หากคุณค้นหาศาสนาที่เติบโตเร็วที่สุด ชื่อหนึ่งจะปรากฏขึ้นเสมอ นั่นคือ ศาสนาอิสลาม แม้จะมีความเข้าใจผิดอย่างต่อเนื่องและการตรวจสอบของสื่อ อย่างเช่นการใช้ตรรกะข้างบนนี้ แต่ศาสนาอิสลามยังคงเข้าถึงหัวใจของผู้คนนับล้านทั่วโลก

ด้วยเหตุที่ว่ามีผู้นับถือ เกือบ 2 พันล้านคน ศาสนาอิสลามเป็นตัวแทนของประชากรโลกหนึ่งในสี่ ซึ่งมากกว่าประเทศใดๆ แต่สิ่งใดหรือที่ขับเคลื่อนการเติบโตที่ไม่อาจหยุดยั้งนี้ได้

แม้ว่าอัตราการเกิดจะส่งผลให้ศาสนาอิสลามขยายตัว แต่ศาสนาอิสลามไม่ได้เติบโตผ่านครอบครัวเท่านั้น แต่ผู้คนหลายพันคน รวมถึงคนดังๆ ปัญญาชน และแม้แต่อดีตนักวิจารณ์ ต่างก็เลือกที่จะเข้ารับศาสนาอิสลามทุกๆปี แต่ทำไม? อะไรในศาสนาอิสลามที่ดึงดูดผู้คน แม้ว่าจะมีแง่ลบอยู่รอบๆ ก็ตาม

ในที่นี้ เราจะมาสำรวจเหตุผลสำคัญสี่ประการที่ทำให้ผู้คนจากทุกสาขาอาชีพหันมานับถือศาสนาอิสลาม

1. ​​ความจริงเหนือกาลเวลาที่ไม่สั่นคลอน
เหตุผลที่ทรงพลังที่สุดประการหนึ่งเบื้องหลังการเติบโตของศาสนาอิสลามคือความจริงที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ข้อความของพระองค์ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงมาเป็นเวลากว่า 1,400 ปี โดยให้ความกระจ่างชัดในโลกที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง

แม้กระทั่งก่อนที่ท่านจะเป็นศาสดา ศาสดามูฮัมหมัด (ขอสันติภาพจงมีแด่ท่าน) ก็เป็นที่รู้จักในนาม “อัล-อามิน” (ผู้ไว้วางใจได้) แม้จะเผชิญกับการข่มเหง การคว่ำบาตร และแม้กระทั่งการเนรเทศ ท่านก็ไม่เคยลังเลในการส่งสารของพระองค์ คำพูดของพระองค์ยังคงก้องกังวานตลอดประวัติศาสตร์:

“หากพวกเขาให้ดวงอาทิตย์อยู่ในมือขวาของฉันและดวงจันทร์อยู่ในมือซ้ายของฉัน ฉันก็จะไม่ละทิ้งภารกิจนี้”

อัลกุรอานเองก็ตอกย้ำเรื่องนี้:

“และจงกล่าวว่า ความจริงได้เกิดขึ้นแล้ว ความเท็จได้สูญสิ้นไป แท้จริง ความเท็จย่อมสูญสิ้นไป” (อัลกุรอาน 17:81)

สำหรับผู้เปลี่ยนศาสนาจำนวนมาก ความถูกต้องแท้จริงของศาสนาอิสลามนั้นไม่อาจปฏิเสธได้ ซึ่งแตกต่างจากระบบความเชื่ออื่นๆ ที่ต่อสู้กับความไม่สอดคล้องหรือการเปลี่ยนแปลงของมนุษย์ ศาสนาอิสลามมอบข้อความโดยตรงจากผู้สร้างซึ่งได้รับการเก็บรักษาไว้—นำทางหัวใจด้วยความจริงที่ไม่เคยเลือนหายไป

2. แนวทางและเหตุผลของนักคิดและผู้มีอิทธิพล
ข้อความของศาสนาอิสลามสะท้อนไปไกลเกินกว่าบุคคลทั่วไป—มันเข้าถึงแม้แต่จิตใจที่คลางแคลงใจที่สุด บุคคลที่มีชื่อเสียงที่สุดบางคนที่เข้ารับอิสลาม ได้แก่:

Joram van Klaveren – อดีตนักการเมืองชาวดัตช์ที่ตั้งใจจะเขียนหนังสือต่อต้านอิสลาม แต่กลับตระหนักถึงความจริงของศรัทธาที่เขาเคยต่อต้าน
Shaun King – นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิพลเมืองชาวอเมริกันที่มีชื่อเสียงซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากศาสนาอิสลาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านความอดทนและศรัทธาของชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา
Yusuf Islam (เดิมชื่อ Cat Stevens) – นักดนตรีที่มีชื่อเสียงระดับโลกที่ละทิ้งชื่อเสียงหลังจากอ่านคัมภีร์อัลกุรอาน และเปลี่ยนแปลงตัวเองไปตลอดกาลด้วยภูมิปัญญาของคัมภีร์นี้
เรื่องราวของพวกเขาทำหน้าที่เป็นเครื่องเตือนใจว่าไม่ว่าพื้นเพของใครจะเป็นอย่างไร อิสลามก็พูดกับจิตวิญญาณในแบบที่ชื่อเสียง อำนาจ หรือความคลางแคลงใจใดๆ ก็ไม่สามารถปิดปากได้ ดังที่คัมภีร์อัลกุรอานกล่าวไว้:

“เมื่อความจริงมาถึงพวกเขา พวกเขาก็รับรู้ได้ แต่บางคนก็หันหลังให้ด้วยความเย่อหยิ่ง” (อัลกุรอาน 27:14)

บุคคลเหล่านี้ไม่ได้เปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลามเพราะกระแสหรืออารมณ์ พวกเขาเปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลามเพราะพบว่าคำสอนบางอย่างในศาสนาอิสลามที่ไม่มีในที่อื่น นั่นคือ ความชัดเจน จุดมุ่งหมาย และสันติภาพ

3. ศรัทธาที่สร้างขึ้นจากเหตุผลและหลักฐาน
สิ่งที่ต่างจากระบบศาสนาอื่นๆ ที่อาศัยแต่ศรัทธาเท่านั้น ศาสนาอิสลามส่งเสริมการคิดวิเคราะห์ การตั้งคำถาม และการไตร่ตรองอย่างแข็งขัน อัลกุรอานท้าทายผู้อ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า:

"พวกเขาไม่ไตร่ตรองอัลกุรอานหรือ? หากอัลกุรอานมาจากที่อื่นที่ไม่ใช่อัลลอฮ์ พวกเขาคงพบว่ามีความขัดแย้งมากมายในนั้น"
(อัลกุรอาน 4:82)

อิสลามไม่ได้สอนให้มีความเชื่ออย่างงมงาย แต่เชิญชวนให้ผู้คนแสวงหาความรู้ ไตร่ตรองจักรวาล และตั้งคำถามกับทุกสิ่ง การค้นพบทางวิทยาศาสตร์ยังคงสอดคล้องกับคำอธิบายของอัลกุรอาน เสริมสร้างความน่าเชื่อถือ

ผู้เปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลามหลายคนได้แบ่งปันว่าแนวทางเชิงตรรกะและความสอดคล้องที่ไม่อาจปฏิเสธได้ของศาสนาอิสลามมีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจของพวกเขา ศาสนาอิสลามเป็นศรัทธาที่พูดได้ทั้งกับหัวใจและจิตใจ

4. อิสลามเสนอวิธีแก้ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของมนุษยชาติ
ในโลกที่กำลังดิ้นรนกับความไม่เท่าเทียม ความอยุติธรรม และการแบ่งแยก อิสลามให้คำตอบที่ผ่านการทดสอบของเวลา

ขจัดการเหยียดเชื้อชาติ
ในขณะที่โลกยังคงต่อสู้กับการเหยียดเชื้อชาติ อิสลามได้กำจัดมันไปแล้วเมื่อกว่า 1,400 ปีที่แล้ว อัลกุรอานกล่าวว่า:

“มนุษย์ทั้งหลาย เราสร้างพวกเจ้าจากชายและหญิง และเราได้ทำให้พวกเจ้าแยกเป็นชาติและเผ่าเพื่อให้พวกเจ้ารู้จักกัน แท้จริง ผู้ที่มีเกียรติที่สุดในหมู่พวกเจ้าในสายพระเนตรของอัลลอฮ์คือผู้ที่มีคุณธรรมที่สุดในหมู่พวกเจ้า” (อัลกุรอาน 49:13)

ศาสดา มูฮัมหมัด (ขอสันติภาพจงมีแด่ท่าน) ได้ย้ำเรื่องนี้โดยกล่าวว่า:

“ไม่มีอาหรับผู้ใดเหนือกว่าคนที่ไม่มีเชื้อสายอาหรับ และไม่มีคนผิวขาวผู้ใดเหนือกว่าคนผิวดำ นอกเสียจากความชอบธรรม”

อิสลามให้คุณค่าผู้คนไม่ใช่โดยเชื้อชาติ ความมั่งคั่ง หรือสถานะ แต่โดยลักษณะนิสัยของพวกเขา ข้อความสากลนี้ยังคงดึงดูดผู้คน โดยเฉพาะในโลกที่การเหยียดเชื้อชาติยังคงก่อให้เกิดการแบ่งแยกและความเจ็บปวด

ศาสนาอิสลามสอนถึงความยุติธรรมทางเศรษฐกิจและสังคมที่ยุติธรรม

อิสลามมีระบบการเงินที่ป้องกันความยากจนข้นแค้นและการกักตุนความมั่งคั่ง:

ซะกาต (ภาษีการกุศล): รับรองว่ามีการแบ่งปันความมั่งคั่งและดูแลผู้ขัดสน
การเงินปลอดดอกเบี้ย: ป้องกันการเอารัดเอาเปรียบทางเศรษฐกิจและกับดักหนี้ที่ไม่เป็นธรรม
จริยธรรมอิสลามในการค้า: ส่งเสริมความซื่อสัตย์ ความยุติธรรม และความรับผิดชอบ

ในขณะที่ระบบทุนนิยมสร้างความไม่เท่าเทียมกันและลัทธิคอมมิวนิสต์ไม่สามารถสร้างความสมดุลได้ แนวทางของอิสลามรับประกันศักดิ์ศรีและความยุติธรรมสำหรับทุกคน

อิสลามเป็นศาสนาที่ไม่อาจหยุดยั้งได้
แม้จะมีความพยายามอย่างไม่สิ้นสุดที่จะบิดเบือนหรือปิดกั้นศาสนาอิสลาม เช่นการใช้ตรรกะข้างบนนี้ แต่ศาสนาอิสลามก็ยังคงเจริญรุ่งเรืองต่อไป ศาสนาอิสลามไม่ได้เจริญรุ่งเรืองด้วยกำลัง แต่เป็นเพราะผู้คนพบบางสิ่งบางอย่างในศาสนาอิสลามซึ่งพวกเขาไม่สามารถเพิกเฉยได้ นั่นคือ ความจริง สันติภาพ และจุดมุ่งหมาย

ดังที่อัลกุรอานกล่าวไว้ว่า:

“พวกเขาต้องการดับแสงสว่างของอัลลอฮ์ด้วยปากของพวกเขา แต่พระองค์จะทำให้แสงสว่างของพระองค์สมบูรณ์แบบ แม้ว่าผู้ปฏิเสธศรัทธาจะไม่ชอบก็ตาม” (อัลกุรอาน 61:8)

ทุกปี ผู้คนหลายพันคนจากทุกสาขาอาชีพพบหนทางสู่ศาสนาอิสลาม ไม่ว่าจะเป็นผ่านการไตร่ตรองอย่างลึกซึ้ง การค้นคว้า หรือการมองเห็นความงามของลักษณะนิสัยที่แท้จริงของมุสลิม

ศาสนาอิสลามไม่ใช่แค่ศาสนาเท่านั้น แต่เป็นวิถีชีวิตที่สมบูรณ์แบบที่ให้คำตอบ คำแนะนำ และสายสัมพันธ์ที่ไม่อาจแยกขาดได้กับพระองค์ผู้ทรงสร้างเราทุกคน สำหรับผู้ที่แสวงหาความจริง ประตูสู่ศาสนาอิสลามเปิดอยู่เสมอ

(เรียบเรียงและดัดแปลงมาจาก Why Islam is the Fastest-Growing Religion in the World?)