สปส.เดินหน้าปรับโครงสร้างเงินสมทบประกันสังคม เริ่มปี 2569 ใช้ระบบขั้นบันได 3 ระดับ เพิ่มสิทธิประโยชน์ผู้ประกันตนทั้ง 6 กรณี เจ็บป่วย-คลอดบุตร-ทุพพลภาพ-เสียชีวิต-ว่างงาน-บำนาญชราภาพ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความคืบหน้าการปรับโครงสร้างเงินสมทบประกันสังคม 2569 สำนักงานประกันสังคม (สปส.) ประกาศเดินหน้าใช้แนวคิด “จ่ายตามจริง ได้ประโยชน์ตามจริง” จากเดิมที่อิงเพดานค่าจ้าง 15,000 บาท ปรับเป็นระบบขั้นบันได 3 ระดับ เพื่อให้เหมาะสมกับเศรษฐกิจและค่าครองชีพที่เปลี่ยนแปลง
นางนิยดา เสนีย์มโนมัย รองเลขาธิการ สปส. เปิดเผยเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2568 ว่า การปรับโครงสร้างครั้งนี้อยู่ระหว่างการจัดทำร่างกฎกระทรวงและการพิจารณาทางกฎหมาย โดยมีเป้าหมายสำคัญคือ เพิ่มสิทธิประโยชน์ผู้ประกันตนใน 6 กรณีหลัก ได้แก่ เจ็บป่วย คลอดบุตร ทุพพลภาพ เสียชีวิต ว่างงาน และบำนาญชราภาพ
ตารางปรับเงินสมทบและสิทธิประโยชน์
ปัจจุบัน (ปี 2568)
ฐานค่าจ้าง 15,000 บาท จ่ายเงินสมทบสูงสุด 750 บาท/เดือน
สิทธิประโยชน์ เช่น เจ็บป่วย 7,500 บาท/เดือน (250 บาท/วัน สูงสุด 180 วัน รวม 45,000 บาท), คลอดบุตร 22,500 บาท/ครั้ง, กรณีทุพพลภาพ 7,500 บาทต่อเดือน, สงเคราะห์กรณีเสียชีวิต 90,000 บาท, ทดแทนกรณีว่างงาน 7,500 บาท/เดือน, บำนาญ 3,000-5,250 บาท/เดือน กรณีส่งเงินสมทบ 15 ปี 3,000 บาท/เดือน ส่วนกรณีส่งเงินสมทบ 25 ปี 5,250 บาท/เดือน
ปี 2569-2571
ฐานค่าจ้าง 17,500 บาท จ่ายสมทบสูงสุด 875 บาท/เดือน
สิทธิประโยชน์ เช่น เจ็บป่วย 8,750 บาท/เดือน (291 บาทต่อวัน สูงสุด 180 วัน รวม 52,500 บาท), คลอดบุตร 26,250 บาท/ครั้ง, กรณีทุพพลภาพ 8,750 บาทต่อเดือน, สงเคราะห์กรณีเสียชีวิต 105,000 บาท, ทดแทนกรณีว่างงาน 8,750 บาท/เดือน, บำนาญ 3,500-6,125 บาท/เดือน กรณีส่งเงินสมทบ 15 ปี 3,500 บาทต่อเดือน, บำนาญ กรณีส่งเงินสมทบ 15 ปี 3,500 บาทต่อเดือน ส่วนกรณีส่งเงินสมทบ 25 ปี 6,125 บาทต่อเดือน
ปี 2572-2574
ฐานค่าจ้าง 20,000 บาท จ่ายสมทบสูงสุด 1,000 บาท/เดือน
สิทธิประโยชน์ เช่น เจ็บป่วย 10,000 บาท/เดือน (333 บาทต่อวัน สูงสุด 180 วัน รวม 60,000 บาท), คลอดบุตร 30,000 บาท/ครั้ง, ทดแทนกรณีทุพพลภาพ 10,000 บาทต่อเดือน, สงเคราะห์กรณีเสียชีวิต 120,000 บาท, ทดแทนกรณีว่างงาน 10,000 บาทต่อเดือน, บำนาญ 4,000-7,000 บาท/เดือน กรณีส่งเงินสมทบ 15 ปี 4,000 บาท/เดือน ส่วนกรณีส่งเงินสมทบ 25 ปี 7,000 บาท/เดือน
ปี 2575 เป็นต้นไป
ฐานค่าจ้าง 23,000 บาท จ่ายสมทบสูงสุด 1,150 บาท/เดือน
สิทธิประโยชน์ เช่น เจ็บป่วย 11,500 บาท/เดือน, คลอดบุตร 34,500 บาท/ครั้ง, ทดแทนกรณีทุพพลภาพ 11,500 บาท/เดือน, สงเคราะห์กรณีเสียชีวิต 138,000 บาท, ทดแทนกรณีว่างงาน 11,500 บาท/เดือน, บำนาญ 4,600-8,050 บาท/เดือน กรณีส่งเงินสมทบ 15 ปี 4,600 บาท/เดือน ส่วนกรณีส่งเงินสมทบ 25 ปี 8,050 บาท/เดือน
หลักการ “จ่ายตามจริง ได้ประโยชน์ตามจริง”
สปส.ยืนยันว่า การปรับโครงสร้างใหม่นี้ จะไม่กระทบต่อความเป็นธรรม โดยผู้มีรายได้สูงจะจ่ายสมทบเพิ่ม แต่ก็จะได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มขึ้นเช่นกัน เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและค่าครองชีพยุคใหม่
ขั้นตอนและกำหนดการเริ่มใช้
กำหนดการบังคับใช้ในปี 2569 ยังต้องผ่านขั้นตอนทางกฎหมายและการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่สปส.ตั้งเป้าจะเริ่มใช้ทันทีที่กฎหมายมีผลบังคับ พร้อมกับการปรับสูตรบำนาญแบบใหม่ (สูตร CARE)
ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการประกันสังคมได้เปิดรับฟังความคิดเห็นประชาชนกว่า 200,000 คน โดยกว่า 95% เห็นด้วย กับการปรับโครงสร้างครั้งนี้
การปรับโครงสร้างเงินสมทบประกันสังคม 2569 ถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับสิทธิประโยชน์ผู้ประกันตน เพิ่มความมั่นคงทางสังคม และสร้างความเป็นธรรมทั้งต่อนายจ้างและแรงงาน
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ :
https://www.prachachat.net/sd-plus/sdplus-hr/news-1868842
ประกันสังคม เคาะสูตรคำนวณบำนาญชราภาพใหม่ เพิ่มความเป็นธรรม ม.33-39
ประกันสังคมปรับสูตรคำนวณบำนาญชราภาพใหม่ ใช้สูตร CARE เพิ่มความเป็นธรรมผู้ประกันตน ม.33-39
รศ.อนุสรณ์ ธรรมใจ ประธานคณะอนุกรรมการศึกษาและปรับปรุงสูตรการคำนวณบำนาญชราภาพของผู้ประกันตนมาตรา 33 และมาตรา 39 (เฉพาะกิจ) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการประชุมคณะอนุกรรมการศึกษาและปรับปรุงสูตรการคำนวณบำนาญชราภาพของผู้ประกันตนมาตรา 33 และมาตรา 39 (เฉพาะกิจ) เพื่อเดินหน้าการพัฒนาสิทธิประโยชน์เกี่ยวกับเงินบำนาญชราภาพ
ด้วยการปรับเปลี่ยนวิธีคำนวณสูตรบำนาญชราภาพเป็นสูตร CARE (Career-Average Revalued Earnings) ว่า ตามที่คณะกรรมการประกันสังคม (บอร์ดประกันสังคม) ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการศึกษาและปรับปรุงสูตรการคำนวณบำนาญชราภาพของผู้ประกันตนตามมาตรา 33 และมาตรา 39 (เฉพาะกิจ)
โดยมีผู้แทนฝ่ายนายจ้าง ผู้แทนฝ่ายผู้ประกันตน ผู้แทนจากองค์กรภาครัฐ และผู้แทนสำนักงานประกันสังคม (สปส.) โดยมีระยะเวลาในการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการศึกษาถึงวันที่ 31 สิงหาคมนี้ ล่าสุดจากการประชุมคณะอนุกรรมการฯ ครั้งที่ 6 เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2568 ที่ประชุมได้พิจารณาข้อเสนอแนะเกี่ยวกับแบบสำรวจความคิดเห็นของผู้ประกันตน เกี่ยวกับสิทธิประโยชน์กรณีชราภาพของผู้ประกันตนตามมาตรา 33 และมาตรา 39 เป็นไปอย่างรอบคอบ และตรงตามกลุ่มเป้าหมาย เป็นธรรมต่อผู้รับบำนาญ ซึ่งจะดำเนินการสอบถามความคิดเห็นในช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม 2568
“ในที่ประชุมจึงเสนอขอขยายระยะเวลาคณะอนุกรรมการศึกษาและปรับปรุงสูตรการคำนวณบำนาญชราภาพของผู้ประกันตนตามมาตรา 33 และมาตรา 39 (เฉพาะกิจ) ไปจนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2568”
รศ.อนุสรณ์ กล่าวว่า ในที่ประชุมได้กล่าวถึงมติบอร์ดประกันสังคม (ชุดที่ 14) ครั้งที่ 16/2568 เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมา ว่า บอร์ดประกันสังคมได้เห็นชอบในหลักการปรับปรุงสิทธิประโยชน์กรณีชราภาพของผู้ประกันตนตามมาตรา 33 และมาตรา 39 ตามที่คณะอนุกรรมการศึกษาและปรับปรุงสูตรการคำนวณบำนาญชราภาพของผู้ประกันตนตามมาตรา 33 และมาตรา 39 (เฉพาะกิจ) เสนอเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและการดำรงชีวิตที่เปลี่ยนแปลง โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
สาระสำคัญของการปรับสูตรบำนาญชราภาพ
1.ปรับวิธีคำนวณเงินบำนาญชราภาพ จากเดิมใช้ฐานเงินสมทบ 60 เดือนสุดท้าย เปลี่ยนเป็นใช้ฐานเงินสมทบเฉลี่ย 180 เดือนสุดท้าย เพื่อสะท้อนรายได้ที่แท้จริงของผู้ประกันตน
2.ปรับกติกาเปลี่ยนผ่าน กรณีคำนวณบำนาญชราภาพสูตรใหม่ได้น้อยกว่าสูตรเดิม เห็นควรกำหนดระยะ 5 ปี โดยผู้ที่เกษียณภายในปีที่ 1 หลังแก้ไขกฎหมายให้ชดเชยส่วนต่าง 100% และลดหลั่นลงปีละ 20% โดยปีที่ 2 ชดเชย 80%, ปีที่ 3 ชดเชย 60%, ปีที่ 4 ชดเชย 40%, ปีที่ 5 ชดเชย 20%
3.กำหนดแนวทางการจ่ายบำนาญชราภาพใหม่ ใช้ระบบคะแนนบำนาญชราภาพ (Pension Point) โดยคิดจากค่าจ้างของผู้ประกันตนที่นำส่งเงินสมทบ ประกอบกับมีการปรับค่าบำนาญตามดัชนีค่าครองชีพ (CARE) เพื่อให้ทันต่อสภาพเศรษฐกิจ
4.มีเป้าหมายการปรับปรุงสิทธิประโยชน์กรณีชราภาพ เพื่อสร้างความมั่งคงและเป็นธรรมแก่ผู้ประกันตนเมื่อต้องพึ่งพารายได้หลังเกษียณอายุให้ได้รับสิทธิประโยชน์ที่เหมาะสม และสอดคล้องกับมาตรฐานสากล
5.มติบอร์ดประกันสังคม เห็นชอบข้อเสนอของตามที่คณะอนุกรรมการศึกษาฯ ให้มีการปรับเพิ่มฐานค่าจ้างมาตรา 39 อย่างต่อเนื่องตามค่าเงินที่เปลี่ยนไป เพื่อให้สอดคล้องกับคิดบำนาญสูตร CARE
6.ให้ สปส.จัดทำร่างแผนยุทธศาสตร์การบริหารความยั่งยืนทางการเงิน (Funding Strategy) นำเสนอให้บอร์ดประกันสังคมพิจารณากำหนด Funding Strategy โดยรวมถึงแนวทางปรับเพิ่มอัตราเงินสมทบภายในปี 2570 เพื่อครอบคลุมต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากการปรับสูตรบำนาญชราภาพ
สร้างเครื่องมือ “Pension Calculator”
นางมารศรี ใจรังษี เลขาธิการ สปส. เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้พัฒนาเครื่องมือ Pension Calculator ให้ผู้ประกันตนทดลองคำนวณบำนาญชราภาพตามสูตร CARE ได้ด้วยตนเอง ที่เว็บไซต์ sso.thaith.ai/care เพื่อเพิ่มความเข้าใจและเตรียมความพร้อมในการปรับสูตรใหม่
ความสำคัญของสูตร CARE
สูตร CARE จะช่วยให้ผู้ประกันตนมาตรา 33 และมาตรา 39 ได้รับสิทธิประโยชน์บำนาญที่สะท้อนรายได้จริง และเป็นธรรมต่อทุกช่วงวัยการทำงาน พร้อมรักษาเสถียรภาพทางการเงินของกองทุนประกันสังคมในระยะยาว
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ :
https://www.prachachat.net/sd-plus/sdplus-hr/news-1869315
ประกันสังคมปรับโครงสร้าง “จ่ายตามจริง-ได้ประโยชน์ตามจริง” และ เคาะสูตรคำนวณบำนาญชราภาพใหม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความคืบหน้าการปรับโครงสร้างเงินสมทบประกันสังคม 2569 สำนักงานประกันสังคม (สปส.) ประกาศเดินหน้าใช้แนวคิด “จ่ายตามจริง ได้ประโยชน์ตามจริง” จากเดิมที่อิงเพดานค่าจ้าง 15,000 บาท ปรับเป็นระบบขั้นบันได 3 ระดับ เพื่อให้เหมาะสมกับเศรษฐกิจและค่าครองชีพที่เปลี่ยนแปลง
นางนิยดา เสนีย์มโนมัย รองเลขาธิการ สปส. เปิดเผยเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2568 ว่า การปรับโครงสร้างครั้งนี้อยู่ระหว่างการจัดทำร่างกฎกระทรวงและการพิจารณาทางกฎหมาย โดยมีเป้าหมายสำคัญคือ เพิ่มสิทธิประโยชน์ผู้ประกันตนใน 6 กรณีหลัก ได้แก่ เจ็บป่วย คลอดบุตร ทุพพลภาพ เสียชีวิต ว่างงาน และบำนาญชราภาพ
ตารางปรับเงินสมทบและสิทธิประโยชน์
ปัจจุบัน (ปี 2568)
ฐานค่าจ้าง 15,000 บาท จ่ายเงินสมทบสูงสุด 750 บาท/เดือน
สิทธิประโยชน์ เช่น เจ็บป่วย 7,500 บาท/เดือน (250 บาท/วัน สูงสุด 180 วัน รวม 45,000 บาท), คลอดบุตร 22,500 บาท/ครั้ง, กรณีทุพพลภาพ 7,500 บาทต่อเดือน, สงเคราะห์กรณีเสียชีวิต 90,000 บาท, ทดแทนกรณีว่างงาน 7,500 บาท/เดือน, บำนาญ 3,000-5,250 บาท/เดือน กรณีส่งเงินสมทบ 15 ปี 3,000 บาท/เดือน ส่วนกรณีส่งเงินสมทบ 25 ปี 5,250 บาท/เดือน
ปี 2569-2571
ฐานค่าจ้าง 17,500 บาท จ่ายสมทบสูงสุด 875 บาท/เดือน
สิทธิประโยชน์ เช่น เจ็บป่วย 8,750 บาท/เดือน (291 บาทต่อวัน สูงสุด 180 วัน รวม 52,500 บาท), คลอดบุตร 26,250 บาท/ครั้ง, กรณีทุพพลภาพ 8,750 บาทต่อเดือน, สงเคราะห์กรณีเสียชีวิต 105,000 บาท, ทดแทนกรณีว่างงาน 8,750 บาท/เดือน, บำนาญ 3,500-6,125 บาท/เดือน กรณีส่งเงินสมทบ 15 ปี 3,500 บาทต่อเดือน, บำนาญ กรณีส่งเงินสมทบ 15 ปี 3,500 บาทต่อเดือน ส่วนกรณีส่งเงินสมทบ 25 ปี 6,125 บาทต่อเดือน
ปี 2572-2574
ฐานค่าจ้าง 20,000 บาท จ่ายสมทบสูงสุด 1,000 บาท/เดือน
สิทธิประโยชน์ เช่น เจ็บป่วย 10,000 บาท/เดือน (333 บาทต่อวัน สูงสุด 180 วัน รวม 60,000 บาท), คลอดบุตร 30,000 บาท/ครั้ง, ทดแทนกรณีทุพพลภาพ 10,000 บาทต่อเดือน, สงเคราะห์กรณีเสียชีวิต 120,000 บาท, ทดแทนกรณีว่างงาน 10,000 บาทต่อเดือน, บำนาญ 4,000-7,000 บาท/เดือน กรณีส่งเงินสมทบ 15 ปี 4,000 บาท/เดือน ส่วนกรณีส่งเงินสมทบ 25 ปี 7,000 บาท/เดือน
ปี 2575 เป็นต้นไป
ฐานค่าจ้าง 23,000 บาท จ่ายสมทบสูงสุด 1,150 บาท/เดือน
สิทธิประโยชน์ เช่น เจ็บป่วย 11,500 บาท/เดือน, คลอดบุตร 34,500 บาท/ครั้ง, ทดแทนกรณีทุพพลภาพ 11,500 บาท/เดือน, สงเคราะห์กรณีเสียชีวิต 138,000 บาท, ทดแทนกรณีว่างงาน 11,500 บาท/เดือน, บำนาญ 4,600-8,050 บาท/เดือน กรณีส่งเงินสมทบ 15 ปี 4,600 บาท/เดือน ส่วนกรณีส่งเงินสมทบ 25 ปี 8,050 บาท/เดือน
หลักการ “จ่ายตามจริง ได้ประโยชน์ตามจริง”
สปส.ยืนยันว่า การปรับโครงสร้างใหม่นี้ จะไม่กระทบต่อความเป็นธรรม โดยผู้มีรายได้สูงจะจ่ายสมทบเพิ่ม แต่ก็จะได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มขึ้นเช่นกัน เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและค่าครองชีพยุคใหม่
ขั้นตอนและกำหนดการเริ่มใช้
กำหนดการบังคับใช้ในปี 2569 ยังต้องผ่านขั้นตอนทางกฎหมายและการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่สปส.ตั้งเป้าจะเริ่มใช้ทันทีที่กฎหมายมีผลบังคับ พร้อมกับการปรับสูตรบำนาญแบบใหม่ (สูตร CARE)
ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการประกันสังคมได้เปิดรับฟังความคิดเห็นประชาชนกว่า 200,000 คน โดยกว่า 95% เห็นด้วย กับการปรับโครงสร้างครั้งนี้
การปรับโครงสร้างเงินสมทบประกันสังคม 2569 ถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับสิทธิประโยชน์ผู้ประกันตน เพิ่มความมั่นคงทางสังคม และสร้างความเป็นธรรมทั้งต่อนายจ้างและแรงงาน
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.prachachat.net/sd-plus/sdplus-hr/news-1868842
ประกันสังคม เคาะสูตรคำนวณบำนาญชราภาพใหม่ เพิ่มความเป็นธรรม ม.33-39
ประกันสังคมปรับสูตรคำนวณบำนาญชราภาพใหม่ ใช้สูตร CARE เพิ่มความเป็นธรรมผู้ประกันตน ม.33-39
รศ.อนุสรณ์ ธรรมใจ ประธานคณะอนุกรรมการศึกษาและปรับปรุงสูตรการคำนวณบำนาญชราภาพของผู้ประกันตนมาตรา 33 และมาตรา 39 (เฉพาะกิจ) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการประชุมคณะอนุกรรมการศึกษาและปรับปรุงสูตรการคำนวณบำนาญชราภาพของผู้ประกันตนมาตรา 33 และมาตรา 39 (เฉพาะกิจ) เพื่อเดินหน้าการพัฒนาสิทธิประโยชน์เกี่ยวกับเงินบำนาญชราภาพ
ด้วยการปรับเปลี่ยนวิธีคำนวณสูตรบำนาญชราภาพเป็นสูตร CARE (Career-Average Revalued Earnings) ว่า ตามที่คณะกรรมการประกันสังคม (บอร์ดประกันสังคม) ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการศึกษาและปรับปรุงสูตรการคำนวณบำนาญชราภาพของผู้ประกันตนตามมาตรา 33 และมาตรา 39 (เฉพาะกิจ)
โดยมีผู้แทนฝ่ายนายจ้าง ผู้แทนฝ่ายผู้ประกันตน ผู้แทนจากองค์กรภาครัฐ และผู้แทนสำนักงานประกันสังคม (สปส.) โดยมีระยะเวลาในการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการศึกษาถึงวันที่ 31 สิงหาคมนี้ ล่าสุดจากการประชุมคณะอนุกรรมการฯ ครั้งที่ 6 เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2568 ที่ประชุมได้พิจารณาข้อเสนอแนะเกี่ยวกับแบบสำรวจความคิดเห็นของผู้ประกันตน เกี่ยวกับสิทธิประโยชน์กรณีชราภาพของผู้ประกันตนตามมาตรา 33 และมาตรา 39 เป็นไปอย่างรอบคอบ และตรงตามกลุ่มเป้าหมาย เป็นธรรมต่อผู้รับบำนาญ ซึ่งจะดำเนินการสอบถามความคิดเห็นในช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม 2568
“ในที่ประชุมจึงเสนอขอขยายระยะเวลาคณะอนุกรรมการศึกษาและปรับปรุงสูตรการคำนวณบำนาญชราภาพของผู้ประกันตนตามมาตรา 33 และมาตรา 39 (เฉพาะกิจ) ไปจนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2568”
รศ.อนุสรณ์ กล่าวว่า ในที่ประชุมได้กล่าวถึงมติบอร์ดประกันสังคม (ชุดที่ 14) ครั้งที่ 16/2568 เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมา ว่า บอร์ดประกันสังคมได้เห็นชอบในหลักการปรับปรุงสิทธิประโยชน์กรณีชราภาพของผู้ประกันตนตามมาตรา 33 และมาตรา 39 ตามที่คณะอนุกรรมการศึกษาและปรับปรุงสูตรการคำนวณบำนาญชราภาพของผู้ประกันตนตามมาตรา 33 และมาตรา 39 (เฉพาะกิจ) เสนอเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและการดำรงชีวิตที่เปลี่ยนแปลง โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
สาระสำคัญของการปรับสูตรบำนาญชราภาพ
1.ปรับวิธีคำนวณเงินบำนาญชราภาพ จากเดิมใช้ฐานเงินสมทบ 60 เดือนสุดท้าย เปลี่ยนเป็นใช้ฐานเงินสมทบเฉลี่ย 180 เดือนสุดท้าย เพื่อสะท้อนรายได้ที่แท้จริงของผู้ประกันตน
2.ปรับกติกาเปลี่ยนผ่าน กรณีคำนวณบำนาญชราภาพสูตรใหม่ได้น้อยกว่าสูตรเดิม เห็นควรกำหนดระยะ 5 ปี โดยผู้ที่เกษียณภายในปีที่ 1 หลังแก้ไขกฎหมายให้ชดเชยส่วนต่าง 100% และลดหลั่นลงปีละ 20% โดยปีที่ 2 ชดเชย 80%, ปีที่ 3 ชดเชย 60%, ปีที่ 4 ชดเชย 40%, ปีที่ 5 ชดเชย 20%
3.กำหนดแนวทางการจ่ายบำนาญชราภาพใหม่ ใช้ระบบคะแนนบำนาญชราภาพ (Pension Point) โดยคิดจากค่าจ้างของผู้ประกันตนที่นำส่งเงินสมทบ ประกอบกับมีการปรับค่าบำนาญตามดัชนีค่าครองชีพ (CARE) เพื่อให้ทันต่อสภาพเศรษฐกิจ
4.มีเป้าหมายการปรับปรุงสิทธิประโยชน์กรณีชราภาพ เพื่อสร้างความมั่งคงและเป็นธรรมแก่ผู้ประกันตนเมื่อต้องพึ่งพารายได้หลังเกษียณอายุให้ได้รับสิทธิประโยชน์ที่เหมาะสม และสอดคล้องกับมาตรฐานสากล
5.มติบอร์ดประกันสังคม เห็นชอบข้อเสนอของตามที่คณะอนุกรรมการศึกษาฯ ให้มีการปรับเพิ่มฐานค่าจ้างมาตรา 39 อย่างต่อเนื่องตามค่าเงินที่เปลี่ยนไป เพื่อให้สอดคล้องกับคิดบำนาญสูตร CARE
6.ให้ สปส.จัดทำร่างแผนยุทธศาสตร์การบริหารความยั่งยืนทางการเงิน (Funding Strategy) นำเสนอให้บอร์ดประกันสังคมพิจารณากำหนด Funding Strategy โดยรวมถึงแนวทางปรับเพิ่มอัตราเงินสมทบภายในปี 2570 เพื่อครอบคลุมต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากการปรับสูตรบำนาญชราภาพ
สร้างเครื่องมือ “Pension Calculator”
นางมารศรี ใจรังษี เลขาธิการ สปส. เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้พัฒนาเครื่องมือ Pension Calculator ให้ผู้ประกันตนทดลองคำนวณบำนาญชราภาพตามสูตร CARE ได้ด้วยตนเอง ที่เว็บไซต์ sso.thaith.ai/care เพื่อเพิ่มความเข้าใจและเตรียมความพร้อมในการปรับสูตรใหม่
ความสำคัญของสูตร CARE
สูตร CARE จะช่วยให้ผู้ประกันตนมาตรา 33 และมาตรา 39 ได้รับสิทธิประโยชน์บำนาญที่สะท้อนรายได้จริง และเป็นธรรมต่อทุกช่วงวัยการทำงาน พร้อมรักษาเสถียรภาพทางการเงินของกองทุนประกันสังคมในระยะยาว
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.prachachat.net/sd-plus/sdplus-hr/news-1869315