หากคุณกำลังมองหาวิธีลดน้ำหนักที่ได้ผลจริงและยั่งยืน การผ่าตัดกระเพาะอาหาร อาจเป็นคำตอบที่คุณต้องการ การผ่าตัดกระเพาะอาหาร สามารถช่วยให้คุณลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่หลายคนก็อาจมีข้อสงสัยว่า หลังจากผ่าตัดแล้ว น้ำหนักจะลดลงเท่าไหร่ และจะสามารถลดได้ยั่งยืนแค่ไหน บทความนี้มีคำตอบค่ะ
.
น้ำหนักที่ลดลงหลังการผ่าตัด
โดยทั่วไป ผู้ที่ผ่าตัดกระเพาะสามารถลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพและเห็นผล ภายใน 12-18 เดือนหลังการผ่าตัด ทั้งนี้ขึ้นกับวิธีในการผ่าตัดกระเพาะ โดยการผ่าตัดกระเพาะในแต่ละวิธี สามารถช่วยลดน้ำหนักได้ดังนี้
.
การผ่าตัดลดขนาดกระเพาะอาหาร (Sleeve Gastrectomy)
สามารถลดขนาดกระเพาะให้เหลือประมาณ 20-25% และตัดส่วนที่หลั่งฮอร์โมนความหิวทิ้ง
น้ำหนักตัวลดลง 20-25% ที่ 1 ปีหลังผ่าตัด
.
การผ่าตัดลดขนาดกระเพาะ และตัดต่อบายพาสลำไส้เล็ก (Roux-en-Y Gastric Bypass)
ลดขนาดกระเพาะและตัดต่อบายพาสลำไส้เล็ก
น้ำหนักตัวลดลง 30-35% ที่ 1 ปีหลังผ่าตัด
.
การผ่าตัดสลีฟพลัส (Sleeve Plus)
กลไกแบบตัดกระเพาะร่วมกับตัดต่อบายพาสลำไส้เล็ก
น้ำหนักตัวลดลง 30-35% ที่ 1 ปีหลังผ่าตัด
.
ทั้งนี้ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ประเภทของการผ่าตัด พฤติกรรมการกินหลังผ่าตัด การออกกำลังกาย และการปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
.
นอกจากน้ำหนักที่ลดลง การผ่าตัดกระเพาะช่วยอะไรอีกบ้าง?
นอกจากการลดน้ำหนัก การผ่าตัดกระเพาะยังมีประโยชน์อื่น ๆ ต่อสุขภาพหลายประการ เช่น:
1.
ลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานชนิดที่ 2 รวมถึงทำให้อาการของโรคเบาหวานดีขึ้น: หลายคนที่มีภาวะเบาหวานชนิดที่ 2 พบว่าอาการของโรคดีขึ้นหรือหายไปหลังการผ่าตัดกระเพาะ เนื่องจากน้ำหนักที่ลดลงและการปรับระบบการเผาผลาญของร่างกาย
2.
ภาวะความดันโลหิตสูงดีขึ้น: การลดน้ำหนักช่วยลดภาระที่ต้องใช้ในการสูบฉีดเลือดของหัวใจ ทำให้ความดันโลหิตลดลง และลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด
3.
บรรเทาอาการและลดความเสี่ยงต่อภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea) : การลดน้ำหนักช่วยลดไขมันสะสมในลำคอ ทำให้อาการหยุดหายใจขณะหลับลดลง และนอนหลับได้ดีขึ้น
4.
ลดความเสี่ยงของโรคข้อเสื่อม (Osteoarthritis): น้ำหนักที่ลดลงช่วยลดภาระที่ต้องรับน้ำหนักของข้อต่อ โดยเฉพาะข้อเข่าและข้อสะโพก ซึ่งช่วยลดอาการปวดและความเสื่อมของข้อ
5.
คุณภาพชีวิตดีขึ้น: การลดน้ำหนักส่งผลให้มีพลังงานมากขึ้น ความสามารถในการเคลื่อนไหวดีขึ้น และลดภาวะซึมเศร้า ซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและมีความมั่นใจมากขึ้น
.
คำแนะนำเพื่อให้การลดน้ำหนักหลังผ่าตัดกระเพาะเป็นไปอย่างยั่งยืน
เพื่อให้การลดน้ำหนักหลังการผ่าตัดกระเพาะเป็นไปอย่างยั่งยืน คนไข้ควรปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้:
-
ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์และนักโภชนาการ:
การปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้คุณได้รับคำแนะนำที่เหมาะสมสำหรับการปรับพฤติกรรมการกินและการใช้ชีวิต
-เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการกิน:
หลังการผ่าตัด คุณต้องรับประทานอาหารในปริมาณน้อย เน้นอาหารที่มีโปรตีนสูง และหลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลและไขมันสูง เพื่อช่วยลดน้ำหนักและรักษาระดับน้ำหนักที่ลดลง
-ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ:
การออกกำลังกายไม่เพียงช่วยเผาผลาญแคลอรี แต่ยังช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและเพิ่มการเผาผลาญพลังงานในระยะยาว เริ่มต้นด้วยการเดินหรือการออกกำลังกายที่ไม่หนักเกินไป และค่อย ๆ เพิ่มความเข้มข้นเมื่อร่างกายพร้อม
-ปรับตัวและปรับจิตใจ:
การผ่าตัดกระเพาะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ การปรับตัวและปรับจิตใจเพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงนี้เป็นสิ่งสำคัญ
-ติดตามผลและดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่อง:
การตรวจสุขภาพและติดตามผลการลดน้ำหนักเป็นระยะจะช่วยให้คุณทราบว่ามีปัญหาอะไรที่ต้องแก้ไขหรือปรับปรุง การดูแลสุขภาพอย่างสม่ำเสมอช่วยให้คุณมีโอกาสในการรักษาผลลัพธ์ที่ได้ในระยะยาว
.
การผ่าตัดกระเพาะเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเดินทางในการลดน้ำหนัก คนไข้ต้องมีความมุ่งมั่นในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการกินและการใช้ชีวิต
เพื่อรักษาน้ำหนักที่ลดลงและมีสุขภาพที่ดีในระยะยาว


หลังผ่าตัดกระเพาะ: น้ำหนักจะลดลงแค่ไหน?
.
น้ำหนักที่ลดลงหลังการผ่าตัด
โดยทั่วไป ผู้ที่ผ่าตัดกระเพาะสามารถลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพและเห็นผล ภายใน 12-18 เดือนหลังการผ่าตัด ทั้งนี้ขึ้นกับวิธีในการผ่าตัดกระเพาะ โดยการผ่าตัดกระเพาะในแต่ละวิธี สามารถช่วยลดน้ำหนักได้ดังนี้
.
การผ่าตัดลดขนาดกระเพาะอาหาร (Sleeve Gastrectomy)
สามารถลดขนาดกระเพาะให้เหลือประมาณ 20-25% และตัดส่วนที่หลั่งฮอร์โมนความหิวทิ้ง
น้ำหนักตัวลดลง 20-25% ที่ 1 ปีหลังผ่าตัด
.
การผ่าตัดลดขนาดกระเพาะ และตัดต่อบายพาสลำไส้เล็ก (Roux-en-Y Gastric Bypass)
ลดขนาดกระเพาะและตัดต่อบายพาสลำไส้เล็ก
น้ำหนักตัวลดลง 30-35% ที่ 1 ปีหลังผ่าตัด
.
การผ่าตัดสลีฟพลัส (Sleeve Plus)
กลไกแบบตัดกระเพาะร่วมกับตัดต่อบายพาสลำไส้เล็ก
น้ำหนักตัวลดลง 30-35% ที่ 1 ปีหลังผ่าตัด
.
ทั้งนี้ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ประเภทของการผ่าตัด พฤติกรรมการกินหลังผ่าตัด การออกกำลังกาย และการปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
.
นอกจากน้ำหนักที่ลดลง การผ่าตัดกระเพาะช่วยอะไรอีกบ้าง?
นอกจากการลดน้ำหนัก การผ่าตัดกระเพาะยังมีประโยชน์อื่น ๆ ต่อสุขภาพหลายประการ เช่น:
1. ลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานชนิดที่ 2 รวมถึงทำให้อาการของโรคเบาหวานดีขึ้น: หลายคนที่มีภาวะเบาหวานชนิดที่ 2 พบว่าอาการของโรคดีขึ้นหรือหายไปหลังการผ่าตัดกระเพาะ เนื่องจากน้ำหนักที่ลดลงและการปรับระบบการเผาผลาญของร่างกาย
2. ภาวะความดันโลหิตสูงดีขึ้น: การลดน้ำหนักช่วยลดภาระที่ต้องใช้ในการสูบฉีดเลือดของหัวใจ ทำให้ความดันโลหิตลดลง และลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด
3. บรรเทาอาการและลดความเสี่ยงต่อภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea) : การลดน้ำหนักช่วยลดไขมันสะสมในลำคอ ทำให้อาการหยุดหายใจขณะหลับลดลง และนอนหลับได้ดีขึ้น
4. ลดความเสี่ยงของโรคข้อเสื่อม (Osteoarthritis): น้ำหนักที่ลดลงช่วยลดภาระที่ต้องรับน้ำหนักของข้อต่อ โดยเฉพาะข้อเข่าและข้อสะโพก ซึ่งช่วยลดอาการปวดและความเสื่อมของข้อ
5. คุณภาพชีวิตดีขึ้น: การลดน้ำหนักส่งผลให้มีพลังงานมากขึ้น ความสามารถในการเคลื่อนไหวดีขึ้น และลดภาวะซึมเศร้า ซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและมีความมั่นใจมากขึ้น
.
คำแนะนำเพื่อให้การลดน้ำหนักหลังผ่าตัดกระเพาะเป็นไปอย่างยั่งยืน
เพื่อให้การลดน้ำหนักหลังการผ่าตัดกระเพาะเป็นไปอย่างยั่งยืน คนไข้ควรปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้:
-ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์และนักโภชนาการ:
การปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้คุณได้รับคำแนะนำที่เหมาะสมสำหรับการปรับพฤติกรรมการกินและการใช้ชีวิต
-เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการกิน:
หลังการผ่าตัด คุณต้องรับประทานอาหารในปริมาณน้อย เน้นอาหารที่มีโปรตีนสูง และหลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลและไขมันสูง เพื่อช่วยลดน้ำหนักและรักษาระดับน้ำหนักที่ลดลง
-ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ:
การออกกำลังกายไม่เพียงช่วยเผาผลาญแคลอรี แต่ยังช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและเพิ่มการเผาผลาญพลังงานในระยะยาว เริ่มต้นด้วยการเดินหรือการออกกำลังกายที่ไม่หนักเกินไป และค่อย ๆ เพิ่มความเข้มข้นเมื่อร่างกายพร้อม
-ปรับตัวและปรับจิตใจ:
การผ่าตัดกระเพาะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ การปรับตัวและปรับจิตใจเพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงนี้เป็นสิ่งสำคัญ
-ติดตามผลและดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่อง:
การตรวจสุขภาพและติดตามผลการลดน้ำหนักเป็นระยะจะช่วยให้คุณทราบว่ามีปัญหาอะไรที่ต้องแก้ไขหรือปรับปรุง การดูแลสุขภาพอย่างสม่ำเสมอช่วยให้คุณมีโอกาสในการรักษาผลลัพธ์ที่ได้ในระยะยาว
.
เพื่อรักษาน้ำหนักที่ลดลงและมีสุขภาพที่ดีในระยะยาว