประหยัดค่าแถลงไปด้วย โดยใช้พื้นที่สภาไปเลย ซึ่งพรรคประชาชนนำโดยนาย
ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้าน ก็น่าจะได้ตั้งกระทู้ถาม
“
แทนที่จะแถลงคนเดียว ไม่ได้มีโอกาสซักถาม จะได้ถาม เป็นการใช้พื้นที่สภาด้วย ขอฝากไปยังผู้นำฝ่ายค้านฯ และนายกรัฐมนตรี ว่า วันที่ 12 ธ.ค. สภาเปิดแล้ว ผมก็อาจจะเข้าไป เพราะเป็นที่ปรึกษา แบบไม่รับค่าตอบแทน ของกรรมาธิการ อยู่ 2-3 คณะ ก็จะได้ไปรับฟัง” นาย
พิธากล่าว
เมื่อถามว่าผลงานของรัฐบาล จุดใดที่ยังเป็นข้อด้อย ต้องปรับปรุงอยู่ นาย
พิธากล่าวว่า 3 เดือนที่ผ่านมากับ 3 เดือนที่เราจะเจอ ก็ไม่เหมือนกัน ฤดูฝนกับฤดูฝุ่น พอเป็นฤดูฝน เหนือจรดใต้น้ำก็ท่วม พอท่วมแล้วต้องเข้าใจว่าไม่ได้กระทบแค่สิ่งแวดล้อม แต่กระทบด้านเศรษฐกิจด้วย พอน้ำลดความเดือดร้อนก็ไม่ได้ลดตามไปด้วย ซึ่ง 3 เดือนข้างหน้าก็เป็นฤดูฝุ่น เราอยากให้คนมาท่องเที่ยวก็ท่องเที่ยวไม่ได้ มะเร็งปอดก็มากขึ้น เป็นฤดูฝน ฤดูฝุ่น ที่ดับฝันประชาชน เรื่องนี้รัฐบาลเท่านั้นที่แก้ปัญหาได้ ฝ่ายนิติบัญญัติก็คงแก้กฎหมาย ให้รัฐบาลมีฐานอำนาจในการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน ไม่เช่นนั้นก็จะเจอปัญหาซ้ำซาก 4-5 ปี ก็คุยกันเรื่องเดิม
เมื่อถามว่านโยบายเรือธงของรัฐบาลก็ยังไม่สำเร็จจะต้องเดินหน้าอย่างไร นาย
พิธากล่าวว่า เรื่อง OCA กาสิโน แลนด์บริดจ์ ก็ไม่ได้มีการหาเสียง หรือให้ประชาชนได้รับทราบก่อน แต่บางเรื่อง เช่น การขึ้นค่าแรง ปฏิรูปกองทัพ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมถึงดิจิทัลวอลเล็ต โดยเท่าที่ตามข่าวก็ทราบว่ายังไม่ถึงมือประชาชน กลุ่มเปราะบาง ผู้สูงอายุ ผู้พิการ เนื่องจากยังไม่ได้ผูกพร้อมเพย์ แค่การแจกเงินก็ยังมีปัญหา ที่หาเสียงไว้ก็ไม่ได้ทำ ที่ทำก็ไม่ได้หาเสียง มันหมายความว่าอย่างไร ซึ่งเชื่อว่าผู้นำฝ่ายค้าน ถามเรื่องนี้ได้ดี
เมื่อถามว่าบกพร่องหรือไม่ นาย
พิธายอมรับว่าน่าจะเป็นเรื่องที่บกพร่อง และน่าจะต้องปรับปรุง ตนไม่ได้ติกันเพื่อทำร้ายทางการเมือง แต่ติเพื่อก่อ เตือนสติในฐานะที่เป็นพลเมืองคนหนึ่ง เป็นอดีตคู่แข่งเคยสัญญาอะไรไว้กับประชาชน ก็ควรจะไปเร่งทำเรื่องพวกนั้น รวมถึงเรื่องความท้าทายใหม่ๆ เรื่องที่มีการพูดคุยก็ไม่ได้ทำ ซึ่งเป็นเรื่องความบกพร่องของการจัดลำดับความสำคัญ ตนอยากให้เรียงลำดับใหม่เอาประชาชนเป็นที่ตั้ง
JJNY : 5in1 พิธานับถือใจคนเกาหลีใต้│พิธาไม่กังวลคำปรามาส│พิธาแนะอิ๊งค์│พิธาชี้นักโทษคดีจำนำข้าว│ทรัมป์เผยเซเลนสกีพร้อม
https://www.matichon.co.th/politics/news_4943601
‘พิธา’ นับถือใจชาวเกาหลีใต้ ปกป้องประชาธิปไตย เผยได้คุยกับเพื่อน ส.ส.เกาหลีใต้ ต้องนอนเฝ้ารัฐสภา 2-3 วัน ชมแม้หลายคนมีแนวคิดทางการเมืองต่างกัน แต่ยังอยู่ในระบบประชาธิปไตย ไม่ให้ทหารอยู่เหนือพลเรือน
เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงการถอดบทเรียนจากเหตุการณ์ต่อต้านการประกาศกฎอัยการศึกในประเทศเกาหลีใต้ว่า ประเทศไทยยังคงต้องถอดบทเรียนในอีกหลายเรื่อง แต่บางทีจะเทียบกันตรงๆ ไม่ได้ เพราะประเทศเขาเป็นระบบประธานาธิบดี และมีฝ่ายค้านคอยทำงานถ่วงดุล แต่ในระบบของเราเป็นแบบรัฐสภา จึงอาจจะไม่เหมือนสักทีเดียว
นายพิธากล่าวต่อว่า แต่สิ่งคล้ายๆ กันคือ 1. พลเรือนอยู่เหนือทหารได้ 2. ประชาชนสามารถควบคุมวาระทางสังคมได้ จึงต้องรอดูต่อไปจากการที่อัยการของเกาหลีใต้ควบคุมตัว แล้วทำให้การเมืองเบาลงจริงหรือไม่ หรือจำเป็นจะต้องมีการลาออกของประธานาธิบดี แต่ดูแล้วคงเหมือนไม่อยากให้เกิดการกล่าวหา เพราะจะได้ไม่ต้องมาเลือกตั้งกันใหม่ และนำไปสู่การที่ฝ่ายค้านจะชนะแบบแลนด์สไลด์
นายพิธากล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งใหม่ ในตอนที่ตนอยู่ประเทศเกาหลีใต้ก็จะแสดงให้เห็นว่าไม่ว่าคุณจะคิดแบบอนุรักษนิยม หรือเสรีนิยม แต่ไม่มีใครยอมให้ไปไกลถึงขนาดที่ให้ทหารอยู่เหนือพลเรือนแน่นอน และมาต่อสู้กันในระบบ จึงถือเป็นเรื่องที่น่าชื่นชม
ส่วนการทำงานของ ส.ส.เกาหลีใต้ ที่เข้าไปร่วมกันลงมติยกเลิกกฎอัยการศึกนั้น นายพิธากล่าวว่า กฎหมายของประเทศเกาหลีใต้สามารถให้ทำได้ แต่ของประเทศไทยจะต้องกลับมาดูกันว่าจะทำอย่างไรให้เป็นลักษณะแบบนั้นที่สามารถ Veto อำนาจของประธานาธิบดีได้
นายพิธากล่าวอีกว่า สิ่งที่น่าชื่นชมคือประชาชนชาวเกาหลีใต้ทำหน้าที่เหมือนเกราะกำบังป้องกันรัฐสภาของเขาไม่ให้ทหารเข้าไปได้ ซึ่งตนได้พูดคุยกับเพื่อน ส.ส.ที่รู้จักกันตั้งแต่สมัยยังอยู่พรรคก้าวไกล เขานอนอยู่ที่รัฐสภา 2-3 วัน เพราะเกรงว่าจะมีการประกาศกฎอื่นซ้ำ ต้องนับถือในความเป็นประชาธิปไตย แม้จะมีแนวคิดทางการเมืองที่แตกต่างกัน แต่ก็ยังอยู่ในระบบประชาธิปไตยอยู่
พิธา ร้องโอ๊ย โต้เป็นเดอะแบก ช่วยโกยคะแนน ไม่กังวลคำปรามาส พรรคประชาชนแพ้ตลอด
https://www.matichon.co.th/politics/news_4943622
‘พิธา’ ไม่กังวลคำปรามาส พรรคประชาชนแพ้ทุกสนามท้องถิ่น มองแง่บวกขอเปลี่ยนเป็นแรงผลักดัน ร้องโอ๊ย บอกไม่ใช่เดอะแบก ชี้ตอบแทน ‘ทักษิณ’ ไม่ได้ ลำบากใจหรือไม่ลงพื้นที่อุบลฯ ช่วยผู้สมัครเบอร์ใหญ่คนกันเอง
เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ปรึกษาประธานคณะก้าวหน้า ให้สัมภาษณ์ถึงภาพรวมการลงพื้นที่ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงของ นายสิทธิพล เลาหะวนิช ผู้สมัครนายก อบจ.อุบลราชธานี พรรคประชาชน ว่ายังต้องทำงานอย่างหนัก พยายามพูดคุยกับประชาชนให้อย่าเพิ่งรีบตัดสินใจ เพราะเร็วๆ นี้จะมีการประชันวิสัยทัศน์ของผู้สมัคร ซึ่งผู้สมัครของพรรคประชาชนถือว่าเป็นคนที่สู้เพื่อคนตัวเล็กตัวน้อย ส่วนว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภา อบจ.ที่จะมาช่วยก็เป็นพ่อค้าแม่ขายตัวเล็กตัวน้อยเช่นกัน อาจไม่เสมอไปที่ต้องเป็นนายทุนใหญ่ๆ
นายพิธายอมรับว่า กังวลกับตัวเลขผู้ที่จะออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง แต่ก็เข้าใจ เพราะเมื่อนายก อบจ.คนเก่าลาออกเดือนตุลาคม จึงทำให้วันเลือกตั้งนายก อบจ.กำหนดเป็นวันที่ 22 ธันวาคม ซึ่งหากประชาชนจะกลับบ้านมา ปีใหม่ 1 ครั้ง เลือกตั้งนายก อบจ. 22 ธันวาคม อีก 1 ครั้ง และเลือกตั้งสมาชิกสภา อบจ.อีกในเดือนกุมภาพันธ์ เพราะฉะนั้นในช่วง 4-5 สัปดาห์ หากต้องกลับบ้าน 3 ครั้ง เพื่อทำหน้าที่พลเมืองตามหลักประชาธิปไตย ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องยาก ประกอบกับมีข้อมูลที่ นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ได้ให้ไว้ก่อนหน้านี้ว่าตัวเลขผู้ออกมาใช้สิทธิน้อยอาจเป็นเพราะนายก อบจ.ลาออกก่อน และขอมาทำงานต่อก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ประชาชนต้องตั้งคำถามเกี่ยวกับงบประมาณและความสะดวกของประชาชนที่ต้องเดินทาง 3 รอบภายใน 5 อาทิตย์ ซึ่งประชาชนในภาคอีสานและชาวอุบลราชธานีบอกว่าเป็นไปไม่ได้ แต่สำหรับคนที่ไม่สามารถกลับมาได้ก็ขอให้ช่วยไปบอกพ่อแก่แม่เฒ่าในพื้นที่ หากอยากได้การเปลี่ยนแปลงก็ต้องเลือกผู้สมัครของพรรคประชาชน
เมื่อถามว่า พรรคประชาชนถูกปรามาสมาตลอดว่าแพ้มาทุกสนาม นายพิธาบอกว่า ไม่กังวล และขอเปลี่ยนคำปรามาสเป็นแรงผลักดัน ย้ำว่าแข่งกับใครก็ไม่เท่าแข่งกับตัวเอง และแต่ลักษณะการเลือกตั้งก็แตกต่างกัน เลือกตั้งระดับประเทศก็แบบหนึ่ง เลือกตั้งท้องถิ่นก็แบบหนึ่ง เลือกตั้งซ่อมก็อีกแบบหนึ่ง อย่าง จ.อุบลราชธานี เป็นจังหวัดใหญ่อันดับที่ 5 ของประเทศ ประชากรอันดับ 3 ของประเทศ 1.8 ล้านคน คนมาใช้สิทธิในการเลือกตั้งใหญ่ 72% และออกมาเลือกตั้งนาย กอบจ. 62% หายไป 10% ที่ไม่ได้ออกมาใช้สิทธิ หรือคิดเป็นกว่า 100,000 คน จึงคิดว่าต้องขยันให้มากกว่า และเดินให้ครบทั้งหมด 25 อำเภอให้ได้ ซึ่ง 2 วันที่ตัวเองมาลงพื้นที่ก็มีการเลือกเริ่มต้นเดินสาย 4-5 อำเภอแรก ซึ่งถือเป็นจุดแข็งของพรรคประชาชน
ส่วนที่มีหลายคนมองว่านายพิธาคือเดอะแบกของพรรค นายพิธาถึงกับร้อง “โอ๊ย” แล้วหันไปทางนายสิทธิพล ผู้สมัครนายก อบจ.อุบลราชธานี พรรคประชาชน ก่อนจะบอกว่า “เขาต่างหากที่แบกผม และช่วยวางแผนการหาเสียงให้กับผม” พร้อมบอกต่อว่า นายสิทธิพลและว่าที่ผู้สมัครสมาชิก อบจ. แม้ช่วงที่ตนไม่ได้มาก็หาเสียงในพื้นที่อยู่ ไม่ใช่เพิ่งจะมาหาเสียงตอนที่ตนมาลงพื้นที่ ส่วนตนก็อาจพอช่วยได้เล็กๆ น้อยๆ ในช่วงสุดสัปดาห์ เพื่อทำให้เกิดความตื่นตัว
เมื่อถามถึงการลงพื้นที่อุบลราชธานีของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 11 ธันวาคมนี้ จะทำให้นายทักษิณลำบากใจหรือไม่ เพราะเป็นบ้านใหญ่ที่ใกล้ชิดทั้งคู่ นายพิธาระบุว่า ตอบแทนนายทักษิณไม่ได้ แต่ตนเห็น นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง บ่นอะไรสักอย่างเมื่อเช้าว่า ไม่ใช่พรรคเพื่อไทยเหมือนกัน และอยู่กันคนละพรรค ก็มองว่าอยู่กันคนละเบอร์ แต่ก็มีการวิเคราะห์ว่าเป็นคนคุ้นเคยกัน และทำงานร่วมกันมาตั้งแต่ 20 ปีที่แล้ว
นายพิธากล่าวว่า หากสมัยก่อนใครตามพรรคเพื่อแผ่นดินก็คงจะตามทันว่าการเมืองมีความเป็นมาอย่างไร แต่ก็ถือว่าไม่ได้เป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเรา ก็ทำในสิ่งที่ควบคุม พยายามเข้าหามวลคะแนน เนื้อคะแนนในอำเภอที่พรรคประชาชนมีจุดแข็ง ซึ่งในสัปดาห์หน้า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า จะลงพื้นที่อุบลราชธานี วันที่ 12-15 ธันวาคม และตนจะกลับมาอีกทีวันที่ 20 ธันวาคม ซึ่งในช่วงสุดสัปดาห์ที่คนอยู่บ้านก็หวังจะช่วงชิงเปลี่ยนใจคนให้มากที่สุด ส่วนในวันธรรมดาก็มีนายสิทธิพลที่จะเคาะประตูบ้านปูพรมหาเสียง
นายพิธาย้ำว่า หากประชาชนเปิดใจอะไรก็เป็นไปได้ เพราะหากวิเคราะห์ตัวเลขในอดีต ผู้ที่ชนะการเลือกตั้งนายก อบจ.ปี 2563 ได้ 280,000 คะแนน ส่วนผู้ที่ได้คะแนนมาเป็นอันดับ 2 ได้ 260,000 คะแนน และผู้สมัครจากคณะก้าวหน้าได้กว่า 100,000 คะแนน ซึ่งหากดูภาพรวมคะแนนแล้วก็มีความเป็นไปได้ แต่สุดท้ายก็ขึ้นอยู่ว่าจะทำให้ประชาชนกลับมาใช้สิทธิได้เยอะเท่าปี 2563 หรือไม่
พิธา แนะ นายกฯอิ๊งค์ ตอบกระทู้ในสภาดีกว่า แถลงผลงาน100 วันรบ. เหตุ ตรงวันเปิดสภา จี้ เท้ง ถาม
https://www.matichon.co.th/politics/news_4943571
พิธา แนะ นายกฯอิ๊งค์ ตอบกระทู้ในสภาดีกว่า แถลงผลงาน 100 วันรบ. เหตุตรงวันเปิดสภา จี้ เท้ง ถาม
เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงการแถลงผลงานรัฐบาลครบรอบ 100 วัน ในวันที่ 12 ธ.ค. ว่า ในวันแถลงก็เป็นวันเปิดสภาพอดี จึงอยากฝากพรรคประชาชนและผู้นำฝ่ายค้านฯ ว่าทำไมไม่ลองตั้งกระทู้ถามสดนายกรัฐมนตรีในวันนั้น โดยเฉพาะประเด็นสำคัญเกี่ยวกับประเทศเพื่อนบ้าน MOU 44 พื้นที่ทับซ้อน ว้าแดง VAT 15% เป็นต้น ถือว่าเป็นการทำงานในระบบรัฐสภา นายกรัฐมนตรีก็มาตอบเองได้ จะได้ประหยัดค่าแถลงไปด้วย โดยใช้พื้นที่สภาไปเลย ซึ่งพรรคประชาชนนำโดยนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้าน ก็น่าจะได้ตั้งกระทู้ถาม
“แทนที่จะแถลงคนเดียว ไม่ได้มีโอกาสซักถาม จะได้ถาม เป็นการใช้พื้นที่สภาด้วย ขอฝากไปยังผู้นำฝ่ายค้านฯ และนายกรัฐมนตรี ว่า วันที่ 12 ธ.ค. สภาเปิดแล้ว ผมก็อาจจะเข้าไป เพราะเป็นที่ปรึกษา แบบไม่รับค่าตอบแทน ของกรรมาธิการ อยู่ 2-3 คณะ ก็จะได้ไปรับฟัง” นายพิธากล่าว
เมื่อถามว่าผลงานของรัฐบาล จุดใดที่ยังเป็นข้อด้อย ต้องปรับปรุงอยู่ นายพิธากล่าวว่า 3 เดือนที่ผ่านมากับ 3 เดือนที่เราจะเจอ ก็ไม่เหมือนกัน ฤดูฝนกับฤดูฝุ่น พอเป็นฤดูฝน เหนือจรดใต้น้ำก็ท่วม พอท่วมแล้วต้องเข้าใจว่าไม่ได้กระทบแค่สิ่งแวดล้อม แต่กระทบด้านเศรษฐกิจด้วย พอน้ำลดความเดือดร้อนก็ไม่ได้ลดตามไปด้วย ซึ่ง 3 เดือนข้างหน้าก็เป็นฤดูฝุ่น เราอยากให้คนมาท่องเที่ยวก็ท่องเที่ยวไม่ได้ มะเร็งปอดก็มากขึ้น เป็นฤดูฝน ฤดูฝุ่น ที่ดับฝันประชาชน เรื่องนี้รัฐบาลเท่านั้นที่แก้ปัญหาได้ ฝ่ายนิติบัญญัติก็คงแก้กฎหมาย ให้รัฐบาลมีฐานอำนาจในการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน ไม่เช่นนั้นก็จะเจอปัญหาซ้ำซาก 4-5 ปี ก็คุยกันเรื่องเดิม
เมื่อถามว่านโยบายเรือธงของรัฐบาลก็ยังไม่สำเร็จจะต้องเดินหน้าอย่างไร นายพิธากล่าวว่า เรื่อง OCA กาสิโน แลนด์บริดจ์ ก็ไม่ได้มีการหาเสียง หรือให้ประชาชนได้รับทราบก่อน แต่บางเรื่อง เช่น การขึ้นค่าแรง ปฏิรูปกองทัพ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมถึงดิจิทัลวอลเล็ต โดยเท่าที่ตามข่าวก็ทราบว่ายังไม่ถึงมือประชาชน กลุ่มเปราะบาง ผู้สูงอายุ ผู้พิการ เนื่องจากยังไม่ได้ผูกพร้อมเพย์ แค่การแจกเงินก็ยังมีปัญหา ที่หาเสียงไว้ก็ไม่ได้ทำ ที่ทำก็ไม่ได้หาเสียง มันหมายความว่าอย่างไร ซึ่งเชื่อว่าผู้นำฝ่ายค้าน ถามเรื่องนี้ได้ดี
เมื่อถามว่าบกพร่องหรือไม่ นายพิธายอมรับว่าน่าจะเป็นเรื่องที่บกพร่อง และน่าจะต้องปรับปรุง ตนไม่ได้ติกันเพื่อทำร้ายทางการเมือง แต่ติเพื่อก่อ เตือนสติในฐานะที่เป็นพลเมืองคนหนึ่ง เป็นอดีตคู่แข่งเคยสัญญาอะไรไว้กับประชาชน ก็ควรจะไปเร่งทำเรื่องพวกนั้น รวมถึงเรื่องความท้าทายใหม่ๆ เรื่องที่มีการพูดคุยก็ไม่ได้ทำ ซึ่งเป็นเรื่องความบกพร่องของการจัดลำดับความสำคัญ ตนอยากให้เรียงลำดับใหม่เอาประชาชนเป็นที่ตั้ง