ธปท.ฟันธงจีดีพีต่ำกว่า 3.5% ด้านเอสซีบีชี้ปีนี้โตแค่ 2.5% เท่านั้น ชี้ ภัยแล้งรุมเร้า - ศก.โลกเปราะบาง
ธปท.แย้ม มี.ค.นี้จะปรับลดจีดีพีหลังพบความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ระบุรัฐบาลใช้มาตรการคลังกระตุ้นศก.เหมาะสมแล้ว แต่ต้องเน้นให้สอดคล้องโครงสร้าง ศก.ระยะยาว ด้านเอสซีบีฟันธงขยายตัวได้แค่ 2.5% เท่านั้นมองภัยแล้งไม่กระทบระยะสั้น
นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ในเดือนมีนาคมนี้ ธปท. จะทบทวนประมาณการอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจ (จีดีพี) ปี 2559 ใหม่ ซึ่งน่าจะต่ำกว่าประมาณการที่เคยประเมินไว้เมื่อเดือนธันวาคม 2558 ที่ 3.5% เนื่องจากความเสี่ยงมีมากขึ้น และรัฐบาลต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นนั้น มองว่าเป็นเรื่องดีที่รัฐบาลมองเห็นความเสี่ยงและไม่นิ่งเฉย มองหาเครื่องมือที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศในภาวะที่สถานการณ์ภายนอกมีความน่ากังวลมากขึ้น ประกอบกับผลกระทบจากภัยแล้งที่เข้ามาเพิ่มเติมในช่วงนี้ ทำให้นโยบายการคลังมีบทบาทสำคัญ ซึ่งมาตรการที่ออกมาจะต้องเป็นมาตรการที่สอดคล้องกับการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจประเทศในระยะยาวและเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพ มากกว่าการกระตุ้นการบริโภคที่ไม่ยั่งยืนและสร้างปัญหาในระยะยาว
“ขณะนี้มีความเสี่ยงทั้งภาวะภัยแล้ง โครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐล่าช้ากว่าคาดไว้ เศรษฐกิจโลกผันผวนและมีแนวโน้มชะลอตัว ซึ่งการที่รัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นเป็นการมองไปข้างหน้า เพื่อรักษาภาวะเศรษฐกิจไม่ให้ทรุดตัวไปมากกว่านี้ ซึ่งมาตรการใหม่ที่ออกมาอาจต้องใช้เวลา” นายวิรไทกล่าว และว่า การกระตุ้นด้วยมาตรการการคลังจะเห็นผลเร็วกว่าการใช้นโยบายการเงิน อย่างไรก็ตาม ธปท.จะติดตามเงินทุนไหลเข้าอย่างใกล้ชิด เพราะเห็นว่าอาจจะเข้ามาช่วงสั้นๆ และในจังหวะที่เงินทุนไหลเข้าซึ่งไทยมีการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด ทำให้สามารถเดินหน้าแผนงานเปิดเสรีเงินทุนเคลื่อนย้ายได้เร็วมากขึ้น ขณะเดียวกันผู้นำเข้าและส่งออกจะต้องป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนด้วย
นายญนน์ โภคทรัพย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยในงานสัมมนา “เอสซีบี อินเวสเมนท์ ซิมโพเซียม 2016” ว่า คาดว่าจีดีพีปีนี้จะขยายตัวได้ 2.5% โดยมีแรงขับเคลื่อนจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ การท่องเที่ยวที่ยังขยายตัวได้ดี แต่ยอมรับว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโลกยังมีความเปราะบางและอ่อนไหวมาก ทั้งเรื่องการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ราคาน้ำมันและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ลดลง เป็นต้น ซึ่งปัจจัยเหล่านี้มีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของตลาดเป็นอย่างมาก ส่วนภัยแล้งคาดว่ากระทบกับจีดีพีประมาณ 7-10% แต่เป็นผลกระทบระยะสั้น เพราะรัฐบาลมีมาตรการช่วยเหลือภาคเกษตร ทำให้กระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมไม่มาก
JJNY : เศรษฐกิจดี๊ดี อีกแล้ว....ธปท.รับ พบความเสี่ยงเยอะ ลงทุนรัฐล่าช้า ฟันธงปีนี้จีดีพีต่ำกว่า 3.5%
ธปท.แย้ม มี.ค.นี้จะปรับลดจีดีพีหลังพบความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ระบุรัฐบาลใช้มาตรการคลังกระตุ้นศก.เหมาะสมแล้ว แต่ต้องเน้นให้สอดคล้องโครงสร้าง ศก.ระยะยาว ด้านเอสซีบีฟันธงขยายตัวได้แค่ 2.5% เท่านั้นมองภัยแล้งไม่กระทบระยะสั้น
นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ในเดือนมีนาคมนี้ ธปท. จะทบทวนประมาณการอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจ (จีดีพี) ปี 2559 ใหม่ ซึ่งน่าจะต่ำกว่าประมาณการที่เคยประเมินไว้เมื่อเดือนธันวาคม 2558 ที่ 3.5% เนื่องจากความเสี่ยงมีมากขึ้น และรัฐบาลต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นนั้น มองว่าเป็นเรื่องดีที่รัฐบาลมองเห็นความเสี่ยงและไม่นิ่งเฉย มองหาเครื่องมือที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศในภาวะที่สถานการณ์ภายนอกมีความน่ากังวลมากขึ้น ประกอบกับผลกระทบจากภัยแล้งที่เข้ามาเพิ่มเติมในช่วงนี้ ทำให้นโยบายการคลังมีบทบาทสำคัญ ซึ่งมาตรการที่ออกมาจะต้องเป็นมาตรการที่สอดคล้องกับการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจประเทศในระยะยาวและเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพ มากกว่าการกระตุ้นการบริโภคที่ไม่ยั่งยืนและสร้างปัญหาในระยะยาว
“ขณะนี้มีความเสี่ยงทั้งภาวะภัยแล้ง โครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐล่าช้ากว่าคาดไว้ เศรษฐกิจโลกผันผวนและมีแนวโน้มชะลอตัว ซึ่งการที่รัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นเป็นการมองไปข้างหน้า เพื่อรักษาภาวะเศรษฐกิจไม่ให้ทรุดตัวไปมากกว่านี้ ซึ่งมาตรการใหม่ที่ออกมาอาจต้องใช้เวลา” นายวิรไทกล่าว และว่า การกระตุ้นด้วยมาตรการการคลังจะเห็นผลเร็วกว่าการใช้นโยบายการเงิน อย่างไรก็ตาม ธปท.จะติดตามเงินทุนไหลเข้าอย่างใกล้ชิด เพราะเห็นว่าอาจจะเข้ามาช่วงสั้นๆ และในจังหวะที่เงินทุนไหลเข้าซึ่งไทยมีการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด ทำให้สามารถเดินหน้าแผนงานเปิดเสรีเงินทุนเคลื่อนย้ายได้เร็วมากขึ้น ขณะเดียวกันผู้นำเข้าและส่งออกจะต้องป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนด้วย
นายญนน์ โภคทรัพย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยในงานสัมมนา “เอสซีบี อินเวสเมนท์ ซิมโพเซียม 2016” ว่า คาดว่าจีดีพีปีนี้จะขยายตัวได้ 2.5% โดยมีแรงขับเคลื่อนจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ การท่องเที่ยวที่ยังขยายตัวได้ดี แต่ยอมรับว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโลกยังมีความเปราะบางและอ่อนไหวมาก ทั้งเรื่องการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ราคาน้ำมันและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ลดลง เป็นต้น ซึ่งปัจจัยเหล่านี้มีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของตลาดเป็นอย่างมาก ส่วนภัยแล้งคาดว่ากระทบกับจีดีพีประมาณ 7-10% แต่เป็นผลกระทบระยะสั้น เพราะรัฐบาลมีมาตรการช่วยเหลือภาคเกษตร ทำให้กระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมไม่มาก