กำลังซื้อชะลอตัว ฉุด ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าปี’67 ไม่โต จี้รัฐ ฟื้นอีซี่ อี-รีซีท ปลุกมู้ดช้อป
https://www.matichon.co.th/economy/news_4880623
กำลังซื้อชะลอตัว ฉุดตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าปี’67 ไม่โต จี้รัฐฟื้นอีซี่ อี-รีซีท ปลุกมู้ดช้อป
เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน นาย
รัชตะ สุทธาพัฒน์ธานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริหารสินค้า เพาเวอร์ มอลล์ บริษัทเดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในปี 2567 ทรงตั้งแต่ไตรมาส3 เนื่องจากกำลังซื้อชะลอตัว คนยังระมัดระวังการใช้เงิน แม้ที่ผ่านมาจะมีการแจกเงิน 10,000 บาท แต่ก็แจกแค่ครั้งเดียว ทำให้ในช่วง 2 เดือนที่เหลือของปีนี้(พ.ย.-ธ.ค.) ทางผู้ผลิตและร้านค้า รวมถึงเพาเวอร์มอลล์ มีการจัดโปรโมชั่นกันมากขึ้น ทั้งลดแลกแจกแถม งัดทุโปรโมชั่น เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อในช่วงโค้งสุดท้าย ซึ่งเพาเวอร์มอลล์เองจัดลดราคาสูงสุดถึง 60% ผ่อน0% นาน 24 เดือน รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 48,000 บาท เป็นต้น อย่าง
“
เดิมเพาเวอร์มอลล์จะมียอดขายเติบโต 20-40% ตอนนี้จากผลกระทบด้านกำลังซื้อที่ชะลอตัว และบรรยากาศที่ค่อนข้างเงียบมาก ทำให้การเติบโตของยอดขายปีนี้ลดลงเหลือประมาณ 10% ส่วนสถานกาณ์ปี 2568 น่าจะไม่ต่างจากปีนี้มากนัก แต่ก็ขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจด้วย ถ้าเศรษฐกิจดี กำลังซื้อก็จะดีตาม”นาย
รัชตะกล่าว
นาย
รัชตะกล่าวว่า ทั้งนี้เพื่อเป็นการกระตุ้นกำลังซื้อ อยากให้รัฐบาลพิจารณานำมาตรการอีซี่ อีรี-ซีท ที่เมื่อซื้อสินค้าและบริการแล้ว สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 50,000 บาท กลับมาใช้กระตุ้นการใช้จ่าย แต่ถ้าไม่ทันช่วง 2 เดือนสุดท้ายนี้ ถ้าหากรัฐบาลมีนโยบายจะดำเนินการอย่างแน่นอน ก็ขอให้ประกาศหลังปีใหม่ เพราะเกรงว่าหากประกาศก่อน จะทำให้กำลังซื้อสะดุดได้ เหมือนเมื่อปี 2566 หลังจากรัฐบาลประกาศมาตรการออกมาก่อน ทำให้กำลังซื้อชะลอไปมากพอสมควร แต่เมื่อเริ่มใช้แล้วก็ส่งผลทำให้ยอดขายเติบโตค่อนข้างดี ทำให้ยอดขายของเพาเวอร์มอลล์เติบโตขึ้นมาก ในช่วงไตรมาส1 ปี 2567 โดยเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เติบโต 40-50%
นายกฯอิ๊งค์ มีเหนื่อย รับศึกหนัก
https://www.innnews.co.th/video/hot-clips/news_797696/
ขับเคลื่อนเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจไทยช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2567 อย่างเต็มรูปแบบสำหรับรัฐบาลที่มุ่งหวังให้ “จีดีพี” ซึ่งเป็นกระจกสะท้อนถึงความแกร่งและความเฟื่องฟูของประเทศโตตามเป้า
กระทรวงการคลัง คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้จะโตได้ 2.7% นำโดยการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและส่งออก ซึ่งจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เข้าไทยปี 2567 คาดว่าจะอยู่ที่ 36 ล้านคน
ส่วนปีหน้า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง “นาย
พิชัย ชุณหวชิร” หวังว่า จีดีพีปี 2568 โต 3.5% จากหลายมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลเตรียมไว้ อาทิ แจกเงิน 10,000 บาท เฟส 2, การกระตุ้นการท่องเที่ยว ผ่านโครงการใหม่ๆ รวมทั้งการหนุนต่างชาติ เช่าที่ดิน 99 ปี และ มาตรการแก้หนี้ครัวเรือน เป็นต้น
ในมุมมองนักวิชาการ “ศ.ดร.
พรายพล คุ้มทรัพย์” กล่าวกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า ไม่ง่ายเลยที่จีดีพีปีหน้าจะขยายตัวได้ 3.5% เพราะการส่งออกยังได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก ดังนั้นรัฐบาลจะต้องทำงานหนักให้มากขึ้น
“
ก็คงต้องทำงานหนัก 3.5% ศักยภาพของเรามันประมาณ 3%ผมคิดว่าเต็มที่ ยังนึกไม่ออกว่ามีอะไรที่จะเป็นตัวผลักดันมากเป็นพิเศษเรื่องการท่องเที่ยวเท่านั้น เท่าที่มองเห็นเกิดบูมมากๆก็อาจจะมีโอกาสผลักดันเข้าไปได้ เรื่องการส่งออกโดยทั่วไปดูแล้วก็ไม่น่าจะมีอะไรที่จะทำให้เราขายของได้ดีมากเป็นพิเศษ ราคาพืชผลก็คงอยู่ในเกณฑ์ดี
แต่ก็ไม่ได้ดีมากเท่าไหร่สินค้าอุตสาหกรรมไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ก็ยังอยู่ในสถานการณ์ที่เผชิญกับปัญหาความตึงเครียดความเผชิญหน้ากันระหว่างสหรัฐแล้วก็ยุโรปกับจีน แล้วก็สถานการณ์อื่นๆก็ดูจากก็ไม่ค่อยได้ดีเท่าไหร่ ตลาดโลกก็ยังพอส่งทรงๆไม่ถึงกับดีมากก็เลยนึกไม่ออกว่าอะไรมันจะผลักดันให้เศรษฐกิจไทยโตไปเกินศักยภาพ 3%,3.5% ถือว่ามันต้องมีเรื่องโชคเข้าไปเกี่ยวข้องอยู่เยอะเลย”
นอกจากนี้ “ศ.ดร.พรายพล” ยังได้กล่าวถึงนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการแจกเงิน 10,000 บาท เฟส 2 ด้วยว่า แม้จะช่วยหนุนภาพรวมเศรษฐกิจได้ แต่ก็ช่วยได้แค่ส่วนหนึ่ง เพราะจากเฟสแรก ก็ไม่ได้สร้างอิมแพ็คต่อเศรษฐกิจไทยมากเท่านัก
“
ก็ดูรอบแรกมันก็ช่วยได้ในระดับนึง แต่ก็ไม่ได้มีอิมแพ็คมากมายอะไรนึก รอบสองด้วยจำนวนเงินพอๆกันก็คงจะเหมือนๆกันแหละก็คงแน่นอน ทำให้คึกคักมากขึ้นแต่ไม่ได้ฟู่ฟ่า ช่วยได้แน่นอน แต่ว่ามันก็สิ้นเปลืองไปเปล่าๆเพราะว่ารอบ 2 มันจะเป็นการแจกคนที่ไม่ค่อยมีความจำเป็นเท่าที่ควร”
ดังนั้น เมื่อเศรษฐกิจไทยมีความท้าทาย การทำงานของนายกรัฐมนตรีเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้โตตามเป้าหมาย ในมุมมองของ “ศ.ดร.
พรายพล” เชื่อว่า จะเหนื่อยและเผชิญกับศึกหนักมากพอสมควร
“
มันก็เหนื่อยมาโดยตลอดเพราะว่าอย่างที่เราเห็นๆกัน เศรษฐกิจไทยก็โตช้าที่สุดในกลุ่มอาเซียนเพราะฉะนั้นตรงนี้ภาพลักษณ์มันก็ดูไม่ดีอยู่แล้ว รวมทั้งก็สถานการณ์อื่นๆรอบๆ ตัว โครงสร้างของเรามันก็อ่อนแอลงไปเยอะ คนแก่มากขึ้นก็ดี ความสามารถในการแข่งขันก็ลดลง หน่ำซ้ำต้องเผชิญกับ Climate Change ต่างๆพวกนี้ก็ศึกหนัก ก็ศึกหนักพอสมควร”
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 4 พฤศจิกายน 2567 นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการเดินทางเยือนกระทรวงการคลัง เพื่อมอบนโยบายให้กับส่วนราชการ โดยทางกระทรวงจะเสนอเรื่องมาตรการที่จะออกมากระตุ้นเศรษฐกิจในช่วง 2 เดือนที่เหลือของปี 2567 และมาตรการของขวัญปีใหม่ 2568 ที่จะออกมาในช่วงเดือน ธ.ค.
โดย “นาย
เผ่าภูมิ โรจนสกุล” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวย้ำว่า มาตรการต่างๆที่ออกมาแล้วรวมถึงที่กำลังจะออกมานั้น กำลังมีการวัดข้อดีข้อเสียกันอยู่ว่าปลายปีจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้แค่ไหน แต่ยอมรับว่ายังมีข้อกังวลเพราะออกมาในช่วงที่ไม่ทันกระตุ้นเศรษฐกิจไตรมาส4 จะดีกว่าไหมหากจะนำไปใช้ในช่วงไตรมาส 1 ปีหน้า เพื่อหาจุดลงตัว
โดยตัวเลข GDP ปีนี้คาดว่า จะอยู่ที่ 2.7-2.9% ถือว่าเป็นตัวเลขที่ดี ตัวเลขไตรมาส 4 คาดว่าจะ 4% เป็นตัวเลขที่น่าพอใจ ส่วนหลักๆก็มาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้ใส่ลงไปแล้ว
จากนี้ต่อไปจะต้องจับตามาตรการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของรัฐบาลอย่างใกล้ชิด เพราะการผลักดันให้จีดีพีโตตามเป้าหมาย ย่อมสะท้อนถึงฝีมือในการบริหารประเทศ และจะสะท้อนมายังคะแนนนิยมของนายกรัฐมนตรีและครม.นั่งเอง
เช้านี้ กทม. ค่าฝุ่น PM 2.5 เกินมาตรฐาน เริ่มกระทบสุขภาพ 2 พื้นที่
https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/2823588
ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานคร รายงานค่าฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่ กทม. เช้าวันนี้ พบเกินมาตรฐานอยู่ในระดับสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ 2 พื้นที่
วันที่ 4 พฤศจิกายน 67 แฟนเพจ กรุงเทพมหานคร โพสต์ข้อความว่า ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานคร ขอรายงานสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 เวลา 07.00 น. ค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ของฝุ่น PM 2.5 ตรวจวัดได้ 20.4-38.9 มคก./ลบ.ม. พบว่าเกินมาตรฐานอยู่ในระดับสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ (มาตรฐานไม่เกิน 37.5 มคก./ลบ.ม.) จำนวน 2 พื้นที่ คือ
1. สวนทวีวนารมย์ เขตทวีวัฒนา : มีค่าเท่ากับ 38.9 มคก./ลบ.ม.
2. เขตบางพลัด ภายในสำนักงานเขตบางพลัด : มีค่าเท่ากับ 37.7 มคก./ลบ.ม.
ข้อแนะนำสุขภาพ:
คุณภาพอากาศระดับสีส้ม: เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ
ประชาชนทั่วไป : ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร
จำกัดระยะเวลาในการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก
ควรสังเกตอาการผิดปกติ เช่น ไอ หายใจลำบาก ระคายเคืองตา
ประชาชนกลุ่มเสี่ยง : ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร
เลี่ยงการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ หากมีอาการผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์
ดัชนีคุณภาพอากาศของสถานีตรวจวัดของกรุงเทพมหานคร : ส่วนใหญ่อยู่ในระดับคุณภาพอากาศปานกลาง
กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์สภาพอากาศในพื้นที่กรุงเทพมหานคร มีเมฆบางส่วน
...
ปัจจัยที่เกี่ยวข้อง (คาดการณ์แนวโน้มสภาพอากาศที่ส่งผลกระทบต่อฝุ่น PM 2.5 โดยสภาพทางอุตุนิยมวิทยา)
ในช่วงวันที่ 4 - 10 พฤศจิกายน 67 การระบายอากาศ อยู่ในเกณฑ์ “ไม่ดี-อ่อน” ขณะที่ชั้นบรรยากาศใกล้ผิวมีลักษณะเปิดสลับปิด อย่างไรก็ตาม ยังมีโอกาสเกิดฝนตก ส่งผลให้ความเข้มข้นของฝุ่นละอองทรงตัวถึงเพิ่มขึ้น และคาดการณ์วันนี้ มีเมฆบางส่วน
จากการตรวจสอบข้อมูลจุดความร้อน (hotspot) ผ่านดาวเทียม จากหน่วยงาน NASA พบจุดความร้อนที่ดาวเทียมตรวจพบค่าความร้อนสูงผิดปกติจากค่าความร้อนบนผิวโลกบริเวณพื้นที่กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2567 จำนวน 1 จุด เวลา 13.29 น. เขตบางนา (อยู่ระหว่างประสานตรวจสอบจุดความร้อน)
สามารถสอบถามข้อมูลคุณภาพอากาศก่อนออกจากบ้าน ผ่านทาง
- แอปพลิเคชัน AirBKK
- www.airbkk.com
- FB: สำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร
- FB: กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง สำนักสิ่งแวดล้อม
- FB: กรุงเทพมหานคร
- แอปพลิเคชัน AirBKK
- LINE ALERT
และหากเพื่อน ๆ พบเห็นแหล่งกำเนิดมลพิษสามารถแจ้งเบาะแสผ่านทาง Traffy Fondue.
https://www.facebook.com/bangkokbma/posts/890929516548532?ref=embed_post
JJNY : กำลังซื้อชะลอตัวฉุดตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้า│อิ๊งค์มีเหนื่อยรับศึกหนัก│เช้านี้PM 2.5 เกิน 2 พื้นที่│ผลักดันฮิซบอลเลาะห์
https://www.matichon.co.th/economy/news_4880623
กำลังซื้อชะลอตัว ฉุดตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าปี’67 ไม่โต จี้รัฐฟื้นอีซี่ อี-รีซีท ปลุกมู้ดช้อป
เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน นายรัชตะ สุทธาพัฒน์ธานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริหารสินค้า เพาเวอร์ มอลล์ บริษัทเดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในปี 2567 ทรงตั้งแต่ไตรมาส3 เนื่องจากกำลังซื้อชะลอตัว คนยังระมัดระวังการใช้เงิน แม้ที่ผ่านมาจะมีการแจกเงิน 10,000 บาท แต่ก็แจกแค่ครั้งเดียว ทำให้ในช่วง 2 เดือนที่เหลือของปีนี้(พ.ย.-ธ.ค.) ทางผู้ผลิตและร้านค้า รวมถึงเพาเวอร์มอลล์ มีการจัดโปรโมชั่นกันมากขึ้น ทั้งลดแลกแจกแถม งัดทุโปรโมชั่น เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อในช่วงโค้งสุดท้าย ซึ่งเพาเวอร์มอลล์เองจัดลดราคาสูงสุดถึง 60% ผ่อน0% นาน 24 เดือน รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 48,000 บาท เป็นต้น อย่าง
“เดิมเพาเวอร์มอลล์จะมียอดขายเติบโต 20-40% ตอนนี้จากผลกระทบด้านกำลังซื้อที่ชะลอตัว และบรรยากาศที่ค่อนข้างเงียบมาก ทำให้การเติบโตของยอดขายปีนี้ลดลงเหลือประมาณ 10% ส่วนสถานกาณ์ปี 2568 น่าจะไม่ต่างจากปีนี้มากนัก แต่ก็ขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจด้วย ถ้าเศรษฐกิจดี กำลังซื้อก็จะดีตาม”นายรัชตะกล่าว
นายรัชตะกล่าวว่า ทั้งนี้เพื่อเป็นการกระตุ้นกำลังซื้อ อยากให้รัฐบาลพิจารณานำมาตรการอีซี่ อีรี-ซีท ที่เมื่อซื้อสินค้าและบริการแล้ว สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 50,000 บาท กลับมาใช้กระตุ้นการใช้จ่าย แต่ถ้าไม่ทันช่วง 2 เดือนสุดท้ายนี้ ถ้าหากรัฐบาลมีนโยบายจะดำเนินการอย่างแน่นอน ก็ขอให้ประกาศหลังปีใหม่ เพราะเกรงว่าหากประกาศก่อน จะทำให้กำลังซื้อสะดุดได้ เหมือนเมื่อปี 2566 หลังจากรัฐบาลประกาศมาตรการออกมาก่อน ทำให้กำลังซื้อชะลอไปมากพอสมควร แต่เมื่อเริ่มใช้แล้วก็ส่งผลทำให้ยอดขายเติบโตค่อนข้างดี ทำให้ยอดขายของเพาเวอร์มอลล์เติบโตขึ้นมาก ในช่วงไตรมาส1 ปี 2567 โดยเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เติบโต 40-50%
นายกฯอิ๊งค์ มีเหนื่อย รับศึกหนัก
https://www.innnews.co.th/video/hot-clips/news_797696/
ขับเคลื่อนเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจไทยช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2567 อย่างเต็มรูปแบบสำหรับรัฐบาลที่มุ่งหวังให้ “จีดีพี” ซึ่งเป็นกระจกสะท้อนถึงความแกร่งและความเฟื่องฟูของประเทศโตตามเป้า
กระทรวงการคลัง คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้จะโตได้ 2.7% นำโดยการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและส่งออก ซึ่งจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เข้าไทยปี 2567 คาดว่าจะอยู่ที่ 36 ล้านคน
ส่วนปีหน้า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง “นายพิชัย ชุณหวชิร” หวังว่า จีดีพีปี 2568 โต 3.5% จากหลายมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลเตรียมไว้ อาทิ แจกเงิน 10,000 บาท เฟส 2, การกระตุ้นการท่องเที่ยว ผ่านโครงการใหม่ๆ รวมทั้งการหนุนต่างชาติ เช่าที่ดิน 99 ปี และ มาตรการแก้หนี้ครัวเรือน เป็นต้น
ในมุมมองนักวิชาการ “ศ.ดร.พรายพล คุ้มทรัพย์” กล่าวกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า ไม่ง่ายเลยที่จีดีพีปีหน้าจะขยายตัวได้ 3.5% เพราะการส่งออกยังได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก ดังนั้นรัฐบาลจะต้องทำงานหนักให้มากขึ้น
“ก็คงต้องทำงานหนัก 3.5% ศักยภาพของเรามันประมาณ 3%ผมคิดว่าเต็มที่ ยังนึกไม่ออกว่ามีอะไรที่จะเป็นตัวผลักดันมากเป็นพิเศษเรื่องการท่องเที่ยวเท่านั้น เท่าที่มองเห็นเกิดบูมมากๆก็อาจจะมีโอกาสผลักดันเข้าไปได้ เรื่องการส่งออกโดยทั่วไปดูแล้วก็ไม่น่าจะมีอะไรที่จะทำให้เราขายของได้ดีมากเป็นพิเศษ ราคาพืชผลก็คงอยู่ในเกณฑ์ดี
แต่ก็ไม่ได้ดีมากเท่าไหร่สินค้าอุตสาหกรรมไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ก็ยังอยู่ในสถานการณ์ที่เผชิญกับปัญหาความตึงเครียดความเผชิญหน้ากันระหว่างสหรัฐแล้วก็ยุโรปกับจีน แล้วก็สถานการณ์อื่นๆก็ดูจากก็ไม่ค่อยได้ดีเท่าไหร่ ตลาดโลกก็ยังพอส่งทรงๆไม่ถึงกับดีมากก็เลยนึกไม่ออกว่าอะไรมันจะผลักดันให้เศรษฐกิจไทยโตไปเกินศักยภาพ 3%,3.5% ถือว่ามันต้องมีเรื่องโชคเข้าไปเกี่ยวข้องอยู่เยอะเลย”
นอกจากนี้ “ศ.ดร.พรายพล” ยังได้กล่าวถึงนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการแจกเงิน 10,000 บาท เฟส 2 ด้วยว่า แม้จะช่วยหนุนภาพรวมเศรษฐกิจได้ แต่ก็ช่วยได้แค่ส่วนหนึ่ง เพราะจากเฟสแรก ก็ไม่ได้สร้างอิมแพ็คต่อเศรษฐกิจไทยมากเท่านัก
“ก็ดูรอบแรกมันก็ช่วยได้ในระดับนึง แต่ก็ไม่ได้มีอิมแพ็คมากมายอะไรนึก รอบสองด้วยจำนวนเงินพอๆกันก็คงจะเหมือนๆกันแหละก็คงแน่นอน ทำให้คึกคักมากขึ้นแต่ไม่ได้ฟู่ฟ่า ช่วยได้แน่นอน แต่ว่ามันก็สิ้นเปลืองไปเปล่าๆเพราะว่ารอบ 2 มันจะเป็นการแจกคนที่ไม่ค่อยมีความจำเป็นเท่าที่ควร”
ดังนั้น เมื่อเศรษฐกิจไทยมีความท้าทาย การทำงานของนายกรัฐมนตรีเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้โตตามเป้าหมาย ในมุมมองของ “ศ.ดร.พรายพล” เชื่อว่า จะเหนื่อยและเผชิญกับศึกหนักมากพอสมควร
“มันก็เหนื่อยมาโดยตลอดเพราะว่าอย่างที่เราเห็นๆกัน เศรษฐกิจไทยก็โตช้าที่สุดในกลุ่มอาเซียนเพราะฉะนั้นตรงนี้ภาพลักษณ์มันก็ดูไม่ดีอยู่แล้ว รวมทั้งก็สถานการณ์อื่นๆรอบๆ ตัว โครงสร้างของเรามันก็อ่อนแอลงไปเยอะ คนแก่มากขึ้นก็ดี ความสามารถในการแข่งขันก็ลดลง หน่ำซ้ำต้องเผชิญกับ Climate Change ต่างๆพวกนี้ก็ศึกหนัก ก็ศึกหนักพอสมควร”
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 4 พฤศจิกายน 2567 นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการเดินทางเยือนกระทรวงการคลัง เพื่อมอบนโยบายให้กับส่วนราชการ โดยทางกระทรวงจะเสนอเรื่องมาตรการที่จะออกมากระตุ้นเศรษฐกิจในช่วง 2 เดือนที่เหลือของปี 2567 และมาตรการของขวัญปีใหม่ 2568 ที่จะออกมาในช่วงเดือน ธ.ค.
โดย “นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวย้ำว่า มาตรการต่างๆที่ออกมาแล้วรวมถึงที่กำลังจะออกมานั้น กำลังมีการวัดข้อดีข้อเสียกันอยู่ว่าปลายปีจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้แค่ไหน แต่ยอมรับว่ายังมีข้อกังวลเพราะออกมาในช่วงที่ไม่ทันกระตุ้นเศรษฐกิจไตรมาส4 จะดีกว่าไหมหากจะนำไปใช้ในช่วงไตรมาส 1 ปีหน้า เพื่อหาจุดลงตัว
โดยตัวเลข GDP ปีนี้คาดว่า จะอยู่ที่ 2.7-2.9% ถือว่าเป็นตัวเลขที่ดี ตัวเลขไตรมาส 4 คาดว่าจะ 4% เป็นตัวเลขที่น่าพอใจ ส่วนหลักๆก็มาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้ใส่ลงไปแล้ว
จากนี้ต่อไปจะต้องจับตามาตรการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของรัฐบาลอย่างใกล้ชิด เพราะการผลักดันให้จีดีพีโตตามเป้าหมาย ย่อมสะท้อนถึงฝีมือในการบริหารประเทศ และจะสะท้อนมายังคะแนนนิยมของนายกรัฐมนตรีและครม.นั่งเอง
วันที่ 4 พฤศจิกายน 67 แฟนเพจ กรุงเทพมหานคร โพสต์ข้อความว่า ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานคร ขอรายงานสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 เวลา 07.00 น. ค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ของฝุ่น PM 2.5 ตรวจวัดได้ 20.4-38.9 มคก./ลบ.ม. พบว่าเกินมาตรฐานอยู่ในระดับสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ (มาตรฐานไม่เกิน 37.5 มคก./ลบ.ม.) จำนวน 2 พื้นที่ คือ
1. สวนทวีวนารมย์ เขตทวีวัฒนา : มีค่าเท่ากับ 38.9 มคก./ลบ.ม.
2. เขตบางพลัด ภายในสำนักงานเขตบางพลัด : มีค่าเท่ากับ 37.7 มคก./ลบ.ม.
ข้อแนะนำสุขภาพ:
คุณภาพอากาศระดับสีส้ม: เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ
ประชาชนทั่วไป : ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร
จำกัดระยะเวลาในการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก
ควรสังเกตอาการผิดปกติ เช่น ไอ หายใจลำบาก ระคายเคืองตา
ประชาชนกลุ่มเสี่ยง : ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร
เลี่ยงการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ หากมีอาการผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์
ดัชนีคุณภาพอากาศของสถานีตรวจวัดของกรุงเทพมหานคร : ส่วนใหญ่อยู่ในระดับคุณภาพอากาศปานกลาง
กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์สภาพอากาศในพื้นที่กรุงเทพมหานคร มีเมฆบางส่วน
...
ปัจจัยที่เกี่ยวข้อง (คาดการณ์แนวโน้มสภาพอากาศที่ส่งผลกระทบต่อฝุ่น PM 2.5 โดยสภาพทางอุตุนิยมวิทยา)
ในช่วงวันที่ 4 - 10 พฤศจิกายน 67 การระบายอากาศ อยู่ในเกณฑ์ “ไม่ดี-อ่อน” ขณะที่ชั้นบรรยากาศใกล้ผิวมีลักษณะเปิดสลับปิด อย่างไรก็ตาม ยังมีโอกาสเกิดฝนตก ส่งผลให้ความเข้มข้นของฝุ่นละอองทรงตัวถึงเพิ่มขึ้น และคาดการณ์วันนี้ มีเมฆบางส่วน
จากการตรวจสอบข้อมูลจุดความร้อน (hotspot) ผ่านดาวเทียม จากหน่วยงาน NASA พบจุดความร้อนที่ดาวเทียมตรวจพบค่าความร้อนสูงผิดปกติจากค่าความร้อนบนผิวโลกบริเวณพื้นที่กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2567 จำนวน 1 จุด เวลา 13.29 น. เขตบางนา (อยู่ระหว่างประสานตรวจสอบจุดความร้อน)
สามารถสอบถามข้อมูลคุณภาพอากาศก่อนออกจากบ้าน ผ่านทาง
- แอปพลิเคชัน AirBKK
- www.airbkk.com
- FB: สำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร
- FB: กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง สำนักสิ่งแวดล้อม
- FB: กรุงเทพมหานคร
- แอปพลิเคชัน AirBKK
- LINE ALERT
และหากเพื่อน ๆ พบเห็นแหล่งกำเนิดมลพิษสามารถแจ้งเบาะแสผ่านทาง Traffy Fondue.
https://www.facebook.com/bangkokbma/posts/890929516548532?ref=embed_post