ชีวิตจริงยิ่งกว่านิยาย #เริ่มต้นชีวิตใหม่

กระทู้สนทนา
เริ่มต้นชีวิตใหม่ 

ประมาณเดือน กันยายน ได้ข่าวจากน้องชายเขาว่า พ่อเขาเข้าโรงพยาบาล เราคุย whatapps กับพ่อเขาแต่ สามีไม่ยอมคุยกับพ่อ เขาบอกละอายใจเรื่องที่เราทำ (เพราะเขาบอกน้องชาย และพ่อเขาหมดแล้ว ช่วงที่ทะเลาะกันหนักๆเราได้คุยกับพ่อเขาและอธิบายความจริงทั้งหมดแล้วว่า เราไม่ได้ไปนอนกับใครจริงๆ พ่อเขาเชื่อเรา และดูจะเข้าข้างเราด้วย)  สุดท้ายก็ต้องยอมคุยด้วย เพราะวันนั้นพ่อเขาโทรหาเราตลอด เพราะเขาอยากคุยกับสามีเรามาก คุยกันเป็นชั่วโมง พอว่างสาย สามีบอกว่า “พ่อชั้นรักเธอมากนะ เขาบอกให้ชั้นให้อภัยเธอ และอยู่ด้วยกันเพื่อลูก ชั้นไม่ให้อภัยเธอหรอก” และไม่กี่สัปดาห์ต่อมา พ่อเขาก็เสียชีวิต และหลังจากนั้นเขาก็ดูอาการดีขึ้น ทะเลาะกันลดลง แล้วเริ่มจะมาโฟกัสเรื่องการย้ายบ้าน บ้านที่อยู่เป็นบ้านเช่า และตั้งแต่ช่วงโควิดเราก็ไม่ได้ซ่อมแซมบ้านเลย ปลวกกิน ชนิดที่ฝาหลังคาหล่น เราพูดอะไรไม่ได้เลย พอแจ้งเจ้าของบ้านไปมันก็จะไล่เราออกจากบ้านท่าเดียวเลย เพราะตั้งแต่ช่วงโควิดเราจ่ายค่าเช่าช้าบ้าง ขอแบ่งจ่ายบ้าง นางก็รำคาญ แต่บอกเลยว่านางเป็นคนที่เห็นแก่ตัวมาก จะเอาแต่ได้อย่างเดียว อยู่มาเกือบ 10 ปี ค่าเช่าเดือนละ 14,000 ยังไม่รู้จักขอบคุณหรือสำนึกว่าตัวเองโชคดีแค่ไหน ที่ได้ผู้เช่าอย่างเราไม่หนีหาย ไม่เคยค้างค่าเช่า ค่าไฟ ฯลฯ เหมือนอย่างเพื่อนบ้านหรือคนอื่นๆเขาโดนกัน ช่วงก่อนโควิด เราโอนค่าเช่าให้ตรงตลอด มาสะดุดหัวทิ่มเลยก็ตอนโควิดนี่แหละ นางยื่นคำขาดกับเราว่าต้องย้ายออกสิ้นปีนี้ เพราะนางเกษียณ์แล้ว นางไม่มีรายได้และจะขายบ้านนี้ สามีกับเราก็รีบหาบ้านใหม่ แต่สุดท้ายสิ้นปีก็ยังหาไม่ได้ 
นางบอกว่า “อยู่ต่อก็ได้ค่ะ แต่พี่ขอขึ้นค่าเช่าเป็นเดือนละ 16,000 นะค่ะ” 
เชี่ยยยยกรูจะเอาที่ไหนให้ เงินเดือนกู 20,000 จ่ายค่าเช่า 16,000 เหลือ 4000 ค่าน้ำ ไฟ อินเตอร์เนต 3000 เหลือ 1000 
กินใช้ 3 คน ตายยยยยยยย.......................
บ้านใหม่หาได้แบบเฉียดฉิ่วจริงๆ ย้าย คน 3 หมา 3 แมว 5 ไก่ 2 เป็ด 3  เจ้าของบ้านยินดีต้อนรับอย่างมาก น่ารักมาก คุยง่าย แถมลดค่าเช่าให้เองด้วย ว้าวมาก ไม่ได้อยู่ในกทม.แต่ก็ไม่ไกลมาก เดินทางสะดวก หลักๆบ้านหลังนี้สามีจะอยู่คนเดียวกับสัตว์เลี้ยง ส่วนเราและลูกคนเล็กทำงานอยู่กทม.วันหยุดที่ก็กลับบ้าน 
หลังจากนั้นไม่นานเราก็ได้งานใหม่ มันมาแบบไม่ได้ตั้งใจหาเลยนะ อยู่ๆวันนึงสามีส่งข้อความประกาศหางานมาให้เรา เราดูแล้วก็น่าสนใจดีก็ทักข้อความไป เขาก็ให้ส่งเรซูเม่ไป แล้วก็นัดสัมภาษณ์ วันที่จะไปสัมภาษณ์เราก็บอกสามีไป เขาก็ตกใจ   สามี  “เอ๊าะงานนั้นชั้นตั้งใจส่งให้เพื่อนเธอที่ทำบัญชีนะ ชั้นนึกว่าเขาต้องการบริษัทที่จะทำบัญชีให้” 
เรา     “อ้าว ชั้นนึกว่าเธอส่งให้ชั้น ชั้นก็เลยลองสมัครไป เขาเรียกสัมภาษณ์แล้วเนี่ย”
สามี   “ก็ลองไปดู”  
เราก็ไป และก็ได้งาน ทำงานออฟฟิศ 5 วัน หยุด เสาร์ อาทิตย์ เงินเดือนขึ้น ผ่านโปรจะปรับให้อีก
สามีบอกว่า  “ชั้นจะเตือนเธอเรื่องเดียวเท่านั้นนะ งานใหม่ที่เธอได้มาแบบไม่ได้ตั้งใจ มันเป็นบททดสอบของพระเจ้า ท่านให้โอกาสเธอ อย่าทำบาปอีก เพราะท่านจะไม่ให้อภัยเธอแล้ว ครั้งนี้ท่านจะเอาชีวิตเธอ ชั้นไม่พูดเล่น!! ตั้งใจทำงาน โอกาสสุดท้ายของเธอแล้ว อย่าล้อเล่นกับชีวิต อย่างที่ผ่านมา” 
พระเจ้าให้โอกาสเรา เราก็คิดอย่างนั้นนะ เหมือนอะไรดีๆเกิดขึ้นในชีวิตมากขึ้น หลังจากได้บ้านใหม่ 

สามีบอกว่าได้หาข้อมูลและศึกษาดูพฤติกรรมของเรา มันเข้าข่ายเป็นคนประเภท Narcissistic หรือคนหลงตัวเองสุดโต่ง 


มันเป็นโรคจิตวิทยาชนิดหนึ่งเลยนะ Narcissistic personality disorder is a mental health condition in which people have an unreasonably high sense of their own importance. They need and seek too much attention and want people to admire them. People with this disorder may lack the ability to understand or care about the feelings of others. ความผิดปกติทางบุคลิกภาพแบบหลงตัวเอง เป็นภาวะสุขภาพจิตที่คนตระหนักถึงความสำคัญของตนเองสูงเกินสมควร พวกเขาต้องการและเรียกร้องความสนใจมากเกินไปและต้องการให้ผู้คนชื่นชมพวกเขา  ผู้ที่เป็นโรคนี้อาจขาดความสามารถในการเข้าใจหรือใส่ใจความรู้สึกของผู้อื่น สามีไปหาแบบทดสอบมาให้เราทำเลยนะ และผลก็ออกมาเราเป็น คนประเภท Narcissistic จริงๆ เขาก็ยิ่งค้นหาข้อมูลและสาเหตุ ยิ่งค้นก็ยิ่งพบว่ามีข้อมูลมากมายมหาศาลและมียูทูปหลายช่องมากๆที่เขาให้ความรู้และวิธีจัดการกับพฤติกรรมไม่พึ่งประสงค์นี้ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นภาษาอังกฤษ ในประเทศไทยหาข้อมูลได้บ้าง แต่ไม่มาก https://www.youtube.com/watch?v=m_gZP3nDh50
https://www.youtube.com/shorts/BpvcS4G6KUc
Narcissistic เป็นชื่อของบุคคลในนิทานอีสป    ที่เห็นเงาตัวเองในน้ำแล้วเกิดตกหลุมรักเงาตัวเอง และเฝ้ามอง นอนมองอยู่ตรงริมน้ำนั้นจนตาย เลยเป็นที่มาของชื่อโรคนี้ วันๆสามีจะส่งวีดีโอหรือไม่ก็รูปที่เกี่ยวกับโรคนี้มาให้ บางวันเป็นสิบๆลิงค์ 
และยังมีอาการบ่งชี้ถึงบุคลิกภาพที่ผิดปกติ ดังนี้ 

1.       ถูกชี้นำหรือชักจูงได้ง่าย
2.       ชอบดึงดูดความสนใจด้วยรูปร่างหน้าตา แต่งหน้า แต่งตัวเก่ง
3.       อึดอัดใจและหดหู่ถ้าตัวเองไม่ได้รับความสนใจ
4.       พูดจาเน้นอารมณ์ ใส่สีสันมากมาย เหมือนเล่นละคร
5.       ชอบแสดงพฤติกรรมในเชิงยั่วยวน
6.       มักแปลความหมายของความสัมพันธ์ลึกซึ้งเกินความเป็นจริง
7.       มีอารมณ์รุนแรง แปรปรวน และหงุดหงิดง่าย
8.       เป็นคนเจ้าชู้

ซึ่งข้อมูลเหล่านี้เป็นประโยชน์ต่อเรามากๆ เมื่อรู้แล้วก็มีวิธีแก้ไข ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเอง อันดับแรกเลยคือต้องยอมรับว่าตัวเองเป็นอย่างนั้น คนส่วนใหญ่ไม่ยอมรับ ก็เลยไม่รู้วิธีแก้ไขปัญหาชีวิต จริงๆเราเช็คดูว่าตัวเองมีอาการ นิสัยแบบ 8 ข้อ ที่กล่าวมาแล้วหรือไม่ ตัวเราเป็น 7 ข้อ ก็ใช่เป็น Narcissistic จริงๆแล้วก่อนหน้าจะเกิดเรื่องนี้ เราก็เคยคิดว่าตัวเองเป็นโรคประสาทหรือเปล่า เพราะเป็นคนที่ขี้หงุดหงิด เจ้าอารมณ์มากๆๆ เคยคิดจะไปหาจิตแพทย์ด้วยซ้ำ 
ปัญหาครอบครัวที่เกิดขึ้นเราเสียลูกไป 2 คน เสียโอกาสในการสร้างเนื้อสร้างตัว เสียเวลาไปกับความเห็นแก่ตัว 20 ปี ทั้งที่ลูก 2 คนควรจะยังเรียนหนังสืออยู่แท้ๆแต่เพราะเราผิดตั้งแต่ต้น ครอบครัวก็เลยพัง ผู้ชายถ้ามีเมียไม่ดี ไม่ช่วยสนับสนุน ส่งเสริมก็ไม่เจริญก้าวหน้านะ เรายังย่ำอยู่กับที่ ทั้งๆที่เพื่อนร่วมงานรุ่นเดียวกัน ก้าวไปมีบ้าน มีรถกันแล้ว แม้แต่เพื่อนเราเองด้วยซ้ำ เรายังเช่าบ้านอยู่ นั่งรถเมล์ไปทำงาน ทั้งๆที่เราเริ่มต้นชีวิตก่อนพวกเขา  ข้อมูลเรื่อง Narcissistic บอกว่า “คนพวกนี้จะมีวงจรชีวิตที่เหมือนเดิม จะวนกลับมาที่เดิม คือเบื่อชีวิตที่เป็นอยู่ ทำลายมันเสีย แล้วเริ่มต้นใหม่” มีครั้งหนึ่งสามีเคยด่าเราว่า มันเหมือนกับชั้นสร้างอะไรขึ้นมา แล้วเธอก็ทำลายมันพังทุกครั้ง ตอนนั้นคือเราเปิดสอนภาษาและมินิมาร์ท ที่คอนโด มีปัญหากับคนที่คอนโดเราก็เลยปิดกิจการ ทั้งๆที่สามีอ้อนวอนว่าอย่าปิดเลย แต่ Narcissistic ไม่เคยฟังใคร มั่นใจใน(สิ่งผิดๆ) ตัวเองสุดๆๆ แล้วก็พัง 
ทุกคนในครอบครัวทั้งฝั่งเราและทางสามีต่างให้เกียรติและยอมรับว่าคู่ของเราว่าเป็นคู่รักที่รักกันจริงใจที่สุด เพราะพี่ๆน้องๆเราและทางสามีต่างหย่าร้าง นอกใจกัน ทั้งหมดเลย มีแต่เราสองคนที่มาราธอน และสตอรี่ของเราสองคนมันก็น่าทึ่งมากๆ เขียนจดหมายหากันอยู่ถึง 4 ปีกว่าจะตกลงใจมาอยู่ด้วยกัน แต่เรา เราทำพังคนเดียว ความรัก ความไว้ใจ ชีวิตครอบครัวพัง เพราะเราไม่ซื่อสัตย์ สามียอมทิ้งทุกอย่างเพื่อมาสร้างครอบครัวกับเรา ลงทุนกับเรามา 20 ปี ไม่เหลืออะไรเลย จ.ม.ที่เขียนหากันมา   4 ปี เขาเผาทิ้งหมด
สามีบอกว่าสิ้นปีนี้เขาจะกลับบ้าน และหลังจากนั้นเขาอาจจะย้ายไปอยู่ที่ประเทศทางอเมริกาใต้ แต่ยังไม่ตัดสินใจจะไปไหน แล้วคงจะไม่ได้เจอกันอีกเลย เขาบอกว่าถ้าเขาไป จะไปแบบ no contact anyone เขาจะไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ 
เขาบอกกันว่า Narcissistic เปลี่ยนตัวเองไมได้ แต่เราเปลี่ยนได้ เจ็บและอายขนาดนี้ถ้าไม่เปลี่ยน น่าจะตายซะดีกว่า 
ทุกวันนี้บางครั้งยังแอบคิดว่า เขายังรักเราอยู่ไหม? เพราะวันเกิดเราเพิ่งผ่านมา เขาเป็นคนแรกที่อวยพรเรา เขาเคยเซอร์ไพร์ซื้อจี้หัวใจพร้อมสร้อยคอทำจากเงินให้เราด้วย ตกใจแทบแย่ แต่เขาก็อ้างเหตุผลโน้นนี่แหละ แล้วก็ยังของเล็กๆน้อยอย่างไปเดินเล่นตลาดเห็นเสื้อสวยซื้อมาฝาก เป็นห่วงเป็นใย และถ้าเขาไป เราทำงานที่กรุงเทพ แล้วสัตว์เลี้ยงเราจะทำยังไง ถ้าเขาไม่คิดจะอยู่กับเราต่อ แต่ทำไมสั่งให้เราไปหาดูลูกเป็ดมาเลี้ยง ก็ยังสงสัยอยู่นะ คงต้องรอดูจนถึงสิ้นปี ว่าเขาจะเอายังไงแน่......................................................................................................................................  
แล้วจะกลับมาอัพเดทนะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่