ก่อนหน้าผมก็เป็นผู้ชายปกติทั่วไปคนนึงครับคือกำลังจะเรียนจบ 3ปีที่ผ่านมามีเรื่องราวไหม่ๆเขามาในชีวิตมากมาย ต้องยอมรับก่อนนะครับแต่ก่อนผมไม่ใช่สายมูเลย ผมเชื่อเรื่องพวกนี้แต่ก็ไม่ได้สนใจหรือศึกษาอย่างจริงจัง ผมย้ายมาตจว แรกๆผมก็เป็นชายหนุ่มคนนึงที่ไม่ได้รู้อะไรมากเลยเผลอทำอะไรไม่ถูกใจคนอื่นไปบ้าง เริ่มเจอสายตาจ้องเขม็งเกลียวจากเด็กหนุ่มวัยเดียวกันหรือวัยไล่ๆกัน ผมอาจจะคิดไปเองก็ได้ นานเข้าผมเริ่มซึมซับวัฒนธรรมของวัยรุ่นในต่างจังหวัดที่ผมไปอยู่ ส่วนใหญ่จะเป็นพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ เช่นการจ้องตากลับวัยรุ่นที่จ้องตาเราก่อน และการใช้ชีวิตแบบนักเลง เช่น เผชิญหน้ากับความกลัวและการท้าทายจากวัยรุ่นวัยเดียวกัน เพราะไม่อยากจะถูกกระทำแบบนี้ซ้ำๆอีกแล้ว หนักเขา ความกลัวกลายเป็นความรู้สึกด้านชา เหมือนใช้ชีวิตไปวันๆ ผมเอาดีเรื่องความรักไม่ได้เลย นั้นจึงทำให้ผมตัดใจ เป็นไงเป็นกัน ในเมื่อทุกอย่างมันเป็นแบบนี้แล้วผมก็จะปล่อยเลยตามเลย พออยู่แบบนี้ได้สักพักผมเริ่มสังเกตว่าบรรดาพวกคนเกเรทั้งหลายจะกลัวคนอยู่ประเภทหนึ่งคือพวก สักยันต์ หรือที่วิชาอาคม ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขากลัวคนพวกนี้พอๆกับพวกขาใหญ่เลย ด้วยความผมอยู่ชนบท ด้วยความที่ผมศึกษาวงการนี้มาสักพักก็เลยเริ่มรู้ว่าอะไรเป็นอะไรบ้าง จากเรื่องเล่ากันปากต่อปาก จากประสบการณ์ของคนอื่น ผมมักจะได้ยินเรื่องคงกระพันชาตรี หรือมหาอุด ผมเลยเริ่มศึกอย่างจริงจัง จนเริ่มแสวงหาของพวกนี้มาใช้ ที่แรกผมก็เริ่มขากหยิบตำราคาถาต่างๆที่ตนเองเคยซื้อเก็บไว้แต่ไม่เคยหยิบมาอ่านเลย วันที่ผมคิดจะพึ่งตำราเล่มนั้นคืนเดียวกันพระพิฆเนศองค์สีน้ำตาลมาเข้าฝันผมว่า เรียนวิชาไม่มีครูระวังของจะเข้าตัว แต่ด้วยความต้องเอาตัวรอดและเป็นที่ยอมรับของคนที่นั้นคือไม่อยากจะถูกปฏิบัติแบบแค่ก่อนผมเลยไปหาตำรามาอีก2เล่ม ตีพิมพ์จากสำนักเดียวกันเกี่ยวกับเรื่อง นะ และ ยันต์
ใครเตือนผมก็ไม่ฟัง นานๆเข้าก็เริ่มแสวงหาอะไรแบบนี้มาเรื่อยๆ แรกๆก็ดี แต่หลังๆเริ่มหลายเป็นความหมกมุ่น ผมท่องคาถาบทหนึ่งตามตำราเล่มนั้นแล้วเอานิ้วจิ้มหน้าผากลากไปรอบศรีษะ ผมรู้สึกชาศรีษะเบลอๆปวดหัวจี๊ดจนทำได้แค่ไม่กี่วันต้องหยุด ทำอะไรก็มีแต่ปัญหา ผมเริ่มมีเครื่องรางของคลังติดตัวซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสาย คงกระพันชาตรีเป็นหลักจากแต่ก่อนแขวนพระแค่สามองค์มีอยู่ช่วงนึงผมจัดมาหมดเลย ทั้งตระกรุดคาดเอว แขวนพระเกิน10องค์แบ่งสร้อยพระเป็น2เส้นผม นึกว่าผมจะไปวัดไหนผมจะไปหาแต่วัตถุมงคลที่เกี่ยวกับสายพวกนี้โดยเฉพาะจากแต่ก่อนจะพาไปทำบุญ ผมก็จะไปทำบุญด้วยกันจริงๆคืออยากทำบุญ ผมหลีกเลี่ยงการลอดราวตากผ้า ไม่บ้วนน้ำลายลงส้วม หลีกเลี่ยงการลอดไม้ค้ำกล้ว ไม่ลอดสะพานหัวตัด จากแต่ก่อน รูปร่างสันทัด หน้าตาขาวใส เริ่มหน้าหมอง ขอบตาคล้ำ ตัวอ้วนบวม เพราะเริ่มกินเยอะขึ้นเพราะคิดว่ายังไงเราก็มีของดีแล้ว แรกๆคนรอบข้างถามเรื่องรูปร่างหน้าตาเราก็ไม่ค่อยจะเชื่อ สาวๆจากที่พอจะมีเข้ามาบ้าง เหมือนพวกเธอจะเริ่มไม่อยากเข้าใกล้ คือเหมือนพวกเธอรู้สึกแปลกๆแบบว่าผมดูไม่เป็นมิตร ผมก็พยามถามAI แต่ก็ไม่ได้คำตอบที่ตรงจุดเลย ผมก็พยามกลับตัวเป็นคนดี ผมสวดมนต์ก่อนนอนทุกวันท่องคาถาทั่วไป เช่นคาถายันต์เกราะเพรช และเริ่มทำตัวเป็นมิตรกับผู้คนมากขึ้นเริ่มปล่อยว่างความโกรธเริ่มหันมาพึ่งสายเมตตามากขึ้น ลดการแขวนพระเยอะเกิน และผมก็ไม่ได้ใส่ตระกรุดคาดเอวแล้วด้วย
แต่ท้ายสุดผมได้ถ่ายรูปครอบครัว ผมยังตกใจกับหน้าของตัวเองที่ดูเรียกได้ว่าต่างคนเดิมมากๆหน้าคล้ำตัวบวมกลมเลย ผมเลยเริ่มคิดแล้วว่าผมกำลังเดินผิดทางไหม เพราะเวลาไปวัดไหนที่ที่ผมจะทำบุญอย่างมีสมาธิผมกลับเน้นไปที่วัตถุมงคลจนรู้สึกไม่สมาธิทำบุญเลย จนบางที่ผมก็ต้องเตือนตัวเองว่าเราก็มีแล้ว ผมจึงอยากกลับมาปกติเหมือนเดิมคือมีความสุขกับชีวิตได้โดยสามารถบาลานซ์ทุกๆอย่างได้ดีเหมือนแต่ก่อน คือถามว่ายังเขื่อไหมเรื่องสายมูผมก็ยังเชื่ออยู่ แต่ก็อยากใช้ชีวิตประจำได้อย่างปกติสุข
สิ่งที่ผมกำลังเจอคืออะไร
ใครเตือนผมก็ไม่ฟัง นานๆเข้าก็เริ่มแสวงหาอะไรแบบนี้มาเรื่อยๆ แรกๆก็ดี แต่หลังๆเริ่มหลายเป็นความหมกมุ่น ผมท่องคาถาบทหนึ่งตามตำราเล่มนั้นแล้วเอานิ้วจิ้มหน้าผากลากไปรอบศรีษะ ผมรู้สึกชาศรีษะเบลอๆปวดหัวจี๊ดจนทำได้แค่ไม่กี่วันต้องหยุด ทำอะไรก็มีแต่ปัญหา ผมเริ่มมีเครื่องรางของคลังติดตัวซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสาย คงกระพันชาตรีเป็นหลักจากแต่ก่อนแขวนพระแค่สามองค์มีอยู่ช่วงนึงผมจัดมาหมดเลย ทั้งตระกรุดคาดเอว แขวนพระเกิน10องค์แบ่งสร้อยพระเป็น2เส้นผม นึกว่าผมจะไปวัดไหนผมจะไปหาแต่วัตถุมงคลที่เกี่ยวกับสายพวกนี้โดยเฉพาะจากแต่ก่อนจะพาไปทำบุญ ผมก็จะไปทำบุญด้วยกันจริงๆคืออยากทำบุญ ผมหลีกเลี่ยงการลอดราวตากผ้า ไม่บ้วนน้ำลายลงส้วม หลีกเลี่ยงการลอดไม้ค้ำกล้ว ไม่ลอดสะพานหัวตัด จากแต่ก่อน รูปร่างสันทัด หน้าตาขาวใส เริ่มหน้าหมอง ขอบตาคล้ำ ตัวอ้วนบวม เพราะเริ่มกินเยอะขึ้นเพราะคิดว่ายังไงเราก็มีของดีแล้ว แรกๆคนรอบข้างถามเรื่องรูปร่างหน้าตาเราก็ไม่ค่อยจะเชื่อ สาวๆจากที่พอจะมีเข้ามาบ้าง เหมือนพวกเธอจะเริ่มไม่อยากเข้าใกล้ คือเหมือนพวกเธอรู้สึกแปลกๆแบบว่าผมดูไม่เป็นมิตร ผมก็พยามถามAI แต่ก็ไม่ได้คำตอบที่ตรงจุดเลย ผมก็พยามกลับตัวเป็นคนดี ผมสวดมนต์ก่อนนอนทุกวันท่องคาถาทั่วไป เช่นคาถายันต์เกราะเพรช และเริ่มทำตัวเป็นมิตรกับผู้คนมากขึ้นเริ่มปล่อยว่างความโกรธเริ่มหันมาพึ่งสายเมตตามากขึ้น ลดการแขวนพระเยอะเกิน และผมก็ไม่ได้ใส่ตระกรุดคาดเอวแล้วด้วย
แต่ท้ายสุดผมได้ถ่ายรูปครอบครัว ผมยังตกใจกับหน้าของตัวเองที่ดูเรียกได้ว่าต่างคนเดิมมากๆหน้าคล้ำตัวบวมกลมเลย ผมเลยเริ่มคิดแล้วว่าผมกำลังเดินผิดทางไหม เพราะเวลาไปวัดไหนที่ที่ผมจะทำบุญอย่างมีสมาธิผมกลับเน้นไปที่วัตถุมงคลจนรู้สึกไม่สมาธิทำบุญเลย จนบางที่ผมก็ต้องเตือนตัวเองว่าเราก็มีแล้ว ผมจึงอยากกลับมาปกติเหมือนเดิมคือมีความสุขกับชีวิตได้โดยสามารถบาลานซ์ทุกๆอย่างได้ดีเหมือนแต่ก่อน คือถามว่ายังเขื่อไหมเรื่องสายมูผมก็ยังเชื่ออยู่ แต่ก็อยากใช้ชีวิตประจำได้อย่างปกติสุข