การอภิวัฒน์การศึกษา 2538

กระทู้สนทนา
การอภิวัฒน์การศึกษาไทย 2538:เพื่อเตรียมพร้อมพลเมืองไทยสำหรับศตวรรษที่ 21
แผนแม่บทนโยบายการปฏิรูปการศึกษา
ของ
กระทรวงศึกษาธิการ
พ.ศ.๒๕๓๘-พ.ศ.๒๕๕๐
การปฏิรูปการศึกษาในยุคโลกาภิวัฒน์
:เพื่อเตรียมพร้อมพลเมืองสำหรับศตวรรษที่๒๑
ตามแผนแม่บทการศึกษาไทย๒๕๓๘
ซึ่งขยายการศึกษาพื้นฐานของประเทศไทย
จาก๖ปีเป็น๑๒ปี
สำเร็จ
เมื่อวันที่๘พฤษภาคม๒๕๔๐
ตามนโยบาย
เด็กไทยทุกคนได้เรียนฟรี ๑๒ ปี พร้อมอุปกรณ์และ
อาหารอย่างน้อย ๑มื้อ

การปฏิรูปการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการหมายถึง การปรับปรุงการ
ดำเนินงานของกระทรวงศึกษาธิการ โดยการเลือกสรรเปลี่ยนแปลงและเพิ่ม
เติมแนวทางการดำเนินงานที่มีอยู่เดิมด้วยความคาดหมายว่าจะสามารถ
แก้ไขปัญหาและอุปสรรคที่มีอยู่เดิมให้เบาบางลงหรือหมดไป และสามารถ
พัฒนาคุณภาพการศึกษาให้บรรลุถึงจุดมุ่งหมายความเป็นเลิศทางการศึกษา
ในปี พ.ศ. ๒๕๕๐

วัตถุประสงค์ เพื่อให้ประชาชนไทย มีศักยภาพในการพัฒนาตนเองให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีและพัฒนาประเทศชาติให้สามารถอยู่ในสังคมโลกอย่างเป็นสุข

เป้าหมาย เพื่อสร้างบุคคลากร แห่งการเรียนรู้
องค์กรแห่งการเรียนรู้ และสังคมแห่งการเรียนรู้ ขึ้นในประเทศไทย โดยผู้
เรียน จะมีความสามารถ และ คุณลักษณะพึงประสงค์ เพื่อเตรียมพร้อม
พลเมืองสำหรับศตวรรษที่๒๑ ดังนี้
๑)เป็นผู้มีสุขภาพพลานามัยดี ทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ
๒)เป็นผู้มีความสามารถในการคิดเป็น
๓)เป็นผู้ใฝ่รู้และสามารถแสวงหาความรู้
๔)เป็นผู้มีความสามารถในทางวิชาการและวิชาชีพ
๕)เป็นผู้มีความรับผิดชอบ
๖)ซื่อสัตย์ เสียสละและอดทน
๗)ร่วมมือกับผู้อื่นได้
๘)มีความเป็นประชาธิปไตย มีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อยู่บน
พื้นฐานทางวัฒนธรรมไทย และความเหมาะสมของการศึกษาแต่ละระดับ

การอภิวัฒน์การศึกษา 2538  มีแนวทางการดำเนินงาน ใน๔ ด้าน คือ
๑. การปฏิรูปโรงเรียนและสถานศึกษา
๒. การปฏิรูปครูและบุคลากรทางการศึกษา
๓. การปฏิรูปหลักสูตรและกระบวนการเรียนการสอน
๔. การปฏิรูประบบการบริหารการศึกษา

โดยมีแนวทางการดำเนินงานในแต่ละด้านดังต่อไปนี้

๑. การปฏิรูปโรงเรียน และ สถานศึกษา

เร่งรัดให้โรงเรียนและสถานศึกษาทุกระดับ จัดการศึกษาให้มีมาตรฐาน
คุณภาพทัดเทียมกัน และให้กระจายการจัดบริการครอบคลุมทุกพื้นที่โดย

๑) จัดทำแผนที่ตั้งสถานศึกษา (School Mapping) ของโรงเรียนและสถาน
ศึกษาทุกระดับทุกประเภท

ทั้งในและนอกสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ และนำแผนที่ตั้งสถานศึกษาไป
ปฏิบัติอย่างจริงจัง โดยดำเนินการวางแผนภาพรวมเป็นรายจังหวัด รวมทั้ง
การเชื่อมต่อระหว่างจังหวัดเพื่อมุ่งลดความซ้ำซ้อน

และมุ่งกระจายการจัดบริการให้ครอบคลุมในทุกพื้นที่ ทั้งนี้โดยให้สอดคล้อง
กับสภาพทางภูมิศาสตร์ เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมของแต่ละท้องถิ่น
ด้วย

๒) กำหนดขนาดโรงเรียนและสถานศึกษาระดับต่าง ๆ ในแต่ละภูมิภาค เพื่อ
ให้ได้ขนาดโรงเรียนที่สามารถจัดกิจกรรม การเรียนการสอนได้อย่างมี
คุณภาพ ประสิทธิภาพ และเหมาะสมกับสภาพท้องถิ่น

ทั้งนี้ให้มีการรวมโรงเรียนขนาดเล็กตามควรแก่กรณี โดยให้อยู่ในดุลพินิจ
ของแต่ละจังหวัด และให้ท้องถิ่นมีส่วนร่วมให้ข้อคิดเห็น

อีกทั้งให้คำนึงถึงการจูงใจให้ผู้ปกครองเห็นประโยชน์ของการส่งบุตรหลาน
ไปเรียน โรงเรียนขนาดใหญ่ ที่มีความพร้อมในการให้บริการทางการศึกษามากกว่า

พื่อใช้อาคารสถานที่เรียนเดิม จัดตั้งเป็นศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียน ศูนย์
บริการการศึกษานอกโรงเรียน สถานที่จัดกิจกรรมพัฒนาฝีมือแรงงานใน
พื้นที่รวมทั้งใช้จัดกิจกรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา โดยท้องถิ่นร่วม
ดำเนินการ เพื่อให้บริการทางการศึกษาตลอดชีวิต(from cradle to grave)
อย่างเป็นรูปธรรม

๓) กำหนดเกณฑ์มาตรฐานขั้นพื้นฐาน ในด้านบรรยากาศของการจัดการ
ศึกษาด้านการเรียนการสอน ด้านอาคารสถานที่ ด้านสิ่งอำนวยความสะดวก
ด้านอุปกรณ์การเรียนการสอน และด้านบุคลากรที่สอดคล้องกับแนวโน้มการ
พัฒนาทางสังคมและเศรษฐกิจ สำหรับใช้ในการจัดการศึกษาของโรงเรียน
และสถานศึกษาทุกระดับ ทุกประเภท และแก้ไขปัญหาสถานศึกษาขาดแคลน
เป็นอันดับแรก

๔) ให้โรงเรียนแต่ละโรงทั้งที่มีอยู่เดิมและที่จะสร้างขึ้นใหม่ มีแผนผังแม่บท
อย่างเต็มรูปแบบ อีกทั้งการออกแบบ และการจัดสร้างอาคารเรียน รวมทั้ง
การจัดบรรยากาศในการเรียนการสอน และสิ่งแวดล้อมในโรงเรียน
ต้องให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นอยู่และมุ่งรักษาศิลปวัฒนธรรมของท้อง
ถิ่น

๕) กระจายอำนาจการกำหนดนโยบาย และการบริหารโรงเรียนและสถาน
ศึกษาทุกระดับ ทุกประเภท ให้กับผู้ปกครอง ผู้นำชุมชน และองค์กรปกครอง
ท้องถิ่นได้มีส่วนร่วมในการบริหาร โดยวิธีการจัดตั้งคณะกรรมการของสถาน
ศึกษา เพื่อให้การพัฒนาและการแก้ไขปัญหาเป็นไปอย่างรวดเร็ว เหมาะสม
และสอดคล้องกับความต้องการของท้องถิ่น

๖) จัดให้มีองค์กรติดตามและประเมินผลทำหน้าที่ กำกับติดตามและประเมิน
ผลการดำเนินงาน ตลอดจนประเมินมาตรฐานโรงเรียนและสถานศึกษาทั้ง
ด้านปริมาณ คุณภาพและประสิทธิภาพการศึกษา

รวมทั้งให้มีการสรุปผลเป็นระยะ ทั้งระยะสั้นและระยะยาว เพื่อนำไปสู่การ
พัฒนาโรงเรียนและสถานศึกษาอยู่เสมอ ทั้งนี้การรายงานผลต้องนำเสนอ
คุณภาพของผลงาน คุณภาพของผลผลิต ความคุ้มค่า และแนวทางการ
พัฒนาในอนาคต

๒. การปฏิรูปครูและบุคคลากรทางการศึกษา

เร่งปฏิรูประบบการผลิต การสรรหา และการพัฒนาครู ทั้งที่ทำการสอนใน
สถานศึกษาของรัฐและเอกชนอย่างครบวงจร รวมทั้งพัฒนาผู้บริหารและ
บุคลากรทางการศึกษาอย่างต่อเนื่องดังนี้

๑) สร้างจิตสำนึกในความรับผิดชอบของครู ผู้บริหารโรงเรียนและบุคลากร
ทางการศึกษาให้มุ่งมั่นต่อการปฏิบัติหน้าที่อย่างจริงจัง

๒) การประเมินความก้าวหน้าของครู ให้มุ่งเน้นที่การวัดประสิทธิภาพของผล
การปฏิบัติงาน โดยเฉพาะคุณภาพการเรียนของผู้เรียน และสนับสนุนให้ครู
ทำการวิจัย เพื่อพัฒนาการเรียนการสอนควบคู่กันไป

๓) ให้ครูทุกคนได้เพิ่มพูนความรู้และพัฒนาทักษะ ในรูปแบบต่าง ๆ อย่างต่อ
เนื่อง ทั่วถึง และทันต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและเทคโนโลยี โดยในทุก
๒ ปีต้องผ่านการอบรมอย่างน้อย ๑ ครั้ง

ทั้งการอบรมของกระทรวงศึกษาธิการ และ/หรือกรมต้นสังกัด และการอบรม
ของสถาบันอื่น ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ที่มีวุฒิบัตรรับรอง ตลอดจนการ
อบรมทางไกล การเข้าประชุม สัมมนาและการพัฒนาตนเองในรูปแบบต่าง ๆ
ให้ถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่และให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาเป็นส่วนหนึ่งของ
ผลการปฏิบัติงานของครูด้วย

๔) อนุมัติให้ครูสามารถเลือกแผนการสอน หรือพัฒนาแผนการสอนให้เหมาะ
สมกับผู้เรียน เพื่อมุ่งให้ผู้เรียนสามารถสร้างและพัฒนาความรู้ได้ตลอดชีวิต
อย่างแท้จริง

๕) อนุมัติให้ครูสังกัดส่วนราชการต่าง ๆ ในกระทรวงศึกษาธิการสามารถ
ทำการสอนในสถานศึกษา ทั้งในและนอกสังกัดได้มากกว่า ๑ แห่ง

ทั้งนี้โดยได้รับความเห็นชอบจากผู้บังคับบัญชา และให้ได้รับค่าตอบแทน
พิเศษ และให้นับรวมเป็นส่วนหนึ่งของผลงานของครู ในการบรรจุครูใหม่ให้
นำประสบการณ์ของครูมาพิจารณาประกอบการกำหนดเงินเดือนด้วย

๖) กำหนดคุณสมบัติและเปิดโอกาสให้ภูมิปัญญาท้องถิ่น ครูชาวบ้าน ผู้ทรง
คุณวุฒิจากภาคเอกชน และส่วนราชการต่าง ๆ รวมทั้งผู้เกษียณอายุราชการ
มาสอนในสถานศึกษาสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ โดยมีค่าตอบแทนให้ตาม
ความเหมาะสม เพื่อธำรงรักษาคุณค่าผู้สูงอายุ

๗) แก้ไขปัญหาการขาดแคลนครู โดยการบรรจุแต่งตั้งครูให้ครบทุก
ตำแหน่ง ตามแผนอัตรากำลังของแต่ละสถานศึกษา การเกลี่ยอัตรากำลังครู
และการลดจำนวนครูช่วยราชการให้คงเหลือน้อยที่สุด

สำหรับครูผู้สอนวิชาขาดแคลน ให้ได้รับค่าตอบแทนพิเศษ รวมทั้งสนับสนุน
ให้สถานศึกษาที่จัดการศึกษาระดับหลังมัธยมศึกษา และมีความพร้อมใน
การเปิดสอนสาขาวิชาที่ขาดแคลน สามารถจัดสอนได้ถึงระดับปริญญาตรี

๘) ยกเลิกระบบการกำหนดตำแหน่งครูในสถานศึกษา สังกัดกระทรวง
ศึกษาธิการเพื่อจำแนกความก้าวหน้าในสายงาน (Career Ladder) ระหว่าง
ครูกับผู้บริหารสถานศึกษา ให้มีสายวิชาชีพ (Career Pattern) ที่ชัดเจน
แต่มีความยืดหยุ่นและสามารถสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันได้ โดยเฉพาะครู
สามารถก้าวหน้าตามสายงานการสอน ในระดับตำแหน่งที่สูงขึ้นได้ด้วยผล
งานการปฏิบัติของตนเองแทนส่งเอกสารทางวิชาการ ทั้งนี้กำหนดให้มีคู่มือ
ปฏิบัติงานของครู และคู่มือปฏิบัติงานของผู้บริหารสถานศึกษา

๙) กำหนดมาตรฐานวิชาชีพครู โดยให้คุรุสภา คณะกรรมการข้าราชการครู
และสถาบันผลิตครู ดำเนินการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และให้มี
มาตรการพัฒนาวิชาชีพ โดยการกำหนดให้มีใบประกอบวิชาชีพครู

๑๐) ปฏิรูประบบสวัสดิการ และประโยชน์เกื้อกูลของครู ทุกประเภท ทุกสังกัด
เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของครู ส่งเสริมขวัญกำลังใจและความมั่นคงใน
อาชีพให้กับครู รวมทั้งปรับปรุงโครงสร้างเงินเดือนและสวัสดิการอื่น ๆ ของครู
โดยมุ่งส่งเสริม สนับสนุนแก่ครูที่สอนในถิ่นทุรกันดาร ครูที่สอนหลายชั้น
เป็นพิเศษ

๑๑) พัฒนาระบบและกลไกในการเลือกสรรบุคคลเข้าเรียนในสถาบันผลิตครู
พร้อมทั้งพัฒนาหลักสูตรและกระบวนการเรียน การสอน ในการผลิตครูทั้งครู
ที่สอนหลายวิชา และครูเฉพาะวิชาที่เน้นการปฏิบัติ เพื่อให้ได้ครูที่มีความรู้
ความสามารถในเชิงวิเคราะห์ สังเคราะห์ และมีคุณธรรมจริยธรรม
รวมทั้งให้มีการปรับปรุงวิธีการสอบคัดเลือกและการบรรจุครูประจำการ โดย
ให้สถานศึกษาเป็นผู้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ที่กระทรวง
ศึกษาธิการกำหนด ทั้งนี้ ไม่ควรบรรจุครูที่มาจากสถานศึกษาเอกชนระหว่าง
ปีการศึกษา

๑๒) เร่งรัดการพัฒนานักบริหารการศึกษา โดยการเพิ่มพูนแนวความคิด
ความรู้ตลอดจนทักษะในการบริหาร และการจัดการเพื่อให้สามารถพัฒนา
โรงเรียนและสถานศึกษาให้มีคุณภาพ ก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงในอนาคต

๑๓) ให้ศึกษานิเทศก์ทุกสังกัดผนึกกำลัง ทำงานร่วมกัน โดยการติดตามงาน
วิชาการในสถานศึกษาทุกสังกัด

๓. การปฏิรูปหลักสูตรและ กระบวนการเรียนการสอน

เร่งปฏิรูปหลักสูตรและกระบวนการเรียนการสอน เพื่อยกระดับคุณภาพการ
ศึกษาทุกระดับ ทุกประเภท โดย

๑) จัดกระบวนการเรียน การสอน เพื่อปลูกฝังให้เยาวชน มีลักษณะที่พึง
ประสงค์ตามวัตถุประสงค์ของการปฏิรูปการศึกษา

๒) จัดประสบการณ์การเตรียมความพร้อม จัดทำหลักสูตรทุกระดับ ทุก
ประเภท ภายใต้หลักการสำคัญดังนี้

๒.๑) สร้างบรรยากาศให้ผู้เรียนทุกระดับชั้น ได้เรียนรู้อย่างมีความสุข

๒.๒) จัดกระบวนการเรียนรู้ให้ผู้เรียนได้ฝึกการคิดอย่างเป็นระบบ และเน้น
การปฏิบัติมากกว่าการท่องจ เพื่อให้ผู้เรียนมีความสามารถในการคิด
วิเคราะห์ สังเคราะห์ และการสร้างความรู้ซึ่งจะเป็นพื้นฐานการเรียนรู้ในโลก
แห่งอนาคต

๒.๓) ให้โอกาสผู้เรียนได้เรียนรู้จากธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น

๒.๔) ให้โอกาสผู้เรียนนำความรู้ และประสบการณ์ที่ได้รับจากครอบครัว
ชุมชน มาใช้เป็นส่วนหนึ่งของการเรียนการสอน ตามหลักสูตร

๒.๕) กำหนดมาตรฐานขั้นพื้นฐานในการเรียนรู้ ของผู้เรียน และสนับสนุนให้
โรงเรียนและสถานศึกษาแต่ละแห่งสามารถพัฒนาและเพิ่มเติมมาตรฐานขั้น
พื้นฐานดังกล่าวตามความต้องการและความเหมาะสม และให้องค์กรวิชาชีพ
มีส่วนร่วมในการกำหนดมาตรฐานขั้นพื้นฐานของการจัดการศึกษาวิชาชีพ

๒.๖) เปิดโอกาสให้ประชาชนและท้องถิ่น มีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตร
และการกำหนดแบบเรียนให้เหมาะสม และสอดคล้องกับสภาพความ
ต้องการของแต่ละท้องถิ่น

๓) เร่งปรับปรุงหลักสูตรวิชาชีพครูในสถาบันการผลิตครู ให้มีเนื้อหาวิชาชีพ
ครูมากขึ้น เพื่อมุ่งเน้นคุณภาพของผู้ที่จะออกไปประกอบอาชีพครู

๔) จัดการเรียนการสอนระดับประถมศึกษาโดยเน้นเป็นพิเศษในด้านพื้นฐาน
ทางภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เพื่อรองรับการพัฒนาความรู้และ
ทักษะในระดับที่สูงขึ้น

๕) ปฏิรูปการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ให้นักเรียนมีโอกาสพัฒนาการเรียนรู้
ภาษาอังกฤษตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่