ความหมายของการดำรงอยู่ซึ่งตัวตน

กระทู้สนทนา
การถูกมองข้ามถึงการมีอยู่นั้นช่างน่ากลัวพอๆกับคำว่าความตาย
ผมพิมพ์สิ่งนี้เพื่อตกตะกอนของความคิดตัวเองเท่านั้นครับ
ท่านไหนมีความเห็นแบบไหน แชร์ความคิดเห็นกันมาได้ครับผม
----------------------------------------------------------------------------
มนุษย์เกิดมาพร้อมกับเสรีภาพที่ติดตัวมา
แต่เสรีภาพนั้นกลับเหมือนเป็นของขวัญที่ถูกสาป
เราถูกมอบภาระให้เลือกเส้นทางชีวิตเอง
และรับผิดชอบกับทุกผลลัพธ์ที่ตามมา

การดำรงอยู่ของเรา... ไม่ได้อยู่ที่ใครอนุญาต
แต่ขึ้นอยู่กับว่า "ใครมองเห็น"
กลับกันถ้าไม่มีใครรับฟัง ไม่มีใครหันมา
เราก็คล้ายกับไม่มีตัวตน ทั้งที่ยังหายใจอยู่ ถือว่าเป็นสิ่งที่หยาบคายที่สุดต่อความเป็นมนุษย์
ดังนั้นเสรีภาพจึงเหมือนกับสิ่งที่ถูกสาป ให้เรานั้นต้องตระหนักและรับผิดชอบ ต่อมนุษย์ด้วยกันเอง

ความไม่ยุติธรรมที่สะสม มันไม่ได้ทำให้เราชินชา
แต่มันกัดกินหัวใจเราทีละน้อย....จนอยากระเบิดออกมา ว่าฉันนั้นมีตัวตนอยู่ ณ ที่แห่งนี้ จนแม้กระทั้งบางครั้งก็รู้สึกจะอยากใช้ความรุนแรง
แต่ความรุนแรงไม่ใช่ "คำตอบของการดำรงอยู่" เพราะมันสร้างเพียงบาดแผล ไม่ใช่การเยียวยา

เราจึงเลือกจะอดทน และหวังเพียงว่า ความใจดีของใครสักคนหรือบางสิ่งบางอย่าง
จะช่วยให้ใครอีกหลายคน ที่ถูกมองข้ามถึงการ ดำรง อยู่เขาพวกเขา ให้หลุดพ้นจากความเจ็บปวดที่ถูกเมินเฉยอย่างเย็นชา
แม้ว่าสิ่งนั้นจะเป็นความตายก็ตาม

เราเห็นโลกที่หิวโหย…
ไม่ใช่แค่หิวข้าว แต่หิวการเข้าใจ หิวความรัก
หิวการยอมรับว่า “เรามีอยู่ ณ ที่แห่งนี้”

ความหิวโหยนั้นมีอยู่ทุกที่มากมายทั่วทั้งโลก

แม้ว่าจะมอบเงินแสนล้าน อาหารแสนๆตัน การศึกษาที่มากมายมหาศาล ก็ยังไม่พอ
ถ้าใจยังเต็มไปด้วยความโลภ และไม่เคยรู้จักคำว่า "พอ"
การให้จึงไม่ใช่แค่หมายถึงจำนวน แต่มันคือความหมายที่แนบอยู่ "ในการมอบความหมายให้"

และเมื่อใดก็ตามที่เราเลือกจะมองเห็นการดำรงอยู่ของใครสักคน
แม้เพียงแค่ฟังเขาจนจบ ไม่ตัดสิน ไม่เมินเฉย นั่นก็เพียงพอแล้ว...
ที่จะทำให้โลกอุ่นขึ้นเล็กน้อย จากความหนาวเย็นที่ไม่ได้มาจากอากาศ แต่มาจากการที่เรานั้นถูกเมินเฉย ต่อการดำรงอยู่

เราอาจไม่เป็นมิตรกับทุกคนบนโลก
แต่เรายังเชื่อว่าบนโลกที่หนาวเย็นใบนี้
จะมีแสงเทียนอ่อนๆ ปรากฏให้กับผู้ที่ยังรอคอยถึงความหวังที่จะได้เห็น

เราไม่ขออะไรจากสิ่งที่เหนือธรรมชาติว่า ช่วยทำให้พวกเขาเหล่านั้นตระหนักถึงการมีอยู่ ณ ที่แห่งนี้
นอกจากความเข้มแข็งที่จะไม่ลืม ว่าเราเองก็ยังเป็น "มนุษย์"
และเราจะไม่ทอดทิ้งกัน

Vanitas vanitatum, et omnia vanitas.
ทุกสิ่งว่างเปล่า... แต่ภายใต้ความว่างเปล่านั้น
เรามีการดำรงอยู่
และการดำรงอยู่ของเรานั้น "มีความหมาย"

แม้เพียงชั่วขณะเดียวก็ตาม
------------------------------------------------------------
ครั้งหนึ่งฉันเคยกลัวคำว่า ตาย เพราะคำว่าตายนั้นสำหรับฉันมันคือการที่จบทุกอย่างของเรื่องราวชีวิตนี้
และไม่มีแม้กระทั้งความทรงจำของตัวเองหลงเหลือเลย
ฉันกลัวถึงการถูกลืมว่า ฉันนั้นเคยมี ตัวตนอยู่ ฉันจึงได้แต่คิดว่าฉันอาจจะไปถึงสวรรค์ในสักวันหนึ่ง
จนกระทั่งฉันไม่มั่นใจถึงความคิดของสวรรค์ และได้นั่งคิดพร้อมกับฟังเสียงของตัวเอง ว่า

หากสิ่งที่เรียกว่าสวรรค์นั้นมีอยู่จริง มันคงเป็นสถานที่ที่พึงพอใจอย่างถึงที่สุด
จนไม่มีใครอยากจากมาอีกเลย

และหากใครอยาก ออกมา นั่นแปลว่าสวรรค์นั้นยังมีช่องว่าง
และอาจไม่ใช่สวรรค์เลยตั้งแต่ต้น

สวรรค์จึงอาจไม่ได้มีอยู่จริงในฐานะสถานที่
แต่มันอาจจะอยู่ในใจ ในขณะที่เรารู้สึกว่า "ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว"

และหากความตายคือการลบทุกอย่าง แม้แต่ความทรงจำ
นั่นก็ไม่ได้ทำให้สิ่งที่เราเคยรู้สึก กลายเป็นของปลอม

เพราะความหมายของการมีอยู่ ไม่ได้อยู่ที่มันจะอยู่ตลอดไป
แต่มันอยู่ที่ เราได้ "มีอยู่จริง" หรือไม่
ในวินาทีนั้น ที่หัวใจของเรายังเต้น และยังเลือกที่จะเมตตาในการมีชีวิตอยู่ของตัวเองต่อไป

เราจึงไม่ต้องกลัวว่าอะไรจะหลงเหลือ
เพราะความจริงที่สุดคือสิ่งที่เราทำไว้ “ก่อนมันจะหายไป”
----------------------------------------------------------------

และนั่นอาจจะเป็นคำตอบของการดำรงอยู่ของตัวเราเองที่ผมตีความได้แบบนี้ครับ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่