ระหว่างแปลตำรากับส่งเสริมให้คนเก่งภาษาและ AI แบบไหนช่วยเพิ่มพูนความรู้ให้ประชากรได้ดีกว่ากัน

อยากถามความเห็นครับว่า ระหว่างแปลตำรากับส่งเสริมให้คนเก่งภาษาและ AI แบบไหนช่วยเพิ่มพูนความรู้ให้ประชากรได้ดีกว่ากัน แบบแรก เราอาจได้ยินมาว่าสมัยก่อนที่ญี่ปุ่นพัฒนา แม้ว่าคนจำนวนมากจะไม่ได้เก่งภาษาอังกฤษ ส่วนหนึ่งคือให้คัดคนที่เก่งไปศึกษาต่อแล้วแปลความรู้จากต่างชาติมาเป็นภาษาญี่ปุ่น อย่างหลังคือมีการส่งเสริมให้คนเก่งภาษาโดยเฉพาะภาษาอังกฤษที่เป็นภาษากลางของแวดวงวิชาการ ไม่ว่าจะส่งเสริมในฐานะภาษาราชการหรือรูปแบบอื่นๆ ให้คนอ่านตำราต่างชาติแล้วนำความรู้มาปรับใช้ ในส่วนนี้ มีทัศนะของ ดร. มหาเธร์ มุฮัมมัด อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ท่านมองว่า
การเรียนประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ เป็นภาษามาเลย์ได้ แต่ถ้าวิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ควรเป็นภาษาอังกฤษ เนื่องจากสองวิชาแรกมีความเปลี่ยนแปลงไม่บ่อยนัก ทว่าสองวิชาหลังในโลกการศึกษามีความเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การเรียนเป็นภาษาอังกฤษจะช่วยให้เชื่อมต่อหรือ Connect กับโลกวิชาการนานาชาติได้มากกว่า

คหสต. มองว่า ควรทำทั้งสองอย่างไปพร้อมกัน คือให้คนเก่งภาษาด้วยทางหนึ่ง อีกทางหนึ่งคือควรแปลตำราไปด้วย เพราะไทยเราไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก ไม่ได้พูดเป็นภาษาแม่ เด็กหรือคนที่เข้ารับการศึกษาเบื้องต้นอาจไม่เข้าใจ ควรให้เรียนในภาษาไทยก่อน เมื่อเชี่ยวชาญแล้วจึงพัฒนาความรู้ในภาษาอื่นๆ ต่อภายหลัง บางคนอาจจะมองว่ายุคนี้มี AI แล้วจะเสียเวลาทำไม คหสต. มองว่า ถ้าเราให้ AI ทำแทนหมด แล้วต่อไปเราจะเรียนหนังสือ หรือมีการศึกษาไปทำไม ดังนั้นจึงควรใช้ AI เพื่ออำนวยความสะดวกในการช่วยแปล (ซึ่งก็ควรมีคนที่เก่งภาษาตรวจสอบอีกที) หรือรวบรวมแหล่งความรู้ให้เรา ไม่ใช่ทำแทนทั้งหมด ซึ่งก็ต้องให้คนรู้ทั้งภาษาและ AI เพื่อให้ทำงานได้อย่างมีกระสิทธิภาพครับ

ลองแสดงความเห็นกันดูครับ ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคำตอบครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่