นิยาย: จอมป่วนชวนจับโจร บทที่ 8 มือเชือด

กระทู้สนทนา
https://pantip.com/topic/42958087 (บทที่ 7 นายคนใหม่)

เกือบเที่ยงคืนแล้วเมื่อ นันทวัช สมบุญ หรือ แจ็ค มาถึงตลาดในตัวอำเภอ เขาคิดว่าถ้า เจ้าชัยพร เพื่อนคนที่ขับรถมาส่งพวกเขาที่สวนยางพาราในคืนเกิดเหตุอยู่ด้วยก็คงจะดีกว่านี้ ชัยสนิทกับเขาตั้งแต่เรียนชั้นมัธยม แต่ชัยพรไม่ชอบหน้าพี่ชาติ จึงไม่ยอมมาทำงานด้วยตามคำชักชวนของเขา แต่ถ้าเขาไหว้วานให้ช่วยเหลือเรื่องที่ไม่เหลือบ่ากว่าแรง ชัยพรก็พร้อมช่วยเขาเสมอ อย่างเช่นขับรถมาส่งเขากับพี่ชาติ ดู่และบอม ในยามเดือดร้อนเร่งรีบ และชัยพรก็เป็นคนไม่ถามอะไรซอกแซกและรูดซิบปากตัวเองสนิท

         ที่ร้านข้าวต้ม แจ็คสั่งกับข้าวสี่ถุงและข้าวสวยมากพอกินสามคน แล้วมาที่ร้านขายของชำ ซื้อน้ำดื่มชนิดขวดสองโหล บุหรี่ เบียร์และน้ำแข็ง พี่ชาติอาจกลับมาคืนนี้และกินข้าวมาแล้ว หรือไม่ก็กลับสายๆ วันรุ่งขึ้น บ้านในสวนยางไม่มีตู้เย็น มีแค่กระติกใส่น้ำแข็ง จึงไม่สามารถซื้ออาหารไปเก็บไว้อุ่นหรือทำกินหลายๆ วันได้ เขาจำเป็นต้องออกมาซื้อทุกวัน พี่ชาติแนะนำให้ออกมาดึกๆ จะได้หลีกเลี่ยงสายตาคนได้ง่าย

         หิ้วของกลับมาถึงรถที่เขายืมจากที่บ้านมาใช้ชั่วคราวอีกคัน หลังจากต้องจอดรถคันที่แล้วทิ้งไว้ในไร่ที่เชียงใหม่เพราะเกิดเรื่องในคืนนั้น แจ็คเห็นผู้ชายสวมหมวกแก๊ปคนหนึ่งกำลังก้มๆ เงยๆ ใช้ไฟฉายจากโทรศัพท์ส่องพื้นดินอยู่ใต้รถของเขา ด้วยความสงสัย เขาจึงถามออกไป “หาอะไรอยู่เหรอครับ”

         ผู้ชายหันมามองและยืดตัวขึ้น ในปากคาบบุหรี่ไว้หนึ่งมวน “ไฟแช็ค ผมทำมันหล่นตะกี้ ไม่รู้กระเด็นไปทางไหน”

         “อ้อ..คงอยู่ใต้รถ เดี๋ยวผมถอยรถให้” เขาวางถุงข้าวของลงบนกระบะด้านหลัง

         “น้องมีไฟมั้ยตอนนี้ ขอจุดสูบหน่อย พี่ใจจะขาดแล้ว อดมาทั้งวัน” ผู้ชายถาม

         “มีครับ” เขาล้วงเอากุญแจรถกับไฟแช็คออกจากกระเป๋ากางเกงมาพร้อมกัน แล้วยื่นให้ผู้ชายคาบบุหรี่

        ผู้ชายกดไฟแช็คให้เปลวไฟลุกพรึ่บขึ้น แต่ถือไว้ห่างจากปลายบุหรี่ราวหนึ่งคืบ พูดออกมาขณะที่ปากยังคาบมวนบุหรี่อยู่ “น้องหน้าตาคุ้นๆ นะเนี่ย”

        “เหรอครับ เรา..” แจ็คต้องชะงักกระทันหันเมื่อรู้สึกว่ามีวัตถุแข็งๆ ถูกกดลงที่แผ่นหลังข้างซ้าย จากนั้นก็มีมือมาตบๆ รอบเอวกางเกงของเขาแล้วดึงเอาปืนที่เขาพกไว้และโทรศัพท์ในกระเป๋าออกไป 

         “ไม่ต้องหันมา ไม่งั้นฉันยิงทะลุไปถึงหัวใจนายแน่นอน” เสียงผู้หญิงพูดอยู่ข้างหลังข้างหู

         ผู้ชายคาบบุหรี่คว้าแย่งกุญแจรถจากมือของแจ็ค กดปลดล็อค เปิดประตูออก พับพนักเบาะคนขับเป็นช่องสำหรับขึ้นที่นั่งแคบๆด้านหลัง 

         “เข้าไป” ผู้หญิงสั่ง

         แจ็คทำตามอย่างไม่ขัดขืน เขาก้มหัวยื่นขาเข้าไปนั่งบนที่นั่งยาวด้านหลังคนขับ แล้วขยับมาด้านหลังเบาะผู้โดยสารฝั่งซ้ายเพื่อเปิดทางให้ผู้หญิงขึ้นมานั่งข้างกัน ปากกระบอกปืนจ่อที่ลำตัวของแจ็ค จากนั้นผู้ชายคาบบุหรี่ดันพนักพิงเบาะคนขับกลับคืน เลื่อนเบาะถอยหลัง แล้วขึ้นนั่งหลังพวงมาลัย สตาร์ทเครื่อง ขับออกมา

         “ที่บ้านนั้นมีใครอยู่บ้าง” ผู้หญิงถาม เธอผมยาว สวมผ้าปิดปากจมูก แววตาแข็งกร้าว เสียงดุห้าวเอาตาย

         “พวกคุณเป็นใคร” เสียงของแจ็กสั่นระรัว

         ผู้หญิงใช้มือข้างหนึ่งดึงผมยาวออกจากหัววางลงบนตัก และเปิดผ้าปิดปากจมูกออก “เคยเห็นหน้านี้มั้ย แจ็ค”

         “คุณเลขา!” แจ็คร้องออกมาด้วยความตกใจสุดขีด

         “ใช่ ฉันเอง” เลขาแสยะยิ้ม “ทีนี้ บอกฉันได้หรือยังว่า มีใครอยู่ที่บ้านนั้นบ้าง ไม่งั้นนายจะกลายเป็นศพข้างทาง”

         “มะ..มี ดู่ กับ บอม อยู่” 

         “นายชาติลูกพี่พวกนายล่ะ ไปไหน”

         “ผะ..ผมไม่รู้ พี่ชาติออกไปเมื่อหัวค่ำ แต่ไม่ได้บอกว่าไปไหน”

         เลขาเลื่อนปืนขึ้นมาจ่อที่ใบหน้าของแจ็ค เมื่อรถกระบะแล่นออกมานอกเขตชุมชน “นายชาติไปไหน”

         “ผะ..ผมไม่รู้” เสียงสั่นระรัว ตัวสั่นงันงก “บอกแต่ว่าไปธุระ อาจกลับคืนนี้ หรือ พรุ่งนี้”

         “ไปธุระ ที่ไหนกับใคร” ปากกระบอกปืนกดลงบนเบ้าตาของแจ็ค นิ้วชี้เหนี่ยวไกปืนช้าๆ “นายรู้มั้ย ปืนกล็อก 17 ขนาดกระสุน 9 มม.ในมือฉัน จ่อยิงขนาดนี้ มันจะเจาะเข้าลูกตานาย ทะลุออกข้างหลังหัวเป็นรูโบ๋ ศพนายไม่สวยแน่ๆ มันเป็นปืนแบบนกใน ซึ่งฉันบอกไม่ได้ว่าต้องเหนี่ยวไกลึกแค่ไหนจนกว่ากระสุนจะลั่นออกมาระเบิดหัวนาย”

         “ปะ..ไปที่แม่น้ำโขง ผ..ผมรู้แค่นั้น ยะ..อย่ายิงผมเลยนะ ผมกลัวแล้ว” ยกสองมือขึ้นวิงวอน หลับตาปี๋ ตัวสั่นงันงก

         “ฉันให้โอกาสนายพูดอีกที”

         “ผะ..ผมรู้แค่นี้จริงๆ พี่ชาติไม่ได้บอกว่าไปเจอใคร”

         “ฉันจะเชื่อว่านายไม่รู้จริงๆ” ขวัญฤทัยลดปืนลงมาจ่อที่หน้าอกข้างซ้ายของแจ็ค “คืนนี้นายจะพาฉันเข้าไปที่บ้านหลังนั้นใช่มั้ย”

         “ชะ..ใช่ครับ ชะ..ใช่”

         รถแล่นมาจนถึงทางแยกเข้าสวนยางพารา ผู้ชายคาบบุหรี่ขับช้าๆ มาตามทางดินแห้งๆ สองข้างทางเป็นต้นยางสูงทะมึน มืดและเงียบสงัด รถหยุดห่างจากตัวบ้านชั้นเดียวประมาณสามร้อยเมตร ติดเครื่องยนต์ไว้ ชายคาบบุหรี่ชักปืนออกมา หันไปจ่อปืนที่ลำตัวของแจ็ค 

         “ลงไป ขับรถ” ขวัญฤทัยสั่ง

         แจ็คพับเบาะผู้โดยสารหน้าฝั่งซ้าย เปิดประตูรถก้าวลงข้างล่างโดยมีเลขากำปืนในมือตามมาประชิดตัว ชายคาบบุหรี่เปิดประตูด้านคนขับลงจากรถ เดินอ้อมด้านหลังรถมาสมทบ แล้วเลขาก็ใช้ปืนบังคับให้แจ็คเดินอ้อมด้านหน้ารถมานั่งหลังพวงมาลัย ส่วนชายคาบบุหรี่ก็ดันพนักพิงผู้โดยสารหน้ากลับที่เดิม เลื่อนเบาะนั่งไปข้างหลังแล้วขึ้นนั่งข้างซ้ายมือของแจ็ค เมื่อประตูรถปิดลงทั้งสองบาน แจ็คหันมองด้านขวามือ เลขาหายตัวไปแล้ว

         “ขับไป ช้าๆ” ชายคาบบุหรี่สบัดปากกระบอกปืน

         แจ็คเข้าเกียร์ แตะคันเร่งพารถเคลื่อนที่มาช้าๆ ตามคำสั่งจนมาจอดที่ด้านหน้าบ้านชั้นเดียวที่เปิดไฟสว่าง ดับเครื่องยนต์ แต่ยังคงนั่งอยู่บนที่นั่งคนขับ เขาเห็นบอมเปิดประตูออกมา แต่แค่ไม่กี่ก้าว เขาก็เห็นเงาร่างของเลขาโผล่ออกมาจากที่ซ่อนพร้อมท่อนไม้ยาวในกำมือ พุ่งเข้าฟาดท้ายทอยของบอมจนลั่นด้วยความเจ็บปวดและล้มคะมำหน้าทิ่มลงกับพื้นแล้วนอนแน่นิ่ง เลขาโยนท่อนไม้ทิ้ง ชักปืนออกมาจากใต้รักแร้ ผลุบหายเข้าไปในตัวบ้าน 

         ครู่ใหญ่ ร่างของดู่ก็โผล่ออกมาที่ด้านนอกประตูบ้านมือประสานไว้ที่ท้ายทอย และมีเลขายืนประกบข้างหลัง มือกำปืนจ่อไว้ข้างใบหูของประดู่ ชายคาบบุหรี่เปิดประตูรถ ก้าวออกข้างนอก เดินอ้อมหน้ารถ เล็งปืนผ่านกระจกบังลมหน้า สะบัดมือสั่งให้แจ็คลงจากรถ เขาถูกคุมตัวมาสมทบกับดู่ และมองร่างของบอมที่นอนคว่ำหน้าอยู่บนพื้นดินด้วยใจหดหู่

         แจ็คเป็นคนใช้เชือกผูกข้อมือไพล่หลังและข้อเท้าของดู่ให้นอนคว่ำหน้าอยู่บนพื้นปูนภายในตัวบ้าน เลือดที่บาดแผลบนต้นแขนของเขาไหลซึมผ่านผ้าพันแผลออกมา แผลที่เย็บไว้อาจปริแตก ใบหน้าเหยเก เจ็บปวดอย่างหนัก จากนั้นแจ็คก็ถูกชายคาบบุหรี่คุมออกมาลากตัวบอมที่หมดสติเข้าข้างใน ผูกข้อมือไพล่หลังและสองขาติดกันให้นอนลงข้างดู่ ชายคาบบุหรี่เป็นคนมัดแขนมัดขาของแจ็คแบบเดียวกับอีกสองคน แล้วให้นอนเรียงกันสามคนเหมือนปลาทูวางอยู่ในเข่งไม้ไผ่

         “ถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่ พวกนายคนใดคนนึงต้องพูด” ขวัญฤทัยบอก ส่ายปืนในอุ้งมือผ่านหน้าดู่กับแจ็คไปมา

         “เป็นใครกันแน่ นังเลขา” ดู่ถาม “เป็นตำรวจรึ”

         “เปล่า แต่ชั่วร้ายกว่านั้น” 

         “งั้นก็..ฆ่ากูให้ตายไปเลยดีกว่า” ดู่ท้าทาย กัดฟันกรอด

         “นายได้ตายแน่ ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น”

         ชายคาบบุหรี่ นั่งบนพื้น พิงแผ่นหลังกับฝาบ้าน ปืนอยู่ในมือขวา มือซ้ายล้วงเอาไฟแช็คจากกระเป๋าเสื้อแจ็คเก็ตออกมาจุดสูบ พ่นควันเป็นทางยาว มองทุกคนที่อยู่ตรงหน้าเงียบๆ 

         “ใครเป็นคนซ้อมแม่บ้านที่พวกนายจับตัวไป” เลขาตะคอกเสียง

         “พะ..พี่ชาติทำ พี่ชาติทำคนเดียว พวกเราไม่เกี่ยว” แจ็คบอก

         “หุบปากไอ้แจ็ค ไม่ต้องพูด” ดู่ตะเบ็งเสียง

         “นายนั่นแหละหุบปาก” เลขาจับหัวดู่เอาคางกระแทกพื้นรุนแรงหนึ่งครั้ง เจ้าตัวร้องอย่างเจ็บปวด

         “นังบ้า แน่จริงแก้มัดกู”

         “พวกนายมัดข้อมือข้อเท้าของแม่บ้านแล้วรุมซ้อมเธอไม่ใช่เหรอ โดนกับตัวเองซะบ้าง รู้สึกยังไงล่ะ”

         “กูจะฆ่า อีนังเลขาบ้า” ดู่ขู่อาฆาต

         “ข่าวว่า พวกนายซ้อมเธอปางตาย แถมพวกนายยังรอเล่นสนุกกับฉันเมื่อเจ้านายของพวกนายพาฉันไปถึงที่นั่นด้วยใช่มั้ย”

         “รู้ได้ยังไงว่า แม่บ้านถูกพาตัวไปที่นั่น”

         “เทคโนโลยีไง จีพีเอส แทรคกิ้ง ฉันให้แม่บ้านเอาใส่ไว้ในกระเป๋าสะพายของเธอไว้ตลอดเวลา แม่บ้านเป็นคนของฉัน จีพีเอส แจ้งตำแหน่งให้เพื่อนฉันรู้ว่าเธอไปที่ไหนบ้างในแต่ละวัน ตามปกติหลังเลิกงาน แม่บ้านจะกลับไปอยู่ที่บ้านพักไม่เกินหกโมงเย็น ตำแหน่งจะนิ่ง แต่วันนั้นมันผิดปกติ เกือบเที่ยงคืนแล้ว ตำแหน่งแม่บ้านกลับไปอยู่ในป่าลึกตีนดอยอีกฝั่งของเมืองซึ่งอยู่คนละทิศกับบ้านพักของเธอ กระเป๋าสะพายใบนั้นน่าจะตกอยู่บนรถคันที่พวกนายอุ้มตัวเธอไป พวกนายทำพลาดเองที่ไม่ค้นดูกระเป๋าสะพายใบนั้น อีกอย่างนะ ฉันได้ยินทุกอย่างที่นายอัคราสั่งงานนายชาติ”

         “พวกกูเป็นนักเลง ไม่ใช่พวกหัวขโมยกระจอกๆ ที่จะเที่ยวรื้อค้นลักเอาทรัพย์สินคนอื่น” ดู่คำราม “แล้วตามมาเจอพวกกูที่นี่ได้ยังไง”

         “รถคันนั้นที่พวกนายทิ้งไว้ในไร่ของนายสุรเกียรติ ลูกหนี้ของอัครานั่นไง เราตรวจสอบผู้ครอบครองรถจากหมายเลขทะเบียน และพบว่าเป็นชื่อพ่อของนายแจ็คซึ่งมีที่อยู่ในอำเภอนี้ เราเฝ้ารอพวกนายที่ตลาดสองวัน ฉันเห็นนายแจ็คตั้งแต่เมื่อวาน เราสะกดรอยตามนายแจ็คมาถึงได้รู้ว่า พวกนายกบดานกันอยู่ในสวนยางพาราแห่งนี้”

         “ร้ายกาจนักนะ นังแพศยา” 

(..โปรดอ่านต่อด้านล่าง..)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่