หลายคนกล่าวว่าพระสงฆ์สมัยนี้ไม่ดีเยอะ ทำให้ชาวพุทธเสื่อมศรัทธา
แท้จริงพระพุทธเจ้าทรงแยกสงฆ์ เป็น 2 ประเภท ประกอบด้วย
1.สมมุติสงฆ์ คือ สงฆ์โดยสมมุติ หรือมนุษย์กิเลสหนาทั่วไปที่พระพุทธเจ้าสมมุติให้เป็นสงฆ์ ให้บวชเพื่อศึกษา ปฏิบัติชำระกิเลสให้เบาบางลง
2.พระอริยสงฆ์ คือ สงฆ์ที่บรรลุพระอริยเจ้า ตั้งแต่โสดาบันจนถึงพระอรหันต์ กิเลสเบาบางลงจนถึงละแล้วซึ่งกิเลส 100% ถ้าเป็นพระโสดาบันจะรักษาศีล 5 ครบ 100% โดยอัตโนมัติรักศีลยิ่งกว่าชีวิต
ดังนั้น สังคมพระสงฆ์ ก็ไม่ต่างจากสังคมมนุษย์ทั่วไป มีทั้งมนุษย์ที่กิเลสหนา ทำชั่วได้สารพัด และพระอริยสงฆ์ผู้ดีเลิศประเสริฐละซึ่งกิเลสแล้ว
สมมุติสงฆ์ที่กระทำชั่วมีมาแต่สมัยพุทธกาลแล้ว เป็นที่มาของการบัญญัติพระธรรมวินัยและศีล 227 ข้อ ก็ล้วนมาจากสมมุติสงฆ์กระทำผิดชั่วช้า พระพุทธเจ้าจึงทรงบัญญัติข้อห้ามไว้ สงฆ์ที่ชั่วที่สุดในสมัยพุทธกาล คือ พระเทวทัต ยุยงให้พระเจ้าอชาตศัตรูฆ่าพ่อตนเอง พระเจ้าพิมพิสารซึ่งเป็นพระโสดาบัน พระเทวทัตยังวางแผนจะฆ่าพระพุทธเจ้าอีกหลายครั้งเพราะอยากขึ้นมาปกครองหมู่สงฆ์แทนพระพุทธเจ้า
หลังจากพระเจ้าปรินิพพานเพียง 300 ปี พ.ศ. 300 พระเจ้าอโศกมหาราชจับพระสึก 60,000 กว่ารูปเพื่อธำรงรักษาไว้ซึ่งพระธรรมวินัย เนื่องจากสมมุติสงฆ์กระสงฆ์กระทำบาป ชั่วช้า
ในปี พ.ศ. 2321 สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงพบว่าพระสงฆ์บางรูปประพฤติผิดวินัยร้ายแรง เช่น ล่วงละเมิดศีลธรรม ทำผิดพระวินัย ปล้นสะดม เสพเมถุน และดื่มสุรา จับสึกถึง 4,136 รูป
ไม่ว่ายุสมัยไหน แต่สมัยพุทธกาลจนถึงปัจจุบัน ตราบใดที่มนุษย์ยังถูกครอบงำด้วยกิเลส อวิชชาย่อมกระทำชั่วช้าได้สารพัดรูปแบบ เมื่อมนุษย์กิเลสหนาเข้าไปอยู่สังคมใดย่อมสร้างความวิบัติให้สังคมนั้น ทั้งครูบาอาจารย์ หมอ ทหาร ตำรวจ ข้าราชการ การเมือง พระสงฆ์ ย่อมมีพวกกิเลสหนาแฝงตัวเข้าไปได้ทุกวงการ
ดังนั้น เราควรวางใจเป็นกลาง ยึดเอา พระธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า คือ อริยสัจ 4- ไตรลักษณ์- มรรคมีองค์ 8- ทาน ศีล สมาธิ วิปัสสนา (ปัญญา) ด้วยการน้อมนำมาปฏิบัติ และทำบุญอุปัฏฐากพระพระอริยเจ้า ซึ่งมีมากมายแล้วแต่บุญวาสนาจะได้เจอท่านไหม ใครได้ทำบุญกับพระอริยเจ้า เหมือนคนถูกรางวัลที่ 1 เพราะได้ทั้ง ฟังธรรมจากพระอริยเจ้าและได้ผลบุญข้ามภพ ข้ามชาติมากมายมหาศาล อันนี้เป็นเรื่องของบุญวาสนาจริงๆ
หลายคนกล่าวว่าพระสงฆ์สมัยนี้ไม่ดีเยอะ ทำให้ชาวพุทธเสื่อมศรัทธา
แท้จริงพระพุทธเจ้าทรงแยกสงฆ์ เป็น 2 ประเภท ประกอบด้วย
1.สมมุติสงฆ์ คือ สงฆ์โดยสมมุติ หรือมนุษย์กิเลสหนาทั่วไปที่พระพุทธเจ้าสมมุติให้เป็นสงฆ์ ให้บวชเพื่อศึกษา ปฏิบัติชำระกิเลสให้เบาบางลง
2.พระอริยสงฆ์ คือ สงฆ์ที่บรรลุพระอริยเจ้า ตั้งแต่โสดาบันจนถึงพระอรหันต์ กิเลสเบาบางลงจนถึงละแล้วซึ่งกิเลส 100% ถ้าเป็นพระโสดาบันจะรักษาศีล 5 ครบ 100% โดยอัตโนมัติรักศีลยิ่งกว่าชีวิต
ดังนั้น สังคมพระสงฆ์ ก็ไม่ต่างจากสังคมมนุษย์ทั่วไป มีทั้งมนุษย์ที่กิเลสหนา ทำชั่วได้สารพัด และพระอริยสงฆ์ผู้ดีเลิศประเสริฐละซึ่งกิเลสแล้ว
สมมุติสงฆ์ที่กระทำชั่วมีมาแต่สมัยพุทธกาลแล้ว เป็นที่มาของการบัญญัติพระธรรมวินัยและศีล 227 ข้อ ก็ล้วนมาจากสมมุติสงฆ์กระทำผิดชั่วช้า พระพุทธเจ้าจึงทรงบัญญัติข้อห้ามไว้ สงฆ์ที่ชั่วที่สุดในสมัยพุทธกาล คือ พระเทวทัต ยุยงให้พระเจ้าอชาตศัตรูฆ่าพ่อตนเอง พระเจ้าพิมพิสารซึ่งเป็นพระโสดาบัน พระเทวทัตยังวางแผนจะฆ่าพระพุทธเจ้าอีกหลายครั้งเพราะอยากขึ้นมาปกครองหมู่สงฆ์แทนพระพุทธเจ้า
หลังจากพระเจ้าปรินิพพานเพียง 300 ปี พ.ศ. 300 พระเจ้าอโศกมหาราชจับพระสึก 60,000 กว่ารูปเพื่อธำรงรักษาไว้ซึ่งพระธรรมวินัย เนื่องจากสมมุติสงฆ์กระสงฆ์กระทำบาป ชั่วช้า
ในปี พ.ศ. 2321 สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงพบว่าพระสงฆ์บางรูปประพฤติผิดวินัยร้ายแรง เช่น ล่วงละเมิดศีลธรรม ทำผิดพระวินัย ปล้นสะดม เสพเมถุน และดื่มสุรา จับสึกถึง 4,136 รูป
ไม่ว่ายุสมัยไหน แต่สมัยพุทธกาลจนถึงปัจจุบัน ตราบใดที่มนุษย์ยังถูกครอบงำด้วยกิเลส อวิชชาย่อมกระทำชั่วช้าได้สารพัดรูปแบบ เมื่อมนุษย์กิเลสหนาเข้าไปอยู่สังคมใดย่อมสร้างความวิบัติให้สังคมนั้น ทั้งครูบาอาจารย์ หมอ ทหาร ตำรวจ ข้าราชการ การเมือง พระสงฆ์ ย่อมมีพวกกิเลสหนาแฝงตัวเข้าไปได้ทุกวงการ
ดังนั้น เราควรวางใจเป็นกลาง ยึดเอา พระธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า คือ อริยสัจ 4- ไตรลักษณ์- มรรคมีองค์ 8- ทาน ศีล สมาธิ วิปัสสนา (ปัญญา) ด้วยการน้อมนำมาปฏิบัติ และทำบุญอุปัฏฐากพระพระอริยเจ้า ซึ่งมีมากมายแล้วแต่บุญวาสนาจะได้เจอท่านไหม ใครได้ทำบุญกับพระอริยเจ้า เหมือนคนถูกรางวัลที่ 1 เพราะได้ทั้ง ฟังธรรมจากพระอริยเจ้าและได้ผลบุญข้ามภพ ข้ามชาติมากมายมหาศาล อันนี้เป็นเรื่องของบุญวาสนาจริงๆ