--อุปาทานก็จะมีหลักธรรมอยู่ 2 ประการ หลักๆก็คือ ตัณหา กับ ทิฏฐิ นั่นเองออกทำงานแล้วตอนนี้นะครับ
--ก็อาการที่ไปเอา หรือ ไปยึดว่าเป็นของเรา นี่เองเป็นอาการของตัณหา นะครับ
--สุขของเรา ทุกข์ของเรา เฉยๆของเรา อันนี้เป็นตัณหา เป็น นันทิแบบตัณหา อันนี้ก็เป็นอุปาทาน
--อีกแบบหนึ่งก็เป็น ทิฏฐิ เป็นเราสุข เราเฉยๆ เราทุกข์ นะครับ อันนี้เอา แบบทิฏฐิ นี้ก็เป็นอุปาทาน เช่นเดียวกันนะครับ
**รายละเอียดเพิ่มเติมในกระทู้นี้**
https://pantip.com/topic/43131838
-----
คือเห็นว่า เป็นการสร้างความเข้าใจได้ดีขั้นต้นก่อน แล้วเมื่อถึงเวลา ก็จะหาความเข้าใจในเรื่องนี้อีกทีให้ลุกลามบานขยายออกไปนะครับ
แปะไว้เพื่ออ่านสั้นๆแล้วเข้าใจได้ดีเลยอยากแปะไว้เพื่อสมาชิกได้ทำความเข้าใจเรื่อง ตัณหา ทิฏฐิ ว่ามันแตกต่างกันอย่างไรนะครับ
แล้วก็ค่อยไปหาความรู้เพิ่มเติมกันเองต่อไปนะครับ ตัวใครตัวมัน
**โปรดอย่าถามครับ เพราะตอบไปก็จะตอบผิดครับ คือตอบผิดเป็นส่วนมากครับ **
สุขของเรา ทุกข์ของเรา เฉยๆของเราก็เป็นตัณหา //เราสุข เราทุกข์ เราเฉยๆ ก็เป็นทิฏฐิ
--ก็อาการที่ไปเอา หรือ ไปยึดว่าเป็นของเรา นี่เองเป็นอาการของตัณหา นะครับ
--สุขของเรา ทุกข์ของเรา เฉยๆของเรา อันนี้เป็นตัณหา เป็น นันทิแบบตัณหา อันนี้ก็เป็นอุปาทาน
--อีกแบบหนึ่งก็เป็น ทิฏฐิ เป็นเราสุข เราเฉยๆ เราทุกข์ นะครับ อันนี้เอา แบบทิฏฐิ นี้ก็เป็นอุปาทาน เช่นเดียวกันนะครับ
**รายละเอียดเพิ่มเติมในกระทู้นี้**
https://pantip.com/topic/43131838
-----
คือเห็นว่า เป็นการสร้างความเข้าใจได้ดีขั้นต้นก่อน แล้วเมื่อถึงเวลา ก็จะหาความเข้าใจในเรื่องนี้อีกทีให้ลุกลามบานขยายออกไปนะครับ
แปะไว้เพื่ออ่านสั้นๆแล้วเข้าใจได้ดีเลยอยากแปะไว้เพื่อสมาชิกได้ทำความเข้าใจเรื่อง ตัณหา ทิฏฐิ ว่ามันแตกต่างกันอย่างไรนะครับ
แล้วก็ค่อยไปหาความรู้เพิ่มเติมกันเองต่อไปนะครับ ตัวใครตัวมัน
**โปรดอย่าถามครับ เพราะตอบไปก็จะตอบผิดครับ คือตอบผิดเป็นส่วนมากครับ **