“อ้วน” ภัยเงียบเสี่ยงโรค!


 
⭕โรค “อ้วน” มีสถิติที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกปี โดยเฉพาะคนวัยทำงานที่ไม่มีเวลาพักผ่อนหรือมีเวลาดูแลตัวเองน้อยลง ซึ่งโรคอ้วนเกิดจากการที่มีไขมันสะสมในร่างกายมากเกินไป ทำให้มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดปัญหาสุขภาพและโรคอื่น ๆ ตามมา เช่น  

⚠️ภาวะลมหายใจอุดกั้น ผู้ป่วยที่เป็นโรคอ้วนมักจะมีไขมันสะสมในผนังลำคอมากขึ้น จึงทำให้ช่องลำคอจึงแคบลง ทำให้เกิดการอุดกั้นทางเดินหายใจ และเสี่ยงเกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับได้ 
⚠️โรคหัวใจ โรคอ้วนมักทำให้เกิดภาวะเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดโดยตรง และอาจพัฒนากลายเป็นภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายได้ 
⚠️โรคกรดไหลย้อน ผู้ป่วยที่เป็นโรคอ้วนจะมีความดันในช่องท้องและความดันในกระเพาะอาหารสูงขึ้น อาจทำให้เป็นโรคกรดไหลย้อนได้ 
⚠️โรคไขมันพอกตับ เกิดจากการรับประทานมากเกินไป โดยร้อยละ 20 ของผู้ป่วยที่เป็นโรคอ้วนจะมีโรคไขมันพอกตับร่วมอยู่ด้วย  
⚠️ประจำเดือนผิดปกติ ในสตรีที่มีน้ำหนักเกินเกณฑ์ปกติและมีภาวะอ้วน อาจส่งผลให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ หรือขาดประจำเดือนขาดได้ 
⚠️โรคข้อเสื่อม ผู้ที่ป่วยเป็นโรคอ้วนจะมีเเรงกดกระแทกที่ข้อเข่ามาก อีกทั้งข้อเข่าที่มีเนื้อเยื่อไขมันมาก จะไปกดเเละทำลายผิวกระดูกอ่อน ทำให้เกิดโรคข้อเสื่อมเร็วขึ้น 

ทั้งนี้ โรคอ้วนมีข้อบ่งชี้เบื้องต้นได้จากการวัดค่าดัชนีมวลกาย หรือ BMI ซึ่งคนทั่วไปควรมีค่า BMI อยู่ระหว่าง 18.5 – 22.9 kg/m2 หากค่าเกินกว่า 25 จะถือว่าผู้ป่วยเข้าสู่ภาวะโรคอ้วน และหากว่าค่าเกินกว่า 30 ผู้ป่วยมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดโรคแทรกซ้อนได้ ควรเข้าสู่กระบวนการลดน้ำหนักโดยเร่งด่วน 



👉ในยุคที่ปัญหา โรคอ้วน และภาวะน้ำหนักเกินส่งผลต่อสุขภาพโดยรวม เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง การลดน้ำหนักอย่างจริงจังจึงเป็นเป้าหมายของหลายคน แต่สำหรับผู้ที่ลดน้ำหนักด้วยการควบคุมอาหารและออกกำลังกายแล้วยังไม่เห็นผล การรักษาทางการแพทย์ก็กลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำคัญ 

“การผ่าตัดกระเพาะอาหาร” และ “การใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร” เป็น 2 วิธีที่ได้รับความนิยม แต่มีความแตกต่างกันอย่างมาก ทั้งในเรื่องกลไก ประสิทธิภาพ ผลข้างเคียง และการดูแลหลังทำ 

หลักการคือ ลดขนาดกระเพาะอาหาร หรือเปลี่ยนเส้นทางการดูดซึมอาหาร ทำให้กินได้น้อยลง และร่างกายดูดซึมแคลอรีได้น้อยลงด้วย 
✅เหมาะกับผู้ที่มีดัชนีมวลกาย (BMI) สูงมาก หรือมีโรคร่วม เช่น เบาหวานรุนแรง 
✅ประสิทธิภาพในการลดน้ำหนัก (โดยเฉลี่ยใน 6-12 เดือน) ผ่าตัดกระเพาะ ลดได้ประมาณ 25–35% ของน้ำหนักตัวเดิม 
✅ข้อดีของการผ่าตัดกระเพาะ 
✨ลดน้ำหนักได้มากและยั่งยืน 
✨ช่วยลดความเสี่ยงของโรคร่วม เช่น เบาหวาน ความดัน ไขมันสูง 
✨ปรับพฤติกรรมการกินอย่างถาวร 

ใส่บอลลูนซิลิโคนเข้าไปในกระเพาะอาหารผ่านการส่องกล้อง (ไม่ต้องผ่าตัด) แล้วเติมน้ำเกลือเข้าไปจนพองตัว ช่วยลดพื้นที่ในกระเพาะ ทำให้อิ่มเร็วขึ้น กินได้น้อยลง
✅เหมาะกับผู้ที่มี BMI ปานกลาง-สูง และต้องการวิธีที่ไม่ผ่าตัด 
✅ประสิทธิภาพในการลดน้ำหนัก (โดยเฉลี่ยใน 6-12 เดือน) ใส่บอลลูน ลดได้ประมาณ 10–15% ของน้ำหนักตัวเดิม 
✅ข้อดีของการใส่บอลลูน
✨ไม่ต้องผ่าตัด – ทำผ่านกล้อง ใช้เวลาไม่นาน 
✨พักฟื้นน้อย กลับบ้านได้ในวันเดียว 
✨เหมาะกับผู้ที่ต้องการ “เริ่มต้นลดน้ำหนัก” ก่อนวางแผนระยะยาว

📌การเลือกวิธีลดน้ำหนักที่เหมาะสมควรขึ้นอยู่กับ สุขภาพโดยรวม พฤติกรรมการกิน ความพร้อมของร่างกาย และคำแนะนำจากแพทย์ ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดหรือใส่บอลลูน ควรได้รับการประเมินจากแพทย์ เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

💖ประสบการณ์จากผู้ใช้บริการใส่บอลลูนลดน้ำหนักและผ่าตัดกระเพาะ 💖

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
ลดน้ำหนัก 50 กก. ในระยะเวลาไม่ถึงปี ด้วยการผ่าตัดกระเพาะ 
"ทำให้มีความมั่นใจมากขึ้นเวลาใส่เสื้อผ้า และรู้สึกว่าตัดสินใจไม่ผิดที่เลือกวิธีรักษาโรคอ้วนด้วยการผ่าตัดกระเพาะอาหาร"

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

ผอมเพรียวด้วยบอลลูนลดน้ำหนัก 8 เดือน น้ำหนักลง 35 กิโลกรัม
จากสาวไซส์ XL เปลี่ยนเป็นสาวไซส์ S ด้วยบอลลูนลดน้ำหนัก

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่