หัวใจหลักของการลดน้ำหนักอย่างยั่งยืนคือการปรับพฤติกรรม โดยการควบคุมอาหารด้วยโภชนาการทีดี และการออกกำลังกายเพื่อการลดน้ำหนัก ซึ่งเราสามารถตรวจวิเคราะห์ข้อมูลแบบรายบุคคล จากการตรวจด้วย Obesity Program For Exercise แล้วนำข้อมูลทีได้นำไปใช้ เพื่อให้การออกกำลังกายได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมต่อไป
Obesity Program คืออะไร?
เป็นการตรวจหาค่าการเผาผลาญของร่างกายว่าต่ำเกินไปหรือไม่ ค่าที่ต่ำทำให้เราอ้วนง่ายและน้ำหนักไม่ลง การตรวจด้วยเครื่อง CPET แบบ Indirect Calorimeter ทำให้รู้ค่าการเผาผลาญที่แท้จริง ทั้งยังสามารถบอกค่าการออกกำลังกายที่ลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพและตรงจุด ทำให้ผู้ที่น้ำหนักไม่ลง หรือลงยาก สามารถเพิ่มความสำเร็จในการลดน้ำหนักได้ตามเป้าหมายและคงอยู่ต่อไป ผู้เข้าตรวจจะได้รับการตรวจมวลร่างกายเพื่อหาสัดส่วนไขมัน กล้ามเนื้อ และไขมันในช่องท้อง เพื่อวัดค่าการเผาผลาญ BMR (Basal Metabolic Rate) หา Zone ความหนักในการออกกำลังกายที่มีประสิทธิภาพ ช่วยให้ลดไขมันได้ดีกว่า แม่นยำกว่าการออกกำลังกายอย่างไม่ตรงจุด
ประโยชน์ของ Obesity Program
รู้ค่าการเผาผลาญ เพื่อวางแผนการลดน้ำหนัก
ทำให้ทราบ Zone การออกกำลังกายที่เผาผลาญไขมันได้ดีที่สุดของตนเอง (Best Fat metabolism Zone)
ทราบ Zone การออกกำลังกายที่ทำให้เกิดการเผาผลาญไขมันอย่างต่อเนื่องหลังหยุดออกกำลังกาย(After burn effect)
ได้รับคำแนะแบบองค์รวม รวมถึงการใช้ยาตามข้อบ่งชี้ในการลดน้ำหนัก
การเตรียมความพร้อมก่อนทดสอบ Obesity Program
นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอก่อนการทดสอบอย่างน้อย 8 ชั่วโมง
งดออกกำลังกายอย่างหนัก 1 วัน เนื่องจากขณะทำการทดสอบจะทำให้เกิดอาการเหนื่อยล้าได้
งดรับประทานอาหาร 3 ชั่วโมง ก่อนการทดสอบ แต่สามารถดื่มน้ำได้ตามปกติ
งดสูบบุหรี่ ดื่มสุรา เครื่องดื่มคาเฟอีนอย่างน้อย 4 ชั่วโมง ก่อนการทดสอบ
รับประทานยาได้ตามปกติ ยกเว้นในกรณีที่แพทย์แนะนำให้งดรับประทาน เช่น ยาควบคุมความดันโลหิต ยารักษาโรคเบาหวาน เป็นต้น
ผู้ที่มีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับการทดสอบ
นำเครื่องแต่งกายชุดกีฬา กางเกงขาสั้นหรือขายาว สำหรับผู้หญิงแนะนำให้สวมใส่สปอร์ตบรา (Sport bra)
รองเท้ากีฬา ถุงกีฬา มาเปลี่ยนเพื่อทำการทดสอบ
ขั้นตอนการทดสอบ Obesity Program
จำแนกกระบวนการทดสอบออกเป็นทั้งหมด 3 ขั้นตอนหลัก ประกอบด้วย
ขั้นตอนที่ 1 ตรวจวัดมวลร่างกายด้วยเครื่อง Body Composition Analyzer เพื่อตรวจวิเคราะห์องค์ประกอบของร่างกาย ทั้งค่าน้ำหนักรวม
ขั้นตอนที่ 2 วัดสมรรถภาพหัวใจ ก่อนเริ่มทดสอบ แพทย์และนักเทคโนโลยีหัวใจจะซักประวัติและตรวจร่างกาย จากนั้นจะติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ บนร่างกายและสวมหน้ากากครอบเพื่อวิเคราะห์อัตราและประสิทธิภาพการหายใจ เริ่มจากการเดิน วิ่ง โดยพิจารณาจากอัตราการเต้นของหัวใจ หากรู้จักแต่ละโซนของหัวใจในขณะออกกำลังกาย ย่อมช่วยให้หัวใจแข็งแรงขึ้น ทั้งยังช่วยเผาผลาญไขมันส่วนเกินอย่างมีประสิทธิภาพด้วย
ขั้นตอนที่ 3 ใช้เครื่องทดสอบสมรรถภาพหัวใจและปอด (CPET: บนลู่วิ่ง (Treadmill) หรือปั่นจักรยานเพื่ออบอุ่นร่างกาย แล้วเพิ่มความเร็วหรือความชันขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงจุดที่ร่างกายไม่สามารถเพิ่มระดับความหนักของการออกกำลังกายได้อีก โดยทั่วไปการทดสอบใช้เวลาไม่เกิน 30 นาที
หลังทดสอบ แพทย์และนักเทคโนโลยีหัวใจจะนำค่าที่ได้มาวิเคราะห์ผล พร้อมแจ้งโซนการออกกำลังกายตามอัตราการเต้นของหัวใจที่ดีที่สุด (Heart rate zone)ในการลดไขมันเฉพาะบุคคล เพื่อเผาผลาญไขมันได้ดีที่สุดในการออกกำลังกายอย่างมีประสิทธิภาพ
Obesity Program for Exercise : การออกกำลังกายเพื่อการลดน้ำหนัก
หัวใจหลักของการลดน้ำหนักอย่างยั่งยืนคือการปรับพฤติกรรม โดยการควบคุมอาหารด้วยโภชนาการทีดี และการออกกำลังกายเพื่อการลดน้ำหนัก ซึ่งเราสามารถตรวจวิเคราะห์ข้อมูลแบบรายบุคคล จากการตรวจด้วย Obesity Program For Exercise แล้วนำข้อมูลทีได้นำไปใช้ เพื่อให้การออกกำลังกายได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมต่อไป
Obesity Program คืออะไร?
เป็นการตรวจหาค่าการเผาผลาญของร่างกายว่าต่ำเกินไปหรือไม่ ค่าที่ต่ำทำให้เราอ้วนง่ายและน้ำหนักไม่ลง การตรวจด้วยเครื่อง CPET แบบ Indirect Calorimeter ทำให้รู้ค่าการเผาผลาญที่แท้จริง ทั้งยังสามารถบอกค่าการออกกำลังกายที่ลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพและตรงจุด ทำให้ผู้ที่น้ำหนักไม่ลง หรือลงยาก สามารถเพิ่มความสำเร็จในการลดน้ำหนักได้ตามเป้าหมายและคงอยู่ต่อไป ผู้เข้าตรวจจะได้รับการตรวจมวลร่างกายเพื่อหาสัดส่วนไขมัน กล้ามเนื้อ และไขมันในช่องท้อง เพื่อวัดค่าการเผาผลาญ BMR (Basal Metabolic Rate) หา Zone ความหนักในการออกกำลังกายที่มีประสิทธิภาพ ช่วยให้ลดไขมันได้ดีกว่า แม่นยำกว่าการออกกำลังกายอย่างไม่ตรงจุด
ประโยชน์ของ Obesity Program
รู้ค่าการเผาผลาญ เพื่อวางแผนการลดน้ำหนัก
ทำให้ทราบ Zone การออกกำลังกายที่เผาผลาญไขมันได้ดีที่สุดของตนเอง (Best Fat metabolism Zone)
ทราบ Zone การออกกำลังกายที่ทำให้เกิดการเผาผลาญไขมันอย่างต่อเนื่องหลังหยุดออกกำลังกาย(After burn effect)
ได้รับคำแนะแบบองค์รวม รวมถึงการใช้ยาตามข้อบ่งชี้ในการลดน้ำหนัก
การเตรียมความพร้อมก่อนทดสอบ Obesity Program
นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอก่อนการทดสอบอย่างน้อย 8 ชั่วโมง
งดออกกำลังกายอย่างหนัก 1 วัน เนื่องจากขณะทำการทดสอบจะทำให้เกิดอาการเหนื่อยล้าได้
งดรับประทานอาหาร 3 ชั่วโมง ก่อนการทดสอบ แต่สามารถดื่มน้ำได้ตามปกติ
งดสูบบุหรี่ ดื่มสุรา เครื่องดื่มคาเฟอีนอย่างน้อย 4 ชั่วโมง ก่อนการทดสอบ
รับประทานยาได้ตามปกติ ยกเว้นในกรณีที่แพทย์แนะนำให้งดรับประทาน เช่น ยาควบคุมความดันโลหิต ยารักษาโรคเบาหวาน เป็นต้น
ผู้ที่มีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับการทดสอบ
นำเครื่องแต่งกายชุดกีฬา กางเกงขาสั้นหรือขายาว สำหรับผู้หญิงแนะนำให้สวมใส่สปอร์ตบรา (Sport bra)
รองเท้ากีฬา ถุงกีฬา มาเปลี่ยนเพื่อทำการทดสอบ
ขั้นตอนการทดสอบ Obesity Program
จำแนกกระบวนการทดสอบออกเป็นทั้งหมด 3 ขั้นตอนหลัก ประกอบด้วย
ขั้นตอนที่ 1 ตรวจวัดมวลร่างกายด้วยเครื่อง Body Composition Analyzer เพื่อตรวจวิเคราะห์องค์ประกอบของร่างกาย ทั้งค่าน้ำหนักรวม
ขั้นตอนที่ 2 วัดสมรรถภาพหัวใจ ก่อนเริ่มทดสอบ แพทย์และนักเทคโนโลยีหัวใจจะซักประวัติและตรวจร่างกาย จากนั้นจะติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ บนร่างกายและสวมหน้ากากครอบเพื่อวิเคราะห์อัตราและประสิทธิภาพการหายใจ เริ่มจากการเดิน วิ่ง โดยพิจารณาจากอัตราการเต้นของหัวใจ หากรู้จักแต่ละโซนของหัวใจในขณะออกกำลังกาย ย่อมช่วยให้หัวใจแข็งแรงขึ้น ทั้งยังช่วยเผาผลาญไขมันส่วนเกินอย่างมีประสิทธิภาพด้วย
ขั้นตอนที่ 3 ใช้เครื่องทดสอบสมรรถภาพหัวใจและปอด (CPET: บนลู่วิ่ง (Treadmill) หรือปั่นจักรยานเพื่ออบอุ่นร่างกาย แล้วเพิ่มความเร็วหรือความชันขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงจุดที่ร่างกายไม่สามารถเพิ่มระดับความหนักของการออกกำลังกายได้อีก โดยทั่วไปการทดสอบใช้เวลาไม่เกิน 30 นาที
หลังทดสอบ แพทย์และนักเทคโนโลยีหัวใจจะนำค่าที่ได้มาวิเคราะห์ผล พร้อมแจ้งโซนการออกกำลังกายตามอัตราการเต้นของหัวใจที่ดีที่สุด (Heart rate zone)ในการลดไขมันเฉพาะบุคคล เพื่อเผาผลาญไขมันได้ดีที่สุดในการออกกำลังกายอย่างมีประสิทธิภาพ