ยาวนิดนึง... ตะแกรงร่อนพระ : แยก “พระดัง-พระดี” ในสมัยพุทธกาล
#พระพุทธศาสนาในอดีตจนถึงปัจจุบัน ล้วนมีทั้ง พระดี และ พระไม่ดี ปะปนกันไป เหมือนกับตะแกรงที่ต้องร่อนเอาสิ่งดีๆ ไว้ ส่วนสิ่งไม่ดีก็ปล่อยไปตามกรรม...
#ตัวอย่างพระยอดดื้อในสมัยพุทธกาล
1.พระดื่มเหล้า เช่น พระสาคตะ
2.พระหัวแข็งไม่ฟังใคร เช่น พระฉัพพัคคีย์, พระติสสะ, พระฉันนะ
3.พระโลภมากในลาภสักการะ เช่น พระอุปนันทศากยบุตร
4.พระชอบทะเลาะกับโยม เช่น พระสุธรรม วิวาทกับจิตตคหบดี
5.พระทะเลาะกันเอง แม้พระพุทธเจ้าห้ามก็ไม่ฟัง เช่น พระชาวเมืองโกสัมพี
6.พระถูกฆ่า เช่น พระมหาโมคคัลลานะ โดนโจรทำร้ายจนถึงแก่ชีวิต
7.พระสายบันเทิง เช่น ขับรถ เต้นแร็ป ชกมวย อย่างพระอัสสชิ พระปุนัพพสุกะ
8.พระขี้ลวนลาม เช่น พระอุทายี แอบลูบก้นภรรยาชาวบ้าน
9.พระนักเลง เช่น พระฉัพพัคคีย์ ยกพวกตีพระจนร้องไห้
10.พระชอบอวดเก่ง เช่น พระโลฬุทายี
11.พระเทวทัต สุดยอดแห่งความดื้อ วางแผนฆ่าพระพุทธเจ้า
12.ภิกษุณีค้าประเวณี ลับหลังพระธรรมวินัย เพื่อแลกปัจจัย
จะเห็นได้ว่า พระในสมัยพุทธกาลก็ใช่ว่าจะดีหมด มีทั้งดีและเสีย เพราะต่างก็ยังมีกิเลส ราคะ โทสะ โมหะ ไม่ต่างจากมนุษย์ทั่วไป
---
#ตัวอย่างพระดี-บุคคลงดงามในพุทธกาล
พระผู้กตัญญู : พระสารีบุตร อัครสาวกผู้เลิศด้วยปัญญา
พระมักน้อย สันโดษ : พระมหากัสสปะ, พระโกณฑัญญะ
พระผู้สุภาพ อ่อนน้อม : พระอานนท์ ยอดพระอุปัฏฐาก
พระว่านอนสอนง่าย : พระราธะ ผู้บวชเมื่อแก่
พระนักเทศน์ฝีปากกล้า : พระกุมารกัสสปะ, พระมหากัจจายนะ
พระผู้ถ่อมตน : พระอัสสชิ
พระสายบู๊ : พระมหาโมคคัลลานะ ผู้กล้าหาญ
พระผู้สละราชสมบัติ : พระมหากัปปินะ, พระภัททิยะ
ภิกษุณีผู้เคร่งครัด : นางปฏาจารา, นางเขมาเถรี
สามเณรยอดใฝ่เรียน : สามเณรราหุล ผู้เคารพครู
ฆราวาสใจบุญ : อนาถบิณฑิกเศรษฐี, นางวิสาขา
บุคคลเหล่านี้ คือตัวอย่าง “เพชร” ที่ร่อนออกจาก “ดิน” เป็นผู้ควรกราบไหว้และเอาเป็นแบบอย่าง
---
เพราะอะไรยุคไหนก็มีทั้งคนดี-คนชั่ว?
เพราะมนุษย์เราต่างมีกิเลสเหมือนกัน — ราคะ โทสะ โมหะ — เป็นนายที่สั่งการชีวิต
ใครฝึกดี ย่อมดีงาม
ใครตามใจกิเลส ก็ย่อมเสื่อมเสีย
> พระพุทธเจ้า ทรงใช้ “การศึกษา + การฝึกฝน” เป็นเครื่องมือพัฒนามนุษย์
เหมือนช้าง ม้า ที่ต้องฝึกก่อนจึงจะใช้งานได้
คนที่ฝึกดีแล้ว ย่อมเป็นมนุษย์ผู้ประเสริฐ
---
อย่าด่วนตัดสินทั้งระบบเพราะคนบางคน
ใครทำดี ก็ได้รับผลดี
ใครทำชั่ว ก็หนีกรรมไม่พ้น
อย่าเอาความผิดของ “บางรูป” มาทำลาย “พระพุทธศาสนาทั้งหมด”
อย่าประชดว่า “จะกราบแต่พระพุทธรูป ไม่กราบพระแล้ว”
อย่าลืมว่า “เราเอง” ก็เป็นเจ้าของศาสนา ไม่ต่างจากเจ้าของบ้านเวลามีขโมย!
---
หน้าที่ของพุทธบริษัทคืออะไร?
ศึกษา พัฒนา ฝึกฝนตนเอง
ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท
รู้จักแยกแยะ ร่อน “พระแท้” ออกจาก “เปลือกพระ”
> เพราะพระพุทธเจ้ายังประเสริฐ
พระธรรมยังเลิศ
พระอริยสงฆ์ยังเป็นแบบอย่างได้
เราจะมัวตีโพยตีพายอยู่ไย?
---
บทกวีเตือนใจ
> สองคนยลตามช่อง
คนหนึ่งมองเห็นโคลนตม
อีกคนตาแหลมคม
เห็นดวงดาวอยู่พราวพราย ✨
---
ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านเป็นผู้มองเห็นดวงดาว ไม่หลงมัวในโคลนตมของกิเลส
#ร่อนพระ #ศาสนาคือบ้านของเรา #แยกแยะอย่าด่วนตัดสิน #ธรรมะทันสมัย
เอามาจากไลน์... ตะแกรงร่อนพระ : แยก “พระดัง-พระดี” ในสมัยพุทธกาล
#พระพุทธศาสนาในอดีตจนถึงปัจจุบัน ล้วนมีทั้ง พระดี และ พระไม่ดี ปะปนกันไป เหมือนกับตะแกรงที่ต้องร่อนเอาสิ่งดีๆ ไว้ ส่วนสิ่งไม่ดีก็ปล่อยไปตามกรรม...
#ตัวอย่างพระยอดดื้อในสมัยพุทธกาล
1.พระดื่มเหล้า เช่น พระสาคตะ
2.พระหัวแข็งไม่ฟังใคร เช่น พระฉัพพัคคีย์, พระติสสะ, พระฉันนะ
3.พระโลภมากในลาภสักการะ เช่น พระอุปนันทศากยบุตร
4.พระชอบทะเลาะกับโยม เช่น พระสุธรรม วิวาทกับจิตตคหบดี
5.พระทะเลาะกันเอง แม้พระพุทธเจ้าห้ามก็ไม่ฟัง เช่น พระชาวเมืองโกสัมพี
6.พระถูกฆ่า เช่น พระมหาโมคคัลลานะ โดนโจรทำร้ายจนถึงแก่ชีวิต
7.พระสายบันเทิง เช่น ขับรถ เต้นแร็ป ชกมวย อย่างพระอัสสชิ พระปุนัพพสุกะ
8.พระขี้ลวนลาม เช่น พระอุทายี แอบลูบก้นภรรยาชาวบ้าน
9.พระนักเลง เช่น พระฉัพพัคคีย์ ยกพวกตีพระจนร้องไห้
10.พระชอบอวดเก่ง เช่น พระโลฬุทายี
11.พระเทวทัต สุดยอดแห่งความดื้อ วางแผนฆ่าพระพุทธเจ้า
12.ภิกษุณีค้าประเวณี ลับหลังพระธรรมวินัย เพื่อแลกปัจจัย
จะเห็นได้ว่า พระในสมัยพุทธกาลก็ใช่ว่าจะดีหมด มีทั้งดีและเสีย เพราะต่างก็ยังมีกิเลส ราคะ โทสะ โมหะ ไม่ต่างจากมนุษย์ทั่วไป
---
#ตัวอย่างพระดี-บุคคลงดงามในพุทธกาล
พระผู้กตัญญู : พระสารีบุตร อัครสาวกผู้เลิศด้วยปัญญา
พระมักน้อย สันโดษ : พระมหากัสสปะ, พระโกณฑัญญะ
พระผู้สุภาพ อ่อนน้อม : พระอานนท์ ยอดพระอุปัฏฐาก
พระว่านอนสอนง่าย : พระราธะ ผู้บวชเมื่อแก่
พระนักเทศน์ฝีปากกล้า : พระกุมารกัสสปะ, พระมหากัจจายนะ
พระผู้ถ่อมตน : พระอัสสชิ
พระสายบู๊ : พระมหาโมคคัลลานะ ผู้กล้าหาญ
พระผู้สละราชสมบัติ : พระมหากัปปินะ, พระภัททิยะ
ภิกษุณีผู้เคร่งครัด : นางปฏาจารา, นางเขมาเถรี
สามเณรยอดใฝ่เรียน : สามเณรราหุล ผู้เคารพครู
ฆราวาสใจบุญ : อนาถบิณฑิกเศรษฐี, นางวิสาขา
บุคคลเหล่านี้ คือตัวอย่าง “เพชร” ที่ร่อนออกจาก “ดิน” เป็นผู้ควรกราบไหว้และเอาเป็นแบบอย่าง
---
เพราะอะไรยุคไหนก็มีทั้งคนดี-คนชั่ว?
เพราะมนุษย์เราต่างมีกิเลสเหมือนกัน — ราคะ โทสะ โมหะ — เป็นนายที่สั่งการชีวิต
ใครฝึกดี ย่อมดีงาม
ใครตามใจกิเลส ก็ย่อมเสื่อมเสีย
> พระพุทธเจ้า ทรงใช้ “การศึกษา + การฝึกฝน” เป็นเครื่องมือพัฒนามนุษย์
เหมือนช้าง ม้า ที่ต้องฝึกก่อนจึงจะใช้งานได้
คนที่ฝึกดีแล้ว ย่อมเป็นมนุษย์ผู้ประเสริฐ
---
อย่าด่วนตัดสินทั้งระบบเพราะคนบางคน
ใครทำดี ก็ได้รับผลดี
ใครทำชั่ว ก็หนีกรรมไม่พ้น
อย่าเอาความผิดของ “บางรูป” มาทำลาย “พระพุทธศาสนาทั้งหมด”
อย่าประชดว่า “จะกราบแต่พระพุทธรูป ไม่กราบพระแล้ว”
อย่าลืมว่า “เราเอง” ก็เป็นเจ้าของศาสนา ไม่ต่างจากเจ้าของบ้านเวลามีขโมย!
---
หน้าที่ของพุทธบริษัทคืออะไร?
ศึกษา พัฒนา ฝึกฝนตนเอง
ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท
รู้จักแยกแยะ ร่อน “พระแท้” ออกจาก “เปลือกพระ”
> เพราะพระพุทธเจ้ายังประเสริฐ
พระธรรมยังเลิศ
พระอริยสงฆ์ยังเป็นแบบอย่างได้
เราจะมัวตีโพยตีพายอยู่ไย?
---
บทกวีเตือนใจ
> สองคนยลตามช่อง
คนหนึ่งมองเห็นโคลนตม
อีกคนตาแหลมคม
เห็นดวงดาวอยู่พราวพราย ✨
---
ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านเป็นผู้มองเห็นดวงดาว ไม่หลงมัวในโคลนตมของกิเลส
#ร่อนพระ #ศาสนาคือบ้านของเรา #แยกแยะอย่าด่วนตัดสิน #ธรรมะทันสมัย