JJNY : เปิดเทอมใหม่ผู้ปกครองแบกค่าใช้จ่ายพุ่ง│“เท้ง”นำทัพปชน.ปราศรัยใหญ่กลางฝน│คาดประชุมกนง.30เม.ย.│คาร์บอมบ์สังหารนายพล

เปิดเทอมใหม่ ผู้ปกครองแบกค่าใช้จ่ายพุ่ง 2.8 หมื่น จี้ศธ.ลดภาระ เร่งแก้ปัญหาจริงจัง
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9733382
.
.
นักวิชาการ แจ้ง เปิดเทอมใหม่ ผู้ปกครองแบกค่าใช้จ่ายพุ่ง 2.8 หมื่นบาท แนะทางรอดเด็กไทย จี้ศธ.ลดภาระ-แก้ปัญหาจริงจัง แจง “เรียนฟรี ไม่มีจริง = “เรียนฟรีทิพย์”
.
26 เม.ย. 68 – นายสมพงษ์ จิตระดับ นักวิชาการด้านการศึกษา เปิดเทอมให้ปีการศึกษา 2568 ในเดือนพฤษภาคมนี้ พบว่า สถานการณ์ปัจจุบันค่อนข้างวิกฤต และท้าทาย โดยเฉพาะในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และรัฐมนตรีว่าการ ศธ.
.
เพราะปัจจุบันนี้ผู้ปกครองต้องเตรียมตัว เตรียมเงินมากขึ้น จากการสำรวจพบว่าค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นประมาณ 2 เท่า อยู่ที่ประมาณ 25,000 – 28,000 บาท ดังนั้น เรื่อง “เรียนฟรี” ไม่มีจริง เป็น “เรียนฟรีทิพย์”
.
นายสมพงษ์ กล่าวต่อว่า ศธ.มีความพยายามเปลี่ยนแปลงเรื่องดีๆ หลายเรื่อง เช่น เครื่องแบบลูกเสือ ที่น่าชมเชย เพราะถือว่าเป็นการปรับตัวได้ดีเปลี่ยนแปลงให้เข้ากับสภาพข้อเท็จจริงกับสภาพเศรษฐกิจ และสภาพภูมิอากาศ ซึ่งจะลดค่าใช้จ่ายผู้ปกครองได้ประมาณ 1,500 บาท หรือประมาณ 6% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด ทำให้ค่าใช้จ่ายผู้ปกครองเหลือประมาณ 23,000 บาท หรือยังมีค่าใช้จ่ายอีก 94%
.
ดังนั้น ในสภาวะเศรษฐกิจที่ฝืดเคือง และมีโอกาสเสี่ยงตกงานเยอะ หนี้สินพุ่ง การค้าขายเงียบ และยังปัญหาแรงงาน ปัญหาจีนเทา นโยบายทรัมป์เข้ามาทับถม ทำให้สภาพเศรษฐกิจ ปัญหาสังคม สภาพจิตใจ ที่ซัดกระหน่ำรุนแรง การตัดสินใจที่จะเอาลูกออกจากระบบการศึกษาเพิ่มขึ้น
.
นอกจากนี้ยังมีเด็กเคยออกกลางคันจากปี 2566 ประมาณ 1,025,214 คน โดยติดตามเด็กกลับมาเรียนได้ 9.8 แสนคน อย่างไรก็ตามจะพบว่าเด็กมีการเข้าออกระบบการศึกษาตลอดเวลา ดังนั้น การช่วยเหลือครอบครัวระดับล่าง ครอบครัวยากจน ให้สามารถไปต่อได้เป็นเรื่องที่ท้าทายมาก
.
นายสมพงษ์ กล่าวว่า แม้จะมีการลดค่าใช้จ่ายเครื่องแบบลูกเสือแล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ เข้ามาอีกจำนวนมาก เช่น ค่าบำรุงโรงเรียน ค่าแป๊ะเจี๊ยะ ค่าหนังสือ ค่าอุปกรณ์การเรียน ค่าประกันชีวิต โดยพบว่า มีค่าใช้จ่ายมากกว่า 10 รายการ ที่ผู้ปกครองต้องจ่ายและเป็นภาระ ดังนั้น การช่วยเหลือ จะมองเรื่องการช่วยค่าเครื่องแบบลูกเสือเพียงอย่างเดียวไม่ได้
.
นายสมพงษ์ กล่าวว่า มองว่าสถานการณ์เด็กออกนอกระบบในเปิดเทอมใหม่ 50/50 สิ่งหนึ่งที่เริ่มค้นพบในช่วงเริ่มเปิดเทอม คือ ต้องมีการเตรียมการ คือ
.
1. ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นรัฐจะช่วยอย่างไร แม้จะช่วยค่าเครื่องแบบลูกเสือแล้ว แต่ช่วยเพียง 6% เท่านั้น อีก 94% จะช่วยอย่างไร
และการเรียนฟรีจะเป็นเรียนฟรีทิพย์หรือไม่ จะหาทางลดค่าเทอม ค่าบำรุงโรงเรียน ที่เป็นค่าใช้จ่ายหนักที่สุดอย่างไร สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จะช่วยอย่างไร เมื่อระบบการศึกษา เป็นภาระให้กับผู้ปกครอง ยิ่งทำให้ผู้ปกครองตัดสินใจเอาลูกออกจากระบบการศึกษาง่ายขึ้น
.
2. ปัจจุบันการศึกษาไม่ตอบโจทย์ชีวิต เพราะต้องการมีงานทำ ดังนั้น ต้องรีบปรับหลักสูตร เร่งพัฒนาทักษะ สมรรถนะของเด็ก โดยจะทำอย่างไรให้เกิดระบบที่เด็กสามารถเรียนไป ทำงานไปได้ ขณะเดียวกัน ผู้ปกครองต้องมีรายได้มีอาชีพด้วย ซึ่งประเด็นเหล่านี้ถูกเป็นเรื่องน่าห่วงที่ถูกมองข้ามมาตลอด
.
3. เด็กประมาณ 1.8 ล้านคน ที่เสี่ยงหลุดนอกระบบ และยังมีเด็ก 5-6 แสนคนที่ยากจน ไม่มีหน่วยงานดูแล และมีโอกาสหลุดจากระบบสูงมาก ที่ไม่รู้ว่าจะไปต่ออย่างไร แม้จะมีทุนการศึกษาอยู่ เช่น กสศ. แต่ก็ช่วยได้ส่วนหนึ่งเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีเด็กที่มีปัญหา มีข้อจำกัด เช่น ปัญหาบูลลี่ ปัญหายาเสพติด เด็กเลขศูนย์ เด็กเลขจี ประกอบกับระบบราชการยังไม่ตอบโจทย์ ทำให้เด็กค่อยๆกระเด็นออกจากระบบการศึกษา
.
และ 4. รายจังหวัดรายงานการติดตามเด็กกลับมาเรียนจากนโยบาย Thai zero dropout ได้ 100% อยากให้ ศธ.ติดตามเรื่องดังกล่าวให้ดี อย่างวางใจ เพราะการตามเด็กที่หลุดจากระบบการศึกษาไม่ใช่เรื่องง่าย มีเด็กจำนวนมากปฏิเสธการช่วยเหลือ เพราะมีความจำเป็นเรื่องครอบครัว ต้องหารายได้ เป็นต้น หากไม่เตรียมการรับมือเหล่านี้มีโอกาสที่เด็กไทยจะร่วง
.
นายสมพงษ์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ถ้าต้องการเด็กไทยจะไปรอด คือจะทำอย่างไรในการนำนโยบาย Thai zero dropout เชื่อมกับการเปิดเทอมที่จะถึงนี้ ตนพบว่า สพฐ. มีนโยบายตามน้องกลับมาเรียน และนำการเรียนมาให้น้อง มี 1 โรงเรียน 3 ระบบ ที่ถูกออกแบบมากดีมาก แต่ควรจะหาทุนการศึกษา หางานทำให้ผู้ปกครอง การติดตามเยี่ยมเด็กของครูก่อนเปิดเทอมต้องเอาจริงเอาจังและช่วยเหลือประคับประคอง หรือลงทุน หาแหล่งเงินกู้ให้ผู้ปกครองสามารถยืมเงินได้โดยไม่มีดอกเบี้ย
.
นายสมพงษ์ กล่าวต่อว่า ดังนั้น โจทย์ปีนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะทำอย่างไร ที่จะทำให้ค่าใช้จ่ายของผู้ปกครองจำนวน 25,000-28,000 บาท ให้เหลือเพียง 0 บาท และเด็กประมาณ 5-6 แสนคนที่ยากจนที่ไม่มีเจ้าภาพดูแล ใครจะเข้ามามีส่วนร่วมช่วยเหลือบ้าง มองว่าต้องมีนโยบายใหม่ และเน้นนโยบายที่มีอยู่เดิมให้เอาจริงเอาจังและเข้มงวด
.
พร้อมกันนี้จะทำอย่างไร ให้พ่อแม่ผู้ปกครองมีรายได้ มีอาชีพ นอกจากนี้ ศธ.ได้จัดทำนวัตกรรมการศึกษา โรงเรียนเคลื่อนที่ และมีโรงเรียนที่จัดการเรียน 1 โรงเรียน 3 ระบบ มากกว่า 900 โรงเรียน แต่จะทำอย่างไรให้เด็กและผู้ปกครองเข้าถึงโรงเรียนเหล่านี้
.
มองว่า ศธ.ต้องจัดการช่วยเหลือมิติอื่นๆ เช่น จะจัดการอย่างไรกับโรงเรียนดี เด่น ดัง ที่เรียกค่าบำรุง ค่าแป๊ะเจี๊ยะ ค่าจิปาถะ จนผู้ปกครองเดือดร้อน โดยให้โรงเรียนผ่อนปรนช่วยเหลือผู้ปกครองอย่างไร นอกจากนี้ ควรระวังเรื่องเครื่องแบบลูกเสือที่อาจจะเหมือนกับระเบียบทรงผม คือ ระเยีบถูกแก้โดยส่วนกลาง แต่ให้โรงเรียนใช้ดุลพินิจพิจารณา
.
ดังนั้นเมื่อเป็นดุลพินิจ อาจจะมีบางโรงเรียนอาจจะยืนกรานว่าจะเอาชุดเครื่องแบบลูกเสืออยู่ และในวันลูกเสือแห่งชาติที่จะถึงนี้ จะกำหนดให้เด็กแต่งเครื่องแบบกันหมดหรือไม่ และเด็กที่โรงเรียนยืดหยุ่นจะทำอย่างไร ดังนั้น การออกระเบียบอะไรต้องระวัง เพราะยังมีบางโรงเรียนที่ไม่ปฏิบัติตามอยู่ ”นายสมพงษ์ กล่าว
.

.
“เท้ง” นำทัพ ปชน. ปราศรัยใหญ่กลางฝนส่งท้าย อ้อนชาวนครศรีฯ เลือก “ณัฐกิตต์”
https://www.thairath.co.th/news/politic/2854966
.
“เท้ง ณัฐพงษ์” ขนทัพแกนนำ-สส.พรรคประชาชน ปราศรัยใหญ่ท่ามกลางสายฝน ส่งท้ายก่อนเลือกซ่อมนครศรีธรรมราช เขต 8 ส่ง สส.ฝ่ายค้าน เข้าไปช่วยกันตรวจสอบรัฐบาล ยัน ไม่จับมือร่วมรัฐบาลนี้แน่นอน
.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ลานใกล้สวนสาธารณะจันดี ต.จันดี อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช พรรคประชาชนเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ครั้งสุดท้ายเมื่อตั้งแต่ช่วงเย็นถึงค่ำของวันที่ 25 เมษายน 2568 ก่อนการเลือกตั้งซ่อมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) นครศรีธรรมราช เขตเลือกตั้งที่ 8 ซึ่งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 27 เมษายน 2568 ซึ่งพรรคประชาชนส่ง นายณัฐกิตต์ อยู่ด้วง-ปรีชา เป็นผู้สมัคร โดยมีทั้งแกนนำ ส.ส. และผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน ร่วมปราศรัยกับประชาชนที่มารับฟังการหาเสียงในวันนี้
.
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ปราศรัยในช่วงหนึ่งว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ ทุกเบอร์ล้วนแต่เป็นพรรคที่กดลิฟต์ขึ้นชั้น 14 ทุกเบอร์ ยกเว้นพรรคประชาชนที่จะอยู่ชั้น 1 กับประชาชน และไม่มีทางที่พรรคประชาชนจะไปร่วมรัฐบาลได้ การเลือกนายณัฐกิตต์ เป็นการเลือกพรรคฝ่ายค้านไปเติมคะแนนให้พรรคประชาชน วันนี้บทบาทของพรรคฝ่ายค้านคือการเข้าไปตรวจสอบเพื่อให้งบประมาณที่เป็นภาษีของประชาชนถูกทุจริตให้น้อยที่สุด ถึงเวลาที่จะต้องเอาฝ่ายค้านเข้าไป โดยปกติ สส.รัฐบาลและฝ่ายค้านต้องช่วยกันทำงาน ช่วยกันผลัดกันจับการทุจริตได้ แต่ทุกวันนี้พรรคประชาชนเป็นคนจับได้ทั้งนั้น ทั้งประกันสังคม คอลเซ็นเตอร์ ส่วยสติ๊กเกอร์ ล่าสุดมหาวิทยาลัยศูนย์เหรียญ ฉะนั้น ชาวนครศรีธรรมราชต้องช่วยกันเลือกพรรคประชาชนเข้าไปตรวจสอบการทุจริต
.
ทางด้าน นายชัยธวัช ตุลาธน อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล และผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน ขึ้นกล่าวคนต่อไปว่า สถานการณ์การเมืองในเวลานี้ปัญหาสำคัญที่สุดในภาพรวมคือการที่โจทย์ของประชาชนกับโจทย์ของรัฐบาลนี้สวนทางกันทุกวัน โจทย์ของประชาชนคือชีวิตความเป็นอยู่ที่ย่ำแย่ลง ต้องการรัฐบาลมาแก้ปัญหารวดเร็วและตรงเป้า แต่โจทย์ของรัฐบาลชุดนี้เริ่มต้นก็ผิดตั้งแต่แรก คือจะทำอย่างไรให้คนๆ หนึ่งได้กลับบ้านโดยไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียว เลยเกิดการตระบัดสัตย์ข้ามขั้ว ใช้กฎหมายแบบอภิสิทธิ์ชน แค่เริ่มต้นก็ไม่มีความชอบธรรมทางการเมืองแล้ว
.
สถานการณ์รัฐบาลในเวลานี้คือการเริ่มนับเวลาถอยหลังแล้ว โค้งสุดท้ายก็ต่างคนต่างเอาตัวรอด ส่วนพรรคแกนนำรัฐบาลก็กลัวการยุบสภา เพราะรู้ตัวดีว่าวันนี้ถ้าเลือกตั้งก็ไม่รู้จะเอาอะไรไปหาเสียง พรรคแกนนำรัฐบาลก็จะพยายามประคับประคองกับพรรคร่วมรัฐบาลให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ ปั้นตัวเลขขึ้นมาบอกว่าเศรษฐกิจดีแบบนั้นแบบนี้ ผลักดันนโยบายแบบลูบหน้าปะจมูกอย่างเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ประชาชนต้องช่วยกันส่งเสียงไปถึงรัฐบาลว่าถ้ายังบริหารบ้านเมืองและเล่นการเมืองกันแบบนี้ ประชาชนจะไม่ทนอีกต่อไปแล้ว และวิธีการส่งเสียงที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งในระบอบประชาธิปไตยก็คือการส่งเสียงผ่านคูหาเลือกตั้งวันที่ 27 เมษายนนี้
.
ขณะที่ นายณัฐกิตต์ ผู้สมัครพรรคประชาชน กล่าวปราศรัยว่า ถ้าไม่ใช่พรรคการเมืองอย่างพรรคประชาชน ตนคงไม่เข้ามาทำงานการเมือง เพราะเบื่อการเมืองเดิมๆ ที่ไม่เห็นหัวประชาชน อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในประเทศไทย 2 ปีที่ผ่านมาของรัฐบาลชุดนี้ ต้องถามว่าเขาทำอะไรให้ประชาชนบ้าง ตนเห็นแต่ปัญหา ถ้าคิดว่ารัฐบาลบริหารงานไม่ดี มีแต่ปัญหา ขอให้ตนได้เข้าไปเป็นตัวแทนพ่อแม่พี่น้องในสภาฯ เข้าไปสะท้อนปัญหาของพี่น้องด้วยตัวเอง ขอโอกาสจากประชาชน
.
จากนั้น นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ขึ้นปราศรัยปิดท้าย ว่า การเลือกตั้งวันที่ 27 เมษายนนี้ คือจุดเริ่มต้นที่จะทำให้การเมืองนครศรีธรรมราชและประเทศไทยเป็นการเมืองที่ประชาชนต้องการมาโดยตลอด ที่ผ่านมามีความพยายามโจมตีพรรคประชาชนเพื่อให้คนที่ออกไปเลือกตั้งเกิดความลังเล วันนี้ตนในฐานะหัวหน้าพรรคขอพูดแทนทุกคนว่า พรรคประชาชนไม่เอานายใหญ่ ไม่ร่วมกับรัฐบาลชุดนี้แน่นอน ขอให้ประชาชนร่วมกันออกไปเลือกกันให้ดีๆ ให้ได้พรรคที่ใช่ได้คนที่ถูก ถ้ากาผิดอาจได้พรรคที่โกหกหลอกลวง ได้พรรคที่เกี่ยวข้องกับการค้าแป้ง ได้พรรคที่ทุจริตการเลือกตั้งจนทำให้ต้องมีการเลือกตั้งในวันนี้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่