JJNY : 5in1 พิธา-เท้ง ช่วยหาเสียง│‘ครูธัญ’แนะปรับปรุง│ครป.แนะ แนวทาง│ศก.ซบ กระทบรายได้สวนน้ำ│ส่งออกอัญมณี ไทยเริ่มแผ่ว

ตลาดแทบแตก! พิธา-เท้ง ช่วย ‘โฟล์ค’ หาเสียงเลือกตั้งซ่อมส.ส.พิษณุโลก ที่ตลาดใต้ 
https://www.matichon.co.th/politics/news_4779732
 
ตลาดแทบแตก! พิธา-เท้ง ช่วย ‘โฟล์ค’ หาเสียงเลือกตั้งซ่อมส.ส.พิษณุโลก ที่ตลาดใต้ 
 
เมื่อวันที่ 8 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ใกล้กำหนดวันเลือกตั้งซ่อม ส.ส.พิษณุโลก เขต 1 ซึ่งจะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 15 กันยายนนี้ เช้าวันนี้ที่ตลาดใต้ ตลาดเทศบาล 1 อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งเป็นตลาดเช้าที่คึกคักมากที่สุดแห่งหนึ่ง และเป็นหมุดหมายของพรรคการเมืองต่างๆ ทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชน ผู้สมัครต่างลงมาเดินหาเสียงกันหลายรอบ

เช้าวันนี้พรรคประชาชน ได้ขนแกนนำคนสำคัญ อาทิ เท้ง ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน และแม่เหล็กคนสำคัญอย่าง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล มาช่วย โฟล์ค ณฐชนน ชนะบูรณาศักดิ์ ผู้สมัคร ส.ส.พิษณุโลก เบอร์ 1 เดินหาเสียงจากพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนผู้มาจับจ่ายซื้อของที่ตลาดใต้ บรรยากาศคึกคัก ผู้คนที่มาจับจ่ายซื้อของต่างขอถ่ายรูปคู่กับนายพิธา เรียกว่าตลาดแทบแตก

โดยพรรคประชาชน กำหนดหาเสียงปราศรัยใหญ่ในวันศุกร์ที่ 13 กันยายนนี้ ขณะที่เมื่อวานนี้ (7 กันยายน) พรรคเพื่อไทย ได้ขนแกนนำมาเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ที่สวนกลางเมืองไปแล้ว

นอกจากบรรยากาศการขอถ่ายรูปคู่กับนายพิธาแล้ว มีการหยุดยืนตรงเคารพธงชาติซึ่งเป็นธรรมเนียมของตลาดใต้พิษณุโลก ทุกเวลา 08.00 น.จะเปิดลำโพงเครื่องขยายเสียงให้ประชาชนได้หยุดกิจกรรมชั่วขณะเพื่อยืนตรงเคารพธงชาติและวันนี้ได้เห็นบรรยากาศทั้งผู้สมัครหาเสียง และประชาชน รวมถึงพ่อค้าแม่ค้าได้ร่วมยืนตรงเคารพธงชาติไทยด้วย



‘ครูธัญ’แนะปรับปรุงหลักสูตรสร้างความเข้าใจครู-ผู้บริหาร ปมเวทีประกวดวิจารณ์เยาวชนหลากหลายทางเพศ
https://www.dailynews.co.th/news/3839711/

'ครูธัญ' ชี้กรรมการเวทีประกวดวิจารณ์เยาวชนหลากหลายทางเพศ เลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม แนะกระทรวงศึกษาฯ ปรับปรุงหลักสูตรเรื่องเพศ บรรจุหลักปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียม สร้างความเข้าใจกับครู-ผู้บริหารด้วย
 
เมื่อวันที่ 8 ก.ย. นายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวถึงวิดีโอคลิปกรรมการท่านหนึ่งในการประกวดทูบีนัมเบอร์วันไอดอลที่แสดงทัศนคติเชิงลบต่อเยาวชนผู้มีความหลากหลายทางเพศ ว่า การที่เยาวชนดังกล่าวไม่เข้ารอบการประกวดถือได้ว่าเป็นการเลือกปฏิบัติจากเหตุผลของกรรมการดังกล่าว การเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งเพศเกิดจากหลายปัจจัย เช่น ความเชื่อและวัฒนธรรมดั้งเดิมที่จำกัดบทบาททางเพศไว้เพียงสองเพศเท่านั้น การขาดความรู้และการศึกษาเกี่ยวกับความหลากหลายทางเพศ ซึ่งส่งผลให้เกิดความกลัวและความไม่เข้าใจ รวมถึงอคติและความเชื่อผิด ๆ ที่มองว่าอัตลักษณ์ทางเพศที่แตกต่างเป็นสิ่งผิดศีลธรรม นอกจากนี้ ต้องยอมรับว่าการสื่อสารของสื่อประเภทต่างๆ ที่ผ่านมา มักนำเสนอภาพลักษณ์เชิงลบหรือให้ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนเกี่ยวกับความหลากหลายทางเพศ ทำให้สังคมยิ่งเข้าใจผิด

นายธัญวัจน์ กล่าวว่า ตนเห็นควรให้กระทรวงศึกษาธิการปรับปรุงหลักสูตรการศึกษาเกี่ยวกับเรื่องเพศ โดยบรรจุหลักการ SOGIESC เพื่อสร้างความเข้าใจที่ครอบคลุมและถูกต้องเกี่ยวกับความหลากหลายทางเพศ SOGIESC คือหลักการที่ครอบคลุมการปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียม ไม่ว่าจะเป็นอัตลักษณ์ทางเพศ (Gender Identity) การแสดงออกทางเพศ (Gender Expression) ความหลากหลายทางเพศวิถี (Sexual Orientation) และลักษณะทางเพศ (Sex Characteristics) ซึ่งจะช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจและยอมรับความหลากหลายทางเพศมากขึ้น และลดการเลือกปฏิบัติในสังคม
 
นายธัญวัจน์ กล่าวต่อว่า ไม่เพียงแค่การศึกษาเท่านั้น แต่ยังต้องสร้างความเข้าใจให้กับครูและผู้บริหารที่อาจยังขาดความเข้าใจในเรื่องนี้ด้วย เพราะการเลือกปฏิบัติในบางครั้งอาจไม่ได้มีการแสดงออกมาอย่างชัดเจนเช่นเดียวกับกรณีนี้ และต้องไม่ลืมว่าการเลือกปฏิบัติเกิดขึ้นได้ในทุกระดับการทำงานและการตัดสินใจ ในฐานะที่ตนเคยเป็นผู้ออกแบบท่าเต้น และมีโอกาสทำคอนเสิร์ตในโครงการดังกล่าว ซึ่งเป็นโครงการที่ระบุเป้าหมายต้องการให้เยาวชนห่างไกลยาเสพติด และใช้พลังของตนเองในกิจกรรมที่สร้างสรรค์เพื่อพัฒนาตนเอง ที่ผ่านมาโครงการดังกล่าวได้มีบุคคลทุกเพศเข้าร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก เป็นอีกพื้นที่ในการแสดงออกของเยาวชนในปัจจุบัน

นายธัญวัจน์ กล่าวต่อไปว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นอีกตัวอย่างยืนยันว่าแม้ปัจจุบันสังคมไทยจะมีความก้าวหน้าเรื่องความหลากหลายและความเสมอภาคทางเพศพอสมควร แต่เรามีงานที่ต้องทำต่อไปเพื่อไม่ให้เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นจนสร้างบาดแผลในใจของใครอีก ตนและพรรคประชาชนจะเป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันทั้งการรณรงค์ทางความคิดต่อสังคมและการเสนอกฎหมายต่อสภา ให้ทั้งสองส่วนนี้ก้าวไปด้วยกัน



ครป.แนะ แนวทางนโยบายต่อครม.อิ๊งค์ ดันนิรโทษกรรม ได้ รธน.ใหม่ที่ฟังเสียงปชช.
https://www.matichon.co.th/politics/news_4779598

ครป.แถลงข้อเสนอนโยบายต่อ ครม.แพทองธาร ดันนิรโทษกรรมให้เกิดขึ้นจริง พร้อมได้ รธน.ใหม่ที่ฟังเสียง ปชช.
 
เมื่อวันที่ 8 กันยายน ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา สี่แยกคอกวัว ถ.ราชดำเนิน คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) ร่วมกันแถลงข่าว “ข้อเสนอทางนโยบายต่อ ครม.แพทองธาร 1 เพื่อแก้ปัญหาประเทศ” โดย น.ส.ลัดดาวัลย์ ตันติวิทยาพิทักษ์ ประธาน ครป. กล่าวว่า ตนไม่ได้มีความคาดหวังกับการจะแถลงนโยบายของรัฐบาลที่จะมีขึ้นในอีกไม่กี่วันนี้ พวกเราไม่ได้คาดหวังว่านโยบายดังกล่าวจะถูกนำมาปฏิบัติเพราะสุดท้ายแล้วก็เชื่อว่านโยบายนี้เป็นเพียงคำสัญญาที่ดูหลอกลวง ดังนั้นการแถลงของเราในวันนี้จึงไม่ได้เป็นการเรียกร้องในนโยบายของรัฐบาลที่จะนำไปอ่านในรัฐสภา แต่ที่เรามาแถลงก็เพื่อให้เห็นว่าเราประชาชนให้ความสำคัญกับนโยบายที่รัฐบาลจะแถลงแล้วถ้าทำได้ประเทศจะเดินหน้าต่อไป

ประชาชนเราจะติดตามตรวจสอบ เราจะไม่ยอมให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีก ถ้าพูดถึงนโยบายในด้านการเมืองและความยุติธรรม ตนเชื่อว่ารัฐบาลนี้จะทำตามสัญญาว่าภายในวาระของรัฐบาลชุดนี้ ประการแรก เราจะมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่มีการร่างโดยสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้งที่มาจากประชาชนโดยตรง และเป็นรัฐธรรมนูญที่ยกร่างอย่างเป็นอิสระผ่านการแสดงความคิดเห็นของประชาชน ฉะนั้นอย่าทำให้ความซับซ้อนในเมื่อกฎหมายประชามติยังอยู่ในสภา ท่านก็อย่าทำให้ยืดเยื้อเลย เพราะเราเชื่อว่าการทำประชามติไม่ต้องทำถึง 2-3 รอบ ถ้าท่านจะทำจริงๆ มาตรา 256 ก็ทำได้แล้ว
ประการที่สอง ตนเชื่อว่ารัฐบาลมีอำนาจในการปฏิรูปโครงสร้าง และอำนาจหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการต้องแยกจากกันอย่างเป็นอิสระและต้องมีการตรวจสอบอย่างสมดุล และถ่วงดุลการทำหน้าที่ของหน่วยงานรัฐ ทั้งฝ่ายตุลาการ องค์กรอิสระต้องถ่วงดุลกันอย่างโปร่งใส และที่สำคัญต้องยึดโยงกับเจตจำนงของประชาชน

ประการที่สาม เรื่องการกระจายอำนาจไปสู่ท้องถิ่น ซึ่งดูเหมือนว่าตอนนี้จะมีการกระจายอำนาจแล้วแต่ในความเป็นจริงยังไม่ใช่ อย่ามาบอกว่าการเลือกตั้งท้องถิ่นต่างๆ นั่นเป็นการกระจายอำนาจแล้ว เพราะการกระจายอำนาจที่แท้จริงคือต้องให้อำนาจหน้าที่ของท้องถิ่นและบุคลากรนั้นได้ตัดสินใจเอง อีกอย่างการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดจะต้องเริ่มต้นได้แล้ว
 
ทั้งนี้ เรื่องการนิรโทษกรรมตนมองว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก จึงเห็นว่ารัฐบาลชุดใหม่จะต้องแสดงความกล้าหาญ เพราะเรามีการพูดถึงการนิรโทษกรรมมาเป็นปีแล้วแต่ยังไม่เกิดขึ้นจริง ดังนั้นแล้วตนคิดว่าการทำให้นิรโทษกรรมเกิดขึ้นเป็นหน้าที่ของรัฐบาลชุดนี้ โดยการแก้ไขปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม
 

 
ศก.ซบ-ปชช.ชะลอจับจ่าย กระทบรายได้สวนน้ำวูบ30-40%
https://www.matichon.co.th/economy/news_4779786

ศก.ซบ-ปชช.ชะลอจับจ่าย กระทบรายได้สวนน้ำวูบ30-40%
 
เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม นายวุฒิชัย เหลืองอมรเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทสยามพาร์คซิตี้ ผู้ประกอบกิจการสยามอะเมซิ่งพาร์ค (สวนสยาม)  และนายกสมาคมสวนสนุกและสวนพักผ่อนหย่อนใจแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา ส่งผลให้ประชาชนระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย ส่งผลกระทบต่อรายได้ของธุรกิจสวนน้ำและสวนสนุกในประเทศ ลดลงประมาณ 30-40% ขณะที่รูปแบบการท่องเที่ยวก็เปลี่ยนแปลงไปด้วย จึงทำให้ผู้มาใช้บริการมีจำนวนน้อยลงเมื่อเทียบกับในอดีต ขณะที่เจ้าของธุรกิจที่มีสายป่านสั้น ก็จะหยุดกิจการหรือประกาศขายกิจการเนื่องจากมองว่าไม่คุ้มทุน

แต่หากเป็นสวนน้ำสวนสนุกที่มีการบริการแบบผสมผสาน เช่น มีโรงแรมและห้องประชุมด้วย ยังคงไปได้จากลูกค้าองค์กรที่เข้ามาใช้บริการ แต่ถ้าเป็นธุรกิจสวนน้ำสวนสนุกอย่างเดียว ถือว่ายังไม่ค่อยดี อาจจะลำบากบ้าง แต่ที่น่าจะไปได้ดี คือ สวนน้ำสวนสนุกในร่มอยู่ในศูนย์การค้า เพราะลูกค้ายังมีกำลังซื้อสูง“นายวุฒิชัยกล่าว
 
นายวุฒิชัยกล่าวว่า อยากให้รัฐบาลใหม่ มีมาตรการด้านการท่องเที่ยวออกมาเพิ่ม และขอให้รัฐบาลมีความชัดเจนโครงการเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์และกาสิโนถูกกฎหมาย ซึ่งสวนสยามมีความพร้อมและสนใจ หากรัฐบาลต้องการให้เราลงทุน เพราะเราทำสวนสนุกอยู่แล้ว และอนาคตเรามีแผนจะทำโครงการมิกย์ยูสภายในโครงการสวนสยามด้วย
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่