ผีที่อ่างเก็บน้ำ ไม่เห็นไม่ได้หมายถึงจะไม่ได้เห็น💀

หลายคนคงเคยได้ยินเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับผีในอ่างเก็บน้ำ 
เมื่อความมืดเข้าครอบงำ
 "ไม่เห็น" ไม่ได้หมายความว่า "จะไม่ได้เห็น"
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้

ตอนที่1 

เรื่องเล่าที่อ่างเก็บน้ำโป่งดินดำ จ.ชลบุรี  
ในสมัยก่อนคนเฒ่าคนแก่เล่าให้ฟังว่าหมู่บ้านโป่งดินดำ เป็นดินดำ 
ซึ่งเป็นแหล่งอาหารของสัตว์เล็กและสัตว์ใหญ่ที่ชอบมาหากินดินโป่งหรือดินดำ 
เมื่อก่อนมีลักษณะเป็นป่าเบญจพรรณที่มีสัตว์หลายชนิดอยู่ ต่อมามีความเจริญผู้คนอพยพมาอยู่มากขึ้น
 คงเหลือเพียงแต่สัตว์เล็กๆ 
ในปัจจุบันได้กลายสภาพเป็นอ่างเก็บน้ำ บ้านโป่งดินดำ ปัจจุบันจึงได้ตั้งชื่อหมู่บ้านว่า "บ้านโป่งดินดำ"
อ่างเก็บน้ำโป่งดินดำ
-มีลักษณะเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ กว้างขวาง มีต้นไม้ล้อมเต็มไปหมด มีเส้นทางไว้ใช้แข่งจักรยาน 
และมีสนามไว้สำหรับแข่งมอเตอร์ไซวิบาก และยังสามารถตกปลาได้

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
 กลุ่มวัยรุ่น4คนกำลังสนุกสนานกับการตั้งแคมป์ พวกเขามีชื่อว่า เมย์, เอ็ม, เอก และ ชาตรี 
พวกเขาเป็นเพื่อนสนิทกันที่ตัดสินใจมาพักผ่อนเพื่อผ่อนคลายหลังจากสอบเสร็จ
เมย์และเอ็มเป็นสองสาวน่ารักที่มีท่าทางร่าเริง ส่วนเอกเป็นหนุ่มขี้เหร่ที่มีบุคลิกใจดี 
และชาตรีเป็นกระเทยหรือเรียกแบบสุภาพว่าสาวประเภทสอง ที่มีความมั่นใจและมีเสน่ห์
รถกระบะค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้ามาจอดบริเวณริมอ่างเก็บน้ำโป่งดินดำ
 แสงอาทิตย์ยามเย็นทอแสงกระทบผิวน้ำสีคราม ทำให้เกิดประกายระยิบระยับราวกับเพชร 
"ว้าว! ที่นี่สวยจังเลย" เมย์ร้องออกมาด้วยความดีใจ ชาตรีรีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปเซลฟี่กับฉากหลังที่สวยงาม 

ส่วนเอกกำลังวุ่นอยู่กับการขนสัมภาระลงจากรถ
และเอ็มก็มองไปรอบๆ ด้วยความสนใจ
เอกรับหน้าที่จัดเตรียมแคมป์สำหรับการนอน โดยเขาต้องตั้งเต็นท์, 
จัดเตรียมที่นอน และเตรียมกองไฟ ส่วนเมย์, เอ็ม และชาตรีตัดสินใจไปที่ร้านสะดวกซื้อใกล้ๆ
 เพื่อซื้อขนมและน้ำดื่มเพิ่มเติม
เมื่อถึงร้านสะดวกซื้อ
 ชาตรีก็รีบตรงไปยังชั้นวางขนมหวานทันที
"โอ้โห มีขนมให้เลือกเยอะแยะเลย" ชาตรีพูดพลางหยิบขนมต่างๆ ใส่ตะกร้า
ขณะที่กำลังเลือกขนมอยู่นั้น ชาตรีก็เหลือบไปเห็นหนุ่มหล่อคนหนึ่งกำลังยืนเลือกซื้อเครื่องดื่มอยู่ที่ชั้นวางด้านตรงข้าม 
  หนุ่มหล่อนั้นมีรูปลักษณ์ที่สะดุดตามาก

ชาตรีหยุดอยู่ตรงนั้น สายตาของชาตรีจับจ้องไปที่หนุ่มหล่ออย่างไม่ละสายตา
 แล้วร้องกรี๊ดลั่น "โอ๊ย! หล่ออ่าาาา" เมย์ทำหน้าเบ้ใส่ชาตรี "เลิกบ้าได้แล้วนะ" 
"เอ้า! ก็คนมันชอบดูอะไรเป็นอาหารตา หน่อยไม่ได้หรือไง"ชาตรีหัวเราะคิกคัก

...........................................
ตอน2
"เสียงจิ้งหรีดร้องระงมดังก้องไปทั่วบริเวณอ่างเก็บน้ำโป่งดินดำ 
น้ำใสสะอาดสะท้อนแสงอาทิตย์เป็นประกายระยิบ
พวกเขาเลือกที่จะตั้งแคมป์ใต้ร่มไม้ใหญ่ใกล้ริมน้ำ
แสงแดดอ่อนๆ ส่องกระทบใบไม้ ทำให้เกิดเงาที่สวยงาม"
"ร้อนชะมัดเลย" ชาตรีโบกมือปัดเหงื่อพลางมองไปยังถุงขนมและน้ำอัดลมที่ถืออยู่ "ดีนะที่ซื้อของเย็นๆ มาด้วย"
"อืม แล้วเอกเตรียมของเสร็จรึยังนะ" เมย์ถามขึ้นขณะที่เดินตามหลังชาตรีไป
"คงเสร็จแล้วล่ะมั้ง เอกมันขยัน" เอ็มตอบพลางมองไปรอบๆ สังเกตบรรยากาศของป่าที่ค่อยๆ มืดลง
 เอ็มเดินเคียงข้างเมย์และช่วยถือของ ส่วนชาตรีเดินอยู่ข้างๆ ด้วยท่าทางที่ยิ้มแย้มและดูเหมือนจะมีความสุขมาก
“เอาล่ะ เราได้ของครบแล้ว” เมย์พูดขณะที่พวกเขาเดินกลับมาถึงแคมป์

เสียงกองไฟ แผดเผาท่อนไม้เกิดเสียงลั่นดังเปรี๊ยะ ส่งสะเก็ดไฟออกมาเป็นระยะๆ
 ท้องทุ่งปกคลุมไปด้วยแสงจันทร์นวลๆ เงาของต้นไม้ที่โอนเอนไปมาตามสายลม เหมือนจะเต้นรำไปกับเปลวไฟที่กำลังลุกโชน 
เอกนั่งอยู่ข้างกองไฟ ย่างไส้กรอกจนส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลาย

""หอมจังเลย" ชาตรีร้องขึ้นด้วยความดีใจพลางสูดหายใจเข้าลึกๆ 
ดมกลิ่นหอมกรุ่นของไส้กรอกย่าง เอกหัวเราะเบาๆ แล้วเสียบไส้กรอกที่สุกกำลังดีใส่จานส่งให้เมย์และเอ็ม 
พวกเขานั่งล้อมวงกองไฟ กินขนมและน้ำดื่ม พร้อมกับเล่าเรื่องตลกให้กันฟัง เสียงหัวเราะดังกังวานไปทั่วบริเวณ
 เมย์มองไปยังท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว "คืนนี้สวยจังเลยนะ" เธอพูดขึ้นหายใจเข้าลึกลึกอย่างมีความสุข
"เปลวไฟจากกองไฟสะท้อนไปตามใบหน้าของพวกเขา ทำให้ใบหน้าดูแดงก่ำและอบอุ่น 
เมย์มองไปยังดวงดาวที่ส่องแสงระยิบระยับราวกับเพชรพลอยบนท้องฟ้า เธอรู้สึกขอบคุณที่ได้มีโอกาสมาพักผ่อนที่นี่"

............................................
ตอน3
 เมย์เล่าเรื่องตลกที่เธอเพิ่งได้ยินมาทำเอาทุกคนหัวเราะลั่น
 ส่วนเอ็มก็เล่าถึงแผนการท่องเที่ยวในช่วงปิดเทอมที่กำลังจะมาถึง

"ฉันอยากไปเที่ยวทะเลมากเลย" เอ็มพูดด้วยรอยยิ้ม
"ทะเลก็ดีนะ
 แต่ฉันชอบภูเขามากกว่า" เอกตอบ
"
ภูเขาก็ดีเหมือนกัน แต่ฉันอยากไปต่างประเทศมากกว่า" ชาตรีเสริม

"ชาตรีที่กำลังนั่งเล่าเรื่องตลกให้ทุกคนฟังอยู่ดีๆ
ทันใดนั้น
ไฟดับลงอย่างกะทันหัน 
 เสียงหอนของหมาดังขึ้นจากที่ไกลๆ เอ็มตัวสั่นไปหมด เธอหันมามองเมย์และเอกด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกลัว
ทุกคนต่างตกใจและร้องออกมาด้วยความแปลกใจ
 พวกเขารีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดไฟฉายส่องไปรอบๆ 
แต่ก็ไม่พบสาเหตุที่ทำให้ไฟดับ
“เกิดอะไรขึ้นเนี่ย” เอ็มถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ไม่รู้เหมือนกัน” เอกตอบ “อาจจะเป็นเพราะสายไฟขาดก็ได้”
ขณะที่ทุกคนกำลังพยายามหาสาเหตุที่ทำให้ไฟดับ พวกเขาก็ได้ยินเสียงเท้าเดินเข้ามาใกล้ๆ 
เสียงนั้นเบาแต่ชัดเจน 
และดูเหมือนจะมาจากบริเวณป่า
“มีคนอยู่แถวนี้!” 
ชาตรีร้องขึ้นมาด้วยความตกใจ
ทุกคนต่างหันไปมองประตูเต็นท์ด้วยความหวาดกลัว
พวกเขาไม่รู้ว่าสิ่งที่อยู่ด้านนอกนั้นคืออะไร แต่พวกเขารู้เพียงแค่ว่ามันกำลังเข้ามาใกล้เรื่อยๆ
“เราต้องไปดูให้แน่ใจว่ามันคืออะไร” ชาตรีพูดด้วยความมุ่งมั่น แม้จะยังรู้สึกหวาดกลัวอยู่บ้าง
ในความมืดมิดของคืนนี้
ทุกคนหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดไฟฉายส่องไปข้างหน้า เส้นทางที่พวกเขาเดินผ่านเต็มไปด้วยรากไม้และก้อนหิน
 ทำให้การเดินเป็นไปอย่างยากลำบาก
"เสียงใบไม้ที่ขยับตามแรงลมดังราวกับเสียงกระซิบ
 เสียงน้ำไหลเอื่อยๆ ในความมืด
 ไฟฉายส่องไปที่รากไม้ที่พันกันยุ่งเหยิง 
 เมย์ร้องเบาๆ "ฉันกลัว" เธอซุกหน้าเข้าไปในอกของเอก"
“ฉันว่าเราควรกลับกันเถอะ” เมย์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นๆ 
“รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างตามเราอยู่”
“อย่าคิดมากสิเมย์” เอกพยายามปลอบโยน 
แต่ในใจลึกๆ เขาก็รู้สึกไม่สบายใจเช่นกัน
พวกเขาเดินต่อไปอีกไม่นานก็พบกับร่องรอยของเรือเล็กๆ ที่ถูกเกยตื้นอยู่ริมน้ำ 

ร่องรอยเหล่านั้นดูเก่าแก่ราวกับว่าถูกทิ้งไว้นานแล้ว
“ดูเหมือนจะเป็นเรือของชาวบ้านแถวนี้” ชาตรีพูดขึ้น 
"ชาตรีชะงักไปเมื่อได้ยินเสียงกระซิบเบาๆ ดังมาจากข้างหลัง ‘ชาตรี... ชาตรี...’ 
เสียงนั้นเหมือนกับเสียงลมพัดผ่านใบไม้แห้ง แต่ก็แฝงไปด้วยความเศร้าสร้อย 
ชาตรีหันไปมองตามเสียงด้วยความหวาดกลัว ไฟฉายส่องไปทั่วบริเวณ แต่ก็ไม่พบใคร 
เขาเบือนหน้ากลับมาหาเพื่อนๆ อีกครั้ง แต่แล้วก็ต้องร้องกรี๊ดออกมาลั่น

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

เมื่อเห็น
หญิงสาวคนหนึ่งลอยตัวอยู่เหนือผิวน้ำ ใบหน้าของเธอซีดเซียวราวกับกระดาษ 
เธอจ้องมองชาตรีด้วยดวงตาที่ไร้แวว ตาของเธอเป็นสีขาวโพลนราวกับไม่มีรูม่านตา 
ผมยาวสีดำลอยปลิวไปมาตามกระแสลม
............................................

ตอน4
 
“ทุกคนวิ่งกลับมายังแคมป์ด้วยความเร็วที่สุด เอกหอบหายใจแรงราวกับจะขาดใจ
 เมย์ร้องไห้ด้วยความกลัว ขณะที่ชาตรีตัวสั่นเทาไปหมด ส่วนเอ็มพยายามจะปลอบเพื่อนๆ แต่ก็ทำได้เพียงแค่จับมือเพื่อนแน่นๆ”
“มันคืออะไรกันแน่เนี่ย?” เอกถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ขณะที่พวกเขานั่งล้อมรอบกองไฟที่สั่นไหวเพราะแรงลม 
ไฟส่องกระทบใบหน้าของแต่ละคน ทำให้เห็นถึงความกลัวที่สะท้อนอยู่ในดวงตาของพวกเขา"

 กองไฟที่เคยให้ความอบอุ่นกลับกลายเป็นเพียงแสงสว่างริบหรี่ที่ส่องประกายในความมืดมิด
“ฉันไม่รู้เหมือนกัน” 
เมย์ตอบพลางซบหน้าลงกับเข่าของตัวเอง “ฉันกลัว”
เสียงลมพัดผ่านต้นไม้ใหญ่ 
ยิ่งทำให้บรรยากาศรอบๆ ดูน่ากลัวขึ้นไปอีก
“เราควรจะกลับบ้านกันเถอะ” ชาตรีเสนอ “ที่นี่มันน่ากลัวเกินไป”
ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย 

ก่อนจะสวดมนต์และนอนพักผ่อน
 ทุกคนนอนไม่หลับ ต่างคนต่างเฝ้าระวังสิ่งรอบตัวด้วยความหวาดกลัว 
เสียงเดินแปลกๆรอบๆแคมป์ 

ทำให้ทุกคน กังวล  พวก เขาเลยสวดมนต์ทั้งคืนจนเผลอหลับไป
รุ่งเช้า พวกเขาตัดสินใจเก็บของและกลับบ้านโดยเร็วที่สุด"
ชาตรีสอบถามชาวบ้านเกี่ยวกับเหตุการณ์แปลกประหลาด 
"ลุงคะ ?" ชาตรีถามชายชราที่กำลังนั่งตกปลาอยู่ริมตลิ่ง
 อ่างเก็บน้ำในตอนเย็นดูเงียบสงบและน่ากลัวกว่าตอนกลางวันมาก

ชายชราเงยหน้าขึ้นมองชาตรี
 ก่อนจะวางคันเบ็ดลง "อืม...เรื่องเล่าของที่นี่น่ะเหรอ? เยอะแยะไปหมดล่ะ" 

“ที่นี่นะ เคยมีเรื่องเล่ากันมาว่า มีสาวสองคนพายเรือเล่นกันในอ่างเก็บน้ำนี้ 
แล้วก็เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง เรือก็ล่มจมลงไปทั้งคู่เลย” ชาวบ้านคนแก่เล่าต่อ 
“ตั้งแต่นั้นมา ก็มีคนเห็นวิญญาณของสองสาวลอยอยู่กลางน้ำบ่อยครั้งนะ”
ชาตรีรู้สึกขนลุกซู่ เมื่อได้ยินเรื่องราวที่ชาวบ้านเล่ามา

..........................

"ผีที่อ่างเก็บน้ำ...ใครมีประสบการณ์บ้าง? คิดเห็นยังไงคอมเมนต์บอกกันได้เลย!"
"เรื่องราวของผีที่อ่างเก็บน้ำในวันนี้เป็นเพียงความเชื่อความลึกลับที่ยังคงคลี่คลายไม่จบสิ้น

 หากใครมีประสบการณ์เจอผี หรือมีเรื่องราวลึกลับเกี่ยวกับอ่างเก็บน้ำ อย่าลืมมาแชร์ให้พวกเราฟังกันนะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่