ไปเดินตลาดสด บังเอิญเจอมันญี่ปุ่นสวย ๆ ราคาไม่แพงค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้โลละ 120 ...ปกติมันญี่ปุ่นช่วงที่ฮิต ๆ กัน โลละ 250 - 300 บาทค่ะ
หยิบ ๆ จับ ๆ เลือกแบบสวย ๆ ขนาดที่เข้าหม้อทอดได้ มาได้ 3 ลูก หม้อทอดเรา ใส่หัวมันขนาดไม่เกิน 8 นิ้วได้ ก็เลือกขนาดที่เหมาะกับหม้อทอดตัวเองมา

การเลือกหัวมัน ให้เลือกแบบผิวมัน ๆ เรียบ ๆ แบบที่ยังไม่มีปุ่มต้นผุดนะคะ ถ้าหัวมันเก่า อาจจะมีปุ่มต้นผุด ผิวจะแห้ง ๆ ไม่ลื่นมือ อาจจะมีนิ่ม ๆ ด้วย มันเก่าเอามาทำกินได้ แต่เนื้อมันจะไม่ฉ่ำหวานเหมือนของใหม่ ๆ ค่ะ
ถ้ายังไม่กิน ยังไม่ต้องล้างนะคะ เก็บในที่แห้ง ไม่โดนแสง จะเก็บได้ 5-7 วัน แต่ถ้าเก็บในห้องแอร์ ห้องเย็น จะอยู่ได้ถึง 10 วัน แต่เราจะทำกินเลย ก็ล้างทำความสะอาด แล้วแช่น้ำทิ้งไว้ ควรแช่น้ำก่อนเข้าหม้อทอด 1 ชั่วโมง แต่เราแช่ทิ้งไว้ 1 คืนเลย

หลังแช่ทิ้งไว้ 1 คืน เราเอาฝอยขัดหม้อลูบ ๆ ผิวหัวมันเบา ๆ ทำความสะอาดอีกรอบ เพราะเราชอบกินทั้งเปลือก
เราเตรียมเอาเข้าหม้อทอด 2 แบบค่ะ แบบที่ห่อฟอยล์ กับไม่ห่อฟอยล์ ขอห่อฟอยล์ 2 หัว(ความชอบส่วนตัว) ไม่ห่อฟอยล์ 1 หัว
จับเข้าหม้อทอด รอบแรกตั้งไฟที่ 180 องศา ใช้เวลา 20 นาที
ครบเวลา 20 นาที ลองเอามาเช็คความสุกก่อน ใช้ไม้จิ้มฟัน หรือไม้ปลายแหลมจิ้มที่หัวมันดู ถ้าจิ้มแล้วยังฝืด ๆ แสดงว่ายังไม่สุก เราพลิกกลับข้างหัวมัน เอาเข้าหม้อทอดอีกรอบ ไฟ 180 ตั้งเวลา 20 นาทีเหมือนเดิม
ครบเวลารอบ 2 เอาไม้จิ้มฟันจิ้มเช็คอีกรอบ รอบนี้ จิ้มแล้วลื่นปรื๊ด ๆ ทุกหัว
แกะเช็คความแตกต่าง ระหว่างห่อฟอยล์ กับไม่ห่อฟอยล์ค่ะ
ถ้าห่อฟอยล์ มันญี่ปุ่นจะดูฉ่ำ ๆ แบบมันหวานอบ
ถ้าไม่ห่อฟอยล์ มันญี่ปุ่นจะได้ฟิลมันเผา ที่ผิวไม่ไหม้ แต่หอมกลิ่นมันเผามาก ๆ
เนื้อมันญี่ปุ่นอบ เนื้อจะฉ่ำ หวาน แต่ไม่แฉะ (ถ้าใช้ต้ม หรือนึ่ง เนื้อจะแฉะ) แต่ถ้าห่อฟอยล์เข้าหม้อทอด จะฉ่ำ หวาน เนื้อไม่แฉะ
ให้ดูเนื้อมันญี่ปุ่นเผาค่ะ เนื้อเหลือง ดูแห้งกว่าแบบมันอบ แต่ก็ยังหวาน มีกลิ่นมันเผาแบบหอมหวาน ใครชอบเนื้อร่วนหน่อย ให้เลือกแบบไม่ห่อฟอยล์ จะตรงใจเลย
หัวนี้เป็นมันอบ (แบบห่อฟอยล์) กิน 1 หัว อิ่ม สบายท้องค่ะ หวาน ฉ่ำ แต่ปลอดภัยค่ะ

กินหมดแล้ว แอบเสียดาย ซื้อมาแค่ 3 หัว กินวันเดียวหมด 55555
ประโยชน์ของ มันหวานญี่ปุ่น มันเทศหวานอร่อย กินเพลิน แต่น้ำตาลต่ำ
มันหวานญี่ปุ่น กินแล้วอ้วนไหม ? วันนี้ตามเรามาดู ประโยชน์ของมันหวานญี่ปุ่น หรือมันเทศญี่ปุ่น บอกเลยว่าหัวมันหวานๆ เปลือกด้านนอกสีม่วง และเนื้อด้านในสีเหลืองนั้น นอกจากจะมีรสชาติอร่อยแล้ว ยังมีสรรพคุณที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอีกเพียบ ทั้งช่วยให้อิ่มนาน แล้วยังช่วยลดความอ้วนได้อีก จึงไม่แปลกเลยที่มันเทศญี่ปุ่น หรือ มันหวานญี่ปุ่น จะถูกยกย่องให้เป็น สุดยอดอาหาร เพราะถึงแม้มันหวานญี่ปุ่นจะมีความหวาน แต่กลับมีค่า Glycemic Index (GI) หรือ ค่าดัชนีน้ำตาลในปริมาณที่น้อยมาก จึงทำให้สามารถใช้ทานเพื่อลดน้ำหนัก และเป็นอาหารสำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวานได้
สรรพคุณของมันหวานญี่ปุ่น กินแล้วอ้วนไหม
อย่างที่บอกว่ามันหวานญี่ปุ่นนั้นเป็นสุดยอดอาหาร ที่เหมาะกับคนทุกเพศทุกวัย รวมไปถึงเป็นอาหารที่มีรสหวาน ที่ผู้ป่วยโรคเบาหวานสามารถทานได้ นั้นก็เป็นเพราะว่าค่าดัชนีน้ำตาล (GI) ที่วัดได้จากหัวมันหวานญี่ปุ่นนั้น มีปริมาณต่ำกว่า 55 ซึ่งถือว่าน้อยกว่าปริมาณดัชนีน้ำตาลในข้าวสวยเกือบเท่าตัว และยังอุดมไปด้วยวิตามินซี ที่เทียบเท่าแอปเปิ้ลถึง 7 ลูก
คุณค่าทางโภชนาการ มันหวานญี่ปุ่น
มันหวานญี่ปุ่น 130 กรัม (ประมาณหัวละ 5 นิ้ว)
- พลังงาน 112 กิโลแคลอรี
- ไฟเบอร์ (เส้นใยอาหาร) 3.9 กรัม
- โปรตีน 2 กรัม
- คาร์โบไฮเดรต 26 กรัม
- น้ำตาล 5.4 กรัม
- โซเดียม 72 มิลลิกรัม
- โพแทสเซียม 438 มิลลิกรัม
- ธาตุเหล็ก 0.8 มิลลิกรัม
- วิตามิน C 40 มิลลิกรัม
- วิตามิน B
- วิตามิน A
ประโยชน์ของมันหวานญี่ปุ่น
> ช่วยขับพิษหรือของเสียในร่างกายผ่านทางลำไส้
> ช่วยกระตุ้นการทำงานของกระเพาะอาหารและลำไส้
> มี Fiber สูงซึ่งทำให้ลำไส้สะอาดปราศจากของเสียตกค้าง
> มีส่วนช่วยในการกระตุ้นให้ระบบย่อยอาหาร และช่วยเสริมสร้างการทำงานของระบบขับถ่ายให้ทำงานได้ดีขึ้น
> ช่วยให้ร่างกายเรารู้สึกสดชื่นและกระปรี้กระเปร่า
> มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ เหมาะสำหรับคนที่กำลังลดความอ้วน
> มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ ผู้ป่วยโรคเบาหวานสามารถทานได้ เพราะน้ำตาลจะไม่ถูกดูดซึมเข้าเส้นเลือดในปริมาณที่มากเท่ากับอาหารที่มีดัชนีน้ำตาลสูง
> มีโพแทสเซียมสูง ช่วยลดอาการบวมน้ำจากการที่ร่ากายขาดโพแทสเซียมได้
> ช่วยบำรุงผิว ช่วยให้ผิวพรรณผ่องใส
> มันหวานญี่ปุ่นมีคาโรทีนอยด์สูง ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์ช่วยต้านริ้วรอย และการเสื่อมของเซลล์
> มีส่วนช่วยในการกระตุ้นการทำงานของระบบประสาทและสมอง ให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
> มีวิตามินซีสูง ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
> มีส่วนช่วยในการบำรุงสายตา
> มีส่วนช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของสมอง
> มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งบางชนิด
> ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ
> ช่วยควบคุมการเต้นและการหดตัวของกล้ามเนื้อหัวใจ และช่วยควบคุมความดันโลหิตให้เป็นปกติ
> อุดมไปด้วยวิตามินเอ และเบต้าแคโรทีน ซึ่งจะช่วยป้องกันการขาดวิตามินเอ ที่เป็นสาเหตุของการมองไม่เห็นตอนกลางคืน หรืออาการตาบอดกลางคืนได้
> มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงโรคจอประสาทตาเสื่อมในผู้สูงอายุได้
> ช่วยให้อิ่มนาน มันหวานญี่ปุ่นถือเป็นแหล่งพลังงานชั้นดี มีคาร์โบรไฮเดรตและใยอาหารบางส่วนที่ร่างกายไม่สามารถย่อยหรือดูดซึมได้ จึงสามารถทานแทนข้าวได้ในผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก
มันหวานญี่ปุ่น ข้อดีมีเยอะ แต่ก็มีข้อควรระวังในการทานนะคะ
>> ผู้ที่มีอาหารแพ้มันเทศ หรือพืชหัวชนิดอื่น เช่น มันฝรั่ง เผือก แห้ว ควรหลีกเลี่ยงการทานมันเทศญี่ปุ่น หรือมันหวานญี่ปุ่น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการแพ้ ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้
>> ผู้ที่เป็นโรคนิ่วในไต หรือมีความเสี่ยงจะเป็นนิ่วในไต ควรระมัดระวังและรับประทานมันเทศญี่ปุ่น เพราะในมันเทศมีสารออกซาเลต (Oxalate) ที่จะไปเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดนิ่วในไตได้
== ว่าด้วยเรื่องมันหวานญี่ปุ่น ชอบ "มันอบ" หรือ "มันเผา" กันคะ ==
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หยิบ ๆ จับ ๆ เลือกแบบสวย ๆ ขนาดที่เข้าหม้อทอดได้ มาได้ 3 ลูก หม้อทอดเรา ใส่หัวมันขนาดไม่เกิน 8 นิ้วได้ ก็เลือกขนาดที่เหมาะกับหม้อทอดตัวเองมา
การเลือกหัวมัน ให้เลือกแบบผิวมัน ๆ เรียบ ๆ แบบที่ยังไม่มีปุ่มต้นผุดนะคะ ถ้าหัวมันเก่า อาจจะมีปุ่มต้นผุด ผิวจะแห้ง ๆ ไม่ลื่นมือ อาจจะมีนิ่ม ๆ ด้วย มันเก่าเอามาทำกินได้ แต่เนื้อมันจะไม่ฉ่ำหวานเหมือนของใหม่ ๆ ค่ะ
ถ้ายังไม่กิน ยังไม่ต้องล้างนะคะ เก็บในที่แห้ง ไม่โดนแสง จะเก็บได้ 5-7 วัน แต่ถ้าเก็บในห้องแอร์ ห้องเย็น จะอยู่ได้ถึง 10 วัน แต่เราจะทำกินเลย ก็ล้างทำความสะอาด แล้วแช่น้ำทิ้งไว้ ควรแช่น้ำก่อนเข้าหม้อทอด 1 ชั่วโมง แต่เราแช่ทิ้งไว้ 1 คืนเลย
หลังแช่ทิ้งไว้ 1 คืน เราเอาฝอยขัดหม้อลูบ ๆ ผิวหัวมันเบา ๆ ทำความสะอาดอีกรอบ เพราะเราชอบกินทั้งเปลือก
เราเตรียมเอาเข้าหม้อทอด 2 แบบค่ะ แบบที่ห่อฟอยล์ กับไม่ห่อฟอยล์ ขอห่อฟอยล์ 2 หัว(ความชอบส่วนตัว) ไม่ห่อฟอยล์ 1 หัว
จับเข้าหม้อทอด รอบแรกตั้งไฟที่ 180 องศา ใช้เวลา 20 นาที
ครบเวลา 20 นาที ลองเอามาเช็คความสุกก่อน ใช้ไม้จิ้มฟัน หรือไม้ปลายแหลมจิ้มที่หัวมันดู ถ้าจิ้มแล้วยังฝืด ๆ แสดงว่ายังไม่สุก เราพลิกกลับข้างหัวมัน เอาเข้าหม้อทอดอีกรอบ ไฟ 180 ตั้งเวลา 20 นาทีเหมือนเดิม
ครบเวลารอบ 2 เอาไม้จิ้มฟันจิ้มเช็คอีกรอบ รอบนี้ จิ้มแล้วลื่นปรื๊ด ๆ ทุกหัว
แกะเช็คความแตกต่าง ระหว่างห่อฟอยล์ กับไม่ห่อฟอยล์ค่ะ
ถ้าห่อฟอยล์ มันญี่ปุ่นจะดูฉ่ำ ๆ แบบมันหวานอบ
ถ้าไม่ห่อฟอยล์ มันญี่ปุ่นจะได้ฟิลมันเผา ที่ผิวไม่ไหม้ แต่หอมกลิ่นมันเผามาก ๆ
เนื้อมันญี่ปุ่นอบ เนื้อจะฉ่ำ หวาน แต่ไม่แฉะ (ถ้าใช้ต้ม หรือนึ่ง เนื้อจะแฉะ) แต่ถ้าห่อฟอยล์เข้าหม้อทอด จะฉ่ำ หวาน เนื้อไม่แฉะ
ให้ดูเนื้อมันญี่ปุ่นเผาค่ะ เนื้อเหลือง ดูแห้งกว่าแบบมันอบ แต่ก็ยังหวาน มีกลิ่นมันเผาแบบหอมหวาน ใครชอบเนื้อร่วนหน่อย ให้เลือกแบบไม่ห่อฟอยล์ จะตรงใจเลย
หัวนี้เป็นมันอบ (แบบห่อฟอยล์) กิน 1 หัว อิ่ม สบายท้องค่ะ หวาน ฉ่ำ แต่ปลอดภัยค่ะ
กินหมดแล้ว แอบเสียดาย ซื้อมาแค่ 3 หัว กินวันเดียวหมด 55555