เรื่องสั้นวันละเรื่อง : ของขวัญจากธรรมชาติ

น้อง ผู้จัดการร้านอาหารประเภท ฟาสต์ฟู้ด ในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง มีความสุขไปวัน ๆ กับงานที่ทำมาเนิ่นนาน ใช้ชีวิตดุจเดียวกับหุ่นยนต์ที่ถูกตั้งโปรแกรมเอาไว้อย่างเคร่งครัด

ตื่นเช้า ไปทำงานตามตาราง เย็น กลับบ้าน ทำธุระส่วนตัวที่จำเป็น เข้านอน เพื่อรอเช้าวันใหม่ ให้หมุนวนมาอีกครั้ง ราวกับเป็นชีวิตที่น่าเบื่อ

แต่น้องรู้สึกมีความสุขกับมัน ซึ่งไม่อาจรู้ได้ว่าเป็นความสุขที่แท้จริงหรือไม่ เธอรู้เพียงว่า หัวใจเต้นแรงและยิ้มกว้าง ๆ ได้ในวันสิ้นเดือน เป็นยิ้มที่ไม่ใช่ยิ้มตามคำสั่งที่เธอทำอยู่ทุกวัน ในอาชีพที่ต้องให้บริการผู้คนมากมาย หลากหลายอารมณ์

ยิ้มกว้าง ๆ ที่เธอยกโทรศัพท์ขึ้นกดเงิน โอนไปให้ทางบ้าน เธอคิดถึงหน้าพ่อแม่ ที่ตื่นเต้นมีความสุข เมื่อมีเสียงเตือนว่ามีเงินเข้าบัญชี

 ความฝันอันสูงสุดของน้อง คือการเปลี่ยนบ้านเก่าซอมซ่อ ที่ผุพังไปเสียทุกซอกทุกมุม ให้เป็นบ้านหลังใหม่แสนอบอุ่นให้จงได้

แต่ตอนนี้ แค่มีเงินส่งให้พ่อแม่ใช้จ่ายในแต่ละเดือนก็ถือว่าดีนักหนาแล้ว

สิ่งที่ทำให้น้องใช้ชีวิตไปตามกลไกของสังคมเมืองหลวง ได้อย่างมั่นคงไม่ย่อท้อไปเสียก่อน คือคนในครอบครัวที่รอคอยความหวังจากเธอ

แต่ในวันหนึ่ง... 

วันที่ไม่มีใครคาดคิด โรคระบาดชนิดหนึ่งที่ทำให้โลกโกลาหล แพร่กระจายออกไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว 

ผู้คนล้มตายมากมายเพราะไม่ทันตั้งตัว ทุกสิ่งในโลกหยุดชะงัก ราวกับมีใครกดปุ่มให้โลกหยุดหมุน 

คล้ายกับนิยายวิทยาศาสตร์ที่หลายคนคิดว่า ไม่น่าจะเกิดขึ้นจริง

"โควิด"  

ชื่อที่ถูกตั้งขึ้นแทนสิ่งมีชีวิตที่แทบจะเล็กสุดในโลก แต่กลับเป็นตัวแทนของความหวั่นวิตก หวาดกลัว ตื่นตระหนก สร้างความปั่นป่วนให้กับโลกอันกว้างใหญ่

และอย่างไม่น่าเป็นไปได้ มนุษย์ตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งในโลก ได้รับผลกระทบใหญ่หลวงจากเจ้าเชื้อโรคตัวเล็กจิ๋วนี้

น้อง... ถูกเลิกจ้าง เหมือนฟ้าผ่าลงมากลางใจ น้องยืนนิ่ง ตัวชาด้วยความตกตะลึงตอนที่รับรู้ข่าวร้ายนี้

..................

วันที่นั่งรถกลับบ้าน ความคิดวนเวียนอยู่ในสมองที่มืดมัว จะทำอย่างไรต่อดี

น้องหวนคำนึงถึงตอนที่เธอแจ้งข่าวให้ที่บ้านรู้

"ดีเลย กลับมาอยู่บ้านเรา มาช่วยกันทำไร่สับปะรด"

นั่นคือคำตอบของพ่อ

ไร่สับปะรด จะเลี้ยงตัวได้อย่างไร น้องคิดอยู่ในใจ โดยลืมไปว่าไร่สับปะรดเล็ก ๆ ของพ่อและแม่นี่แหละ ที่ส่งเสียเธอมาจนจบปริญญาตรี แม้จะลุ่ม ๆ ดอน ๆ ไม่ราบรื่นนัก แต่ก็เอาตัวรอดมาได้

เมื่อกลับถึงบ้าน น้องมีความอัศจรรย์ใจอย่างยิ่ง ที่พบว่า  เงินในบัญชีที่เธอโอนให้พ่อกับแม่ทุกเดือน ไม่เคยถูกนำมาใช้แม้แต่บาทเดียว

"เงินมันอยู่ในโทรศัพท์ เอาออกมาใช้ไม่เป็น จะถามใครก็ไม่กล้า กลัวถูกหลอก แต่ก็ยังไม่เดือดร้อนอะไร เลยทิ้งไว้อย่างนั้น รอเจ้าของเงินมาถอน"

นั่นคือคำตอบของแม่

น้องได้แต่ถอนหายใจ จริงสิ เธอเปิดบัญชี โอนเงินไปให้ที่บ้านทุกเดือน ไม่เคยถามถึง คิดไปเองว่าพ่อและแม่คงเอาไปใช้จ่าย  ตัวเลขยอดเงินที่เพิ่มขึ้นทุกเดือน จนเป็นจำนวนมากพอที่จะสร้างบ้านใหม่หลังเล็ก ๆ ได้เลยทีเดียว

"แค่ปลูกสับปะรดขายก็พอมีพอกิน ไม่เดือดร้อน ตอนนี้มีไอ้โรคระบาด สับปะรดอบแห้งขายดี ส่งโรงอบได้ราคาดีเลย น้องมาอยู่บ้านมีคนช่วยอีกแรง จะได้ปลูกเพิ่มอีก"

พ่อพูดยิ้ม ๆ ขณะกินข้าว สามคน พ่อ แม่ ลูก ล้อมวงกินด้วยกัน บรรยากาศที่น้องลืมไปแล้ว หลายปีที่ผ่านมา น้องไม่เคยกลับบ้าน มัวแต่ตั้งหน้าตั้งตาทำงานหาเงิน เพื่อโอนเข้ามาในบัญชีที่ไม่เคยถูกแตะต้อง คิดไปเองว่าพ่อแม่จะเอาเงินไปใช้อย่างมีความสุข ซึ่งความสุขที่แท้จริงอาจไม่ใช่สิ่งที่น้องคิด

ผักสดหวานกรอบที่แม่ปลูกไว้ จิ้มน้ำพริก ปลาสดเนื้อหวานที่พ่อตกมาจากลำธาร แม่เอามาคลุกเกลือย่าง อาหารง่าย ๆ จากธรรมชาติที่สุดแสนอร่อย รสชาติที่หาได้ยากยิ่งในเมืองหลวง

 ..........

น้องกลับมาอยู่บ้านหลายเดือนแล้ว

ช่วยพ่อแม่ทำไร่สับปะรด และรับสับปะรดอบแห้งมาขายออนไลน์ กิจการไปได้ดีทีเดียว เพราะโรคระบาด ผลไม้อบแห้งคุณภาพดีๆ ตอบโจทย์ลูกค้าได้ดีนักเชียว น้องประเมินจากสายตาอดีตผู้จัดการร้านอาหาร

..................

แสงแดดส่องทอดลงมา กระทบหลังคาของบ้านหลังเล็ก ๆ ที่สร้างใหม่ ดูช่างแวววาวระยิบระยับสวยงามเสียจริง  ร่างสามร่างกอดกันยืนมองอย่างภาคภูมิใจ รอยยิ้มกว้าง ๆ ตรงนั้น ถ้ามองลึกเข้าไปในดวงตาจะพบว่า ยิ้มนั้นเป็นยิ้มที่ออกมาจากหัวใจ

ความสุข ความฝัน ที่น้องดิ้นรนค้นหา อาจจะไม่มาถึงถ้าน้องไม่ตกงาน...

บางครั้ง ธรรมชาติก็ส่งของขวัญมาในรูปแบบที่เราคาดไม่ถึง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่