.
.
.
ในปี ค.ศ. 1276
จักรพรรดิกุบไลข่าน (忽必烈)
ได้จัดตั้งสำนักไท่ซือ (太史局)
โดยมีภารกิจเร่งด่วน คือ
การสร้างปฏิทินใหม่
ที่ใช้ระบบดวงอาทิตย์ (สุริยคติ)
แทนระบบดวงจันทร์ (จันทรคติ)
(สำนักนี้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเข้าเฝ้าทุกวัน
เพราะงานหลักต้องทำงานทุกยามค่ำคืน)
ชาวมองโกลสามารถรวมประเทศได้
โดยการทำลายราชวงศ์จิน (金) ทางเหนือ
และราชวงศ์ซ่งใต้ (南宋) ทางใต้
จึงจำเป็นต้องสร้างปฏิทินที่เป็นหนึ่งเดียวกัน
ที่สำคัญกว่านั้น ช่วงต้นราชวงศ์หยวน (元)
ยังคงใช้
ปฏิทินต้าหมิงฉบับปรับปรุง
(重修大明历) ของราชวงศ์จิน
ซึ่งใช้มาเกือบร้อยปีแล้ว
.
.
.
.
ความคลาดเคลื่อนที่สะสมมานาน
ทำให้การทำนายปรากฏการณ์
ทางดาราศาสตร์ไม่ตรงกับความเป็นจริง เช่น
เมื่อวานเป็นเทศกาลไหว้พระจันทร์
แต่พระจันทร์เพิ่งจะเต็มดวงคืนนี้
ความคลาดเคลื่อนเช่นนี้
ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อ
การผลิต/การดำรงชีวิตชาวบ้าน
(วันเริ่มเพาะปลูก ฤกษ์ทำพิธีกรรม)
กุบไลข่าน แต่งตั้งหวังซุน (王恂) ซู่เหิง (许衡)
กัวโส่วจิ่ง (郭守敬) และคนอื่น ๆ
ให้รวมตัวเป็นทีมนักวิทยาศาสตร์
เพื่อสร้างปฏิทินที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน
กัวโส่วจิ่ง เสนอว่า
พื้นฐานของปฏิทินอยู่ที่การทดสอบ
และเครื่องมือวัดในการทดสอบสำคัญที่สุด
ด้วยเหตุนี้ ท่านจึงสร้าง/ดัดแปลง
เครื่องมือดาราศาสตร์กว่า 10 ชนิด
รวมถึงเครื่องมือที่เรารู้จักกันดี
เจียนอี้ (简仪) หยางอี้ (仰仪) กุยเปี่ยว (圭表)
ด้วยเครื่องมือเหล่านี้ กัวโส่วจิ่งและทีมงาน
ได้จัดการสำรวจ
สี่ทะเล ครั้งยิ่งใหญ่
ที่ไม่เคยมีมาก่อนในอาณาเขตจีน(มองโกล)
อันกว้างใหญ่ของราชวงศ์หยวน
โดยตั้งจุดสังเกตการณ์ 27 จุด
จากคาบสมุทรเกาหลีทางตะวันออก
ไปถึงระเบียงเหอซี (河西走廊) ทางตะวันตก
จากหมู่เกาะซีซา (西沙群岛) ทางใต้
ไปถึงไซบีเรีย (西伯利亚) ทางเหนือ
ครอบคลุมระยะทางกว่า 6,000 ลี้
จากตะวันออกถึงตะวันตก
และกว่า 11,000 ลี้จากเหนือจรดใต้
ทำให้ได้ข้อมูลปฐมภูมิจำนวนมาก
.
.
.
เจียนอี้ (简仪)
.
.
.
หยางอี้ (仰仪)
.
.
.
กุยเปี่ยว (圭表)
.
.
กัวโส่วจิ่ง และทีมงาน
ได้วิเคราะห์ปฏิทินฉบับเก่า 70 ฉบับ
ตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันตก (西汉)
ข้อมูลประวัติศาสตร์ที่รวบรวมไว้กว่า 800 ปี
ถอดบทเรียน ละทิ้งปัจจัยที่ไม่สมเหตุสมผล
ใช้สิ่งเหล่านี้เป็นแหล่งข้อมูลอ้างอิง
และพื้นฐานในการสร้างปฏิทินใหม่
จนในที่สุดก็สร้างปฏิทินใหม่สำเร็จ
ในสมัยราชวงศ์หยวน
ตามคัมภีร์
ขงจื๊อ ซางซู (尚书) ที่ระบุว่า
จึงสั่งให้ ซีเหอ (羲和) เคารพฟ้าสวรรค์
สังเกตดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาว
เพื่อสอนเวลาให้ประชาชน
ปฏิทินใหม่จึงได้ชื่อว่า
ซู่ซือหลี่ (授时历)
และประกาศใช้อย่างเป็นทางการ
เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม ค.ศ. 1280
แม้ว่าปฏิทินจะได้รับการประกาศใช้แล้ว
แต่งานปฏิทินก็ยังไม่จบง่าย ๆ
หลังจากที่ ปฏิทินซู่ซือเริ่มใช้งาน
ยังคงต้องทำการสังเกตการณ์
และปรับแก้อย่างต่อเนื่อง
เพื่อให้มั่นใจในความแม่นยำ
แต่คนในทีมบางคนเสียชีวิตจากโรคภัย
บางคนเกษียณเพราะชราภาพ
กัวโส่วจิ่ง จึงใช้เวลาสี่ปีแต่งตำราเกี่ยวกับ
ปฏิทินซู่ซือ เพียงลำพัง เช่น ทุยปู้ (推步)
หลี่เฉิง (立成) หลี่อี้หนิวเกา (历议拟稿)
จ้วนเซินเสวียนเจ๋อ (转神选择) และ
ซางจงเซี่ยซานหลี่จู้ซือ (上中下三历注式)
ปฏิทินซู่ซือ ถูกใช้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1281
ใน
ราชวงศ์หยวน จนถึง
ราชวงศ์หมิง (明)
ได้เปลี่ยนชื่อเป็น ปฏิทินต้าถง (大统历)
และใช้ต่อมาอีกถึง 364 ปี (ค.ศ.1645)
จึงกลับไปใช้
ปฏิทินต้าหมิง
ของราชวงศ์จิน (金) ทางเหนือ ที่แพ้มองโกล
เพราะบรรพบุรุษ
ราชวงศ์ชิง
ส่วนหนึ่งเป็นพวกราชวงศ์จินที่รอดตาย
จึงยังแค้นตาเมึ้ยน ผีไม่เผา เงาไม่เหยียบ
ปฏิทินซู่ซือ แตกต่างเพียงแค่ 26 วินาทีเท่านั้น
จากค่า
365.2425 = 1 ปี
365 วัน 5 ชั่วโมง 49 นาที 12 วินาที
จำนวนวันตรงกับ ปฏิทินเกรกอเรียน (格里历)
ที่ประกาศใช้ปี ค.ศ.1582
แต่ก้าวล้ำนำหน้ากว่าถึง 300 ปี
.
.
.
.
ในปี ค.ศ. 1303
กัวโส่วจิ่ง ได้ยื่นใบลาเกษียณต่อราชสำนัก
แต่ไม่ได้รับอนุมัติเพราะหาคนทำงานแทนไม่ได้
ท่านจึงยังคงทำงานต่อไปจนตายในวัย 86 ปี
ในปี ค.ศ. 1970
สหภาพดาราศาสตร์นานาชาติ
ได้ตั้งชื่อหลุมอุกกาบาตบนดวงจันทร์ว่า
หลุมอุกกาบาตกัวโส่วจิ่ง (郭守敬环形山)
.
.

.
.
ในปี ค.ศ. 1977
ศูนย์ดาวเคราะห์น้อยนานาชาติ
ได้ตั้งชื่อดาวเคราะห์น้อยหมายเลข 2012 ว่า
ดาวเคราะห์น้อยกัวโส่วจิ่ง (郭守敬小行星)
.
.
.
.
เรียบเรียง/ที่มา
SINOSPHERE 漢字文化圈
หอดูดาวป้กกิ่ง
.
.
.
.
.
ในยุคโบราณ
ประเทศจีนโบราณเป็นหนึ่งในประเทศ
ที่มีดาราศาสตร์ก้าวหน้ามากที่สุด
ชาวจีนโบราณได้สร้างหอดูดาว
เฝ้าสังเกตการณ์ทางดาราศาสตร์บนท้องฟ้า
การขึ้นและตกของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์
การเคลื่อนที่ของดวงดาว ล้วนซ่อนความลับ
ของการเติบโต การกลับมา การเจริญรุ่งเรือง
และความเสื่อมโทรมสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโลก
โบราณชนผู้ชาญฉลาด ได้บันทึก
การเปิดเผยความลับของท้องฟ้า
สรุปกฎเกณฑ์และกำหนดมาตรฐานเวลา
จึงมีปี เดือน วัน และฤดูกาลในโลกมนุษย์
จีนไม่เพียงแต่เก็บรักษาบันทึกปรากฏการณ์
ทางดาราศาสตร์ที่ยาวนาน
และสมบูรณ์ที่สุดในโลก
แต่ยังมีประเพณีการสังเกตการณ์
และการวิจัยทางดาราศาสตร์ที่ยาวนาน
และได้พัฒนาแนวคิดจักรวาลและปรัชญา
ของสวรรค์และมนุษย์เป็นหนึ่งเดียวกัน
การพัฒนาดาราศาสตร์จีนโบราณนั้น
แยกไม่ออกจากความกระตือรือร้น
การศึกษานักดาราศาสตร์รุ่นแล้วรุ่นเล่า
บางคนบันทึกสุริยุปราคา
และดาวหางที่เก่าแก่ที่สุด
บางคนวิจัยเครื่องมือสังเกตการณ์ที่ทันสมัย
บางคนสร้างปฏิทินที่มีอิทธิพลต่อหลายพันปี
บางคนฝังตัวเองในการคำนวณ
ทางดาราศาสตร์ที่สลับซับซ้อน
เพื่อค้นพบกฎของการเคลื่อนที่ของดวงดาว
บางคนเป็นประธานในการสร้างหอดูดาว
ที่ใหญ่โตอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
เมื่อเรามองย้อนกลับไป
ในประวัติศาสตร์อันยาวนาน
และยิ่งใหญ่ของการสังเกตการณ์
และการสำรวจทางดาราศาสตร์นี้
เราจะพบว่าสิ่งที่คนโบราณทิ้งไว้ให้เรานั้น
ไม่เพียงแต่เป็นบันทึกปรากฏการณ์
ทางดาราศาสตร์จำนวนมาก
และเครื่องมือที่สลับซับซ้อนเท่านั้น
แต่ยังรวมถึงความพยายามอย่างไม่ลดละ
ของนักดาราศาสตร์ในการเปิดเผยตนเอง
และกฎของการทำงานของจักรวาลด้วย
ประเพณีทางดาราศาสตร์อันยาวนาน
ได้วางรากฐานที่มั่นคงสำหรับ
การพัฒนาดาราศาสตร์สมัยใหม่ของจีน
ทุกวันนี้ เราอาจจะตามชาวจีน
ที่แหงนมองท้องฟ้าอย่างต่อเนื่องเหล่านี้
มองย้อนกลับไปที่ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว
และเริ่มต้นการเดินทางของการพัฒนา
ทางดาราศาสตร์ของจีนเป็นเวลาหลายพันปี
.
.
.
.
ต้นแบบการดูดาวบนท้องฟ้า
หอดูดาว Gaocheng ในเมืองเติงเฟิง
มณฑลเหอหนาน ประเทศจีน
หอดูดาว โครงสร้างหินขนาดใหญ่
ที่มีบันไดสองชุดนำไปสู่ยอดแบนราบ
นาฬิกาแดดหินยาวตั้งอยู่ตรงกลางสวน
ใช้เพื่อบอกเวลายามมีแสงแดด
สวนดอกไม้สีแดง สีขาว และพุ่มไม้สีเขียว
เส้นทางหินที่นำไปสู่หอดูดาว
หอดูดาว Gaocheng เป็นหอดูดาว
ที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศจีน
สร้างสมัยราชวงศ์หยวน (ค.ศ. 1276-1368)
หอดูดาวแห่งนี้ใช้เพื่อสังเกตการณ์
ทางดาราศาสตร์และสร้างปฏิทิน
.
.
.
.
.
元初测影所分布
สถานีวัดเงาต้นราชวงศ์หยวน
北海测影所 สถานีวัดเงาเป่ยไห่
铁勒测影所 สถานีวัดเงาเถี่ยเล่อ
和林测影所 สถานีวัดเงาเหอหลิน
上都测影所 สถานีวัดเงาซ่างตู
北京测影所 สถานีวัดเงาปักกิ่ง
西京测影所 สถานีวัดเงาซีจิง
大都测影所 สถานีวัดเงาต้าตู
西凉州测影所 สถานีวัดเงาซีเหลียงโจว
太原测影所 สถานีวัดเงาไท่หยวน
登州测影所 สถานีวัดเงาเติงโจว
高丽测影所 สถานีวัดเงาเกาหลี
大名测影所 สถานีวัดเงาต้าหมิง
益都测影所 สถานีวัดเงาอี้ตู
阳城测影所 สถานีวัดเงาหยางเฉิง
东平测影所 สถานีวัดเงาตงผิง
安西测影所 สถานีวัดเงาอันซี
南京测影所 สถานีวัดเงาหนานจิง
兴元测影所 สถานีวัดเงาซิงหยวน
成都测影所 สถานีวัดเงาเฉิงตู
扬州测影所 สถานีวัดเงาหยางโจว
鄂州测影所 สถานีวัดเงาเอ้อโจว
衡岳测影所 สถานีวัดเงาเหิงเย่ว
吉州测影所 สถานีวัดเงาจี๋โจว
滇池测影所 สถานีวัดเงาเตียนฉือ
雷州测影所 สถานีวัดเงาเหลยโจว
琼州测影所 สถานีวัดเงาฉงโจว
南海湾影所 สถานีวัดเงาอ่าวทะเลใต้
.
.
โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์
ครบรอบ 1 ปีปฏิทินมี 365 วันพอดี
แต่ปีสุริยคติมีความยาว 365.2425 วัน
= 365 วัน 5 ชั่วโมง 49 นาที 12 วินาที
แต่ละปีที่ผ่านพ้นไปช่องว่างระหว่าง
ปีปฏิทินกับปีสุริยคติ จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
ยิ่งสมทบรวมเข้าไปเรื่อย ๆ หลาย ๆ ปี
วันทึ่/เดือนในช่วงเวลาฤดูกาล จะผิดเพี้ยน
จึงมีหลักว่าทุก 4 ปี จะมีวันเพิ่ม 1 วันชดเชย
คิดเป็น 23 ชั่วโมง 16 นาที 48 วินาที
ปีอธิกสุรทิน คือ ปีที่มี 366 วันตามปฏิทิน
ใน
ปฏิทินเกรกอเรียน
วันพิเศษที่เรียกว่า วันอธิกสุรทิน
คือ วันที่ 29 กุมภาพันธ์ของปี
ซึ่งจะไม่มีในปีที่ไม่ใช่ปีอธิกสุรทิน/ทั่วไป
ทุกปีที่หารด้วย 4 ลงตัว เช่น
ปี 2020 และ 2024 จะเป็นปีอธิกสุรทิน
ยกเว้นครบ 100 ปี หรือปีที่ลงท้ายด้วย 00
เช่น 1700 1800 1900 จะไม่เป็นปีอธิกสุรทิน
ยังมีข้อยกเว้นพิเศษ ถ้าหารด้วย 400 ลงต้ว
1600 2000 จะเป็นปีอธิกสุรทิน
.
.
.
.
เดิมชาวโรมันใช้ปฎิทินดวงจันทร์
นักบวชต้องปรับปรุงเพิ่มปีละ 10 วัน
ผิดพลาดบ้าง ตรงวันบ้าง
ทำให้ชาวบ้านต่างสับสนวุ่นวาย
เมื่อนักดาราศาสตร์ใช้ดวงตะวันเป็นหลัก
วันเดือนปีจะไม่คลาดเคลื่อนตามใจนักบวช
ทำให้ Julius Caesar เห็นชอบด้วย
กับปฎิทิน Julian
แล้วสั่งให้ล้างไพ่/หักดิบทันที
โล๊ะทิ้งวันจันทรคติ 80 วัน
ทึ่สะสมมานานถึง 445 วัน
ให้เป็นวันสุริยคติ 365 วัน
เริ่มต้นวันเดือนปีใหม่ทึ่ไฉไลกว่าเดิม
กินเวลานานหลายศตวรรษ
ที่ดูเหมือนว่าปฏิทินจูเลียน
ทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบ
แต่เมื่อถึงกลางศตวรรษที่ 16
นักดาราศาสตร์สังเกตเห็นว่า
ฤดูกาลต่าง ๆ เริ่มต้นเร็วกว่า
ที่คาดการณ์ไว้ราว ๆ 10 วัน
วันหยุดต่าง ๆ เช่น วันอีสเตอร์
ไม่ตรงกับเหตุการณ์
เช่น ฤดูใบไม้ผลิ วันวสันตวิษุวัต
(เวลากลางวัน=กลางคืน)
เป็นวันเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิในซีกโลกเหนือ
พระสันตะปาปาเกรกอรีที่ 13
สั่งให้ลบ 10 วันทึ่เกินออกไปทิ้งเลย
เริ่มต้นวันใหม่ให้ตรงกับความเป็นจริง
และให้ใช้ปฏิทินเกรกอเรียนในปี 1582
.
.
24 ธันวาคม พ.ศ. 2483
จอมพล ป.พิบูลสงคราม
ออกพระราชบัญญัติปีปฏิทิน พ.ศ.2484
ให้วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2484
เป็นวันขึ้นปีใหม่ แทน 1 เมษายน
ทำให้ปี พ.ศ. 2483 มีเพียง 9 เดือนครึ่ง
(1 เมษายน - 31 ธันวาคม)
ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับนานาชาติ
แต่ยังคงเทศกาลสงกรานต์ตามเดิม
ปฏิทินจีน (มองโกล)
.
ในปี ค.ศ. 1276
จักรพรรดิกุบไลข่าน (忽必烈)
ได้จัดตั้งสำนักไท่ซือ (太史局)
โดยมีภารกิจเร่งด่วน คือ
การสร้างปฏิทินใหม่
ที่ใช้ระบบดวงอาทิตย์ (สุริยคติ)
แทนระบบดวงจันทร์ (จันทรคติ)
(สำนักนี้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเข้าเฝ้าทุกวัน
เพราะงานหลักต้องทำงานทุกยามค่ำคืน)
ชาวมองโกลสามารถรวมประเทศได้
โดยการทำลายราชวงศ์จิน (金) ทางเหนือ
และราชวงศ์ซ่งใต้ (南宋) ทางใต้
จึงจำเป็นต้องสร้างปฏิทินที่เป็นหนึ่งเดียวกัน
ที่สำคัญกว่านั้น ช่วงต้นราชวงศ์หยวน (元)
ยังคงใช้ ปฏิทินต้าหมิงฉบับปรับปรุง
(重修大明历) ของราชวงศ์จิน
ซึ่งใช้มาเกือบร้อยปีแล้ว
.
.
ความคลาดเคลื่อนที่สะสมมานาน
ทำให้การทำนายปรากฏการณ์
ทางดาราศาสตร์ไม่ตรงกับความเป็นจริง เช่น
เมื่อวานเป็นเทศกาลไหว้พระจันทร์
แต่พระจันทร์เพิ่งจะเต็มดวงคืนนี้
ความคลาดเคลื่อนเช่นนี้
ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อ
การผลิต/การดำรงชีวิตชาวบ้าน
(วันเริ่มเพาะปลูก ฤกษ์ทำพิธีกรรม)
กุบไลข่าน แต่งตั้งหวังซุน (王恂) ซู่เหิง (许衡)
กัวโส่วจิ่ง (郭守敬) และคนอื่น ๆ
ให้รวมตัวเป็นทีมนักวิทยาศาสตร์
เพื่อสร้างปฏิทินที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน
กัวโส่วจิ่ง เสนอว่า
พื้นฐานของปฏิทินอยู่ที่การทดสอบ
และเครื่องมือวัดในการทดสอบสำคัญที่สุด
ด้วยเหตุนี้ ท่านจึงสร้าง/ดัดแปลง
เครื่องมือดาราศาสตร์กว่า 10 ชนิด
รวมถึงเครื่องมือที่เรารู้จักกันดี
เจียนอี้ (简仪) หยางอี้ (仰仪) กุยเปี่ยว (圭表)
ด้วยเครื่องมือเหล่านี้ กัวโส่วจิ่งและทีมงาน
ได้จัดการสำรวจ สี่ทะเล ครั้งยิ่งใหญ่
ที่ไม่เคยมีมาก่อนในอาณาเขตจีน(มองโกล)
อันกว้างใหญ่ของราชวงศ์หยวน
โดยตั้งจุดสังเกตการณ์ 27 จุด
จากคาบสมุทรเกาหลีทางตะวันออก
ไปถึงระเบียงเหอซี (河西走廊) ทางตะวันตก
จากหมู่เกาะซีซา (西沙群岛) ทางใต้
ไปถึงไซบีเรีย (西伯利亚) ทางเหนือ
ครอบคลุมระยะทางกว่า 6,000 ลี้
จากตะวันออกถึงตะวันตก
และกว่า 11,000 ลี้จากเหนือจรดใต้
ทำให้ได้ข้อมูลปฐมภูมิจำนวนมาก
.
.
เจียนอี้ (简仪)
.
.
.
หยางอี้ (仰仪)
.
.
.
กุยเปี่ยว (圭表)
.
.
กัวโส่วจิ่ง และทีมงาน
ได้วิเคราะห์ปฏิทินฉบับเก่า 70 ฉบับ
ตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันตก (西汉)
ข้อมูลประวัติศาสตร์ที่รวบรวมไว้กว่า 800 ปี
ถอดบทเรียน ละทิ้งปัจจัยที่ไม่สมเหตุสมผล
ใช้สิ่งเหล่านี้เป็นแหล่งข้อมูลอ้างอิง
และพื้นฐานในการสร้างปฏิทินใหม่
จนในที่สุดก็สร้างปฏิทินใหม่สำเร็จ
ในสมัยราชวงศ์หยวน
ตามคัมภีร์ ขงจื๊อ ซางซู (尚书) ที่ระบุว่า
จึงสั่งให้ ซีเหอ (羲和) เคารพฟ้าสวรรค์
สังเกตดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาว
เพื่อสอนเวลาให้ประชาชน
ปฏิทินใหม่จึงได้ชื่อว่า ซู่ซือหลี่ (授时历)
และประกาศใช้อย่างเป็นทางการ
เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม ค.ศ. 1280
แม้ว่าปฏิทินจะได้รับการประกาศใช้แล้ว
แต่งานปฏิทินก็ยังไม่จบง่าย ๆ
หลังจากที่ ปฏิทินซู่ซือเริ่มใช้งาน
ยังคงต้องทำการสังเกตการณ์
และปรับแก้อย่างต่อเนื่อง
เพื่อให้มั่นใจในความแม่นยำ
แต่คนในทีมบางคนเสียชีวิตจากโรคภัย
บางคนเกษียณเพราะชราภาพ
กัวโส่วจิ่ง จึงใช้เวลาสี่ปีแต่งตำราเกี่ยวกับ
ปฏิทินซู่ซือ เพียงลำพัง เช่น ทุยปู้ (推步)
หลี่เฉิง (立成) หลี่อี้หนิวเกา (历议拟稿)
จ้วนเซินเสวียนเจ๋อ (转神选择) และ
ซางจงเซี่ยซานหลี่จู้ซือ (上中下三历注式)
ปฏิทินซู่ซือ ถูกใช้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1281
ใน ราชวงศ์หยวน จนถึง ราชวงศ์หมิง (明)
ได้เปลี่ยนชื่อเป็น ปฏิทินต้าถง (大统历)
และใช้ต่อมาอีกถึง 364 ปี (ค.ศ.1645)
จึงกลับไปใช้ ปฏิทินต้าหมิง
ของราชวงศ์จิน (金) ทางเหนือ ที่แพ้มองโกล
เพราะบรรพบุรุษ ราชวงศ์ชิง
ส่วนหนึ่งเป็นพวกราชวงศ์จินที่รอดตาย
จึงยังแค้นตาเมึ้ยน ผีไม่เผา เงาไม่เหยียบ
ปฏิทินซู่ซือ แตกต่างเพียงแค่ 26 วินาทีเท่านั้น
จากค่า 365.2425 = 1 ปี
365 วัน 5 ชั่วโมง 49 นาที 12 วินาที
จำนวนวันตรงกับ ปฏิทินเกรกอเรียน (格里历)
ที่ประกาศใช้ปี ค.ศ.1582
แต่ก้าวล้ำนำหน้ากว่าถึง 300 ปี
.
.
ในปี ค.ศ. 1303
กัวโส่วจิ่ง ได้ยื่นใบลาเกษียณต่อราชสำนัก
แต่ไม่ได้รับอนุมัติเพราะหาคนทำงานแทนไม่ได้
ท่านจึงยังคงทำงานต่อไปจนตายในวัย 86 ปี
ในปี ค.ศ. 1970
สหภาพดาราศาสตร์นานาชาติ
ได้ตั้งชื่อหลุมอุกกาบาตบนดวงจันทร์ว่า
หลุมอุกกาบาตกัวโส่วจิ่ง (郭守敬环形山)
.
.
ในปี ค.ศ. 1977
ศูนย์ดาวเคราะห์น้อยนานาชาติ
ได้ตั้งชื่อดาวเคราะห์น้อยหมายเลข 2012 ว่า
ดาวเคราะห์น้อยกัวโส่วจิ่ง (郭守敬小行星)
.
.
เรียบเรียง/ที่มา
SINOSPHERE 漢字文化圈
หอดูดาวป้กกิ่ง
.
.
.
ในยุคโบราณ
ประเทศจีนโบราณเป็นหนึ่งในประเทศ
ที่มีดาราศาสตร์ก้าวหน้ามากที่สุด
ชาวจีนโบราณได้สร้างหอดูดาว
เฝ้าสังเกตการณ์ทางดาราศาสตร์บนท้องฟ้า
การขึ้นและตกของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์
การเคลื่อนที่ของดวงดาว ล้วนซ่อนความลับ
ของการเติบโต การกลับมา การเจริญรุ่งเรือง
และความเสื่อมโทรมสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโลก
โบราณชนผู้ชาญฉลาด ได้บันทึก
การเปิดเผยความลับของท้องฟ้า
สรุปกฎเกณฑ์และกำหนดมาตรฐานเวลา
จึงมีปี เดือน วัน และฤดูกาลในโลกมนุษย์
จีนไม่เพียงแต่เก็บรักษาบันทึกปรากฏการณ์
ทางดาราศาสตร์ที่ยาวนาน
และสมบูรณ์ที่สุดในโลก
แต่ยังมีประเพณีการสังเกตการณ์
และการวิจัยทางดาราศาสตร์ที่ยาวนาน
และได้พัฒนาแนวคิดจักรวาลและปรัชญา
ของสวรรค์และมนุษย์เป็นหนึ่งเดียวกัน
การพัฒนาดาราศาสตร์จีนโบราณนั้น
แยกไม่ออกจากความกระตือรือร้น
การศึกษานักดาราศาสตร์รุ่นแล้วรุ่นเล่า
บางคนบันทึกสุริยุปราคา
และดาวหางที่เก่าแก่ที่สุด
บางคนวิจัยเครื่องมือสังเกตการณ์ที่ทันสมัย
บางคนสร้างปฏิทินที่มีอิทธิพลต่อหลายพันปี
บางคนฝังตัวเองในการคำนวณ
ทางดาราศาสตร์ที่สลับซับซ้อน
เพื่อค้นพบกฎของการเคลื่อนที่ของดวงดาว
บางคนเป็นประธานในการสร้างหอดูดาว
ที่ใหญ่โตอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
เมื่อเรามองย้อนกลับไป
ในประวัติศาสตร์อันยาวนาน
และยิ่งใหญ่ของการสังเกตการณ์
และการสำรวจทางดาราศาสตร์นี้
เราจะพบว่าสิ่งที่คนโบราณทิ้งไว้ให้เรานั้น
ไม่เพียงแต่เป็นบันทึกปรากฏการณ์
ทางดาราศาสตร์จำนวนมาก
และเครื่องมือที่สลับซับซ้อนเท่านั้น
แต่ยังรวมถึงความพยายามอย่างไม่ลดละ
ของนักดาราศาสตร์ในการเปิดเผยตนเอง
และกฎของการทำงานของจักรวาลด้วย
ประเพณีทางดาราศาสตร์อันยาวนาน
ได้วางรากฐานที่มั่นคงสำหรับ
การพัฒนาดาราศาสตร์สมัยใหม่ของจีน
ทุกวันนี้ เราอาจจะตามชาวจีน
ที่แหงนมองท้องฟ้าอย่างต่อเนื่องเหล่านี้
มองย้อนกลับไปที่ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว
และเริ่มต้นการเดินทางของการพัฒนา
ทางดาราศาสตร์ของจีนเป็นเวลาหลายพันปี
.
.
.
ต้นแบบการดูดาวบนท้องฟ้า
หอดูดาว Gaocheng ในเมืองเติงเฟิง
มณฑลเหอหนาน ประเทศจีน
หอดูดาว โครงสร้างหินขนาดใหญ่
ที่มีบันไดสองชุดนำไปสู่ยอดแบนราบ
นาฬิกาแดดหินยาวตั้งอยู่ตรงกลางสวน
ใช้เพื่อบอกเวลายามมีแสงแดด
สวนดอกไม้สีแดง สีขาว และพุ่มไม้สีเขียว
เส้นทางหินที่นำไปสู่หอดูดาว
หอดูดาว Gaocheng เป็นหอดูดาว
ที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศจีน
สร้างสมัยราชวงศ์หยวน (ค.ศ. 1276-1368)
หอดูดาวแห่งนี้ใช้เพื่อสังเกตการณ์
ทางดาราศาสตร์และสร้างปฏิทิน
.
.
.
元初测影所分布
สถานีวัดเงาต้นราชวงศ์หยวน
北海测影所 สถานีวัดเงาเป่ยไห่
铁勒测影所 สถานีวัดเงาเถี่ยเล่อ
和林测影所 สถานีวัดเงาเหอหลิน
上都测影所 สถานีวัดเงาซ่างตู
北京测影所 สถานีวัดเงาปักกิ่ง
西京测影所 สถานีวัดเงาซีจิง
大都测影所 สถานีวัดเงาต้าตู
西凉州测影所 สถานีวัดเงาซีเหลียงโจว
太原测影所 สถานีวัดเงาไท่หยวน
登州测影所 สถานีวัดเงาเติงโจว
高丽测影所 สถานีวัดเงาเกาหลี
大名测影所 สถานีวัดเงาต้าหมิง
益都测影所 สถานีวัดเงาอี้ตู
阳城测影所 สถานีวัดเงาหยางเฉิง
东平测影所 สถานีวัดเงาตงผิง
安西测影所 สถานีวัดเงาอันซี
南京测影所 สถานีวัดเงาหนานจิง
兴元测影所 สถานีวัดเงาซิงหยวน
成都测影所 สถานีวัดเงาเฉิงตู
扬州测影所 สถานีวัดเงาหยางโจว
鄂州测影所 สถานีวัดเงาเอ้อโจว
衡岳测影所 สถานีวัดเงาเหิงเย่ว
吉州测影所 สถานีวัดเงาจี๋โจว
滇池测影所 สถานีวัดเงาเตียนฉือ
雷州测影所 สถานีวัดเงาเหลยโจว
琼州测影所 สถานีวัดเงาฉงโจว
南海湾影所 สถานีวัดเงาอ่าวทะเลใต้
.
.
เรื่องเดิม
.
ทำไมมีปีอธิกสุรทิน (29 กุมภาพันธ์)
.
.
โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์
ครบรอบ 1 ปีปฏิทินมี 365 วันพอดี
แต่ปีสุริยคติมีความยาว 365.2425 วัน
= 365 วัน 5 ชั่วโมง 49 นาที 12 วินาที
แต่ละปีที่ผ่านพ้นไปช่องว่างระหว่าง
ปีปฏิทินกับปีสุริยคติ จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
ยิ่งสมทบรวมเข้าไปเรื่อย ๆ หลาย ๆ ปี
วันทึ่/เดือนในช่วงเวลาฤดูกาล จะผิดเพี้ยน
จึงมีหลักว่าทุก 4 ปี จะมีวันเพิ่ม 1 วันชดเชย
คิดเป็น 23 ชั่วโมง 16 นาที 48 วินาที
ปีอธิกสุรทิน คือ ปีที่มี 366 วันตามปฏิทิน
ใน ปฏิทินเกรกอเรียน
วันพิเศษที่เรียกว่า วันอธิกสุรทิน
คือ วันที่ 29 กุมภาพันธ์ของปี
ซึ่งจะไม่มีในปีที่ไม่ใช่ปีอธิกสุรทิน/ทั่วไป
ทุกปีที่หารด้วย 4 ลงตัว เช่น
ปี 2020 และ 2024 จะเป็นปีอธิกสุรทิน
ยกเว้นครบ 100 ปี หรือปีที่ลงท้ายด้วย 00
เช่น 1700 1800 1900 จะไม่เป็นปีอธิกสุรทิน
ยังมีข้อยกเว้นพิเศษ ถ้าหารด้วย 400 ลงต้ว
1600 2000 จะเป็นปีอธิกสุรทิน
.
.
เดิมชาวโรมันใช้ปฎิทินดวงจันทร์
นักบวชต้องปรับปรุงเพิ่มปีละ 10 วัน
ผิดพลาดบ้าง ตรงวันบ้าง
ทำให้ชาวบ้านต่างสับสนวุ่นวาย
เมื่อนักดาราศาสตร์ใช้ดวงตะวันเป็นหลัก
วันเดือนปีจะไม่คลาดเคลื่อนตามใจนักบวช
ทำให้ Julius Caesar เห็นชอบด้วย
กับปฎิทิน Julian
แล้วสั่งให้ล้างไพ่/หักดิบทันที
โล๊ะทิ้งวันจันทรคติ 80 วัน
ทึ่สะสมมานานถึง 445 วัน
ให้เป็นวันสุริยคติ 365 วัน
เริ่มต้นวันเดือนปีใหม่ทึ่ไฉไลกว่าเดิม
กินเวลานานหลายศตวรรษ
ที่ดูเหมือนว่าปฏิทินจูเลียน
ทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบ
แต่เมื่อถึงกลางศตวรรษที่ 16
นักดาราศาสตร์สังเกตเห็นว่า
ฤดูกาลต่าง ๆ เริ่มต้นเร็วกว่า
ที่คาดการณ์ไว้ราว ๆ 10 วัน
วันหยุดต่าง ๆ เช่น วันอีสเตอร์
ไม่ตรงกับเหตุการณ์
เช่น ฤดูใบไม้ผลิ วันวสันตวิษุวัต
(เวลากลางวัน=กลางคืน)
เป็นวันเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิในซีกโลกเหนือ
พระสันตะปาปาเกรกอรีที่ 13
สั่งให้ลบ 10 วันทึ่เกินออกไปทิ้งเลย
เริ่มต้นวันใหม่ให้ตรงกับความเป็นจริง
และให้ใช้ปฏิทินเกรกอเรียนในปี 1582
.
.
24 ธันวาคม พ.ศ. 2483
จอมพล ป.พิบูลสงคราม
ออกพระราชบัญญัติปีปฏิทิน พ.ศ.2484
ให้วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2484
เป็นวันขึ้นปีใหม่ แทน 1 เมษายน
ทำให้ปี พ.ศ. 2483 มีเพียง 9 เดือนครึ่ง
(1 เมษายน - 31 ธันวาคม)
ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับนานาชาติ
แต่ยังคงเทศกาลสงกรานต์ตามเดิม