ยายเป็นกระสือหรือแกแค่เป็นบ้า #เรื่องเล่าสยองขวัญ

กระทู้สนทนา
สวัสสดีครับพี่ๆน้องๆชาวกระทู้มากมาย วันนี้ผมจะมาเล่าเรื่องลี้ลับเรื่องหนึ่งที่หาข้อพิสูทไม่ได้จนทุกวันนี้ผมก็ยังมีความสสงสัยกับเรื่องๆนี้ไม่น้อย
หากผมเรียบเรียงหรือใช้ถ้อยคำที่ไม่ถูกต้องต้องขออภัยไว้ ณ. ที่นี้นะครับ 

   จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้คือการที่ครอบครัวผม พาผมกลับไปยังต่างจัวหวัดหรือบ้านเกิดของแม่ครับ(ส่วนผมเป็นคนกรุงเทพฯ.)และ ที่จ. อุบลราชธานี
ที่ๆอาศัยอยู่นะครับเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ไกลจากตัวเมืองราวๆประมาณ 23-25 กิโลเมตร 

    เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อตอนที่ผมอยู่สมัยประถมที่6 ครับ ที่ผมได้กลับมาที่นี่เพราะเป็นช่วงปิดเทอมใหญ่ พ่อและแม่กะจะพามาเยี่ยมคุณตาที่ป่วยสักอาทิตย์สองอาทิตย์ค่อยกลับ เนื่องจากผมต้องกลับไปสมัครเรียนต่อในชั้น ม.1  และก็เป็นปกติของทุกครั้งที่ผมมา ผมก็จะมาทุกๆปิดเทอม แต่ครั้งนี้กลับมา มันไม่เหมือนเดิมแล้วครับ เนื่องด้วยที่ผมเป็นเด็กด้วยแหละครับ ผมจึงตั้งคำถามว่า" ทำไมบ้านเราเงียบจังครับแม่ " เนื่องจารกตอนนั้นเป็นเวลาประมาณ 17นาฬิกากว่าๆ
ครับ  ในเวลานี้ปกติแล้วคนระแวกนี้จะต้องพากันกลับมาจากนา หรือ กำลังทำกับข้าวอาการเย็นครับ แค่ครั้งนี้ดุเงียบยๆผมเลยแปลกใจ (แต่ครั้งนี้เงียบจริงๆนะครับ เหมือนไม่มีใครในหมู่บ้านนอกจากผมเลยครับ)  เช้าวันต่อมาก็เป็นปกติของทุกวันครับ ช่วงเช้าชาวบ้านก็พากันมาทำบุญตากบาตรหรือคนแถวนั้นเรียกว่าส"จังหัน"สำหรับผมน่าจะเป็นภาษาอิสานนะครับ เนื่องด้วยแม่และยายชอบทำบุญมากๆ จึงขอให้ผมเข้าวัดยามเช้าด้วย ผมก็เลยได้ไปที่วัดของหมู่บ้านครับ 
ตัววัดจะอยู่กลางหมู่บ้านเลยครับ เป็นวัดที่ใหญ่ระดับนคงเลยครับแต่เก่ามากๆแล้วแถมพระเณรต่างๆก็น้อยลงมากๆ ครั้งนี้ที่ผมมามีเณรเพิ่มมา2คน 
ระหว่างทางกลับจากวัด จะมีบ้านไม้หลังหนึ่งที่แปกจากบ้านหลังอื่น บ้านหลังนนี้หันบันไดออกมาทางหน้าถนน และไม่มีประตูเข้าบ้านครับ มีแค่บัดไดและ
เดินขึ้นไปก็เป็นตัวบ้านเลยครับ  บ้านมาลักษณะที่กรวงมากๆครับ หน้าต่างถูกถอดออกหมด ประตูก็ไม่มี แต่ที่แปลกคือ ก็มีคุณตาและยายคู่หนึ่งอาศัยอยู่ร่วมกัน และแม่ผมบอกว่าแกอยู่คู่กันมาตั้งแต่คุณยายคนนี้เรียนอยู่ป4. ขอเรียกแทนว่ายาย1กับตา2นะครับ (เนื่องจากผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้านเยอะมากครับ)
  
ตอนนั้นผมเดินผ่านบ้านหลังนั้นผมได้จ้องมองเข้าไปด้านในครับ ผมเห็นยาย1ได้นั่งตำหมาก และคุณตา2นอนอยู่ที่แคร่ ผมที่ไม่คิดอะไรก็เลยเดินกลับบ้านครับ ตกเย็นมาช่วงพลบค่ำ วันนั้นเป็นวันเดือนดับของคนที่นั้นครับ ช่าง5โมงครึ่งของวันนี้ ผู้หลักผู้ใหญ่ในหมู่บ้า่นได้นำดอกไม้ ธูป และเทียนออกมาไว้เจ้าที่กันที่รังปลวก และผมก็ไม่เข้าว่าบ้านทุกหลังก็จะมีรังปลวกใหญ่ๆอยู่หลังบ้านของทุกหลัง เมื่อถีงเวลา แม่าผมก็ได้ให้ผมนำดอกไม้ไปไหว้ครับ ก็สวดมนปกติเลยครับเหมือนจะไหว้บรรษพบุรุษครับ หลังจากไหว้เสร็จ หมาก็หอนทั้งหมู่บ้านเลยครับ ด้วยส่วนตัวมี่เชื่อเรื่องพวกนี้ผมจึงรีบวิ่งเข้าบ้านครับ บรรยากาศตอนนั้นผมไม่อยากออกไปไหนเลย แต่แม่ผมก็ใช้ไปซื้อของทำกับข้าวครับ เลยต้องออกไป และต้องผ่านบ้านหลังนั้นครับ เมิ่อมองเข้าไป ก็เหมือนเดิมครับ คุณตานอนหลับ คุณยายนั่งตำหมาก ผมก็สงสัยนิดๆแต่ก็ผ่านไป ตลอดทางมีแต่กริ่นธุป เรียนและดอกไม้ของชาวบ้านหอมหวนตลอดทาง
ไปร้านค้า ตอนนั้นเดินไปนะครับ เพราะมันไม่ไ้ด้ไกลอะไรมากครับ  เมื่อถึงช่วงไกล้เข้านอนและบางบ้านก็นอนไปแล้วด้วยซ้ำ ได้มีเสียงหมาหอนเป็นพักๆ
จนได้มีเสียงตาคนนึงโวยวายและร้องให้อยู่หน้าบันไดหลังของบ้านนึ้นครับ และผมมองเขาผ่านหน้าต่างของชั้น2ของตัวบ้านผมครับ เหมือนเขาเสียใจจากอะไรสักอย่างมากๆเลยหละครับ  แล้วผมก็ล้มตัวลงนอนเพราะคิดว่าคงเป็นคนบ้าแถวนี้ และทั้งคืนเสียงที่ผมได้ยินคือเสียงหมาหอนและผใก็นอนหลับๆตื่นๆครับ และในช่วงเวลาตี1-ตี2ของวันนั้นแหละครับ ได้มีเสียงเคาะประตูห้องผมดังขึ้นและผมมองลอดใต้ช่องประตูไป เป็นขาคนเหมือนนะคนแก่ นุ่งผ่าถุงยืนอยู่ครับและผมกลัวมากๆตอนนั้นเพราะจิตรผมมันคิดไปแล้วว่าผี ผมขดตัวเข้าหากันและเอาผ้าห่มคลุมทั้งตัวเหลือแค่ตาข้างนึงไว้มองว่าขาหายไปรึยัง และเมื่อได้เสียงเคาะเงียบลง เขาก็ยังยืนอยู่ตรงนั้นสักพักจนผมต้องเอ้ะใจว่ามาทำไม หรือจะเป็นคน ผมกำลังจะเอ่ยปากถามว่าใคร แต่สมองส่วนนึงผมก็คิดขึ้นครับว่า บ้านผมไม่มีตยแก่ไส่ผ้าถุงนอกจากคุณยายซึ่งอยู่บ้านอีกหลัง และนี่ชั้น2 ยายไม่ขึ้นมาแน่นอน เพราะมีประตูไม้ปิดทางบันใดของคนสมัยก่อนที่หนักมากๆ ยายก็อายุราวๆ97-98ครับ เปิดไม่ไหวแน่ๆและแม่ของผมก็คงไม่ไส่ผ้าถุงนอนและขาของแม่คงไม่ดูดำและดูเหมือนผิวคนแก่ขนาดนี้ 

   เมื่อรุ่งเช้า จากปกติที่ชาวบ้านพากันไปวัดวันนี้กลับพากันมามุงอยู่หน้าบ้านไม้หลังนั้นครับ เมื่อผมเดินไปชาวบ้านก็บอกว่า เมื่อคืนมีคนมาโหวกเหวกโวยวายหน้าบ้าน ลุงคนนั้นจึงจะลงมาไล่ แต่เมื่อลงมาก็พบว่ามีกลิ่นอันไม่พึงประสง โชยออกมาจากบนบ้านเหมือนอะไรสักอย่างเน่าหรือตาย แต่ลุงไม่คิดอะไรเพราะคิดว่าคนแก่อาจจะทำความสะอาดไม่สะอาด หรือป่วยและอุจระร่วง หรือไม่สอาดครับ ลุงที่เห็นคุณตานอนอยู่จึงร้องเรียกไปว่า"ตาเอ้ย เป็นอะไรรึเปล่าครับ ผมไล่คนบ้าไปแล้วนะครับ" เมื่อลุงพูดกับคุณตาจบ ลุงได้เงยหน้าไปมองบนหลังคาของบ้านหลังนั้น เห็นเป็นเลือดไหลลงมาจากหลังคา และเห็นไส้คนกองอยู่บนหลังคารวมถึงศรีษะของผญ.ผมยาวอยู่ ลุงบอกว่าภาพมันสยดสยองมากครับ จึงรีบวิ่งเข้าบ้านและสวดมนนอน เมื่อตื่นเช้าพบว่ายายก็ยังนั่งตำหมาก พอเดินไปไกล้ๆ ยายผู้เป็นภรรยาของตาได้ยิ้มให้กับลุง และแลบลิ้นออกมาอย่างกับว่ากำลังทานอะไรที่อร่อยมากๆอยู่ และลุงได้บอกกับชาวบ้านไว้ดังนี้ก่อนที่ทุกคนจะสงสัยว่าจริงๆแล้วยายเป็นกระสือหรือไม่ และเมสื่อทุกคนพากันขึ้นไปดูบนบ้าน ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า คุณตานั้นเสียชีวิตแลัวครับและคุณยายก็ได้หายไป 
  เมิ่อทางกู้ภัยมาถึง จึงได้นำร่างของคุณตาที่ไร้ลมหายใจลงมาจากบ้านอย่างยากลำบากทั้งๆที่บ้านนั้นโล้งมากประตูหน่าต่างไม่มีสักบาน สุดท้ายกู้ภัยจึงได้จุดธูปบอกเจ้าที่ จึงนำร่างของคุณตาลงมาได้ ส่วนผมที่ยืนอยู่ด้านล่าง ได้มองคุณตาผ่านผ้าห่อศพที่เปิดอยู่เล็กน้อย ได้เห็นว่าคุณตานั้นผอมแห้ง ตัวสีดำหนังหุ้มกระดูกมากๆ และแห้งกั้กตัวแข็ง จนกู้ภัยได้สันนิถานว่า ได้เสียชีวิตมาไม่ต่ำกว่า1อาทิตย์ และเนื้อตัวไม่มีร่องรอยบาดแผลอะไรแต่เมื่อตรวจแล้วพบว่าไม่มีเครื่องใน ไม่มีไส้ ไม่มีปอดหรือตับเลย เลือดแม้แต่หยดเดียวก็แห้งติดกระดูกครับ ทุกวันนี้บ้านหลังนั้นได้ถูกปล่อยร้าง และมาสือทราบทีหลังว่าคุณลุงที่มาโวยวายนั้น เป็นลุกชายของคุณตาคุณยายของบ้านหลังนี้ครับ จนทุกๆวันนี้ก็ไม่มีใครได้พบเห็นคุณยายของบ้านหลังนี้อีกเลยครับ รวมถึงคนที่ยืนเคาะประตูผมในคืนนั้น คือใครผมก็ไม่ทราบครับ   

กรถชุณาใช้จักรยานในการอ่านนะครับ เพราะทุกวันนี้ก็ไม่รู้ว่เรื่องนี้จับต้นชนปลายอะไร หากมีอะไรอัปเดทจะมาเล่าสู่กันฟังนะครับ

ขอบคุณที่อ่านจนจบนพครับ มาแสดงความคิดเห็นได้นะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่