ถาม : เวลามันไม่สงบ เราก็ไม่พอใจครับ?
ตอบ : เอาปัญญาใส่ลงไป ถ้ามันไม่สงบ
ธรรม ถึงว่า...
มันไม่แน่ มันเป็นอย่างนี้
รู้จักมัน ด้วยปัญญาว่า...
มันฟุ้งซ่าน เราก็สงบในที่นั้น
เพราะเห็นว่า...
มันเป็นอย่างนั้น เรื่องของมันนี่
อย่าไปจับจดมัน อุปาทานมัน
อย่า...ไปทำอะไร
ให้รู้ตามเรื่อง ของมัน ให้มัน สงบของมัน
ความเป็นจริง อาตมาเคยเปรียบเทียบให้ฟัง
เราต้องการความสงบใช่ไหม ?
พระหรือโยม ก็ช่างเถอะ ต้องการความสงบ
ไปหาหลบ อยู่...
ในที่มันสงบ เมื่อไหร่ไม่มีสี ไม่มีเสียง มันสบาย แน่ะ !
ถ้าว่ามีเสียงเกิดขึ้นมา ปุ๊บ
แหม ! รำคาญ ทำไม? เสียงมันมากวนเรา
นี่ ! ก็เห็นว่า...เสียงมันมากวนเรา อย่างเดียวเท่านั้นแหละ
ถ้าเรากลับมาพิจารณาดู ว่า...
เอ๊ะมัน ใช่ไหม ?
มัน แน่นอนอย่างนั้นหรือเปล่า ?
ดู...ไปอีก ให้มันลึกเข้าไปกว่านั้นอีก
เสียงมันมากวนเรา หรือเราไปกวนเสียง
นี่ ! ตามเข้าไปสิ จะได้เห็นว่า...
เรามันไปกวนเสียง เสียง มันก็เป็นเสียง อยู่...ของเขา
เขา ไม่ได้กวนเรา เรา ไปยึดมันมานี่ !
มันก็เป็นว่า...เรา ไปกวนเสียง
เมื่อเรา เห็นเรา
ไปกวนเขา ก็นึกว่า...เขา มากวนเรา
ตรงกันข้ามง่ายๆ เห็นชัดๆ
เราไปกวนเขา เข้าใจว่า...เขา มากวนเรา
ความเป็นจริง เรา ไปกวนเขา
อันนี้ ! อาตมาจะบอกให้ว่า...
ไปนั่ง...มีแต่ความสงบ ไม่มี...อะไรเลย
นี่ ! ก็อยู่ไม่ได้
แหม ! จะทำอะไร อีกต่อไปหนอ?
มันสงบ ไปหมดทั้งคืน นี่ ! จะต้องหาทางออกอีก มัน เป็นเสียเช่นนี้แหละ
คนเรานึกว่า...
มันอย่างไร ต่อไป มันคงยากนะ มันไม่ถึงที่มัน
แต่ว่า ดู...อะไร ก็ดู...ไปเถอะ
สงบ...ก็ดูมัน
ไม่สงบ...ก็ดูมันไปเถอะ ให้ปัญญามันเกิด
เรื่องมันสงบ...นี่ก็เรื่องไม่แน่นอน
เรื่องไม่สงบ...ก็เรื่องไม่แน่นอน ทั้งนั้นแหละ
๒ อย่างนี้ มัน มีราคาเท่ากัน
มันให้คุณเราอย่างไร มันก็ให้โทษเราอย่างนั้นเหมือนกัน
ถ้าเรา...ไม่รู้จักมัน
เรื่องสงบ มันเป็น ๒ อย่างนะ
เรื่องสงบทางปัญญานี่ หู ได้ยินอยู่ ตา เห็นอยู่
แต่...มันสงบ
มันสงบ...เพราะไม่ไปยึดมั่น ถือมั่น
มัน เข้าไปนี่ อันนี้ สงบ
เรื่องสงบ ด้วย...สมาธินี่
มัน ผิวบาง เข้าใจไหม ถ้าอะไรมากระทบแก๊ก ไม่ได้เสียแล้ว ผิวมันบางเกินไป
ต้องปรับใหม่ พิจารณาใหม่
มันจะทันท่วงทีไหม อย่างนั้น
เมื่ออะไร ที่มีกิเลสมันเข้ามา
จะต้องนั่งสมาธิ ทั้งนั้นเลยหรือ ?
ถาม : หมายความว่า...
จิตเรา...ต้องทำตามได้ อดทนได้
ตอบ : ใช่ มันรู้...
รู้...ไม่ได้ อดทนด้วย ไม่ได้...แยกด้วย
กระทบมา ปล่อย...มันเลย นี่ ! อย่างนี้
มันต้องเป็นอย่างนี้...
ทางปัญญาของเรา มันจะเห็นสี เห็นแสงอะไร
ก็ช่างมันเถอะ มันเป็นธรรมดา
อยู่...ในโลกนี้ หนี...ไปไม่ได้หรอก
ให้เรารู้...เท่าทันมัน สิ่งทั้งหลาย เหล่านี้."
___________________________________________
หลวงพ่อชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง.
เวลาจิตไม่สงบทำไมเกิด กิเลส
ตอบ : เอาปัญญาใส่ลงไป ถ้ามันไม่สงบ
ธรรม ถึงว่า...
มันไม่แน่ มันเป็นอย่างนี้
รู้จักมัน ด้วยปัญญาว่า...
มันฟุ้งซ่าน เราก็สงบในที่นั้น
เพราะเห็นว่า...
มันเป็นอย่างนั้น เรื่องของมันนี่
อย่าไปจับจดมัน อุปาทานมัน
อย่า...ไปทำอะไร
ให้รู้ตามเรื่อง ของมัน ให้มัน สงบของมัน
ความเป็นจริง อาตมาเคยเปรียบเทียบให้ฟัง
เราต้องการความสงบใช่ไหม ?
พระหรือโยม ก็ช่างเถอะ ต้องการความสงบ
ไปหาหลบ อยู่...
ในที่มันสงบ เมื่อไหร่ไม่มีสี ไม่มีเสียง มันสบาย แน่ะ !
ถ้าว่ามีเสียงเกิดขึ้นมา ปุ๊บ
แหม ! รำคาญ ทำไม? เสียงมันมากวนเรา
นี่ ! ก็เห็นว่า...เสียงมันมากวนเรา อย่างเดียวเท่านั้นแหละ
ถ้าเรากลับมาพิจารณาดู ว่า...
เอ๊ะมัน ใช่ไหม ?
มัน แน่นอนอย่างนั้นหรือเปล่า ?
ดู...ไปอีก ให้มันลึกเข้าไปกว่านั้นอีก
เสียงมันมากวนเรา หรือเราไปกวนเสียง
นี่ ! ตามเข้าไปสิ จะได้เห็นว่า...
เรามันไปกวนเสียง เสียง มันก็เป็นเสียง อยู่...ของเขา
เขา ไม่ได้กวนเรา เรา ไปยึดมันมานี่ !
มันก็เป็นว่า...เรา ไปกวนเสียง
เมื่อเรา เห็นเรา
ไปกวนเขา ก็นึกว่า...เขา มากวนเรา
ตรงกันข้ามง่ายๆ เห็นชัดๆ
เราไปกวนเขา เข้าใจว่า...เขา มากวนเรา
ความเป็นจริง เรา ไปกวนเขา
อันนี้ ! อาตมาจะบอกให้ว่า...
ไปนั่ง...มีแต่ความสงบ ไม่มี...อะไรเลย
นี่ ! ก็อยู่ไม่ได้
แหม ! จะทำอะไร อีกต่อไปหนอ?
มันสงบ ไปหมดทั้งคืน นี่ ! จะต้องหาทางออกอีก มัน เป็นเสียเช่นนี้แหละ
คนเรานึกว่า...
มันอย่างไร ต่อไป มันคงยากนะ มันไม่ถึงที่มัน
แต่ว่า ดู...อะไร ก็ดู...ไปเถอะ
สงบ...ก็ดูมัน
ไม่สงบ...ก็ดูมันไปเถอะ ให้ปัญญามันเกิด
เรื่องมันสงบ...นี่ก็เรื่องไม่แน่นอน
เรื่องไม่สงบ...ก็เรื่องไม่แน่นอน ทั้งนั้นแหละ
๒ อย่างนี้ มัน มีราคาเท่ากัน
มันให้คุณเราอย่างไร มันก็ให้โทษเราอย่างนั้นเหมือนกัน
ถ้าเรา...ไม่รู้จักมัน
เรื่องสงบ มันเป็น ๒ อย่างนะ
เรื่องสงบทางปัญญานี่ หู ได้ยินอยู่ ตา เห็นอยู่
แต่...มันสงบ
มันสงบ...เพราะไม่ไปยึดมั่น ถือมั่น
มัน เข้าไปนี่ อันนี้ สงบ
เรื่องสงบ ด้วย...สมาธินี่
มัน ผิวบาง เข้าใจไหม ถ้าอะไรมากระทบแก๊ก ไม่ได้เสียแล้ว ผิวมันบางเกินไป
ต้องปรับใหม่ พิจารณาใหม่
มันจะทันท่วงทีไหม อย่างนั้น
เมื่ออะไร ที่มีกิเลสมันเข้ามา
จะต้องนั่งสมาธิ ทั้งนั้นเลยหรือ ?
ถาม : หมายความว่า...
จิตเรา...ต้องทำตามได้ อดทนได้
ตอบ : ใช่ มันรู้...
รู้...ไม่ได้ อดทนด้วย ไม่ได้...แยกด้วย
กระทบมา ปล่อย...มันเลย นี่ ! อย่างนี้
มันต้องเป็นอย่างนี้...
ทางปัญญาของเรา มันจะเห็นสี เห็นแสงอะไร
ก็ช่างมันเถอะ มันเป็นธรรมดา
อยู่...ในโลกนี้ หนี...ไปไม่ได้หรอก
ให้เรารู้...เท่าทันมัน สิ่งทั้งหลาย เหล่านี้."
___________________________________________
หลวงพ่อชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง.