https://www.matichon.co.th/social/news_4975336
ระบบประกันสังคมและบัตรทองมันพัง ก็สืบเนื่องจาก สปส บังคับใช้กฎหมายประกันสังคมมาตรา 42 ที่ผิดเพี้ยน ด้วยการ "นับรวม" ระยะเวลาประกันตนของมาตรา 33 และ 39 รวมกันในการคำนวณเงินชราภาพด้วยสูตร "ถั่วเฉลี่ย" เงินบำนาญชราภาพมาตรา 33 และ 39 รวมกันที่พิลึกพิลั่น มิหน่ำซ้ำ สปส ยังเที่ยวไล่บังคับให้ผู้ประกันตนทุกคนต้องลาออกจากมาตรา 39 ก่อน จึงจะมีสิทธิรับเงินบำนาญชราภาพที่ผิดเพี้ยนตามสูตรของ สปส ได้ ทั้งที่มาตรา 77 ทวิ กำหนดการสิ้นสุดสภาพความเป็นผู้ประกันตนของมาตรา 33 "หรือ" มาตรา 39 "แยก" ออกจากกันอย่างชัดแจ้ง จึงทำให้ผู้ประกันตนมาตรา 33 ไม่สามารถสมัครต่อมาตรา 39 ได้ แล้ว สปส จึง "ลอยแพ" และ "ผลักภาระ" ให้ผู้ประกันตนทุกคนที่เกษียณอายุแล้วต้องมากองรวมกันที่สิทธิบัตรทอง จึงทำให้ทั้ง สปสช ต้องเจ็งตามกองทุนประกันสังคมของ สปส ที่ใกล้เจ๊งแล้วไปด้วย เพราะ สปส ดันไปเที่ยว "ไล่ออก" ผู้ประกันมาตรา 39 ซึ่งสมควรจะมา "แทนที่" สิทธิบัตรทองและลดภาระของ สปสช ฉะนั้น แทนที่มาตรา 39 จะช่วยลดภาระสิทธิบัตรทองให้ สปสช แต่ สปส กลับ "ลอยแพ" ผู้ประกันตนที่เกษียณอายุแล้ว และมาเพิ่มภาระให้ทั้ง สปสช แทน!
มิหน่ำซ้ำ สปส ยังคำนวณจ่ายเงินบำนาญชราภาพที่ "ต่ำหรือสูงจนเกินไป" ให้แก่ผู้ประกันตนทุกคนอีก จนทำให้เงินในกองทุนประกันสังคมต้องรั่วไหลออกไปเป็นจำนวนมาก และ สปส ก็ไม่มีเงินจากมาตรา 39 เข้ากองทุนประกันสังคมอีกด้วย แล้ว สปส ก็จะมาเรียกเก็บเงินสมทบเพิ่มจากผู้ประกันตนมาตรา 33 อีก ทั้งที่กฎหมายประกันสังคมมาตรา 42 กำหนดให้ สปส นำ "ทุกช่วง" ของมาตรา 33 "และหรือ" มาตรา 39 รวมเข้าด้วยกันตามแต่ละมาตราตังหาก เพราะผู้ประกันตนสามารถเป็นทั้งมาตรา 33 "และหรือ" มาตรา 39 สลับกันไปมาได้ แต่ไม่สามารถเป็นมาตรา 39 เพียงมาตราเดียวได้ ดังนั้นกฎหมายมาตรา 42 จึงไม่สามารถใช้คำว่า "หรือ" เพียงคำเดียว เหมือนมาตรา 77 ทวิได้ แต่ สปส ดันมีปัญหาด้านการใช้ภาษาไทยระหว่างคำว่า "และ" กับคำว่า "หรือ" สปส จึงดันเอามาตรา 33 และมาตรา 39 มารวมกัน ทั้งที่มาตรา 77 ทวิ กำหนดให้จ่ายเงินชราภาพให้ผู้ประกันตน "แยก" กันด้วยคำว่า "หรือ" ไม่ใช่ "และ" !!!
#ไม่รู้ว่าผู้บริหาร สปส อ่านกฎหมายประกันสังคมมาตรา 42 กันออกไหมนะ?
#ดูการบริหารของ สปส แล้ว มันไม่ต่างอะไรจาก "ดิไอคอน" เลยนะ เพราะผู้ประกันตนจ่ายเงินให้ สปส แล้วแต่ได้สินค้า "ไม่ตรงปก" !!!!
#เพราะ สปส มาออกกฎหมายประกันสังคม "บังคับ" ให้ผู้ประกันตนทุกคนและนายจ้างต้องจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนของ สปส ตอนร่างการแข็งแรงดีแบะไม่ได้ใช้สิทธิประกันสังคม แต่ สปส กลับเอาเงินในกองทุนไปไล่แจกให้ ร.พ.เอกชนฟรีๆ แต่พอผู้ประกันตนเริ่มแก่ตัวลงและต้องการใช้สิทธิประกันสังคม ร.พ.เอกชนก็แห่ถอนตัวออกจากประกันสังคมจำนวนมาก แล้ว สปส ก็ "ลอนแพ" ผู้ประกันที่เกษียณอายุจำนวนมากมาให้ ร.พ.รัฐ และ สปสช แทน
และพอไปดูไส้ในก็พบว่า สปส ได้ถือหุ้นใน ร.พ.เอกชนหลายแห่งอีกด้วย
#แบบนี้เรียกผลประโยชน์ "ทับซ้อน" ได้ไหม?
#ผู้บริหาร สปส เรียนหนังสือจบอะไรกันมาหรอ?
#ผู้บริหารืสปส จึงบริหารกองทุนได้เรือหาย จนทำให้ สปสช และ ปชช คนไทยทั้งประเทศ "เรือหาย" ตามกันไปด้วยขนาดนี้ได้นะ?
#มีกฎหมายประกันสังคมแต่ผู้บริหาร สปส ดันอ่านกฎหมายไม่ออก!
#นายกก็มัวแต่แก้ไข รธน.ทั้งที่เจ้าหน้าที่รัฐเค้าอ่านกฎหมายไม่ออก!!!!
#เวรกรรม ปทท
สาเหตุที่แท้จริงของปัญหาผู้ป่วยบัตรทองของ สปสช ก็มาจากผู้บริหารของ สปส ที่อ่านกฎหมายประกันสังคมไม่ออกไหมนะ
ระบบประกันสังคมและบัตรทองมันพัง ก็สืบเนื่องจาก สปส บังคับใช้กฎหมายประกันสังคมมาตรา 42 ที่ผิดเพี้ยน ด้วยการ "นับรวม" ระยะเวลาประกันตนของมาตรา 33 และ 39 รวมกันในการคำนวณเงินชราภาพด้วยสูตร "ถั่วเฉลี่ย" เงินบำนาญชราภาพมาตรา 33 และ 39 รวมกันที่พิลึกพิลั่น มิหน่ำซ้ำ สปส ยังเที่ยวไล่บังคับให้ผู้ประกันตนทุกคนต้องลาออกจากมาตรา 39 ก่อน จึงจะมีสิทธิรับเงินบำนาญชราภาพที่ผิดเพี้ยนตามสูตรของ สปส ได้ ทั้งที่มาตรา 77 ทวิ กำหนดการสิ้นสุดสภาพความเป็นผู้ประกันตนของมาตรา 33 "หรือ" มาตรา 39 "แยก" ออกจากกันอย่างชัดแจ้ง จึงทำให้ผู้ประกันตนมาตรา 33 ไม่สามารถสมัครต่อมาตรา 39 ได้ แล้ว สปส จึง "ลอยแพ" และ "ผลักภาระ" ให้ผู้ประกันตนทุกคนที่เกษียณอายุแล้วต้องมากองรวมกันที่สิทธิบัตรทอง จึงทำให้ทั้ง สปสช ต้องเจ็งตามกองทุนประกันสังคมของ สปส ที่ใกล้เจ๊งแล้วไปด้วย เพราะ สปส ดันไปเที่ยว "ไล่ออก" ผู้ประกันมาตรา 39 ซึ่งสมควรจะมา "แทนที่" สิทธิบัตรทองและลดภาระของ สปสช ฉะนั้น แทนที่มาตรา 39 จะช่วยลดภาระสิทธิบัตรทองให้ สปสช แต่ สปส กลับ "ลอยแพ" ผู้ประกันตนที่เกษียณอายุแล้ว และมาเพิ่มภาระให้ทั้ง สปสช แทน!
มิหน่ำซ้ำ สปส ยังคำนวณจ่ายเงินบำนาญชราภาพที่ "ต่ำหรือสูงจนเกินไป" ให้แก่ผู้ประกันตนทุกคนอีก จนทำให้เงินในกองทุนประกันสังคมต้องรั่วไหลออกไปเป็นจำนวนมาก และ สปส ก็ไม่มีเงินจากมาตรา 39 เข้ากองทุนประกันสังคมอีกด้วย แล้ว สปส ก็จะมาเรียกเก็บเงินสมทบเพิ่มจากผู้ประกันตนมาตรา 33 อีก ทั้งที่กฎหมายประกันสังคมมาตรา 42 กำหนดให้ สปส นำ "ทุกช่วง" ของมาตรา 33 "และหรือ" มาตรา 39 รวมเข้าด้วยกันตามแต่ละมาตราตังหาก เพราะผู้ประกันตนสามารถเป็นทั้งมาตรา 33 "และหรือ" มาตรา 39 สลับกันไปมาได้ แต่ไม่สามารถเป็นมาตรา 39 เพียงมาตราเดียวได้ ดังนั้นกฎหมายมาตรา 42 จึงไม่สามารถใช้คำว่า "หรือ" เพียงคำเดียว เหมือนมาตรา 77 ทวิได้ แต่ สปส ดันมีปัญหาด้านการใช้ภาษาไทยระหว่างคำว่า "และ" กับคำว่า "หรือ" สปส จึงดันเอามาตรา 33 และมาตรา 39 มารวมกัน ทั้งที่มาตรา 77 ทวิ กำหนดให้จ่ายเงินชราภาพให้ผู้ประกันตน "แยก" กันด้วยคำว่า "หรือ" ไม่ใช่ "และ" !!!
#ไม่รู้ว่าผู้บริหาร สปส อ่านกฎหมายประกันสังคมมาตรา 42 กันออกไหมนะ?
#ดูการบริหารของ สปส แล้ว มันไม่ต่างอะไรจาก "ดิไอคอน" เลยนะ เพราะผู้ประกันตนจ่ายเงินให้ สปส แล้วแต่ได้สินค้า "ไม่ตรงปก" !!!!
#เพราะ สปส มาออกกฎหมายประกันสังคม "บังคับ" ให้ผู้ประกันตนทุกคนและนายจ้างต้องจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนของ สปส ตอนร่างการแข็งแรงดีแบะไม่ได้ใช้สิทธิประกันสังคม แต่ สปส กลับเอาเงินในกองทุนไปไล่แจกให้ ร.พ.เอกชนฟรีๆ แต่พอผู้ประกันตนเริ่มแก่ตัวลงและต้องการใช้สิทธิประกันสังคม ร.พ.เอกชนก็แห่ถอนตัวออกจากประกันสังคมจำนวนมาก แล้ว สปส ก็ "ลอนแพ" ผู้ประกันที่เกษียณอายุจำนวนมากมาให้ ร.พ.รัฐ และ สปสช แทน
และพอไปดูไส้ในก็พบว่า สปส ได้ถือหุ้นใน ร.พ.เอกชนหลายแห่งอีกด้วย
#แบบนี้เรียกผลประโยชน์ "ทับซ้อน" ได้ไหม?
#ผู้บริหาร สปส เรียนหนังสือจบอะไรกันมาหรอ?
#ผู้บริหารืสปส จึงบริหารกองทุนได้เรือหาย จนทำให้ สปสช และ ปชช คนไทยทั้งประเทศ "เรือหาย" ตามกันไปด้วยขนาดนี้ได้นะ?
#มีกฎหมายประกันสังคมแต่ผู้บริหาร สปส ดันอ่านกฎหมายไม่ออก!
#นายกก็มัวแต่แก้ไข รธน.ทั้งที่เจ้าหน้าที่รัฐเค้าอ่านกฎหมายไม่ออก!!!!
#เวรกรรม ปทท