ผู้ปฏิบัติศีล สมาธิ วิปัสสนา จนถึงโคตรภูญาณสามารถสัมผัสและเห็นพระนิพพานได้

ผู้ปฏิบัติศีล สมาธิ วิปัสสนา จนถึงโคตรภูญาณสามารถสัมผัสและเห็นพระนิพพานได้

พระนิพพาน คือ สภาวะจิตหลุดพ้นจากกิเลสอวิชชา คลายอุปทาน ยึดมั่นจากขันธ์ 5 จิตรวมกับความว่างไร้สิ่งปรุงแต่งทั้งปวง

พระนิพพาน ไม่ใช่การดับหายไปไม่เหลือไม่รู้อะไรเลย นั่นเป็นมิจฉาสมาธิ หรือ ตกภวังค์ หรือขาดสติ และเป็นมิจฉาทิฏฐิ หลงยึดจิตเป็นขันธ์ 5


พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า

”พระนิพพานจึงชื่อว่าเป็นสภาวธรรมที่ผู้ปฏิบัติจะพึงเห็นชัดด้วยตนเอง ไม่ประกอบด้วยกาล ควรเรียกให้มาดูควรน้อมเข้ามาในตน อันวิญญูชนพึงรู้เฉพาะตน“

“จิตของเราหลุดพ้นแล้ว เพราะสิ้น สำรอก ดับ สละ และสลัดคืนซึ่งอุปาทานขันธ์ที่ยึดมั่นในวิญญาณ ขันธ์ 5”

”ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุ ในธรรมวินัยนี้ บรรลุจตุตถฌาน ไม่มีทุกข์ไม่มีสุข เพราะละสุขละทุกข์และดับโสมนัสโทมนัสก่อนๆ ได้ มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่ เธอย่อมพิจารณา เห็นธรรมทั้งหลาย คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อันมีอยู่ในขณะ แห่งจตุตถฌานนั้น โดยความเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ... ว่างเปล่า เป็น อนัตตา เธอย่อมยังจิตให้ตั้งอยู่ด้วยธรรมเหล่านั้น ครั้นแล้ว ย่อมน้อมจิตไปเพื่ออมตธาตุว่า นั่นสงบ นั่นประณีต คือ ธรรมเป็นที่สงบแห่งสังขารทั้งปวง ...นิพพาน เธอตั้งอยู่ในจตุตถฌานนั้น ย่อมถึงความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย“

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่