เกมพนันแห่งทวยเทพ บทที่ 5 ความตายไม่เคยมีข้อแม้

กระทู้สนทนา
บทที่ 5 ความตายไม่เคยมีข้อแม้
              ทั้ง 5 คนต่างมองหน้ากันว่าเองไงกันต่อ ตี๋ หันไป ทดลอง ปรับแต่งกำแพง โดยการ ให้กำแพง ลาดไปในห้องผู้ป่วยวิกฤติ ทำให้ ห้องทั้งห้องถล่มลง ตี๋ ยังคงมอง ไปที่ศพของพี่พยาบาล อาวุโส ในขณะที่ จะปล่อยให้มันถล่มลงมาจนไม่เหลือรูปเดิม กลบฝังจนไม่เห็นทางไหนจะเอาออกมาได้ เตยดึงแขนเสื้อ ตี๋แล้วร้องไห้
เตย “พี่เขาอุตส่าห์ เลื่อนเกษียณ ตัวเอง มาช่วยเป็นลูกจ้างรายวัน รับเวรดึกนี้ อย่างน้อยเราต้องเอาไปประกอบพิธีตาม ศาสนาแกสิพี่”
              เมื่อเห็นแบบนั้น หมอโป้ง จึงเดินเข้ามาปลอบเตย
หมอโป้ง “อย่า เพิ่งคิดอะไรเลยเตย ตอนนี้ เราต้องไปพื้นที่ปลอดภัยก่อน”
              หลังจากที่ตี๋ ปล่อยให้เพดาน ถล่มเสร็จ ตี๋ก็ ปรับกำแพงของตี๋ ไปปาดเลือดชายขี้เมา ที่เคยทำร้ายตี๋ ก่อนหน้า ทำให้ คนอื่นทำท่าทางโกรธ โดยเฉพาะเตย ถึงขั้นกระชาก ตี๋จนผงะไปด้านหลัง
เตย “ลุงตี๋ทำแบบนี้ไม่ได้นะ ถึงเขาจะทำไม่ดีกับลุง ลุงก็ไม่ควรทำแบบนี้”
ตี่หันกลับมาหรี่ตาใส่เตย แล้วกระชากแขนเสื้อตัวเอง ออกจากมือเตย จนนิ้วเตย มีเลือดออก จากนั้นก็ตอบกลับเตยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
ตี๋ “นี้แหละถึงไม่ได้ ให้เข้ามา ตั้งแต่แรกเลย จะบอกว่า ถึงลุงจะคุยเล่นในเวลางาน ปล่อยให้ใครก็เล่นได้ ไม่ได้แปลว่าลุงจะ ไว้ใจนะ”
              ตี๋ หันกลับไป ทำการปรับเปลี่ยนกำแพง เพื่อไปปาดเลือดชายขี้เมาต่อ พร้อมทั้งลองปรับรูปร่าง เป็นตะขอ เป็นเคียว เป็นหอก ที่อาบเลือดโดยที่ หมอโป้ง เดินไปเอาอุปกรณ์ ที่ยังพอมีอยู่แถวนั้น มาทำแผลให้เตย
ตี๋ “ที่ต้องชโลมเลือด ของคนขี้เมา ไม่ใช่เพราะโกรธ หรือ เกลียด แต่ เพราะ แถวนี้มันไม่มีอะไร ให้ทำเป็นสีได้”
ตี๋ยังคงง่วนอยู่กับการทดลองใช้พลังของตัว โดยการพยายามยืดให้ไกลสุด ได้ประมาน ห้าถึงหกเมตร แต่ต้องลด ส่วนสูงมาชดเชย โดยพื้นที่น่าจะประมาน ยี่สิบลูกบาศเมตร
ตี๋ “ และก็ไม่รู้ว่า กำแพงนี้ทำอะไรได้ มีจุดบอดตรงไหน ถ้าเดินไปเจอตัวแบบแรดเมื่อกี้ พุ่งมาสุดแรง แล้วไม่มีเพดานกัน คิดว่ายังไง”
              ตี๋ ปรับรูปร่าง ตะขอให้เป็น อาบเลือดสองอัน แล้ว ก็ปล่อยให้อันหนึ่งเลือดทะลุผ่านไปกองตรงพื้น โดย อีกอัน ยังคงสภาพให้มีเลือดอยู่
              จากนั้น ตี๋ ก็ลองปรับ ให้กำแพงกลาย เป็นเคียวขนาดใหญ่ จากนั้น ก็ เลื่อนออกมาด้านข้างแล้ว เหวียง เข้ากระแทก กับเสาที่อยู่ตรงหน้า อย่างรวดเร็ว
แต่แทนที่ เสาจะแตกหรือหัก กลับแทบไม่เป็นอะไร แถม ยังทำให้ ตัวของตี๋ ผงะไปอีกด้านเล็กน้อย
ตี๋คิดในใจ “พลังโจมตีต่ำ โคตรๆ เพราะแทบไม่มีน้ำหนักสินะ”
              หลังจากที่ หมอโป้ง ทำแผลให้ เตย เสร็จด้วยความโมโห ก็เดินเข้ามา ดึงคอเสื้อ ตี๋ด้วยความรู้สึกโมโห ที่ทำไม ตี๋กลายเป็นคนในแบบที่ ทั้งสองคนไม่เคยรู้จักมาก่อน
หมอโป้ง “ลุงตี๋ที่ใจดีหายไปไหนแล้ว ทำไมทำให้น้องมันเสียใจแบบนั้น”
                  ตี๋ หันมามองด้วยหางตา เพราะกำลัง พยายามหาทาง ให้ใช้สิ่งที่มี เอาตัวรอด ในช่วงเวลานี้
ตี๋ “หมอโป้ง ผมก็เหมือนเดิมแหละ แค่ตอนนี้ มันวันสิ้นโลก คงจะทำตัวเหมือนเดิมไม่ได้ เพราะโลกมันไม่ได้สงบ เหมือนก่อนหน้า”
ตี๋ ยังคงหาทางทำให้ เสาแตกออกแม้เพียงเล็กน้อย แต่ ก็พบว่า สามารถ ใช้สกิล แทรก เข้าไปตามรอยแยก ของผนัง แล้วทำการ ขยายเปิดพื้นที่ จนรอยแยกขยายออก ทำให้ ด้านที่ห่างจากเสา ที่เป็นด้านที่อ่อนแอกว่า พังถล่มลงได้
ตี๋ “ แล้วก็ หมอเดินเข้าออก ระวังออกไปแล้วเจอ พวกเลือกที่ จะเป็นปีศาจและ ยัยเสือดาวนั้นยังอยู่แถวนี้แหละ หมอเองก็ควรลอง ไอ้กระบองที่ให้นะ ผมไม่รู้ว่า มันทำยังไง แล้วหมอต้องจ่ายอะไรในการใช้”
              หลังจากนั้น ตี๋ ก็ลอง หันไปทางห้องวิกฤติที่ เพิ่งถล่ม จิตนาการ ปรับแต่งให้ กำแพงกลายเป็นแผ่นบางๆ แทรกไปตามพื้น และให้อยู่ใต้กองหิน จากนั้น จิตนาการ ให้ กำแพง ค่อยๆยกกองหินขึ้น เพื่อเป็นตัวถ่วงน้ำหนัก
หลังจากที่มีอะไรถ่วง ตี๋ ก็ ทำการสร้างเคียวเหมือนเดิม ฟาดไปที่ เดิม ในตอนนี้ เสากลับโดนเจาะเข้าไปเกือบครึ่ง
              ในขณะเดียวกัน หมอโป้งก็ ลองใช้ กระบองโดยตั้งสมาธิ เพื่อให้ บาดแผลของเตยหาย โดยจิตนาการถึง ลักษณะ รูปร่าง มือที่ ปกติว่าเป็นแบบไหน ยังไง จากนั้น ไม้กระบอง ก็แปร่งแสงสีเขียว เข้าไปอาบที่มือ
จากนั้น มือของเตย ก็เลือดหยุดไหล เล็บหรือ นิ้วก็หายดี จนเป็นปกติ
              หมอโป้งหลังจากรักษาให้เตย ก็มีท่าทีเหนื่อย เล็กน้อย ซี่งตี๋ กับเตยก็คอย เฝ้าสังเกตุ อยู่ห่างๆ แต่หมอโป้งก็ไม่มีอะไร มากกว่านั้น
ตี๋ “สรุปว่า ต้องเสียอะไรบ้างหมอ หรือ มีอาการมึนงงไหม”
                  หมอโป้ง ถอนหายใจเล็กน้อย และ ยิ้มที่มุมปาก
หมอโป้ง “ก็ไม่มีอะไร นอกจากรู้สึกเครียดตอนรักษา แต่ความเครียดแค่นี้ ตอนเรียนยังมากกว่าอีก”
                  จากนั้น เตยก็ทำท่าเท้าสะเอว หันหน้าไม่มองตี๋ พร้อมเอ่ยด้วย เสียง เชิงกระแซะ
เตย “แล้วคุณตี๋หละคะ ว่ายังไงได้อะไรมาบ้างจากที่ยืนทำโน้นนี่”
              ตี๋ ส่ายหน้า เพราะรู้ว่า การที่ เตยเปลี่ยนคำเรียก แปลว่า น่าจะโกรธ มาก เพราะการที่ เย็นชาในช่วงนี้ ทั้ง ๆที่กำลังสับสน คนทำให้ เตยรู้สึกไม่ดีกับตี๋
ตี๋ หันไปมองรอบๆ เพราะเพิ่งสังเกตว่า น้องเวรเปลสองคนหายไป
ตี๋ “หมอโป้ง น้องเวรเปลสองคนหายไปไหน”
หมอโป้ง “ตอนที่ตี๋กำลังทดลองอยู่ น้องสองคนบอกจะไปเอาอาวุธที่ห้องพักเปลด้านนอก”
              พอได้ยินอย่างั้น ตี๋ก็หันออกไป ด้านนอก  ก็เห็น คนครึ่งวัวตัวนึง บนร่าง มีรอยบาดแผล ที่เหมือนเล็บหมี พาดจากบ่า มาถึงเกือบกลางอก กำลังถือ ร่างของน้องเวรเปล ที่เพิ่งหายออกไปเมื่อครู่ เดินเข้ามา หาคนทั้งสาม
จากนั้นก็ คนครึ่งวัว ยกร่างของเวรเปลคนหนึ่ง ขว้างใส่เตย แต่ ตี๋ก็ จินตนาการ ให้กำแพง ไปอยู่หน้า คนทั้ง สอง แต่ ก็ยังทะลุ ผ่านได้ เพราะ ตี๋เคยให้เวรเปลคนนี้ผ่าน
ตี๋ จึงรีบ ยืดกำแพงตาม แล้วเปลี่ยนรูปร่าง เป็นตะขอเกี่ยว พร้อมกับทำการ ยกเลิก การผ่าน ของมนุษย์ ให้เหลือแค่ หมอโป้งกับเตย ที่เข้าออกได้
              แม้ว่า รอบนี้ จะสามารถเกาะเอาไว้ได้ แต่ด้วย แรงที่ และน้ำหนักตัว ของร่าง ทำให้ร่างนั้น ดึงตัวตี๋ ตามไปไปด้วย จนเกือบร่างนั้น เกือบจะ ถึงตัวของเตยจึง ตกลงสู่พื้น
ในขณะเดียวกัน คนครึ่งวัว วิ่งโถมเข้าใส่ ตี๋ หมายเอาชีวิต ตี๋ ก็พยายาม ให้กำแพง ดึงตัวเอง หลบไปทางสองคนนั้น แต่ ไม่ทัน แม้จะโดนไม่เต็ม และไม่ทะลุกำแพงจนถึงตัว ก็ยังคนทำให้ ร่างของ ตี๋หมุ่น ปลิว
              ตัวตี๋หมุนไปตามแรง แขนขวาก็ฟาดเขากับกำแพง ของ โรงพยาบาล จากที่เคยช้ำ ก็กลายเป็นหักแบบไม่มีแผลเปิด หมอโป้งเห็นแบบนั้น ก็รีบเข้าไปรักษา
                  ตี๋ นอนกองอยู่ที่พื้น ได้แต่บ่นอยู่ในปาก
ตี๋ “สมาธิสิ สมาธิ มันต้องมีทางทำให้ กำแพง มันมีที่ยึดแบบก่อนหน้า”
              ตี๋ทำหน้าหมือนนึกอะไร ออก แต่ในตอนนั้น คนครึ่งวัวตัวเดิม ก็หันกลับมา วิ่งเข้าใส่ ตี๋และหมอ โป้ง เหมือนอย่างครั้งก่อน เพราะคิดว่า ถ้ารอบนี้ ยังหลบได้อีก ก็คงเก็บได้หนึ่งคน
ครึ่งวัวคิดในใจ “นี่มันง่ายจริงๆ แค่นี้ ก็ ได้ครบสิบ อีกรอบ แล้วจะเอาไปหมุน 20รอบ อีกครั้งจะได้แข็งแกร่งขี้น”
              ตี๋ลุกขึ้นยืน หันหน้าไปเผชิญ กับเจ้าครึ่งวัว พร้อมกับหลับตา เหมือนกำลังนึกคิดอะไรบางอย่าง โดยที่หมอโป้ง ไม่ได้สนใจคนครึ่งวัวตัวนั้น และยังคงตั้งใจ ที่จะรักษาแขนของตี๋
ครึ่งวัวคิดในใจ “ไอ้หน้าโง่ คงทำใจยอมรับแล้วสินะ ไอ้พวกทำงานให้ห้องแอร์สบายๆ ฉันต้องทำงานหาเงินแทบเป็นแทบตาย เหล้าก็ขึ้นราคา จนกินได้น้อยลงทุกวัน ไอ้พวกนายทุน ไอ้พวกเรียนสูงทำงานสบาย แกต้องชดใช้เหมือนกับที่ปีศาจตัวนั้นมันบอก สังคมมันแย่ กดหัวฉัน”
              หลังจากนั้น ก็มีเสียง เหมือนของแหลม แทงเข้าเนื้อ อย่างเร็วและแรง
https://pantip.com/topic/43388640 รวม
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่