อ่าา ครับสวัสดีใครก็ตามที่ได้เข้ามาอ่านกระทู้ของผมนะครับ•^•
เรื่องที่ผมจะเลาคือเรื่องของตัวผมที่ยังไม่เคยเล่าให้ครอบครัวรึใครนอกจากเพื่อนสนิท 1 คนที่ผมมี เลยครับชึ่งเพื่อนผมเป็นคนที่อ่านบรรยากาศได้ดี ปัจจุบันเขาห่างจากผม3ปีครับ ชึ่งเข้าจะคอยให้กำลังใจและอยู่เป็นเพื่อนตลอด พอผมเล่าให้ฟังเขาจะพูดปลอบใจผมและพูดความจริงที่ผมพยายามหลอกรึพยายามมองข้ามมันไปให่ผมฟังเสมอต่อไปขอแนะนำตัวนะครับ
ผมชื่อ คัท ครับอายุตอนนี้คือ16ปี ไม่ได้เรียนต่อและยังเรียนไม่จบม.3 เรืองที่ผมคิดในหัวและคิดช้ำๆมา2ปีแต่ยังไม่เริ่มที่จะปรับตัว รึเปลี่ยนตัวเองเลย เนื่องจากอะไรก็ตามไม่ว่าเป็นความขี้เกียจ
รึแม้จะคือตัวผมเองที่ไม่ยอมทำอะไรทั้งที่เห็นปัญหาอยู่ตรงหน้า
ชึ่งผมเป็นคนที่เรียนเก่งค่อนข้างจะพอในช่วงประถม แต่พอขึ้นมัธยม.1 (ตรงนี้ขอแทรกไว้นะครับว่าผมเรียนช้า1ปีตอนนั้นเลยอายุ14ปี) ผมไดย้ายไปอยู่กับพ่อที่ชลบุลี เพื่อที่จะเรียนที่นั้ั้นเพราะพ่อสามารถเลี้ยงดูผมได้ดีกว่าแม่ที่มะเร็งลามขึ้นตาทำให้ตาบอด1ข้างและอีกข้างเบลอจนแถบมองไม่เห็น เลยส่งผมไปอยู่กับพ่อชึ่งผมตอบตกลง ชึ่งพอผมมาถึงไม่ได้อยู่กับพ่อแต่เป็นห้องแถว1ห้องที่อยู่ในอู่ของปู่ของพ่อผม(ปู่ที่คอยอุปภัมพ่อผมมาตั้งแต่ยังเด็กครับ) ผมก็แบบไม่มีปัญหาอยู่สบายดี(ผมอยู่คนเดียวนะครับพ่อจะมาหา1ครั้งต่ออาทิตย์เพื่อเอาเงินมาให้อยู่ไม่ถึง10นาที)ชึ่งครั้งนั้นแหละครับที่อยู่คนเดียว ทุกอย่างเหมือนค่อยๆดิ่งไปเพราะความที่ผมยังเป็นเด็ก แรกผมมีคอมนะครับไว้เล่นเกมแต่ผมยังนอนและไปโรงเรียนได้นะครับยังมีความรับผิดชอบอยู่ ชึ่งถ้าผมจะไปโรงเรียนตอนแรกลุงข้างห้องเขาจะไปส่งตอน7โมง จากนั้นพอผ่านไป4เดือน ผมก็แบบอยากได้อิสระในการไปโรงเรียนเอง ในเวลาไหนก็ได้ผมเลยบอกกับลุงว่สผมจะปั่นจักรยานไปเอง ระยะทางประมาณ2.5กิโลเมตรได้ครับ แรกๆประมาณ3เดือนผมก็ไปช่วง06:00-07:00 และพอผมไปถึงโรงเรียนจะมีเวณทำความสะอาดตอนเช้าชึ่งเขาจะเริ่มทำกันช่วง7:30 แต่ผมในเวลาไหนที่มาถึงผมจะกินข้าวและเริ่มทำเลย(ผมเป็นคนชอบทำอะไรคนเดียวและชอบทำความสะอาดโรงเรียนด้วยครับชอบมากๆผมเลยทำก่อนใครเลย) ตอนแรกผมทำผมเดียวนี่แหละครับช่วง1-4เดือนแรกตั้งแต่ผมเข้าเรียน(ชึ่งรวมถึงช่วงที่ลุงเป็นคนมาส่งด้วย)จนมีเพื่อนที่มาช่วยล้าง คนสองคน ชึ่งผมและเพื่อนไม่หวังอะไรนะคือผมชอบทำอยู่แล้ว จนผอ.รึครูในโรงเรียนก็เอ็นดูผมและให้ผมเป็นนักเรียนดีเด่น ชึ่งผมก็บอกพวกเขาไปว่าผมชอบทำเฉยๆไม่จำเป็นต้องสนใจผมรึยกให้ผมเป็นนักเรียนดีเด่นก็ได้ครับ เพราะผมไม่อยากเป็นจุดเด่นผมอยากไม่ให้มีคนมาสนใจผมผมทำเพราะชอบจริงๆ (ผมกลัวว่าตอนนนั้นจะมีคนมองว่าผมสร้างภาพครับ)
แต่พวกเขาก็ยังยกให้ผมเป็นนักเรียนดีเด่น ชึ่งผมก็ไม่กล้าขัดพวกเขา เลยเออออตามไป ผมก็ยังทำเหมือนเดิมนะแต่ครูประจำชั้นเขาไม่ชอบนิสัยผมที่คิดนอกกรอบและทำอะไรตามใจตัวเอง (ตรงนี้ผมยอมรับครับงานบางอย่างที่เขาสั่งมาผมทำนอกกรอบที่ครูเขาสั่งและสอนส่วนทำตามใจคือผมชอบใส่ความรู้ใหม่ๆที่ด้จากการศึกษาเพิ่มเติมใส่ลงไป ครูเขาสอนวิทยาศาสตร์วิชาที่ผมชอบมากๆ) ผมก็ยังเคารพเขาเพราะผมเป็นเด็กเลยยอมเขาและรับฟัง ชึ่งด้วยนิสัยนี่เลยมีครูบางท่านแอบไม่ชอบใจผมอยู่แต่พวกเขาไม่พูด (ผมเป็นคนสายตาสั้นครับประมาณ400 ผมมองหน้าคนอื่นไม่ชัดเลยอาศัยน้ำเสียงและการกระทำเพื่อดูอารมณ์) ทุกอย่างปกติ ดีจนมาถึงวันๆหนึ่งๆครับที่มีพระมาสอนและสอบวิชาธรรมมะ ชึ่งผมเรียนจบไปเรียบร้อยแล้วครับ จบเอก ชึ่งผมมีใบว่าผมเรียนจบแล้วจริงๆ แต่ผมไม่ได้อวดรึอะไร แต่ตอนนั้นครูวิชาสังคมเขาได้บอกให้ผมช่วยสอนเพื่อนเพราะว่า ผมเคยคุยกับครูว่าจบเอกแล้ว (เป็นการสอบธรรมทะอะไรชักอย่างนี้แหละครับจำไม่ได้แล้ว)
จนครูเขาได้บอกกับพระที่มาสอน ตอนแรกเขาเป็นนักเลงมากกว่าครับไม่ใช่พระแล้วการสอนที่ไม่เหมือนพระรึการสอนที่ไม่ดีเลยก็ว่าได้ ตรงส่วนนี้ผมรับได้ครับ แต่ที่ผมติดใจเลยคือเขาจะมีไฟฉายที่มีเลเชอร์ครับ และเขาจะเอาส่องหน้านักเรียนแทนการชี้ ชึ่งผมก็ไม่ได้ไม่พอใจแต่ผมติดใจว่าทำไม แต่ตอนเขาสอนผมเป็นคนที่ติดสนิสัยมองไปที่คนสอน ไม่ว่าจะหน้ารึสิ่งที่คนที่สอนอยู่ชี้
ชึ่งผมก็ทำเป็นปกติ จนเขาถามขึ้นมาว่า "มองทำไม" ชึ่งผมได้ตอบเขากลับไปว่า "ผมมองพระอาจารย์อยู่ครัง"

ผมไม่แน่ใจว่าเหมือนการลอเล่นรึกวนตีนแกมั้ยเพราะผมซื่อๆตรงๆ) พอผมตอบไป แต่ตรงนี้ผมขอโทษจริงๆนะครับผมจำได้บางส่วนประมาณว่าแกประชดที่ผมอวดเก่งในตอนที่แกให้ตอบคำถามน่ะครับ ชึ่งผมเรียนจบแล้วก็จริงแต่ผมก็ยังยินดีที่จะเรียนอีกรอบ และตอบคำถามที่ตัวเองจำได้
ต่อจากนั้นคือการพูดเหน็บผมเรื่อยๆครับ และมีเรื่องนึงแกได้พูดแทงใจคือคำว่า "กลับบ้านมั้ย เดี๋ยวส่งกลับ" ตรงนั้นทำให้ผมน้ำตาคลออยากร้องไห้แต่ร้องไม่ได้ครับเพราะตอนนั้นผมเป็นเด็กที่หัวรั้นมากเลยแบบมายุ่งอะไรด้วย ทั้งหมดที่แกทำผมไม่รู้สึกโกรธรึหงุดหงิดแกเลย แต่ตรงที่ผมโกรธคือคำว่ากลับบ้านมั้ย คือผมไม่ชอบให้ใครมายุ่งเรื่องส่วนตัว พอหลังจากวันนั้นผมผมก็นั่งร้องไห้ อยู่คนเดียวในห้องและหลับไปผมตื่นมากลางดึกชึ่งตอนนั้นผมได้เปิดคอมเล่นเกมผมไม่แน่ใจว่าวาเวลาไหน น่าจะช่วยง5ทุ่มครับ ผมได้เล่นเกม Genshin ที่ผมเคยเล่นก่อนจะมาอยู่ที่ชลบุลี ตอนนั้นผมเครียดมากครับเลยเล่นเกมนี้จนติดเกมนี้ใหญ่เลย ผมนั่งเลยเกมนี้อยูาจนถึงเช้า และถึงเวลาไปเรียนผมไม่ไปครับ และพอจากวันนั้นผมเริ่มไปเรียนสาย เริ่มสนใจการเรียนน้อยลง คือยังตั้งใจนะครับแต่มันน่าเบื่อทั้งที่ก่อนหน้าผมสนุกกับการเรียนแบบนี้ พอผมฟังครูสอนเสร็จผมจะฟุบหละบกับโต๊ะเรียน รึไม่ก็คาบไหนที่ครูทิ้งงานไว้ผมจะทำให้เสร็ตและค่อยฟุดลงไปนอน แต่ครูก็มักจะดุผมตลอด แม้ว่าผมจะทำเสร็จแล้ว ตรงส่วนนี้ตอนนี้ผมเข้าใจ แต่ตอนนั้นผมคิดว่า "ผมผิดอะไรผมทำงานเสร็จแล้ว ผมก็นอนตอนที่สอนเสร็จ ผมก็ไม่ได่หละบระหว่างคาบ" ตรงนี้ผมเป็นเด็กปกติครับไม่ได้เด็กเรียนที่ตั้งใจเรียนเหมือนก่อน แต่มีวันนึงที่ผมเริ่มมองโลกในแง่ร้ายเรื่อยๆและเริ่มกลายเป็นคนที่พังรึล้มเหลวในสายตาคนรอบข้างเลยแหละครับ วันนั้นคือวันที่ครูจะเรียกเก็บงานที่ค้างอยู่ในเดือนนั้น ขึ่งผมจำได้ว่าส่งทุกงานแล้วแน่ๆเพราะมีเพื่อนเป็นพยาน แต่ครูบอกผมยังไม่ได้ส่งงานเลยผมเลยเถียงครูในชีวิตครั้งแรกว่าผมส่งแล้วเพื่อนผมก็ช่วยพูดด้วยว่าผมส่งแล้ว
ครูเขรตอบกลับมาประมาณว่า"ครูไม่เห็นงานเธอนะ เธอโกหกครูรึเปล่า" ตอนนั้นคือแบบผมโมโหครูมาก แต่ก็ยงเก็บอาการและพยายามยืนยันว่าผมส่งแล้วจริงๆ แต่ครูไม่เชื่อและให้ทำใหม่ จนรอบนี้แหละครับผมปรี้ดแตก ผมส่งงานอีกรอบในห้องพักครูเลย ชึ่งตอนนั้นครูผมบอกว่า วางงานไว้ที่โต๊ะเลยครูยุ่งอยู่ ผมเลยเอาของแถวๆนั้นมาทับงานผมไว้ให้ห่างจากเอกสารอื่นที่อยู่เต็มโต๊ะครู พอถึงวันเรียกเก็บงานเพื่อจะให้คะแนนตอนจบม.1 ครูมาบอกผมอีกรอบนึงว่า "นิติพล ทำไมไม่ส่งงานครู"ตอนนั้นแหละครับในใจผมคือ อะไรอ่ะครูผมส่งงานไปแล้ว แต่ผมก็เก็บอาการและบอกครูว่าผมส่งแล้วครับ ครูก็ตอบเหมือนเดิมว่าไม่เห็น
จากวันนั้นผมก็ไม่สนใจอะไรเลยครับ ขาดเรียน
ติดแต่เกม อยู่แต่ในห้อง ติดผู้หญิงจนเสียคน จะว่าตอนนั้นผมคือคนที่ล้มเหลวในครอบครัวก็ได้ครับ เพราะครูรึผอ.ในโรงเรียนผิดหวังในตัวผม แม้แต่คนในห้องแถวก็ยังผิดหวัง รวมถึงปู่ของพ่อผมที่ผิดหวังในตัวผมด้วย ชึ่งตอนนั้นผมเข้าใจความรู้สึกทุกคนด้วยการพูดคุยเล็กๆน้อยๆแม้ไม่ได้มองตาครับ แแต่พวกเขาจะถามผมเสมอว่า"ทำไมไม่ไปเรียน" ชึ่งในตอนนั้นผมไม่ตอบอะไรไป และผมไม่อยากไปโรงเรียนโดยหาเหตุมาอ้างต่างๆนาๆให้ตัวผมไม่ไปโรงเรียน จนครูมาตามถึงโรงเรียน ผมก็ไม่ได้ตอบอะไรครูไป และครูพยายามยุ่งเรื่องส่วนตัวผมอยู่ตลอด(ใช่ครับในตอนนั้นผมคิดแบบนั้นแต่ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วครับ ว่าเขาอยากได้เหตุผลเขาจะได้ช่วยผมได้" จากนั้นครูก็ไป จนผมไม่ไปเรียนเลยในช่วง4เดือน และยังไม่ได้เริ่มเรียนม.2เลย จนแม่มากลอมให้ผมไปเรียน ครั้งแรกที่ผมไปโรงเรียน ผมรู้สึกแค่ว่าผมมันแย่ผมมั่นล้มเหลว จากสายตาของคนคุณครูในโรงเรียน ทำให้ผมไม่กล้าที่จะมองใครตรงๆอีกรึแม้กระทั่งคุยกับคนอื่นแบบปกติ จนผมเรียนได้1อาทิตย์ ก็ได้ตัดสินใจไม่ไปเรียนอีกเลย
ผ่านไปสักพักนี่แหละครับ ลูกสาวของปู่พ่อผมเขาเปิดร้านคาเฟ่และให้ผมไปทำ ตอนนั้นผมอยู่ในช่วง15ปีครับ ผมทำงานที่นั้นได้7เดือนก็ออก มีปัญหาหลายเรืองจากที่ทำงานและร้านก็ปิดตัวลงใสตอยนั้นผมก็อยู่ในห้องและโทษตัวเองช้ำๆที่ทำให้ร้านรึธุรกิจคนๆนึงพัง เพราะผมไม่ได้เรื่องทำงานได้ไม่ดี
ผมตอนแรกๆที่ทำงาน3เดือนแรกสํ้งานมากครับ ชอบและสนุกมากจากที่ผมได้เครียดมาตลอด(ช่วงสามเดือนนี้ผมทำงานตลอด3เดือนเลยครับไม่ได้หยุดเลยเพราะวันหยุดผมจะลงมาช่วงงานทุกครั้งและทุกวัน เพราะผมชอบงานที่ทำมากแม้จะไม่ได้เงินในวันหยุด) จนมาวันนึงป้าที่ทำงานด้วยกันได้ถามผมว่ากินข้าวเย็นรึยัง "ผมได้ตอบไปว่ายังไม่ได้กินครับ" จากนั้นแหละครับตกเย็นมาป้าแกมาโวยใส่ผมว่าจะมาหลอกกินฟรีเพราะแกไปถามป้าร้านอาหารว่าผมกิยข้าวรึยังแกได้คำตอบว่าผมกินไปแล้ว ชึ่งตอนนั้นผมอธิบายไปว่า ผมยังยังไม่ได้กินข้าวเย็น เพราะแกถามผมตอน14:20นาที แต่ผมกินข้าวตอน11โมง ชึ่งคือข้าวเที่ยง และข้าวเย็นผมยังไม่ได้กินจริง แต่แกก็ไม่เชื่อผม ตั้งแต่นั้นแกก็จะหาเรื่องจับผิดผมตลอด (แต่ผมขอพูดเลยครับช่วงแรกๆ3เดือนผมไม่ได้เกลียดแกเลยครับเคารพแกตลอดถึงจะมีบางช่วงที่ผมไม่ได้ทำผมก็ไม่โกรธเช่น วันนึงผมกำลังชงน้ำให้ลูกค้าและโชดาหมดผมเลยจะวิ่งขึ้นไปเอาโชดาที่อยู่ห้องเก็บของข้างบน แกเลยถามผมว่าเหลออะไรบ้าง ผมตอบกลับว่า"ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวผมทำเอง"แต่แกบอกอยากจะช่วย ผมเลย บอกแกว่า เหลอแค่ใส่โชดา100 ML.และตกแต่งแก้วและเสริฟลูกค้าเลยครับ ทีนี้ผมหลังจากหยิบโชดาเสร็จ ผมก็วิ่งลงมาและเห็นแกเสิร์ฟน้ำเรียบร้อยผมมองดูก็เรียบร้อยดี(ผมสายตาสั้นเลยมองไม่ชักว่าแกใส่โชดารึเปล่าแต่จะมองใกล้ๆลูกค้ากผ็เสียมารยาท ถามป้าแกไม่รู้จะอารมณ์เสียมั้ย) จากนั้นลูกต้ามาขอโชดา ผมเลยให้ไป และพอตกเย็นป้าแกมาบอกผมว่า"ไหนเธอบอกเรียบร้อยแล้ว เสริฟได้เลยไง " ผมเลยงงและถามแกกลับว่าอะไรหรอครับ?
แกตอบกลับผมด้วยความโมโห"ลูกค้าเขาบอกว่าน้ำมันหวานไปเขาเลยขอโชดาเพิ่ม" ผมเลยพยายามอธิบายให้แกฟังแต่แกก็ไม่เชื่อ และเลาให้เจ้าของร้านฟัง(ลูกสาวปู่พ่อผม) และก็ใส่ไข่ บอกว่า ผมไม่มีมารยาทไม่ใช้คำสุภาพกับผู้ใหญ่ ผมสาบานได้เลยครับตั้งแต่ผมเกิดมาผู้ใหญ่ทุกคนผมเติมคำลงท้ายว่าครับตลอดและพยายามพูดมห่เกรียติพวดเขาตลอด และทีนี้ตลอด3เดือนนั้น ก็มีเรื่องทราแกจับผิดและบอกเจ้าของร้านมากมาก ที่ต่างจากความจริงที่ผมทำ จนมาถึง1เดือนสุดท้ายก่อนปิดร้าน ผผมโดนครอบครัวเจ้าของร้านเรียกไปคุย แม้ผมจะอธิบายด้วยความหวังที่ว่าอย่างน้อยเขาคงจะเชือผม แต่พอผมเล่าออกไปเขาไม่ได้เชื่อผมและยังบอกว่าผมโกหก (ในช่วงเวลานั้นผมเข้างานสายบ่อยครับช่วง3เดือนที่เดิดเรื่อง แต่มาสายรวมกัน สาย5นาทีเป็นส่วนใหญาครับ แต่หนักเลยคือ30นาทีครับ ที่ผมไปสายเพราะผมไม่อยากทำครับเพราะไปก็โดนด่าโดยว่าตั้วแต่เช้าแม้วันนั้นผมจะทำดีแค่ไหนก็ตาม และผมโดนทุกวันครับไม้เว้นวันหยึดที่ผมมักจะลงมาช่วยงานด้วย ถึงแบบนั้นผมก็ไม่โกรธแกนะครับ เพราะผมเป็นเด็กเลยยอมรับฟงถึงในใจจะแบบน้อยใจทุกคน ที่ทำไมไม่เชือผม วันนี้ผมทำงานดีทำไมต้องด่าผม ถึงวันนั้นจะไม่มีอะไรให้ด่า เรืองเล็กๆน้อยๆที่ผมชอบสตรีมนมและทำลาเต้อาท(ตรงนี้จะทำวันละแก้วครับ นอกนั้นจะใช้น้ำเปล่ากับน้ำยาจ้างจานแทน) แกก็จะบ่นตลอดครับว่าเอานมมาเล่น ถึงผมจะทำกินเองทุกแก้ว และก็มีบางเรื่องที่ทำไปเพราะความเป็นเด็ก เช่น ชงน้ำเมนูใหม่ๆ ลองผสมน้ำแปลกๆและหาสู้ตรใหม่ แแต่ก็เจ้าของร้านไม่ชอบผมเลยโดนดุบ่อยๆเพราะเอาไชรัปไปเล่น) ผมเลยแบบทนไม่ไหวแล้วครับตอนนั้น ผมเหนื่อยกับงานนี้มาก พยายามทำดีและทำงานให้ถึงที่สุดแต่บางทีมันก็ออกมามั้งและทำให้ผมท้อและเครียดหนักกว่าเดิมเพราะในทุกๆวันในเดือนนั้นผมจะทำผิดหนึ่งอย่างเสมอ เพราะผมเริ่มทนกับแรงกดดันและสภาพจิตใจตัวไม่ไหว ก่อนผมจะขอลาออก และหมกตัวในห้องมาเรือยจนผมได้ย้ายออกมาและมาอยู่ที่โคราชหมือนเดิม
ขอบคุณที่อ่านจนจบนะครับ อาจมีบางส่วนที่อ่านแล้วไม่เข้าใจขอโทษด้วยนะครับ
ผมมีเรื่องอยากเล่าให้ฟังเกี่ยวกับตัวผม อยากให้ทุกคนออกความคิดว่าผมเป็นยังไงในความคิดของคุณและควรพัฒนาตนเองอย่างไร
เรื่องที่ผมจะเลาคือเรื่องของตัวผมที่ยังไม่เคยเล่าให้ครอบครัวรึใครนอกจากเพื่อนสนิท 1 คนที่ผมมี เลยครับชึ่งเพื่อนผมเป็นคนที่อ่านบรรยากาศได้ดี ปัจจุบันเขาห่างจากผม3ปีครับ ชึ่งเข้าจะคอยให้กำลังใจและอยู่เป็นเพื่อนตลอด พอผมเล่าให้ฟังเขาจะพูดปลอบใจผมและพูดความจริงที่ผมพยายามหลอกรึพยายามมองข้ามมันไปให่ผมฟังเสมอต่อไปขอแนะนำตัวนะครับ
ผมชื่อ คัท ครับอายุตอนนี้คือ16ปี ไม่ได้เรียนต่อและยังเรียนไม่จบม.3 เรืองที่ผมคิดในหัวและคิดช้ำๆมา2ปีแต่ยังไม่เริ่มที่จะปรับตัว รึเปลี่ยนตัวเองเลย เนื่องจากอะไรก็ตามไม่ว่าเป็นความขี้เกียจ
รึแม้จะคือตัวผมเองที่ไม่ยอมทำอะไรทั้งที่เห็นปัญหาอยู่ตรงหน้า
ชึ่งผมเป็นคนที่เรียนเก่งค่อนข้างจะพอในช่วงประถม แต่พอขึ้นมัธยม.1 (ตรงนี้ขอแทรกไว้นะครับว่าผมเรียนช้า1ปีตอนนั้นเลยอายุ14ปี) ผมไดย้ายไปอยู่กับพ่อที่ชลบุลี เพื่อที่จะเรียนที่นั้ั้นเพราะพ่อสามารถเลี้ยงดูผมได้ดีกว่าแม่ที่มะเร็งลามขึ้นตาทำให้ตาบอด1ข้างและอีกข้างเบลอจนแถบมองไม่เห็น เลยส่งผมไปอยู่กับพ่อชึ่งผมตอบตกลง ชึ่งพอผมมาถึงไม่ได้อยู่กับพ่อแต่เป็นห้องแถว1ห้องที่อยู่ในอู่ของปู่ของพ่อผม(ปู่ที่คอยอุปภัมพ่อผมมาตั้งแต่ยังเด็กครับ) ผมก็แบบไม่มีปัญหาอยู่สบายดี(ผมอยู่คนเดียวนะครับพ่อจะมาหา1ครั้งต่ออาทิตย์เพื่อเอาเงินมาให้อยู่ไม่ถึง10นาที)ชึ่งครั้งนั้นแหละครับที่อยู่คนเดียว ทุกอย่างเหมือนค่อยๆดิ่งไปเพราะความที่ผมยังเป็นเด็ก แรกผมมีคอมนะครับไว้เล่นเกมแต่ผมยังนอนและไปโรงเรียนได้นะครับยังมีความรับผิดชอบอยู่ ชึ่งถ้าผมจะไปโรงเรียนตอนแรกลุงข้างห้องเขาจะไปส่งตอน7โมง จากนั้นพอผ่านไป4เดือน ผมก็แบบอยากได้อิสระในการไปโรงเรียนเอง ในเวลาไหนก็ได้ผมเลยบอกกับลุงว่สผมจะปั่นจักรยานไปเอง ระยะทางประมาณ2.5กิโลเมตรได้ครับ แรกๆประมาณ3เดือนผมก็ไปช่วง06:00-07:00 และพอผมไปถึงโรงเรียนจะมีเวณทำความสะอาดตอนเช้าชึ่งเขาจะเริ่มทำกันช่วง7:30 แต่ผมในเวลาไหนที่มาถึงผมจะกินข้าวและเริ่มทำเลย(ผมเป็นคนชอบทำอะไรคนเดียวและชอบทำความสะอาดโรงเรียนด้วยครับชอบมากๆผมเลยทำก่อนใครเลย) ตอนแรกผมทำผมเดียวนี่แหละครับช่วง1-4เดือนแรกตั้งแต่ผมเข้าเรียน(ชึ่งรวมถึงช่วงที่ลุงเป็นคนมาส่งด้วย)จนมีเพื่อนที่มาช่วยล้าง คนสองคน ชึ่งผมและเพื่อนไม่หวังอะไรนะคือผมชอบทำอยู่แล้ว จนผอ.รึครูในโรงเรียนก็เอ็นดูผมและให้ผมเป็นนักเรียนดีเด่น ชึ่งผมก็บอกพวกเขาไปว่าผมชอบทำเฉยๆไม่จำเป็นต้องสนใจผมรึยกให้ผมเป็นนักเรียนดีเด่นก็ได้ครับ เพราะผมไม่อยากเป็นจุดเด่นผมอยากไม่ให้มีคนมาสนใจผมผมทำเพราะชอบจริงๆ (ผมกลัวว่าตอนนนั้นจะมีคนมองว่าผมสร้างภาพครับ)
แต่พวกเขาก็ยังยกให้ผมเป็นนักเรียนดีเด่น ชึ่งผมก็ไม่กล้าขัดพวกเขา เลยเออออตามไป ผมก็ยังทำเหมือนเดิมนะแต่ครูประจำชั้นเขาไม่ชอบนิสัยผมที่คิดนอกกรอบและทำอะไรตามใจตัวเอง (ตรงนี้ผมยอมรับครับงานบางอย่างที่เขาสั่งมาผมทำนอกกรอบที่ครูเขาสั่งและสอนส่วนทำตามใจคือผมชอบใส่ความรู้ใหม่ๆที่ด้จากการศึกษาเพิ่มเติมใส่ลงไป ครูเขาสอนวิทยาศาสตร์วิชาที่ผมชอบมากๆ) ผมก็ยังเคารพเขาเพราะผมเป็นเด็กเลยยอมเขาและรับฟัง ชึ่งด้วยนิสัยนี่เลยมีครูบางท่านแอบไม่ชอบใจผมอยู่แต่พวกเขาไม่พูด (ผมเป็นคนสายตาสั้นครับประมาณ400 ผมมองหน้าคนอื่นไม่ชัดเลยอาศัยน้ำเสียงและการกระทำเพื่อดูอารมณ์) ทุกอย่างปกติ ดีจนมาถึงวันๆหนึ่งๆครับที่มีพระมาสอนและสอบวิชาธรรมมะ ชึ่งผมเรียนจบไปเรียบร้อยแล้วครับ จบเอก ชึ่งผมมีใบว่าผมเรียนจบแล้วจริงๆ แต่ผมไม่ได้อวดรึอะไร แต่ตอนนั้นครูวิชาสังคมเขาได้บอกให้ผมช่วยสอนเพื่อนเพราะว่า ผมเคยคุยกับครูว่าจบเอกแล้ว (เป็นการสอบธรรมทะอะไรชักอย่างนี้แหละครับจำไม่ได้แล้ว)
จนครูเขาได้บอกกับพระที่มาสอน ตอนแรกเขาเป็นนักเลงมากกว่าครับไม่ใช่พระแล้วการสอนที่ไม่เหมือนพระรึการสอนที่ไม่ดีเลยก็ว่าได้ ตรงส่วนนี้ผมรับได้ครับ แต่ที่ผมติดใจเลยคือเขาจะมีไฟฉายที่มีเลเชอร์ครับ และเขาจะเอาส่องหน้านักเรียนแทนการชี้ ชึ่งผมก็ไม่ได้ไม่พอใจแต่ผมติดใจว่าทำไม แต่ตอนเขาสอนผมเป็นคนที่ติดสนิสัยมองไปที่คนสอน ไม่ว่าจะหน้ารึสิ่งที่คนที่สอนอยู่ชี้
ชึ่งผมก็ทำเป็นปกติ จนเขาถามขึ้นมาว่า "มองทำไม" ชึ่งผมได้ตอบเขากลับไปว่า "ผมมองพระอาจารย์อยู่ครัง"
ต่อจากนั้นคือการพูดเหน็บผมเรื่อยๆครับ และมีเรื่องนึงแกได้พูดแทงใจคือคำว่า "กลับบ้านมั้ย เดี๋ยวส่งกลับ" ตรงนั้นทำให้ผมน้ำตาคลออยากร้องไห้แต่ร้องไม่ได้ครับเพราะตอนนั้นผมเป็นเด็กที่หัวรั้นมากเลยแบบมายุ่งอะไรด้วย ทั้งหมดที่แกทำผมไม่รู้สึกโกรธรึหงุดหงิดแกเลย แต่ตรงที่ผมโกรธคือคำว่ากลับบ้านมั้ย คือผมไม่ชอบให้ใครมายุ่งเรื่องส่วนตัว พอหลังจากวันนั้นผมผมก็นั่งร้องไห้ อยู่คนเดียวในห้องและหลับไปผมตื่นมากลางดึกชึ่งตอนนั้นผมได้เปิดคอมเล่นเกมผมไม่แน่ใจว่าวาเวลาไหน น่าจะช่วยง5ทุ่มครับ ผมได้เล่นเกม Genshin ที่ผมเคยเล่นก่อนจะมาอยู่ที่ชลบุลี ตอนนั้นผมเครียดมากครับเลยเล่นเกมนี้จนติดเกมนี้ใหญ่เลย ผมนั่งเลยเกมนี้อยูาจนถึงเช้า และถึงเวลาไปเรียนผมไม่ไปครับ และพอจากวันนั้นผมเริ่มไปเรียนสาย เริ่มสนใจการเรียนน้อยลง คือยังตั้งใจนะครับแต่มันน่าเบื่อทั้งที่ก่อนหน้าผมสนุกกับการเรียนแบบนี้ พอผมฟังครูสอนเสร็จผมจะฟุบหละบกับโต๊ะเรียน รึไม่ก็คาบไหนที่ครูทิ้งงานไว้ผมจะทำให้เสร็ตและค่อยฟุดลงไปนอน แต่ครูก็มักจะดุผมตลอด แม้ว่าผมจะทำเสร็จแล้ว ตรงส่วนนี้ตอนนี้ผมเข้าใจ แต่ตอนนั้นผมคิดว่า "ผมผิดอะไรผมทำงานเสร็จแล้ว ผมก็นอนตอนที่สอนเสร็จ ผมก็ไม่ได่หละบระหว่างคาบ" ตรงนี้ผมเป็นเด็กปกติครับไม่ได้เด็กเรียนที่ตั้งใจเรียนเหมือนก่อน แต่มีวันนึงที่ผมเริ่มมองโลกในแง่ร้ายเรื่อยๆและเริ่มกลายเป็นคนที่พังรึล้มเหลวในสายตาคนรอบข้างเลยแหละครับ วันนั้นคือวันที่ครูจะเรียกเก็บงานที่ค้างอยู่ในเดือนนั้น ขึ่งผมจำได้ว่าส่งทุกงานแล้วแน่ๆเพราะมีเพื่อนเป็นพยาน แต่ครูบอกผมยังไม่ได้ส่งงานเลยผมเลยเถียงครูในชีวิตครั้งแรกว่าผมส่งแล้วเพื่อนผมก็ช่วยพูดด้วยว่าผมส่งแล้ว
ครูเขรตอบกลับมาประมาณว่า"ครูไม่เห็นงานเธอนะ เธอโกหกครูรึเปล่า" ตอนนั้นคือแบบผมโมโหครูมาก แต่ก็ยงเก็บอาการและพยายามยืนยันว่าผมส่งแล้วจริงๆ แต่ครูไม่เชื่อและให้ทำใหม่ จนรอบนี้แหละครับผมปรี้ดแตก ผมส่งงานอีกรอบในห้องพักครูเลย ชึ่งตอนนั้นครูผมบอกว่า วางงานไว้ที่โต๊ะเลยครูยุ่งอยู่ ผมเลยเอาของแถวๆนั้นมาทับงานผมไว้ให้ห่างจากเอกสารอื่นที่อยู่เต็มโต๊ะครู พอถึงวันเรียกเก็บงานเพื่อจะให้คะแนนตอนจบม.1 ครูมาบอกผมอีกรอบนึงว่า "นิติพล ทำไมไม่ส่งงานครู"ตอนนั้นแหละครับในใจผมคือ อะไรอ่ะครูผมส่งงานไปแล้ว แต่ผมก็เก็บอาการและบอกครูว่าผมส่งแล้วครับ ครูก็ตอบเหมือนเดิมว่าไม่เห็น
จากวันนั้นผมก็ไม่สนใจอะไรเลยครับ ขาดเรียน
ติดแต่เกม อยู่แต่ในห้อง ติดผู้หญิงจนเสียคน จะว่าตอนนั้นผมคือคนที่ล้มเหลวในครอบครัวก็ได้ครับ เพราะครูรึผอ.ในโรงเรียนผิดหวังในตัวผม แม้แต่คนในห้องแถวก็ยังผิดหวัง รวมถึงปู่ของพ่อผมที่ผิดหวังในตัวผมด้วย ชึ่งตอนนั้นผมเข้าใจความรู้สึกทุกคนด้วยการพูดคุยเล็กๆน้อยๆแม้ไม่ได้มองตาครับ แแต่พวกเขาจะถามผมเสมอว่า"ทำไมไม่ไปเรียน" ชึ่งในตอนนั้นผมไม่ตอบอะไรไป และผมไม่อยากไปโรงเรียนโดยหาเหตุมาอ้างต่างๆนาๆให้ตัวผมไม่ไปโรงเรียน จนครูมาตามถึงโรงเรียน ผมก็ไม่ได้ตอบอะไรครูไป และครูพยายามยุ่งเรื่องส่วนตัวผมอยู่ตลอด(ใช่ครับในตอนนั้นผมคิดแบบนั้นแต่ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วครับ ว่าเขาอยากได้เหตุผลเขาจะได้ช่วยผมได้" จากนั้นครูก็ไป จนผมไม่ไปเรียนเลยในช่วง4เดือน และยังไม่ได้เริ่มเรียนม.2เลย จนแม่มากลอมให้ผมไปเรียน ครั้งแรกที่ผมไปโรงเรียน ผมรู้สึกแค่ว่าผมมันแย่ผมมั่นล้มเหลว จากสายตาของคนคุณครูในโรงเรียน ทำให้ผมไม่กล้าที่จะมองใครตรงๆอีกรึแม้กระทั่งคุยกับคนอื่นแบบปกติ จนผมเรียนได้1อาทิตย์ ก็ได้ตัดสินใจไม่ไปเรียนอีกเลย
ผ่านไปสักพักนี่แหละครับ ลูกสาวของปู่พ่อผมเขาเปิดร้านคาเฟ่และให้ผมไปทำ ตอนนั้นผมอยู่ในช่วง15ปีครับ ผมทำงานที่นั้นได้7เดือนก็ออก มีปัญหาหลายเรืองจากที่ทำงานและร้านก็ปิดตัวลงใสตอยนั้นผมก็อยู่ในห้องและโทษตัวเองช้ำๆที่ทำให้ร้านรึธุรกิจคนๆนึงพัง เพราะผมไม่ได้เรื่องทำงานได้ไม่ดี
ผมตอนแรกๆที่ทำงาน3เดือนแรกสํ้งานมากครับ ชอบและสนุกมากจากที่ผมได้เครียดมาตลอด(ช่วงสามเดือนนี้ผมทำงานตลอด3เดือนเลยครับไม่ได้หยุดเลยเพราะวันหยุดผมจะลงมาช่วงงานทุกครั้งและทุกวัน เพราะผมชอบงานที่ทำมากแม้จะไม่ได้เงินในวันหยุด) จนมาวันนึงป้าที่ทำงานด้วยกันได้ถามผมว่ากินข้าวเย็นรึยัง "ผมได้ตอบไปว่ายังไม่ได้กินครับ" จากนั้นแหละครับตกเย็นมาป้าแกมาโวยใส่ผมว่าจะมาหลอกกินฟรีเพราะแกไปถามป้าร้านอาหารว่าผมกิยข้าวรึยังแกได้คำตอบว่าผมกินไปแล้ว ชึ่งตอนนั้นผมอธิบายไปว่า ผมยังยังไม่ได้กินข้าวเย็น เพราะแกถามผมตอน14:20นาที แต่ผมกินข้าวตอน11โมง ชึ่งคือข้าวเที่ยง และข้าวเย็นผมยังไม่ได้กินจริง แต่แกก็ไม่เชื่อผม ตั้งแต่นั้นแกก็จะหาเรื่องจับผิดผมตลอด (แต่ผมขอพูดเลยครับช่วงแรกๆ3เดือนผมไม่ได้เกลียดแกเลยครับเคารพแกตลอดถึงจะมีบางช่วงที่ผมไม่ได้ทำผมก็ไม่โกรธเช่น วันนึงผมกำลังชงน้ำให้ลูกค้าและโชดาหมดผมเลยจะวิ่งขึ้นไปเอาโชดาที่อยู่ห้องเก็บของข้างบน แกเลยถามผมว่าเหลออะไรบ้าง ผมตอบกลับว่า"ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวผมทำเอง"แต่แกบอกอยากจะช่วย ผมเลย บอกแกว่า เหลอแค่ใส่โชดา100 ML.และตกแต่งแก้วและเสริฟลูกค้าเลยครับ ทีนี้ผมหลังจากหยิบโชดาเสร็จ ผมก็วิ่งลงมาและเห็นแกเสิร์ฟน้ำเรียบร้อยผมมองดูก็เรียบร้อยดี(ผมสายตาสั้นเลยมองไม่ชักว่าแกใส่โชดารึเปล่าแต่จะมองใกล้ๆลูกค้ากผ็เสียมารยาท ถามป้าแกไม่รู้จะอารมณ์เสียมั้ย) จากนั้นลูกต้ามาขอโชดา ผมเลยให้ไป และพอตกเย็นป้าแกมาบอกผมว่า"ไหนเธอบอกเรียบร้อยแล้ว เสริฟได้เลยไง " ผมเลยงงและถามแกกลับว่าอะไรหรอครับ?
แกตอบกลับผมด้วยความโมโห"ลูกค้าเขาบอกว่าน้ำมันหวานไปเขาเลยขอโชดาเพิ่ม" ผมเลยพยายามอธิบายให้แกฟังแต่แกก็ไม่เชื่อ และเลาให้เจ้าของร้านฟัง(ลูกสาวปู่พ่อผม) และก็ใส่ไข่ บอกว่า ผมไม่มีมารยาทไม่ใช้คำสุภาพกับผู้ใหญ่ ผมสาบานได้เลยครับตั้งแต่ผมเกิดมาผู้ใหญ่ทุกคนผมเติมคำลงท้ายว่าครับตลอดและพยายามพูดมห่เกรียติพวดเขาตลอด และทีนี้ตลอด3เดือนนั้น ก็มีเรื่องทราแกจับผิดและบอกเจ้าของร้านมากมาก ที่ต่างจากความจริงที่ผมทำ จนมาถึง1เดือนสุดท้ายก่อนปิดร้าน ผผมโดนครอบครัวเจ้าของร้านเรียกไปคุย แม้ผมจะอธิบายด้วยความหวังที่ว่าอย่างน้อยเขาคงจะเชือผม แต่พอผมเล่าออกไปเขาไม่ได้เชื่อผมและยังบอกว่าผมโกหก (ในช่วงเวลานั้นผมเข้างานสายบ่อยครับช่วง3เดือนที่เดิดเรื่อง แต่มาสายรวมกัน สาย5นาทีเป็นส่วนใหญาครับ แต่หนักเลยคือ30นาทีครับ ที่ผมไปสายเพราะผมไม่อยากทำครับเพราะไปก็โดนด่าโดยว่าตั้วแต่เช้าแม้วันนั้นผมจะทำดีแค่ไหนก็ตาม และผมโดนทุกวันครับไม้เว้นวันหยึดที่ผมมักจะลงมาช่วยงานด้วย ถึงแบบนั้นผมก็ไม่โกรธแกนะครับ เพราะผมเป็นเด็กเลยยอมรับฟงถึงในใจจะแบบน้อยใจทุกคน ที่ทำไมไม่เชือผม วันนี้ผมทำงานดีทำไมต้องด่าผม ถึงวันนั้นจะไม่มีอะไรให้ด่า เรืองเล็กๆน้อยๆที่ผมชอบสตรีมนมและทำลาเต้อาท(ตรงนี้จะทำวันละแก้วครับ นอกนั้นจะใช้น้ำเปล่ากับน้ำยาจ้างจานแทน) แกก็จะบ่นตลอดครับว่าเอานมมาเล่น ถึงผมจะทำกินเองทุกแก้ว และก็มีบางเรื่องที่ทำไปเพราะความเป็นเด็ก เช่น ชงน้ำเมนูใหม่ๆ ลองผสมน้ำแปลกๆและหาสู้ตรใหม่ แแต่ก็เจ้าของร้านไม่ชอบผมเลยโดนดุบ่อยๆเพราะเอาไชรัปไปเล่น) ผมเลยแบบทนไม่ไหวแล้วครับตอนนั้น ผมเหนื่อยกับงานนี้มาก พยายามทำดีและทำงานให้ถึงที่สุดแต่บางทีมันก็ออกมามั้งและทำให้ผมท้อและเครียดหนักกว่าเดิมเพราะในทุกๆวันในเดือนนั้นผมจะทำผิดหนึ่งอย่างเสมอ เพราะผมเริ่มทนกับแรงกดดันและสภาพจิตใจตัวไม่ไหว ก่อนผมจะขอลาออก และหมกตัวในห้องมาเรือยจนผมได้ย้ายออกมาและมาอยู่ที่โคราชหมือนเดิม
ขอบคุณที่อ่านจนจบนะครับ อาจมีบางส่วนที่อ่านแล้วไม่เข้าใจขอโทษด้วยนะครับ