เรื่องมีอยู่ว่า มีเด็กน้อยผู้ชายหนึ่งคน ที่เกิดจากความไม่ได้ตั้งใจ ของผู้ใหญ่ที่ขาดความรับผิดชอบ แต่ผมไม่โทษเค้าหรอกนะ เพราะทุกคนย่อมเคยผิดพลาดกันทั้งนั้น แต่หลังจากที่เด็กคนลืมตาดูโลกได้2เดือน พ่อกับแม่ก็เลิกลากันไป แม่ของเด็กคนนั้นอุ้มลูกอายุ2เดือนกว่า เดินเท้าตากฝนกลับบ้านกับเด็กที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จากนั้นไม่นาน แม่ของเด็กน้อย ก็ต้องเข้าเมือง ทำงาน เพื่อหาเงินส่งไห้ทางบ้าน ไห้ลูกน้อย โดยที่พ่อของเค้าไม่เคยแยแส แม้แต่ส่งค่านม ก็ไม่เคย จนกระทั่งวันหนึ่ง แม่ของเค้าได้พบรักใหม่ กับผู้ชายคนหนึ่ง(ผมขอเรียกว่าพ่อ เพราะแต่จากนี้ ผมจะไม่พูดถึงผู้ชายคนนั้นอีก) หลังจากที่พ่อกับแม่ของเด็กพบรักกันไม่นาน ก็พาเด็กอายุ 1.5ขวบ คนนั้นมาอยู่ที่บ้านพ่อใหม่ในเมือง มาเรียนโรงเรียนเอกชน ค่าเทอมค่อนข้างสูง สำหรับคนธรรมดาคนนึง นานมาหลายปี ที่เด็กคนน้นต้องอยู่ที่บ้านหลังนั้น เข้าใจว่านั่นคือบ้านของเรา พ่อของเรา ครอบครัวของเรา จนกระทั่ง แม่ มีน้อง อีกคน ความรู้สึกตอนนั้น มันดีมาก จนบรรยายไม่ถูก เด็กคนนั้น ที่กำลังจะมีน้องสาว ธุรกิจของพ่อก็กำลังไปได้สวย แต่ต้องบอกตรงนี้ว่าตอนนั้น พ่อเที่ยวอ่างบ่อยมาก แต่ผมไม่โทษเขาหรอก เพราะพ่อทำธุรกิจสีเทา และเด็กน้อยคนนั้นกำลังโตเป็นหนุ่ม อายุ10ปี ที่ยังไม่เข้าใจ ว่างานที่พ่อผมทำมันไม่บริสุทธิ์ มันมีการจ่ายใต้โต๊ะ เปิดโต๊ะบอล ขายหวย บาคาร่า แต่ผมไม่ได้สนใจหรอกนะ เพราะผมอายุ แค่10ขวบ เค้าแค่บอกไห้ผมเอากระดาษ(โพยบอล) ไปไห้ส่งไห้คนนี้ คนนี้ๆๆ ลูกขาประจำของพ่อ แล้วผมก็ได้เงินค่าจ้าง พ่อบอกไห้ผมไปเก็บเงินกับคนนี้ ผมก็ไปทำตามที่พ่อสั่ง ซึ่งมันก็ไม่ได้โหดร้ายอะไร พ่อซื้อของทุกอย่างที่ผมอยากได้ แต่สวนทางกับแม่ของผม ที่ป่วย และอาการก็แย่ลงทุกวัน แต่ระหว่างที่แม่ผมป่วยเป็น โรคพุ่มพวง ถ้ารู้จักโรคนี้ จะรู้ว่าไม่มีทางรักษาไห้หายขาด เพราะหมอรู้ดีว่าโรคนี้ ใช้ยาไม่มีผล เพราะเป็นโรคภูมิแพ้ตัวเอง พ่อก็ทุ่มเงินรักษาแม่ จำความได้ ว่าแม่อยู่ห้องพิเศษนานมาก อยู่นาน เป็น2-3เดือน ยังจำได้แม่นวันแม่ปีนั้นเป็นสุดท้ายที่ได้กราบแม่ ละก็กราบในห้องพิเศษที่โรงบาล เเละไม่นานน้องผมก็ป่วยตาม แล้วผมก็ป่วยตามไปด้วยแต่ไม่ได้ป่วยโรคเดียวกันกับแม่นะ เราอยู่ห้องพิเศษ ห้องเดียวกัน3คน แต่ไม่นานก็รับข่าวดี คือผม กับน้องสาว ผ่าตัดแล้วอาการดีขึ้นมากจนหมอไห้กลับบ้านได้
แต่ข่าวร้ายก็คือแม่ของผมอาการโคม่าอยู่ห้อง(พิเศษ)ไอซียู มันเป็นห้องปลอดเชื้อ ลุง ป้า น้า อา มาจากต่างจังหวัดเพื่อเยี่ยมแม่ ผมยังจำได้วันที่แม่เขียนในกระดาษแล้วฝากไห้ผม ในนั้นกระดาษนั้น เขียนว่า “แม่รักน้องเหนือนะ” ผมรู้อยู่ในใจว่าแม่คงไม่ได้อยู่กับเราอีกแล้ว และแล้ววันนั้นก็มาถึง วันที่แม่ผมสู้กับโรคร้ายไม่ไหวอีกแล้ว **แต่ด้วยช่วงอายุ 11 ขวบ กับเด็กที่เก็บกดอยู่แต่ในบ้าน กลับบ้านค่ำไม่ได้ โดนแม่ตีประจำ สอนการบ้านผม ผมร้องไห้ตลอด ผมพูดตามตรงแบบลูกผู้ชาย ว่าผมไม่ได้เสียใจอะไรมาก ในวันที่แม่จากไป เพราะผมยังเด็ก เเละยังเป็นเด็กที่เก็บกด ที่บ้านผมเรียบร้อยมาก แทนตัวเองว่าน้องเหนือ น่ารักมั้ย ก็คิดดู 55 แต่ที่โรงเรียนผมจะเป็นอีกคนเลยเพื่อนๆไม่มีอยากเล่นกับผม ผมจะมีเพื่อนสนิอยู่4-5คน ทั้งๆที่เพื่อนในห้อง40+ อาจจะเป็นเพราะผมชอบแกล้งเพื่อนมาก ยิ่งเพื่อนรำคาญ ผมก็ยิ่งทำ และผมก็มีเรื่องกับรุ่นพี่ไปทั่ว ก่อเรื่องก่อราวบ่อยมาก ถ้าคนที่เรียนรุ่นเดียวกันกับผม จะรู้เลย ว่าผมไม่น่าคบแค่ไหน555 โดนเชิญผู้ปกครองบ่อยมาก แต่ไม่เคยโทรบอกทางบ้านเลย อ้างแต่พ่อไม่ว่างครับ แม่ไม่ว่างครับ ผมรับจบคนเดียวทุกตลอด **ท้าวความยาวไปละ ต่อเลยละกัน หลังจากที่เเม่เสียผมก็ไม่ได้เสียใจอะไรมาก ได้รับรู้ถึงเรื่องประกันชีวิตของแม่ ที่พ่อเคยทำไว้ แต่เงินนั้น มันเป็นสิทธิ์ของลูกทั้ง2 จากนั้นก็ว้าวุ่นสิครับ เมื่อญาติพี่น้องทางแม่ อยากจะได้เงินประกันชีวิต ต้องยอมรับนะว่า ช่วงนั้น ตากับยายผมติดเหล้า คือมันก็ไม่มีใครอยากขัดความสุขแกหรอก แต่ตอนที่แม่ผมอยู่ เวลาที่แม่พาผมไปเล่นบ้าน ตากับยาย ยายกับตาก็จะเมา พูดถึงแต่เงิน แต่ทอง แต่ผมไม่ได้อยากรับรู้อะไรกับเค้าหรอกนะ ก็เด็กอะ แต่แกต้องการเงิน ทางเดียวที่จะได้คือ บุตรต้องอยู่ในการดูแล ของตาเเละยายถึงจะรับเงินประกันแล้วผมก็รู้ความจริงวันนั้น ว่าพ่อไม่ใช่พ่อแท้ๆของผม ซึ่งผมเข้าใจมาตลอดว่าเค้าเป็นพ่อแท้ๆของผม เพราะเค้าเลี้ยงผมมา ตั้งแต่ผมยังจำความไม่ได้ เค้าส่งผมเรียนตั้งแต่อนุบาล1
เงินทุกบาททุกสตางค์ ค่าเทอมเกือบ2หมื่น เผลอๆ เกิน เพราะตอนนั้นน้องเรียนอนุบาลแล้ว ถ้าไม่ไห้ผมมองผู้ชายคนนั้นเป็นพ่อ ไห้ผมเรียกว่าอะไร
ซึ่งผมไม่ได้อยากรับรู้อะไรพวกนี้หรอก และผมก็รักพ่อคนนี้มาก เค้าอบรม สั่งสอนผมในสิ่งที่ พ่อแม่หลายๆคนไม่เคยสอนไห้ลูก แกสอนไห้ผมใช้ชีวิต สอนผมไห้มองนอกกรอบ เค้าสนับสนุนผมทุกอย่าง กีฬา เรียนพิเศษอะไรที่ผมอยากเรียน เรียนไวโอลีน แกก็ตามใจหมด แล้วคือการเรียนผมช่วงนั้นคือดีมาก จากการที่แม่อบรมบ่มวิชามาอย่างดี
แต่เป็นเพราะเรื่องของผลประโยชน์แล้วผู้ใหญ่ที่มีกิเลสสูง สิ่งนี้ต้องเป็นของกู อันนี้ต้องของกู คนนี้ต้องเป็นของกู ผมจำแววตาของพ่อได้เลยวันนั้น เเววตาแกแตกสลาย ท่ามกลางญาติพี่น้องเมียตัวเอง ที่ตัวเองซัพพอร์ตตลอดมา ยืนรุมด่าแก ทั้งๆที่งานแกก็เป็นเจ้าภาพไห้ทุกคืน ผมรู้ ผมรู้ดี เพราะผมอยู่ในสตอรี่ ในเรื่องมาตลอด เห็นมาตลอด ว่าอะไรเกิดขึ้นบ้าง ไม่แปลกใจที่เถียงกันแย่งมรดกของแม่ผม
ผมพูดได้เต็มปากนะ ว่าแม่ผมเต็มระบบมาก หลายๆคนรู้จักแม่ผม พูดกับผมทุกคนว่าแม่ผมตอนที่ยังไม่มีลูก
เป็นคนที่สวยมากๆ สวยมากๆนะ ไม่ใช่สวยธรรมดา แล้วพอ ได้เจอกับพ่อใหม่ บวกกับธุรกิจพ่อใหม่ที่กำลังไปได้สวย พ่อผมก็ซื้อทั้งทอง แหวนเพรช ไข่มุก งาช้างแกะสลัก ผมชอบคู่นี้มากนะ เค้าชอบซื้อของเซอร์ไพรส์กัน55 แต่ก็นั่นแหละ ในเมื่อเจ้าของ ของมีค่าพวกนี้ จากโลกนี้ไปแล้ว ก็คงไม่มีเจ้าของสินะ ทั้งตู้เสื้อผ้า อะไรหลายๆอย่างที่แม่ซื้อไว้ ก็ไม่เหลือ แต่พวกทอง หรือเเหวนเพรช ไข่มุก ของพวกนี้ ต้องเป็นของพ่อก็ไม่ผิด เพราะพ่อเป็นคนซื้อไห้แม่ แต่ที่ผิดคือ ทางบ้านไม่มีใครยอม จนถึงทุกวันนี้ผมก็ไม่เข้าใจนะ ว่าทำไมต้องอยากได้อะไรที่ไม่ใช่ของตัวเองขนาดนั้น แล้วเงินประกันชีวิตแม่ผม มันสำคัญมากกว่าชีวิตแม่ผมขนาดนั้นหรอ ทำไมถึงเอาจริงเอาจังกันขนาดนั้น ทั้งๆที่เงินประกัน พ่อก็เป็นคนจ่ายทุกบาท ทุกสตางค์ แต่ผมยังเลือกไม่ได้หรอกนะ ว่าจะอยู่กับใคร เพราะตอนนั้น ผมเองก็ชอบ น้า ตา ยายนะ เพราะที่ผ่านเวลาสั้นๆช่วงปิดเทอมก็ไม่เคยมีใครตามใจผมขนาดนี้ ผมไปได้ทุกที่ กลับได้ทุกตอน และสำคัญที่สุดคือไม่มีใครห้ามผมขับรถด้วย แต่เพราะผมยังเรียนอยู่ ผมต้องกลับมาอยู่กับพ่อที่เมืองแล้วเรียนต่อ
สตอรี่ของเด็กมีปัญหา **ลองเปิดใจอ่านกันดูครับ ขอบคุณครับ**EP.1
แต่ข่าวร้ายก็คือแม่ของผมอาการโคม่าอยู่ห้อง(พิเศษ)ไอซียู มันเป็นห้องปลอดเชื้อ ลุง ป้า น้า อา มาจากต่างจังหวัดเพื่อเยี่ยมแม่ ผมยังจำได้วันที่แม่เขียนในกระดาษแล้วฝากไห้ผม ในนั้นกระดาษนั้น เขียนว่า “แม่รักน้องเหนือนะ” ผมรู้อยู่ในใจว่าแม่คงไม่ได้อยู่กับเราอีกแล้ว และแล้ววันนั้นก็มาถึง วันที่แม่ผมสู้กับโรคร้ายไม่ไหวอีกแล้ว **แต่ด้วยช่วงอายุ 11 ขวบ กับเด็กที่เก็บกดอยู่แต่ในบ้าน กลับบ้านค่ำไม่ได้ โดนแม่ตีประจำ สอนการบ้านผม ผมร้องไห้ตลอด ผมพูดตามตรงแบบลูกผู้ชาย ว่าผมไม่ได้เสียใจอะไรมาก ในวันที่แม่จากไป เพราะผมยังเด็ก เเละยังเป็นเด็กที่เก็บกด ที่บ้านผมเรียบร้อยมาก แทนตัวเองว่าน้องเหนือ น่ารักมั้ย ก็คิดดู 55 แต่ที่โรงเรียนผมจะเป็นอีกคนเลยเพื่อนๆไม่มีอยากเล่นกับผม ผมจะมีเพื่อนสนิอยู่4-5คน ทั้งๆที่เพื่อนในห้อง40+ อาจจะเป็นเพราะผมชอบแกล้งเพื่อนมาก ยิ่งเพื่อนรำคาญ ผมก็ยิ่งทำ และผมก็มีเรื่องกับรุ่นพี่ไปทั่ว ก่อเรื่องก่อราวบ่อยมาก ถ้าคนที่เรียนรุ่นเดียวกันกับผม จะรู้เลย ว่าผมไม่น่าคบแค่ไหน555 โดนเชิญผู้ปกครองบ่อยมาก แต่ไม่เคยโทรบอกทางบ้านเลย อ้างแต่พ่อไม่ว่างครับ แม่ไม่ว่างครับ ผมรับจบคนเดียวทุกตลอด **ท้าวความยาวไปละ ต่อเลยละกัน หลังจากที่เเม่เสียผมก็ไม่ได้เสียใจอะไรมาก ได้รับรู้ถึงเรื่องประกันชีวิตของแม่ ที่พ่อเคยทำไว้ แต่เงินนั้น มันเป็นสิทธิ์ของลูกทั้ง2 จากนั้นก็ว้าวุ่นสิครับ เมื่อญาติพี่น้องทางแม่ อยากจะได้เงินประกันชีวิต ต้องยอมรับนะว่า ช่วงนั้น ตากับยายผมติดเหล้า คือมันก็ไม่มีใครอยากขัดความสุขแกหรอก แต่ตอนที่แม่ผมอยู่ เวลาที่แม่พาผมไปเล่นบ้าน ตากับยาย ยายกับตาก็จะเมา พูดถึงแต่เงิน แต่ทอง แต่ผมไม่ได้อยากรับรู้อะไรกับเค้าหรอกนะ ก็เด็กอะ แต่แกต้องการเงิน ทางเดียวที่จะได้คือ บุตรต้องอยู่ในการดูแล ของตาเเละยายถึงจะรับเงินประกันแล้วผมก็รู้ความจริงวันนั้น ว่าพ่อไม่ใช่พ่อแท้ๆของผม ซึ่งผมเข้าใจมาตลอดว่าเค้าเป็นพ่อแท้ๆของผม เพราะเค้าเลี้ยงผมมา ตั้งแต่ผมยังจำความไม่ได้ เค้าส่งผมเรียนตั้งแต่อนุบาล1
เงินทุกบาททุกสตางค์ ค่าเทอมเกือบ2หมื่น เผลอๆ เกิน เพราะตอนนั้นน้องเรียนอนุบาลแล้ว ถ้าไม่ไห้ผมมองผู้ชายคนนั้นเป็นพ่อ ไห้ผมเรียกว่าอะไร
ซึ่งผมไม่ได้อยากรับรู้อะไรพวกนี้หรอก และผมก็รักพ่อคนนี้มาก เค้าอบรม สั่งสอนผมในสิ่งที่ พ่อแม่หลายๆคนไม่เคยสอนไห้ลูก แกสอนไห้ผมใช้ชีวิต สอนผมไห้มองนอกกรอบ เค้าสนับสนุนผมทุกอย่าง กีฬา เรียนพิเศษอะไรที่ผมอยากเรียน เรียนไวโอลีน แกก็ตามใจหมด แล้วคือการเรียนผมช่วงนั้นคือดีมาก จากการที่แม่อบรมบ่มวิชามาอย่างดี
แต่เป็นเพราะเรื่องของผลประโยชน์แล้วผู้ใหญ่ที่มีกิเลสสูง สิ่งนี้ต้องเป็นของกู อันนี้ต้องของกู คนนี้ต้องเป็นของกู ผมจำแววตาของพ่อได้เลยวันนั้น เเววตาแกแตกสลาย ท่ามกลางญาติพี่น้องเมียตัวเอง ที่ตัวเองซัพพอร์ตตลอดมา ยืนรุมด่าแก ทั้งๆที่งานแกก็เป็นเจ้าภาพไห้ทุกคืน ผมรู้ ผมรู้ดี เพราะผมอยู่ในสตอรี่ ในเรื่องมาตลอด เห็นมาตลอด ว่าอะไรเกิดขึ้นบ้าง ไม่แปลกใจที่เถียงกันแย่งมรดกของแม่ผม
ผมพูดได้เต็มปากนะ ว่าแม่ผมเต็มระบบมาก หลายๆคนรู้จักแม่ผม พูดกับผมทุกคนว่าแม่ผมตอนที่ยังไม่มีลูก
เป็นคนที่สวยมากๆ สวยมากๆนะ ไม่ใช่สวยธรรมดา แล้วพอ ได้เจอกับพ่อใหม่ บวกกับธุรกิจพ่อใหม่ที่กำลังไปได้สวย พ่อผมก็ซื้อทั้งทอง แหวนเพรช ไข่มุก งาช้างแกะสลัก ผมชอบคู่นี้มากนะ เค้าชอบซื้อของเซอร์ไพรส์กัน55 แต่ก็นั่นแหละ ในเมื่อเจ้าของ ของมีค่าพวกนี้ จากโลกนี้ไปแล้ว ก็คงไม่มีเจ้าของสินะ ทั้งตู้เสื้อผ้า อะไรหลายๆอย่างที่แม่ซื้อไว้ ก็ไม่เหลือ แต่พวกทอง หรือเเหวนเพรช ไข่มุก ของพวกนี้ ต้องเป็นของพ่อก็ไม่ผิด เพราะพ่อเป็นคนซื้อไห้แม่ แต่ที่ผิดคือ ทางบ้านไม่มีใครยอม จนถึงทุกวันนี้ผมก็ไม่เข้าใจนะ ว่าทำไมต้องอยากได้อะไรที่ไม่ใช่ของตัวเองขนาดนั้น แล้วเงินประกันชีวิตแม่ผม มันสำคัญมากกว่าชีวิตแม่ผมขนาดนั้นหรอ ทำไมถึงเอาจริงเอาจังกันขนาดนั้น ทั้งๆที่เงินประกัน พ่อก็เป็นคนจ่ายทุกบาท ทุกสตางค์ แต่ผมยังเลือกไม่ได้หรอกนะ ว่าจะอยู่กับใคร เพราะตอนนั้น ผมเองก็ชอบ น้า ตา ยายนะ เพราะที่ผ่านเวลาสั้นๆช่วงปิดเทอมก็ไม่เคยมีใครตามใจผมขนาดนี้ ผมไปได้ทุกที่ กลับได้ทุกตอน และสำคัญที่สุดคือไม่มีใครห้ามผมขับรถด้วย แต่เพราะผมยังเรียนอยู่ ผมต้องกลับมาอยู่กับพ่อที่เมืองแล้วเรียนต่อ