มีใครถูกเลี้ยงมาโดยการตี เหมือนผมมั้ยครับ

ตอนนี้ผมเป็นคนที่มีสถานะเป็นลูกและหลานของพ่อกับลุง  และอยู่ในสถานะของคนเป็นพ่อด้วยครับ อายุผมก็ใกล้จะ 29 ปี มีลูกที่อายุ 4ขวบ และมีลุงกับพ่อที่อายุราวๆ 60-70 ปี

เรื่องมีอยู่ว่า ครอบครัวผมพ่อแม่แยกทาง และผมอยู่กับญาติฝั่งพ่อครับ นั่นคือลุง ปู่ และย่า ส่วนพ่อผมทำงานใน กทม. ฐานะของพ่อคือจัดว่ากลางๆเอียงไปทางขัดสนครับ เงินเดือนแค่ 8000.- ทำงานออฟฟิตเล็กๆแห่งหนึ่ง ในสมัยนั้น แต่พ่อเป็นคนที่สุรุ่ยสุร่าย และหน้าตาดี มักมีผู้หญิงมาติดพันเรื่อยๆเลยครับ ส่วนแม่ก็ไม่ต่างกันครับ แต่ผมไม่ได้อยู่กับแม่เลยตั้งแต่จำความได้ เพราะเค้าหย่ากันตั้งแต่ผม3ขวบ และด้วยความที่พ่อผมเป็นคนที่ความรับผิดชอบไม่สูงพอ เพราะเป็นน้องคนเล็กที่โดนตามใจ ท่านจึงไม่สามารถเลี้ยงผมได้ จึงส่งผมไปอยู่กับ ลุง ปู่ และย่า ซึ่งพวกเค้าเป็นคนหัวโบราณและชนบทมากโดยเฉพาะปู่กับลุง แต่ปู่แก่แล้ว ก็ไม่ค่อยตึงอะไรมาก จะมีก็แค่ลุงที่ตึงจนใกล้ขาด แกเป็นระเบียบมาก หัวโบราณสุดๆ ไม่มีโอนอ่อนผ่อนปรนใดๆทั้งสิ้น ตอนผมยังเด็ก ถ้ากินข้าวช้าหรืออมข้าว จะโดนตบปากด้วยหวี หรือถ้านอนตื่นสาย จะโดนขังไว้ในห้องไม่ให้กินข้าว ผมชอบเรียนหนังสือครับ เพราะเรียนดีแล้วที่บ้านจะชม แต่ดันมีปัญหาคือสายตาสั้นไม่รู้ตัว ในราวๆช่วงป.3-ป.5 ตอนเด็กๆผมจะสอบได้เลขตัวเดียวตลอดครับ ชอบเรียนรู้เอามากๆ แต่เป็นคนที่ค่อนข้างเชื่องช้า ทำอะไรช้าาาามากกกกก จนจบชั้นป.3 จำได้ว่าลำดับที่การเรียนของผม มันขยับไป ที่ 13 จากนักเรียน 36คน วันนั้นถือสมุดพกกลับมา ก็ไม่ได้คิดอะไร ก็เอามาโชว์ลุง เพราะคิดว่าอย่างน้อยเราก็ตั้งใจเรียนแล้ว แกคงไม่ว่าอะไร แต่สิ่งที่ผมได้ยินคือ ถ้าจะได้ที่ 13 ทำไมไม่เอาที่โหล่ไปเลยล่ะ ซึ่งสวนทางกับลูกพี่ลูกน้องคนอื่นที่อยู่บ้านข้างกัน พวกเขาเรียนได้ที่ 1 ได้ที่ 2กันหมด มีผมคนเดียวได้ที่ 13 ตอนนั้นเสียใจมากครับ น้ำตาไหลเลย ยังจำความรู้สึกได้อยู่เลยครับว่าเฟลแค่ไหน คิดแค่ว่าทำไมไม่ให้กำลังใจล่ะ ผมก็พยายามแล้วนะ และผมไม่รู้เลยครับว่าตัวเองสายตาสั้น รู้แค่มองกระดานไม่เห็น เพราะดันเป็นเด็กหลังห้อง ก็เลยไม่เข้าใจที่ครูสอน แต่ช่วงแรกก็พยายามถามเพื่อนเอาว่ามันคือตัวอะไรบนกระดาน จนเพื่อนรำคาญ (ตัวสูง ครูเลยให้นั่งข้างหลังเพื่อน) แต่ผมไม่กล้าบอกลุง เพราะกลัวแกดุที่มองไม่เห็น พอขึ้นป. 4 หนักเลยครับ ไม่ส่งการบ้านครูจนถูกเรียก ผปค. เพราะเพื่อนรำคาญเลยไม่กล้าขอเพื่อนดูว่าครูเขียนอะไรบนกระดาน ไม่กล้าบอกครูด้วย นึกว่าเราอะเขียนช้าเอง เลยไม่ทันเพื่อน แต่ความจริงคือ มองไม่เห็นครับ กว่าจะแกะได้แต่ละตัว โคตรนาน พอครูถามว่าใครยังลอกโจทย์บนกระดานไม่เสร็จ ให้ยกมือ ไม่งั้นจะลบแล้วนะ ไอ้เราก็กลัวโดนว่าเพราะเพื่อนเสร็จกันหมดแล้ว ไม่มีใครยกมือเลย ก็เลยปล่อยเลยตามเลย นานๆเข้าการบ้านก็สะสม เพราะทำไม่ได้ ไม่มีโจทย์ หรือถ้าโจทย์จากในหนังสือก็ทำไม่ได้ครับ เพราะตอนครูสอนวิธีทำบนกระดานมันมองไม่เห็น เลยไม่เข้าใจว่าเขาสอนอะไร ก็เลยทำการบ้านไม่ได้ จะถามลูกพี่ลูกน้องคนอื่นเค้าก็ทำการบ้านตัวเองเสร็จหมดแล้ว และไปเล่นกันหมดเลย ไอ้เราก็อยากเล่นด้วย แต่ถ้าการบ้านไม่เสร็จก็ห้ามเล่น เลยโกหกไปว่า ไม่มีการบ้าน แล้วไปเล่นกับเขา ทำแบบนี้บ่อยๆครูก็เรียก ผู้ปกครองเลยครับ ฝากจดหมายมาในกระเป๋า ผมก็เอาไปทิ้งตลอด จนครูทนไม่ไหว เรียกลูกพี่ลูกน้องผมไปหา แล้วให้เขามาบอกลุง วันนั้นแหละครับ เรื่องใหญ่ โดนตียับเยินเลยครับ ทำไมขี้เกียจแบบนี้ ทำไมถึงโกหก คนในตระกูลของกูไม่มีใครเป็นแบบนะ มีแต่พ่อกับนี่แหละ ที่นิสัยเลวแบบนี้ ผมก็กลัวตัวสั่น กรีดร้องสุดเสียง โคตรเจ็บเลยครับตอนนั้น ทั้งเจ็บทั้งอาย แกด่าเสียงดัง ด่าถึงพ่อเลย จะบอกแกก็บอกไม่ได้ว่ามองไม่เห็น เพราะขนาดนั้นก็ยังไม่รู้จักว่าสายตาสั้นมันคืออะไร ในใจคือโคตรเกลียดลุงเลย ยิ้มไม่มีเหตุผล ตีอย่างเดียว เพราะผมเป็นลูกของน้องคนที่ไม่ดีของแกใช่มั้ยล่ะ เลยทำกับผมและเกลียดผมแบบนี้ พ่อผมก็ช่วยอะไรไม่ได้ เพราะไม่มีเคดิตอะไรไปค้านลุง มันเหมือนว่าก็ไม่มีปัญญาเลี้ยงเองนี่นา ไม่พอใจก็เอากลับไปดิ่ ประมาณนั้น พ่อเลยไม่กล้าหือกับลุง ผมก็ร้องไห้ น้อยใจโชคชะตา ทำไมกูต้องมาเจออะไรแบบนี้ ทำไมต้องมาเจอคนแบบนี้ ที่เลี้ยงๆมาเนี่ยไม่รักผมบ้างเลยหรอ ทำไมไม่พยายามหาเหตุผลล่ะว่าเพราะอะไรผลการเรียนผมถึงตก จากเด็กเรียนดี อยู่ๆเปลี่ยนไปขนาดนี้ เคยใส่ใจผมบ้างหรือเปล่า คิดในใจว่าถ้าโตเมื่อไหร่ จะออกจากบ้านนี้ให้เร็วที่สุด

นั่นคือสิ่งที่ผมคิดตอนนั้นครับ พอถึงช่วงที่เข้ามหาลัย ก็เลยมาอยู่กับพ่อใน กทม. หยิ่งมากครับตอนนั้น ไม่กลับไปหาลุงเลยถ้าพ่อไม่บังคับไป พอไปเยี่ยม แล้วนอนค้างบ้านลุงแปปๆก็ทะเลาะกันอีก ก็มันแค้นใจอะครับ ตอนเด็กโดนมาเยอะ เลยทะนงตัวว่าตอนนี้อะ เข้ามหาลัยได้แล้ว ทำงานหาเงินเองได้แล้ว ทำไมต้องง้อลุงด้วย อยากโกรธอะไรก็โกรธไป ใครสนล่ะครับ แต่สุดท้าย ผมเรียนไม่จบครับ ผมเลือกที่จะทำงาน เพราะตอนนั้นเรียนครู กะว่าเรียนอีก 2  ปีแล้วจบมา เงินเดือนก็แค่หมื่น 5 เผลอๆไม่ถึงด้วย แต่ตอนนี้ทำงานห้าง เงินเดือน 2 หมื่น พอแล้วแหละชีวิตนี้ เลยลาออกจากมหาลัยมาทำงาน ซึ่งลุงแกโกรธมาก แกด่าเสียเลย คนอย่าง กูไม่น่าส่งเรียนให้เสียเวลา ส่งควายไปเรียนยังมีประโยชน์กว่า คิดว่างานที่ทำมันจะทำให้ชีวิตนี้สบายแล้วหรอ วันนึงแก่ ไม่มีปัญญาทำงานให้เขา เขาก็ไล่ออก กูบอกให้เรียนสูงๆทำไมไม่ฟังกูวะ จะได้มีอนาคตดีๆ อยากเป็นเหมือนพ่อหรือไง ด่าโคตรเจ็บ ด่าทีชอบด่าถึงพ่อตลอด ตอนนั้นผมโคตรเดือด แต่ไม่เถียง ในบ้านแกใหญ่สุด คิดในใจว่าเงินเดือน 2 หมื่น มันไม่พอหรอวะ แล้วตอนนี้เงินเดือนก็ขยับเป็น 22000 นี่อายุ 21 หาตังได้ขนาดนี้ยังไม่พอรึไง งานก็โคตรสบาย ลุงหัวโบราณ อยากโกรธก็โกรธไปใครสน แล้วก็ใช้ชีวิตแบบนี้มาเรื่อยๆครับ จนไปทำผู้หญิงท้อง ก็แบบ ชิ***แล้วไง ทำไงดี ไม่มีเงินแต่งเขา ไอ้เงินที่ทำงานมาก็ไม่เคยเก็บ เที่ยวเล่นสนุกไปวันๆ ลุงเคยสอนให้เก็บเงิน อย่าฟุ่มเฟือย ยามต้องใช้แล้วไม่มีเก็บมันจะลำบาก ก็ไม่เคยเชื่อแก ตายๆๆ เลยไปปรึกษาพ่อ พ่อก็ไปปรึกษาลุง (หนีไม่พ้น) โดนด่าอีกครับ ตบด้วย ตีด้วยจนแกเหนื่อย แกถึงช่วยครับ เพราะแกเตือนแล้วว่าอย่าไปทำใครท้องก่อนแต่ง ถ้ายังมีฐานะทางการเงินที่ไม่พร้อม ไม่งั้นชีวิตจะลำบาก แกเลยโกรธมาก พอบอกทำผู้หญิงท้อง แต่แกก็ให้สินสอดมา ให้ทองมา เอามาแต่งแฟน แกใช้คำว่าให้ยืม ซึ่งตอนนั้นผมยังเฉยๆนะ ยังไม่สำนึก แกก็บ่นเรื่องงานอีก ว่ากลับไปเรียนเถอะ เรียนรามก็ได้ เอาใบปริญญามาไว้เป็นใบเบิกทาง ยังไม่สายนะ ผมก็คิดเถียงในใจว่า ยังไม่เลิกยุ่งกับชีวิตคนอื่นอีก จะกลับไปเรียนได้ไง มาขนาดนี้แล้ว เรียนจบมาก็ขี้ข้าเขาเหมือนเดิม ใช่จะรวยขึ้นเสียเมื่อไหร่ คิดแต่ในกะลาเดิมๆ ไร้สาระ แต่ไม่กล้าพูดให้แกได้ยินครับ กลัวแกไม่ช่วย แล้วพอแต่งงานเสร็จ ผมก็มาอยู่ กทม. เช่าบ้านอยู่ มีลูก  แต่ไม่มีปัญญาเลี้ยงครับ ผมกับแฟนทำงานทั้งคู่ พ่อเลยต้องออกจากงานมาช่วยเลี้ยง  ตอนแรกก็ให้เงินแกแหละ เดือนละหมื่น ให้เงินพ่ออยู่ไม่ถึงปี ก็ไม่มีจะให้ครับ พ่อก็ไม่ว่า ยังมาดูแลลูกให้เหมือนเดิมอยู่สามปี เวลาเราหยุดแกก็ไปรับจ๊อบอื่นตามประสา ทำไปทำมา เศรษฐกิจแย่ ของขายไม่ได้ รายได้ก็ลดฮวบ จากเคยให้ค่าเลี้ยงลูกพ่อเดือนละหมื่น ก็กลายเป็นขอแกเดือนละเกือบหมื่น เดือดร้อนถึงลุงสิครับ จะอดตายกันทั้งบ้าน ลุงก็ด่าอีก แล้วก็ช่วยมาแบบโกรธๆ พร้อมคำพูดเดิม กูเตือนแล้วใช่มั้ย ให้เรียนสูงๆ ยิ้มไม่เชื่อ อยากเที่ยว อยากสนุก ทีนี้เป็นไงล่ะ จะตาย*่ากันทั้งครอบครัว ก็แบกหน้ามาหากูอีก ตอนนั้นผมรู้สึกแย่มากครับ เพราะก่อนหน้านี้ทะนงตัวไว้เยอะ แล้วผมก็ล้มอีกหลายครั้งครับ โดนคนหลอกเงินไปครึ่งล้านลุงแกก็ช่วยทุกครั้งจริงๆ ถ้าแกไม่มีจะช่วย แกก็ไปหากู้ หายืมมาให้ วุ่นวายไปหมด แกกลัวผมเดือดร้อนต้องไปกินข้าวแดงในคุก ทั้งชีวิตที่ผ่านมาของลุงคนนี้แกรักศักดิ์ศรีมาก ไม่เคยเอ่ยปากยืมเงินใคร ตัวแกเดือดร้อนแกก็ทน เพราะแกอายที่ต้องยืมเงินคนอื่น แต่แกกลับต้องแบกหน้าไปยืมเงินมาให้หลานเลวๆที่ไม่เชื่อฟังแก จนชีวิตพังไม่เป็นท่า เพียงเพื่อให้หลานที่นอกจากจะไม่เคยให้อะไรตอบแทนค่าข้าวค่าน้ำที่แกอุตส่าห์เลี้ยงมาแล้ว ยังเถียงแกคอเป็นเอ็น หัวแข็ง และทำแกผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำอีก หลานคนนี้ไม่ได้มีอะไรควรค่าให้ลุงแกรักเลยครับ แต่พอหลานคนนี้เดือดร้อน ลุงแกกลับช่วยสุดตัวโดยยอมทิ้งกระทั่งศักดิ์ศรีของตัวแกเองเพียงขอให้หลานรอดจากการถูกฟ้อง กลัวหลานต้องไปลำบากในคุก แกช่วยจนผมรอดอะครับ

จนทุกวันนี้การเงินผมแม้จะไม่ได้คล่องตัวเหมือนเมื่อก่อน แต่ก็ไม่ได้ขัดสนเท่าไหร่ พอใช้ไปรายเดือนแบบไม่เดือดร้อน ผมก็รอดมาได้เพราะลุงคนที่เคยดุด่าว่าตี ผม แบบไร้เหตุผลในวันนั้น และพ่อที่เหมือนจะสนใจแฟนใหม่มากกว่าลูกตัวเอง ก็ช่วยผมจนไม่รู้จะช่วยยังไง แฟนใหม่พ่อก็ช่วยแต่ก็ยังไม่ไหว จนได้ไปขอให้ลุงช่วย แล้วยอมโดนลุงด่า แบกหน้าไปขอความช่วยเหลือจากลุง ลุงกับพ่อผม คนสองคนนี้ โดยเฉพาะลุง ผมโคตรรู้สึกผิดกับท่านเลยครับ นึกเสียใจมากเลยว่าความคิดตัวเองเลวมากในตอนวัยรุ่น ความทะนงตัว ความหัวแข็ง และความอวดดีของผม มันทำให้ผมล้มไม่เป็นท่า แล้วคนที่ฉุดผมขึ้นมา ดันเป็นพ่อกับลุงที่ผมแสนจะเกลียดตอนเป็นวัยรุ่น เพราะคิดว่าพวกท่านหัวโบราณคร่ำครึ ไม่ยอมสอน เอาแต่ตี เหมือนไม่เต็มใจเลี้ยงดู ผมในจุดนี้ พอมองย้อนกลับไปถึงคำที่ลุงเคยสอนในตอนที่อยู่กับเค้า ทุกคำคือความจริงทั้งหมด

วันที่ผมอายุใกล้ 30 บริษัทที่ผมทำงานตั้งแต่ตอนเรียน ที่ผมมั่นใจมากว่าเค้าจ่ายเงินให้ผมในอัตราที่ผมอยู่ได้แบบสบายไปตลอดชีวิต หากผมยังทำงานที่นี่ เพราะผมเองก็ตัวท็อปในด้านการขายคนนึง จึงทะนงตัวมากว่าไม่มีทางล้ม อยู่ๆบริษัทนี้ก็เปลี่ยนกฎการทำงาน เป็นกฎเกณฑ์ที่แสนเอาเปรียบ เพราะเค้าต้องการเปลี่ยนระบบบริษัทให้เป็นแบบไร้พนักงานขาย ต้องการรายได้ผ่านทางออนไลน์ ไม่ใช่หน้าร้าน เพราะพนักงานขาย ไม่จำเป็นกับเขาเท่าไหร่แล้ว เค้าจึงไม่แคร์ และเปลี่ยนกฎกับค่าคอมมิสขั่นจนผมอยู่ไม่ไหว ทำงานเลิกดึกขึ้น กฎเกณฑ์มากขึ้น แต่เงินกลับน้อยลง สุดท้ายผมจึงอยากหางานใหม่ แต่ผมมีแค่วุฒิ ม. 6 ครับ ผมจึงทำได้แค่ลาออกเท่านั้น เพราะทำไป ค่ารถมันก็แทบจะเป็น 25 %ของเงินเดือนผมแล้ว ไหนจะค่าครองชีพที่โคตรสูง เหมือนทำงานแล้วผมกลับขาดทุนมากกว่า

วันนั้นที่ลุงผมบังคับให้เรียนให้จบ ผมโคตรโกรธเค้าเลยครับที่มาบงการชีวิตผม ทั้งๆที่ผมก็หารายได้ที่มั่นคงให้ตัวเองได้แล้ว แต่ลุงก็ยังดูถูกผมว่าหากผมแก่ บริษัทเค้าจะยังจ้างผมหรือ ในวันนั้นผมมั่นใจมากว่ายังไงผมก็ไม่ล้ม เพราะผมทำยอดขายได้ดีมาก เค้าไม่มีทางไล่ผมออก ลุงช่างหัวโบราณซะจนน่ารำคาญ แต่มาวันนี้ผมอยากเรียนมากครับ อยากมีวุฒิการศึกษาที่สูงกว่านี้ จะได้หางานดีๆทำได้ แต่มันก็สายไปแล้ว และอีกหลายอย่างที่แกเคยสอนแกมด่า มันโคตรจะจริงเลยครับ

คำที่บอกว่าไม่มีใครรักเราเท่ากับคนในครอบครัว มันโคตรจริงครับ เพื่อนๆผมทิ้งผมหมดเลยครับ ที่ผมเคยช่วยมัน เคยเที่ยวด้วยกัน พอผมบอกขอยืมเงิน ตอนนี้เดือดร้อน ก็หนีหาย เหมือนตายจาก ส่วนคนที่ไม่หายจากชีวิต ก็มีข้ออ้างเยอะมากสารพัด สุดท้ายก็คือไม่ช่วยนั่นแหละ แต่ก็เข้าใจเค้าครับ ว่าพวกเค้าเองก็มีคนข้างหลังที่ต้องดูแล และมันไม่ใช่หน้าที่ของเขาที่ต้องตอบแทนบุญคุณเราเสมอไป เราอาจเคยช่วยเขา แต่ไม่มีกฎหมายข้อไหนบอกนี่ครับว่าเขาต้องช่วยเราเป็นการตอบแทน ตอนผมเดือดร้อน มันก็เหมือนเป็นการสอนผมด้วย ว่าใครบ้าง ที่เค้ารักและหวังดีกับผมจริงๆ ซึ่งก็คือครอบครัวของผมเอง ทั้งแฟนผม พ่อ-แม่แฟนผม และมากๆเลยคือลุงและพ่อของผมครับ

เล่ามาถึงตรงนี้ คุณอาจกำลังด่าผมว่าผมขี้แพ้/ โง่แล้วอวดฉลาด หรืออะไรก็แล้วแต่ ผมยอมรับหมดเลยครับ แต่ตอนนี้ผมสำนึกผิดแล้ว และกำลังปรับปรุงตัวให้มันดีขึ้น เพราะผมเองก็เป็นพ่อคนแล้ว ผมต้องยืนให้ได้ แต่ตอนนี้ผมไม่ได้ทำงาน เพราะแฟนเป็นคนหารายได้เข้าบ้าน ส่วนผมก็ผันสถานะตัวเองมาเป็นพ่อบ้านเต็มรูปแบบทั้ง ทำงานบ้านและดูแลลูก รับ-ส่งลูกไปโรงเรียน และผมจะพยายามเป็นพ่อ เป็นสามี เป็นลูก เป็นหลานที่ดีของครอบครัวให้ได้ครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่