เนื่องจาก ภาค 6 Transformers : Bumblebee (2018) เป็นเนื้อหาที่เซ็ตใหม่ เริ่มต้นการมาโลกในช่วงสมัยปลาย 80‘s ทำให้วัฒนธรรมต่างๆในเรื่อง เป็นไปตามแบบยุค 80’s (ซึ่งเดี๋ยวจะลงแถมให้ไว้ตรงคอมเมนต์)
ดังนั้นภาค 7
Transformers : Rise of the Beasts (2023) จึงเป็นเนื้อหาต่อจากภาค Bumblebee
โดยเป็นการย้อนกลับไปในปี 1994
ลองนึกภาพว่า ถ้าเป็นเราได้เห็นฉากกรุงเทพ เชียงใหม่ย้อนอดีต [หรืออย่างเรื่อง “14 อีกครั้ง” ที่ย้อนอดีตเมืองจันทบุรี] คนที่เคยผ่านสมัยนั้นมาก็คงหวนคิดถึง
นี่ก็เช่นกันสำหรับชาวนิวยอร์ก ก็จะได้นึกถึงบรรยากาศเก่าๆ แต่เรื่องนี้ก็จะมุ่งไปที่ สังคมคนผิวสีเป็นหลัก
/จะไม่พูดถึงเนื้อหาหรือวิเคราะห์เนื้อเรื่อง ท่านใดที่อยากรู้หรือยังไม่ได้ดู ก็ติดตามหาฟังกันทาง YouTube ละกันครับ/
ฉากในเรื่องยังคงมีตึก World Trade Center
เราก็จะเห็นนิวยอร์กสมัยที่ยังมีตึกแฝด World Trade Center (ซึ่งถูกถล่มไปในปี 2001) เปรียบเทียบกับภาพล่างที่เป็นภาพจริงสมัยปัจจุบัน กับอาคารใหม่
หนังเรื่องนี้ก็เซ็ตฉากมาค่อนข้างดี เก็บรายละเอียดของรถ ตึกอาคาร (มี Graffiti พ่นตามผนัง-กำแพง ซึ่งเป็นที่นิยมในสมัยนั้น โดยเฉพาะในย่านคนผิวสี) กระทั่งการแต่งกาย และทั้งหมดนี้ในบ้านเราก็มีครับ สังคมเมือง สังคมกรุงเทพและกลุ่มวัยรุ่น ซึ่งเราตามแฟชั่นตะวันตกกันเยอะ มีทุกแนว อยู่ที่ว่าใครจะชอบแนวไหน (ส่วนมากจะนิยม Pop) แล้วก็จะมีแฟชั่นญี่ปุ่น เพลงญี่ปุ่น J-Rock , J-Pop แต่เกาหลียังไม่ค่อยมาครับยุคนั้น
Graffiti ศิลปะบนผนัง มีทั่วเมือง
การแต่งกายและทรงผมของคนทั่วไป ก็จะแตกต่างกับการแต่งกายของเด็กแนว เด็ก Hip-Hop
รายละเอียดในบ้านบ่งบอกว่า ตัวเอกของเราเป็นวัยรุ่นเด็กแนว Hip-Hop โปสเตอร์ก็จะมีศิลปินยุค 90‘s วง Wu-Tang Clan หรืออย่าง Notorious B.I.G.
โทรทัศน์รุ่นกล่องเหลี่ยม กับเคเบิ้ลทีวี ดู MV แรปเปอร์ 2Pac
รถรุ่นเก่าๆ
การแต่งตัวยุคนั้นจะเป็นแบบชุดหลวมๆ ถึงจะใส่สูทก็จะโอเวอร์ไซส์หน่อย Mid 90’s - 2000 ต้นๆ จะนิยมแฟชั่นเสื้อผ้าใหญ่ กางเกงหลุดตูด (พอยุค 2000 กลางๆ - 2010 ก็จะเปลี่ยนมาใส่ชุดที่รัดรูปรัดตัว กางเกงรัดข้อเท้า) แต่พอมา 2024 กลับไปนิยมโอเวอร์ไซส์กางเกงขากว้าง ย้อนไปเหมือนยุคก่อน 😂
โทรศัพท์ , พิมพ์ดีด , ทีวีหนวดกุ้ง
ส่วนเพลงที่อยู่ในเนื้อเรื่อง ก็ไม่ใช่เพลงประกอบมั่วๆ แต่คัดมาเฉพาะสมัยนั้นจริงๆ
โดยเรื่องนี้จะยืนพื้นที่แนว Hip-Hop , R&B ยุค 90’s ล้วนๆ ซึ่งเป็นแนวฮิตของวัยรุ่นนิวยอร์กและคนผิวสีสมัยนั้น (ซึ่งก็นิยมเรื่อยมาจนถึงตอนนี้ด้วย)
เพลงในฉาก :
1. ‘C.R.E.A.M.’ ของ
Wu-Tang Clan (1994)
วง Wu-Tang Clan
MV เพลง C.R.E.A.M.
2. ‘Check The Rhime’ ของ
A Tribe Called Quest (1991)
3. ‘Anything (Old Skool Radio Version)’ ของ
SWV (1992)
4. ‘Represent’ ของ
Nas (1994)
5. ‘Rebirth of Slick (Cool Like Dat)’ ของ
Digable Planets (1992)
6. ‘The Choice Is Yours’ ของ
Black Sheep (1991)
7. ‘Mama Said Knock You Out (Sam Wilkes Remix)’ ของ
LL Cool J (1990)
MV เพลง Mama Said Knock You Out
ส่วนอีก 2 เพลงเป็นเพลงจบ End Credit ไม่ใช่เพลงในฉาก :
‘Hypnotize’ –
Notorious B.I.G. (1997)
‘On My Soul’ –
Tobe Nwigwe, Nas & Jacob Banks เป็น OST. ประจำเรื่องนี้โดยเฉพาะ
นิวยอร์กปี 1994 เพลง-สังคม-รถ-บ้านเมือง (ยุค 90) ใน Transformers : Rise of the Beasts
ดังนั้นภาค 7 Transformers : Rise of the Beasts (2023) จึงเป็นเนื้อหาต่อจากภาค Bumblebee โดยเป็นการย้อนกลับไปในปี 1994
ลองนึกภาพว่า ถ้าเป็นเราได้เห็นฉากกรุงเทพ เชียงใหม่ย้อนอดีต [หรืออย่างเรื่อง “14 อีกครั้ง” ที่ย้อนอดีตเมืองจันทบุรี] คนที่เคยผ่านสมัยนั้นมาก็คงหวนคิดถึง
นี่ก็เช่นกันสำหรับชาวนิวยอร์ก ก็จะได้นึกถึงบรรยากาศเก่าๆ แต่เรื่องนี้ก็จะมุ่งไปที่ สังคมคนผิวสีเป็นหลัก
/จะไม่พูดถึงเนื้อหาหรือวิเคราะห์เนื้อเรื่อง ท่านใดที่อยากรู้หรือยังไม่ได้ดู ก็ติดตามหาฟังกันทาง YouTube ละกันครับ/
ฉากในเรื่องยังคงมีตึก World Trade Center
เราก็จะเห็นนิวยอร์กสมัยที่ยังมีตึกแฝด World Trade Center (ซึ่งถูกถล่มไปในปี 2001) เปรียบเทียบกับภาพล่างที่เป็นภาพจริงสมัยปัจจุบัน กับอาคารใหม่
หนังเรื่องนี้ก็เซ็ตฉากมาค่อนข้างดี เก็บรายละเอียดของรถ ตึกอาคาร (มี Graffiti พ่นตามผนัง-กำแพง ซึ่งเป็นที่นิยมในสมัยนั้น โดยเฉพาะในย่านคนผิวสี) กระทั่งการแต่งกาย และทั้งหมดนี้ในบ้านเราก็มีครับ สังคมเมือง สังคมกรุงเทพและกลุ่มวัยรุ่น ซึ่งเราตามแฟชั่นตะวันตกกันเยอะ มีทุกแนว อยู่ที่ว่าใครจะชอบแนวไหน (ส่วนมากจะนิยม Pop) แล้วก็จะมีแฟชั่นญี่ปุ่น เพลงญี่ปุ่น J-Rock , J-Pop แต่เกาหลียังไม่ค่อยมาครับยุคนั้น
Graffiti ศิลปะบนผนัง มีทั่วเมือง
การแต่งกายและทรงผมของคนทั่วไป ก็จะแตกต่างกับการแต่งกายของเด็กแนว เด็ก Hip-Hop
รายละเอียดในบ้านบ่งบอกว่า ตัวเอกของเราเป็นวัยรุ่นเด็กแนว Hip-Hop โปสเตอร์ก็จะมีศิลปินยุค 90‘s วง Wu-Tang Clan หรืออย่าง Notorious B.I.G.
โทรทัศน์รุ่นกล่องเหลี่ยม กับเคเบิ้ลทีวี ดู MV แรปเปอร์ 2Pac
รถรุ่นเก่าๆ
การแต่งตัวยุคนั้นจะเป็นแบบชุดหลวมๆ ถึงจะใส่สูทก็จะโอเวอร์ไซส์หน่อย Mid 90’s - 2000 ต้นๆ จะนิยมแฟชั่นเสื้อผ้าใหญ่ กางเกงหลุดตูด (พอยุค 2000 กลางๆ - 2010 ก็จะเปลี่ยนมาใส่ชุดที่รัดรูปรัดตัว กางเกงรัดข้อเท้า) แต่พอมา 2024 กลับไปนิยมโอเวอร์ไซส์กางเกงขากว้าง ย้อนไปเหมือนยุคก่อน 😂
โทรศัพท์ , พิมพ์ดีด , ทีวีหนวดกุ้ง
ส่วนเพลงที่อยู่ในเนื้อเรื่อง ก็ไม่ใช่เพลงประกอบมั่วๆ แต่คัดมาเฉพาะสมัยนั้นจริงๆ โดยเรื่องนี้จะยืนพื้นที่แนว Hip-Hop , R&B ยุค 90’s ล้วนๆ ซึ่งเป็นแนวฮิตของวัยรุ่นนิวยอร์กและคนผิวสีสมัยนั้น (ซึ่งก็นิยมเรื่อยมาจนถึงตอนนี้ด้วย)
เพลงในฉาก :
1. ‘C.R.E.A.M.’ ของ Wu-Tang Clan (1994)
วง Wu-Tang Clan
MV เพลง C.R.E.A.M.
2. ‘Check The Rhime’ ของ A Tribe Called Quest (1991)
3. ‘Anything (Old Skool Radio Version)’ ของ SWV (1992)
4. ‘Represent’ ของ Nas (1994)
5. ‘Rebirth of Slick (Cool Like Dat)’ ของ Digable Planets (1992)
6. ‘The Choice Is Yours’ ของ Black Sheep (1991)
7. ‘Mama Said Knock You Out (Sam Wilkes Remix)’ ของ LL Cool J (1990)
MV เพลง Mama Said Knock You Out
ส่วนอีก 2 เพลงเป็นเพลงจบ End Credit ไม่ใช่เพลงในฉาก :
‘Hypnotize’ – Notorious B.I.G. (1997)
‘On My Soul’ – Tobe Nwigwe, Nas & Jacob Banks เป็น OST. ประจำเรื่องนี้โดยเฉพาะ