ตามความเข้าใจของผมเพียงคนเดียวนะครับ เสียงในหัว(Inner speech) เกิดจากจิตใต้สำนึกของเรา โดยเราจะปรุงแต่งอารมณ์และความรู้สึกต่าง ๆ ให้มันเกิดเสียงความคิดขึ้นมา
แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะมีเสียง Inner speech เกิดขึ้น เพราะมันมีอยู่ 2 รูปแบบ
1.คนที่คิดแบบเกิดเสียงในหัว [คนส่วนใหญ่]
2.คนที่ไม่มีเสียงในหัวเกิดขึ้น [ซึ่งเป็นคนส่วนน้อยได้รับการวิจัยออกมาแล้ว ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าพวกเขามีวิธีการคิดอย่างไร อาจจะเป็นการคิดแบบใช้ภาพ]
‘Inner Speech’ มันจะไม่ใช่การจินตนาการภาพในหัว แต่เป็นการเล่าเรื่องราวที่ออกมาจากข้างในหัวไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง หรือความกังวลมันสามารถถูกถ่ายทอดออกมาได้ทั้งสิ้น
Reference :
https://futuretrend.co/it-normal-to-talk-to-yourself/#:~:text=การพูดคนเดียว%20สามารถ,แแกมาได้ทั้งสิ้น
จากที่ผมเคยอ่านมา เสียงในหัวมันก็เป็นการสะท้อนตัวตนของเราเองในรูปแบบหนึ่งนะครับ มันช่วยเราแก้ปัญหา ตัดสินใจ รวมถึงการอ่านหนังสือแม้แต่ขณะนี้ที่คุณกำลังอ่านข้อความของผม หลายคนก็คงจะเกิดเสียงในหัวขึ้นมาสินะครับ ครับก็นั่นแหละครับผมว่ามันเป็นเรื่องสุดแสนจะธรรมดา
แต่สิ่งที่ทำให้ผมตกใจมากเลยก็คือสิ่งนี้ครับ
#ต้องขออนุญาตที่ต้องเอาประโยคเหล่านี้มาอ้างอิงด้วยนะครับ

แต่!! นั่นแหละครับ สิ่งที่พวกเขาจะสื่อออกมาคือ
เกิดเสียงในหัว = ต้องไปพบจิตแพทย์
เกิดเสียงในหัว = เป็นโรคประสาท
บางคนบอกว่าเสียงในหัวมันสั่งพวกเขาเสมอว่าให้ทำอะไร แต่นั่นมันก็ไม่ใช่เพราะจิตใต้สำนึกที่เขาจงใจคิดเอาเองหรือครับ? แค่เขาควบคุมมันไม่ได้เท่านั้นเอง
เกิดอะไรขึ้นกับคนเหล่านี้ครับ พวกเขาไม่เคยอ่านหนังสือกันเลยหรอ? พวกเขาไม่เคยสะท้อนตัวตนกันเลยหรอ? เสียงในหัวพาพวกเขาทุกข์ยากลำบากเข็ญขนาดนั้นเลยหรอ? หยอกกันเล่นหรือไง? หรือพวกเขามีวิธีการคิดแบบอื่นกันแน่? ทั้ง ๆ ที่ออกจะดีแท้ ๆ
แต่ใช่ว่าจะไม่มีข้อเสียงของการคิดออกเสียงในหัวนะครับ
Ex. ข้อเสีย
1.คิดมากก็ฟุ้งซ่าน
2.บางกรณีอาจจะเกิดจากความผิดปกติของสมองจนนำไปสู่โรคที่ได้ชื่อว่า “จิตเภท (Schizophrenia)”
3.เกิดความเครียดเพราะนำไปคิดลบ
อันนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ
โดนส่วนตัวผมแล้ว เวลาผมคิดแบบเกิดเสียงในหัว หลักการของผมคือว่า เมื่อเกิดเสียงในหัวแล้วเราคอยรับฟังมันอยากเดียว โดยที่ไม่ไปยึดติดกับมัน ถ้าเราคิดไปในทางที่ดีเราก็อาจจะทำตาม หรือหากเราคิดไปในทางลบก็อาจจะเลือกที่จะไม่ทำตาม ซึ่งก็แล้วแต่ตนเองจะเลือก เปรียบเสมือนเราได้ยินเสียงของน้ำที่ไหล เราเห็นกระแสของมัน เห็นการเคลื่อนไหวของมัน แต่เราไม่จมไปกับมัน ถ้าเห็นสิ่งที่ดีลอยมาเราก็ตักเก็บไว้ อะไรไม่ดีลอยมาเราก็ปล่อยผ่านมันไป
อันนี้ก็เป็นหลักการคิดของผมนะครับซึ่งผมก็ใช้มันมานานละ และก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นโรคจิตเภท หรือ ควรที่จะไปพบแพทย์หรอกนะครับ
ส่วนตัวเป็นคน Introvert ครับ คิดวิเคราะห์ในหัวเป็นปกติ แล้วความคิดเห็นเหล่านี้มันขัดกับสิ่งที่ผมใช้มาตลอดครับ พอเจอความคิดเห็นเหล่านี้เข้าไปชักจะสงสัยแล้วครับว่าตัวเองยังปกติดีหรือเปล่า
มีอีกหลายคนเลยนะครับที่ต่อต้านเสียงในหัวเท่าที่ผมเจอมา ผมอยากจะรู้จริงเชียวว่าเขาจะอ่านหนังสือหรืออ่านข้อความของผมยังไง
ผมจึงต้องการทราบความคิดเห็นของเพื่อน ๆ ชาว pantip ครับ ว่า
การมีเสียงในหัวเนี่ยมันมีกันเป็นปกติจริงหรือไม่ครับ?
และเขาเหล่านี้ที่ผมยกตัวอย่างไปเหตุปัจจัยอะไรที่ทำให้พวกเขาคิดเช่นนี้ครับ?
ผมว่าต้องมีความคิดเห็นทางศาสนามาแน่เลย อย่างศาสนาพุทธ ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรนะครับ ยินดีครับ ไม่ใช่อะไรหรอกนะครับตอนที่ผมหาข้อมูลก็มีแต่คนเอาหลักของศาสนาพุทธมาอ้าง จนผมอยากจะเก็บ memory ไว้เปิดรับความคิดเห็นในทางอื่นบ้างครับ
ขอบคุณครับ ผิดพลาดประการใดขออภัยอย่างสูง ณ ที่นี้ด้วยนะครับ สวัสดีครับ
ทำไมบางคนมีอคติหรือต่อต้านเสียงในหัวจังครับ? ทั้ง ๆ ที่ออกจะเป็นประโยชน์และใช้ได้เป็นปกติด้วยซ้ำ
แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะมีเสียง Inner speech เกิดขึ้น เพราะมันมีอยู่ 2 รูปแบบ
1.คนที่คิดแบบเกิดเสียงในหัว [คนส่วนใหญ่]
2.คนที่ไม่มีเสียงในหัวเกิดขึ้น [ซึ่งเป็นคนส่วนน้อยได้รับการวิจัยออกมาแล้ว ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าพวกเขามีวิธีการคิดอย่างไร อาจจะเป็นการคิดแบบใช้ภาพ]
‘Inner Speech’ มันจะไม่ใช่การจินตนาการภาพในหัว แต่เป็นการเล่าเรื่องราวที่ออกมาจากข้างในหัวไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง หรือความกังวลมันสามารถถูกถ่ายทอดออกมาได้ทั้งสิ้น
Reference : https://futuretrend.co/it-normal-to-talk-to-yourself/#:~:text=การพูดคนเดียว%20สามารถ,แแกมาได้ทั้งสิ้น
จากที่ผมเคยอ่านมา เสียงในหัวมันก็เป็นการสะท้อนตัวตนของเราเองในรูปแบบหนึ่งนะครับ มันช่วยเราแก้ปัญหา ตัดสินใจ รวมถึงการอ่านหนังสือแม้แต่ขณะนี้ที่คุณกำลังอ่านข้อความของผม หลายคนก็คงจะเกิดเสียงในหัวขึ้นมาสินะครับ ครับก็นั่นแหละครับผมว่ามันเป็นเรื่องสุดแสนจะธรรมดา
แต่สิ่งที่ทำให้ผมตกใจมากเลยก็คือสิ่งนี้ครับ
#ต้องขออนุญาตที่ต้องเอาประโยคเหล่านี้มาอ้างอิงด้วยนะครับ
แต่!! นั่นแหละครับ สิ่งที่พวกเขาจะสื่อออกมาคือ
เกิดเสียงในหัว = ต้องไปพบจิตแพทย์
เกิดเสียงในหัว = เป็นโรคประสาท
บางคนบอกว่าเสียงในหัวมันสั่งพวกเขาเสมอว่าให้ทำอะไร แต่นั่นมันก็ไม่ใช่เพราะจิตใต้สำนึกที่เขาจงใจคิดเอาเองหรือครับ? แค่เขาควบคุมมันไม่ได้เท่านั้นเอง
เกิดอะไรขึ้นกับคนเหล่านี้ครับ พวกเขาไม่เคยอ่านหนังสือกันเลยหรอ? พวกเขาไม่เคยสะท้อนตัวตนกันเลยหรอ? เสียงในหัวพาพวกเขาทุกข์ยากลำบากเข็ญขนาดนั้นเลยหรอ? หยอกกันเล่นหรือไง? หรือพวกเขามีวิธีการคิดแบบอื่นกันแน่? ทั้ง ๆ ที่ออกจะดีแท้ ๆ
แต่ใช่ว่าจะไม่มีข้อเสียงของการคิดออกเสียงในหัวนะครับ
Ex. ข้อเสีย
1.คิดมากก็ฟุ้งซ่าน
2.บางกรณีอาจจะเกิดจากความผิดปกติของสมองจนนำไปสู่โรคที่ได้ชื่อว่า “จิตเภท (Schizophrenia)”
3.เกิดความเครียดเพราะนำไปคิดลบ
อันนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ
โดนส่วนตัวผมแล้ว เวลาผมคิดแบบเกิดเสียงในหัว หลักการของผมคือว่า เมื่อเกิดเสียงในหัวแล้วเราคอยรับฟังมันอยากเดียว โดยที่ไม่ไปยึดติดกับมัน ถ้าเราคิดไปในทางที่ดีเราก็อาจจะทำตาม หรือหากเราคิดไปในทางลบก็อาจจะเลือกที่จะไม่ทำตาม ซึ่งก็แล้วแต่ตนเองจะเลือก เปรียบเสมือนเราได้ยินเสียงของน้ำที่ไหล เราเห็นกระแสของมัน เห็นการเคลื่อนไหวของมัน แต่เราไม่จมไปกับมัน ถ้าเห็นสิ่งที่ดีลอยมาเราก็ตักเก็บไว้ อะไรไม่ดีลอยมาเราก็ปล่อยผ่านมันไป
อันนี้ก็เป็นหลักการคิดของผมนะครับซึ่งผมก็ใช้มันมานานละ และก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นโรคจิตเภท หรือ ควรที่จะไปพบแพทย์หรอกนะครับ
ส่วนตัวเป็นคน Introvert ครับ คิดวิเคราะห์ในหัวเป็นปกติ แล้วความคิดเห็นเหล่านี้มันขัดกับสิ่งที่ผมใช้มาตลอดครับ พอเจอความคิดเห็นเหล่านี้เข้าไปชักจะสงสัยแล้วครับว่าตัวเองยังปกติดีหรือเปล่า
มีอีกหลายคนเลยนะครับที่ต่อต้านเสียงในหัวเท่าที่ผมเจอมา ผมอยากจะรู้จริงเชียวว่าเขาจะอ่านหนังสือหรืออ่านข้อความของผมยังไง
ผมจึงต้องการทราบความคิดเห็นของเพื่อน ๆ ชาว pantip ครับ ว่า
การมีเสียงในหัวเนี่ยมันมีกันเป็นปกติจริงหรือไม่ครับ?
และเขาเหล่านี้ที่ผมยกตัวอย่างไปเหตุปัจจัยอะไรที่ทำให้พวกเขาคิดเช่นนี้ครับ?
ผมว่าต้องมีความคิดเห็นทางศาสนามาแน่เลย อย่างศาสนาพุทธ ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรนะครับ ยินดีครับ ไม่ใช่อะไรหรอกนะครับตอนที่ผมหาข้อมูลก็มีแต่คนเอาหลักของศาสนาพุทธมาอ้าง จนผมอยากจะเก็บ memory ไว้เปิดรับความคิดเห็นในทางอื่นบ้างครับ
ขอบคุณครับ ผิดพลาดประการใดขออภัยอย่างสูง ณ ที่นี้ด้วยนะครับ สวัสดีครับ