พระมหากัสสปะมาโปรดหลวงปู่ชอบ
เรื่องของพระมหากัสสปะที่มาเยี่ยมหลวงปู่ชอบ ฐานสโม
ในตอนนี้ เป็นข้อเขียนของท่านหลวงตาพระมหาบัว ญาณสมฺปนฺโน
ท่านได้เขียนบรรยายไว้ดังนี้ :
ต่อไปนี้ ท่านผู้อ่านก็จะได้นึกวาดภาพ
ไปตามความเป็นไปแห่งเรื่องของท่านหลวงปู่ชอบ ต่อไปอีก
คือ ท่านพักทำความเพียรอยู่ในถ้ำแห่งภูเขาลูกหนึ่ง
ซึ่งห่างจากหมู่บ้านมาก ผิดจากที่เคยอยู่มาก่อน
การบิณฑบาตทั้งไปและกลับ ก็กินเวลาราวสองชั่วโมงกว่า
จนเหงื่อแตกโชก แทบไม่เหลือติดตัว
กว่าจะกลับถึงที่พักแต่ละครั้ง
แต่ท่านก็พอใจ ที่จะอยู่บำเพ็ญด้วยความสมัครใจ
ไม่คิดถึงความลำบากกันดารใดๆ ทั้งสิ้น
การภาวนา ก็เป็นไปด้วยความดูดดื่ม ไม่จืดจาง
คืนวันหนึ่ง พอจิตสงบตัวลงไม่นานนัก
ก็ปรากฏเห็นพระอรหันต์องค์หนึ่ง
ซึ่งท่านว่า คือพระมหากัสสปะเถระ
เหาะลอยมาทางอากาศ มุ่งหน้ามาหาท่าน
และค่อยๆ เหาะลงมา
ราวกับมีเบรกห้ามล้อเหมือนรถยนต์ของเรา
ส่วนท่านอาจารย์องค์นั้น — หมายถึงหลวงปู่ชอบ —
ท่านปรากฏในนิมิตภาวนาว่า
ท่านลุกขึ้นกราบไหว้ท่าน ด้วยความตื้นตันใจ
ทั้งที่ใจยังอยู่ในสมาธิ
ขณะที่ท่านพระเถระเหาะลงมาถึงทีแรก
ก็ค่อยๆ หย่อนองค์ลงมาจนถึงพื้น
เสร็จแล้วนั่งพับเพียบเรียบร้อยที่ตรงหน้าท่าน
ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ที่เต็มไปด้วยรัศมีแพรวพราวรอบองค์
มีลักษณะท่าทางอ่อนโยน ด้วยเมตตา
ราวกับหมอผู้มีอัธยาศัยใจเอื้ออารี
ต่อคนไข้เข้ามาถามดูอาการด้วยความเป็นห่วง
หวังจะช่วยอนุเคราะห์ ด้วยหยูกยาและวิธีการต่างๆ
อย่างเต็มสติและกำลังความสามารถ
พระอรหันต์องค์นั้น ก็เช่นเดียวกัน
พอนั่งพับเพียบเรียบร้อย ด้วยทั้งอัธยาศัยที่เต็มไปด้วยเมตตา
หวังธรรมานุเคราะห์แก่ท่านแล้ว
ก็ถามด้วยความเอื้อเฟื้อว่า :
“เป็นอย่างไร ขันธปัญจก กับใจ
ซึ่งเป็นเจ้าของแห่งวัฏฏะของท่าน
พอเป็นไปอยู่ละหรือ?
จิตพอจะเห็นโทษ และเบื่อหน่ายต่อการเกิดตายบ้างหรือยัง?
ผมเป็นห่วงท่าน
กลัวว่าจิตที่เคยนอนไม่ตื่นมาเป็นอนันตกาลจนนับประมาณมิได้
จะไม่สนใจอยากตื่น
พอมองเห็นทางเพื่อพระนิพพาน
อันเป็นแดนลึกลับสำหรับสัตว์โลก
ผู้ไม่สนใจจะตื่นจากหลับ
คือ ความเพลินหลงในสิ่งหลอกลวงทั้งหลาย
สิ่งที่มีประจำอยู่ในแดนของสัตว์โลก
ผู้ชอบลุ่มหลงยิ่งกว่าความชอบรู้จริง เห็นจริง
ซึ่งมีอยู่ในแดนเดียวกัน
จึงได้มุ่งมา
เมื่อมาถึงแล้ว ก็น่าอนุโมทนา
ในกำลังศรัทธา และข้อปฏิบัติที่ท่านบำเพ็ญอยู่เวลานี้”
นี่เป็นประโยคแรก ที่ท่านพระมหากัสสปะ
ทักทาย ไต่ถาม ด้วยความเป็นห่วงและเมตตา
ท่านหลวงปู่ชอบ
เรียนตอบพระอรหันต์โดยทางสมาธิภาวนา ว่า :
“ขันธ์ของเกล้ากระผม ก็พอทนกันไปแบบโลกๆ เขาทนกัน
ส่วนจิต ก็พยายามตะเกียกตะกาย ปลุกปล้ำกันไป
เพื่อความเห็นโทษแห่งการลืมตัว
มั่วสุมกับสิ่งที่เป็นพาลภายใน
ซึ่งคอยหลอกหลอนให้ลุ่มหลงไปตามตลอดเวลา
พอได้รับความร่มเย็น
เห็นโทษแห่งวัฏฏะบ้าง เท่าที่สติปัญญาสามารถ”
พระมหากัสสปะมาโปรดหลวงปู่ชอบ
เรื่องของพระมหากัสสปะที่มาเยี่ยมหลวงปู่ชอบ ฐานสโม
ในตอนนี้ เป็นข้อเขียนของท่านหลวงตาพระมหาบัว ญาณสมฺปนฺโน
ท่านได้เขียนบรรยายไว้ดังนี้ :
ต่อไปนี้ ท่านผู้อ่านก็จะได้นึกวาดภาพ
ไปตามความเป็นไปแห่งเรื่องของท่านหลวงปู่ชอบ ต่อไปอีก
คือ ท่านพักทำความเพียรอยู่ในถ้ำแห่งภูเขาลูกหนึ่ง
ซึ่งห่างจากหมู่บ้านมาก ผิดจากที่เคยอยู่มาก่อน
การบิณฑบาตทั้งไปและกลับ ก็กินเวลาราวสองชั่วโมงกว่า
จนเหงื่อแตกโชก แทบไม่เหลือติดตัว
กว่าจะกลับถึงที่พักแต่ละครั้ง
แต่ท่านก็พอใจ ที่จะอยู่บำเพ็ญด้วยความสมัครใจ
ไม่คิดถึงความลำบากกันดารใดๆ ทั้งสิ้น
การภาวนา ก็เป็นไปด้วยความดูดดื่ม ไม่จืดจาง
คืนวันหนึ่ง พอจิตสงบตัวลงไม่นานนัก
ก็ปรากฏเห็นพระอรหันต์องค์หนึ่ง
ซึ่งท่านว่า คือพระมหากัสสปะเถระ
เหาะลอยมาทางอากาศ มุ่งหน้ามาหาท่าน
และค่อยๆ เหาะลงมา
ราวกับมีเบรกห้ามล้อเหมือนรถยนต์ของเรา
ส่วนท่านอาจารย์องค์นั้น — หมายถึงหลวงปู่ชอบ —
ท่านปรากฏในนิมิตภาวนาว่า
ท่านลุกขึ้นกราบไหว้ท่าน ด้วยความตื้นตันใจ
ทั้งที่ใจยังอยู่ในสมาธิ
ขณะที่ท่านพระเถระเหาะลงมาถึงทีแรก
ก็ค่อยๆ หย่อนองค์ลงมาจนถึงพื้น
เสร็จแล้วนั่งพับเพียบเรียบร้อยที่ตรงหน้าท่าน
ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ที่เต็มไปด้วยรัศมีแพรวพราวรอบองค์
มีลักษณะท่าทางอ่อนโยน ด้วยเมตตา
ราวกับหมอผู้มีอัธยาศัยใจเอื้ออารี
ต่อคนไข้เข้ามาถามดูอาการด้วยความเป็นห่วง
หวังจะช่วยอนุเคราะห์ ด้วยหยูกยาและวิธีการต่างๆ
อย่างเต็มสติและกำลังความสามารถ
พระอรหันต์องค์นั้น ก็เช่นเดียวกัน
พอนั่งพับเพียบเรียบร้อย ด้วยทั้งอัธยาศัยที่เต็มไปด้วยเมตตา
หวังธรรมานุเคราะห์แก่ท่านแล้ว
ก็ถามด้วยความเอื้อเฟื้อว่า :
“เป็นอย่างไร ขันธปัญจก กับใจ
ซึ่งเป็นเจ้าของแห่งวัฏฏะของท่าน
พอเป็นไปอยู่ละหรือ?
จิตพอจะเห็นโทษ และเบื่อหน่ายต่อการเกิดตายบ้างหรือยัง?
ผมเป็นห่วงท่าน
กลัวว่าจิตที่เคยนอนไม่ตื่นมาเป็นอนันตกาลจนนับประมาณมิได้
จะไม่สนใจอยากตื่น
พอมองเห็นทางเพื่อพระนิพพาน
อันเป็นแดนลึกลับสำหรับสัตว์โลก
ผู้ไม่สนใจจะตื่นจากหลับ
คือ ความเพลินหลงในสิ่งหลอกลวงทั้งหลาย
สิ่งที่มีประจำอยู่ในแดนของสัตว์โลก
ผู้ชอบลุ่มหลงยิ่งกว่าความชอบรู้จริง เห็นจริง
ซึ่งมีอยู่ในแดนเดียวกัน
จึงได้มุ่งมา
เมื่อมาถึงแล้ว ก็น่าอนุโมทนา
ในกำลังศรัทธา และข้อปฏิบัติที่ท่านบำเพ็ญอยู่เวลานี้”
นี่เป็นประโยคแรก ที่ท่านพระมหากัสสปะ
ทักทาย ไต่ถาม ด้วยความเป็นห่วงและเมตตา
ท่านหลวงปู่ชอบ
เรียนตอบพระอรหันต์โดยทางสมาธิภาวนา ว่า :
“ขันธ์ของเกล้ากระผม ก็พอทนกันไปแบบโลกๆ เขาทนกัน
ส่วนจิต ก็พยายามตะเกียกตะกาย ปลุกปล้ำกันไป
เพื่อความเห็นโทษแห่งการลืมตัว
มั่วสุมกับสิ่งที่เป็นพาลภายใน
ซึ่งคอยหลอกหลอนให้ลุ่มหลงไปตามตลอดเวลา
พอได้รับความร่มเย็น
เห็นโทษแห่งวัฏฏะบ้าง เท่าที่สติปัญญาสามารถ”