ลูกนอนกรน ไม่ใช่เรื่องปกติ ระวัง!! หยุดหายใจขณะหลับ

ลูกนอนกรนคุณพ่อคุณแม่ต้องใส่ใจและควรตรวจสอบทันที การที่ลูกนอนกรนอาจดูเป็นเรื่องปกติที่คุณพ่อคุณแม่หลายคนมองข้าม แต่หากลูกนอนกรนเสียงดังเป็นประจำต่อเนื่อง อาจเป็นสัญญาณเตือนถึงปัญหาสุขภาพที่ซ่อนอยู่ เสี่ยงภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea) ซึ่งอาจส่งผลต่อพัฒนาการทั้งทางร่างกายและจิตใจของเด็ก รวมถึงกระทบต่อการเรียนรู้ พฤติกรรม และสุขภาพในระยะยาว หากไม่ได้รับการแก้ไข
.
สาเหตุของการนอนกรนในเด็ก
-ทอนซิลหรืออะดีนอยด์โต: เมื่อทอนซิลหรือเนื้อเยื่ออะดีนอยด์ในลำคอมีขนาดใหญ่ขึ้น จะทำให้ทางเดินหายใจถูกอุดกั้นขณะนอนหลับ ส่งผลให้เกิดการนอนกรน
-ภูมิแพ้หรือไซนัสอักเสบ: อาการคัดจมูกจากภูมิแพ้หรือการอักเสบของไซนัสทำให้ทางเดินหายใจส่วนบนแคบลง ส่งผลให้เด็กนอนกรนได้
-โรคอ้วน: เด็กที่มีน้ำหนักเกินอาจมีการสะสมของไขมันรอบๆ คอ ซึ่งทำให้เกิดการกดทับและอุดกั้นทางเดินหายใจ
-โครงสร้างใบหน้าที่ผิดปกติ: เช่น กรามเล็ก หรือคางยื่น
-ตำแหน่งการนอน: การนอนหงายอาจทำให้กล้ามเนื้อที่คอผ่อนคลายเกินไปและกดทับทางเดินหายใจ ทำให้เกิดการกรนได้ง่ายขึ้น
-สิ่งกีดขวางในทางเดินหายใจ: เช่น มีโพรงจมูกที่แคบหรือมีปัญหาทางเดินหายใจผิดปกติ
.
นอนกรนในเด็ก กับภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
การนอนกรนในเด็กอาจเป็นสัญญาณของภาวะ หยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea – OSA) ซึ่งเกิดจากการอุดกั้นของทางเดินหายใจส่วนบนชั่วคราวขณะหลับ ส่งผลให้เด็กหยุดหายใจเป็นช่วงๆ และมักมีการสะดุ้งตื่นเพื่อหายใจใหม่ ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพการนอนหลับไม่ว่าจะเป็น

-ขาดออกซิเจนชั่วคราว: ในระหว่างที่เด็กหยุดหายใจ ทางเดินหายใจที่อุดกั้นจะทำให้ออกซิเจนในเลือดลดลง การขาดออกซิเจนบ่อยครั้งสามารถส่ง.  ผลต่อสมอง หัวใจ และระบบการทำงานอื่นๆ ของร่างกายได้

-นอนหลับไม่ต่อเนื่อง: เมื่อหยุดหายใจ เด็กจะสะดุ้งตื่นเพื่อฟื้นการหายใจ แต่ส่วนใหญ่มักไม่รู้ตัว สิ่งนี้ทำให้วงจรการนอนหลับถูกรบกวน ทำให้ไม่ได้นอนหลับสนิทและไม่เพียงพอ

-ผลต่อพัฒนาการและการเรียนรู้: การนอนที่ไม่เพียงพอส่งผลโดยตรงต่อการพัฒนาของสมอง เด็กอาจมีสมาธิสั้น ความจำไม่ดี และมีผลกระทบต่อการเรียนรู้และการเจริญเติบโต

-มีปัญหาพฤติกรรมและอารมณ์: การหยุดหายใจขณะหลับส่งผลให้เด็กมีปัญหาด้านพฤติกรรม อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย ขาดสมาธิ หรือแม้แต่มีอาการสมาธิสั้น (ADHD) ได้

-ส่งผลต่อสุขภาพระยะยาว: หากปล่อยให้ภาวะหยุดหายใจขณะหลับเป็นเวลานาน อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพอื่นๆ เช่น ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ หรือปัญหาทางเดินหายใจเรื้อรัง
.
อาการนอนกรนแบบไหน ควรรีบพาไปพบแพทย์
-กรนเสียงดังและบ่อยครั้ง
-อาจมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ หากสังเกตว่าลูกหยุดหายใจเป็นช่วงๆ ระหว่างนอนหลับ หรือมีลมหายใจติดขัดหลังจากหยุดหายใจ ควรรีบพาไปพบแพทย์ เนื่องจากภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea – OSA) เป็นภาวะที่อันตราย
-นอนกระสับกระส่าย: เช่น พลิกตัวบ่อยๆ หรือตื่นกลางดึกหลายครั้ง
-มีอาการเหนื่อยล้าตลอดเวลา: แม้ว่าลูกจะนอนหลับเป็นเวลานาน แต่ยังคงมีอาการเหนื่อยล้าในช่วงกลางวัน ง่วงซึม หรือไม่สดชื่น ซึ่งแสดงว่าการนอนหลับไม่เพียงพอและไม่มีคุณภาพ
-มีพฤติกรรมหรือปัญหาด้านการเรียนรู้: ลูกอาจมีอาการสมาธิสั้น ไม่สามารถจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้เป็นเวลานาน มีผลการเรียนแย่ลง หรือมีพฤติกรรมก้าวร้าว
-อาการอื่นๆ ร่วมด้วยเช่น ปวดหัวตอนเช้า หายใจทางปากบ่อยๆ หรือตื่นมาแล้วรู้สึกเจ็บคอ
.
คำแนะนำ
หากลูกของคุณมีอาการเหล่านี้ ที่เสี่ยงว่ามีปัญหาการนอนที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ควรรีบพาลูกเข้ารับการตรวจ Sleep Test ซึ่งเป็นวิธีการที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการวินิจฉัยปัญหาการนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับในเด็ก ซึ่งหากพบปัญหาก่อนและได้รับการรักษาที่เหมาะสม จะช่วยพัฒนาสุขภาพและคุณภาพชีวิตของเด็กให้ดีขึ้น

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่