“ฝ่ายค้าน” ส่ง “ศิริกัญญา” ถามกระทู้สดปมเศรษฐกิจให้ ”เศรษฐา” มาตอบเอง ดักคอแจ้งล้วงหน้าตั้งแต่วันจันทร์แล้ว
https://siamrath.co.th/n/549534
วันที่ 9 ก.ค.2567 เวลา 10.00 น.ที่รัฐสภา นาย
ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน หรือวิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงการประชุมสภาฯว่า ในการพิจารณาวันที่ 10 ก.ค.นี้จะมีการพิจารณากฎหมายยกเลิกคำสั่งคสช. เกี่ยวกับจังหวัดชายแดนภาคใต้ กรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้วและคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร คงจะรับหลักการเห็นชอบตามที่กรรมาธิการพิจารณามา นอกจากนี้ยังมีร่างกฎหมายของครม.อีก 1 ร่าง เกี่ยวกับสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งเป็นร่างกฎหมายที่สส.เป็นผู้ยื่นเอง ตนได้มีการตั้งข้อสังเกตว่า ทุกร่างครม.น่าจะรับกลับไปพิจารณาก่อน 60 วัน แม้กระทั่งร่างของสส.พรรคเพื่อไทย จึงขอตั้งคำถามว่า ที่ผ่านมามีการปิดสมัยประชุมหลายเดือน และทุกคนก็ทราบกันดีอยู่แล้วว่าร่างกฎหมายที่จะเข้าสภาหลังเปิดสมัยประชุมมีอะไรบ้าง และเชื่อว่าไม่เกินความสามารถรัฐบาลที่จะรับทราบว่า ร่างกฎหมายฉบับไหนที่จะเข้าสภาเป็นอันดับต้นๆ แต่ก็ยังคงไม่มีความพร้อมในการเตรียมการใดๆ แต่ก็ไม่ได้ผิดข้อบังคับอะไรที่ครม.จะรับร่างไปพิจารณาก่อน 60 วัน จึงขอทวงถาม ต่อการเตรียมความพร้อมกับการยึดโยงระหว่างฝ่ายบริหาร กับ ฝ่ายนิติบัญญัติอีกครั้ง ว่าให้ความสำคัญกับฝ่ายนิติบัญญัติมากแค่ไหน
นาย
ปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ส่วนการตั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจาในวันที่ 11 ก.ค.ตนได้แจ้งไปยังวิปรัฐบาลแล้ว ตั้งแต่เย็นวันที่ 8 ก.ค. ว่า น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ถามตรงไปยัง นาย
เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เท่านั้น โดยเป็นการถามเกี่ยวกับมาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจ แม้นายกฯอาจจะให้ รมว.คลังหรือรมช.คลังมาตอบแทนได้ เพราะเข้าใจว่า จะถามเรื่อง ดิจิทัล วอลเล็ต แต่จริงๆแล้ว มาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ใช่มีแค่นั้น และเรายืนยันว่าต้องเป็นนายกฯเท่านั้นที่มาตอบ ทั้งนี้เรื่องดิจิทัลวอลเล็ต เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของปัญหาปากท้องของประชาชน แต่จะพูดเรื่องอื่นๆที่เกี่ยวกับปัญหาปากท้องของประชาชน เช่นค่าไฟก็จะต้องเกี่ยวเนื่องกับกระทรวงพลังงาน และมาตรการอีกหลายๆด้านที่จะเกี่ยวข้องกับหลายกระทรวง จึงจำเป็นต้องเป็นนายกฯที่มาตอบ เพราะนายกฯเป็นหัวโต๊ะในการประชุมครม.ชุดเล็ก ที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ
ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า นายกฯเองก็เพิ่งพูดไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าไม่ได้ตั้งใจจะหนี ถ้าว่างก็จะมา และครั้งนี้ท่านรู้อยู่แล้ว ว่าทุกวันพฤหัสบดีช่วงเช้า จะเป็นกระทู้ถามสด ที่ครม. จะต้องมาสแตนบาย แต่จริงๆแล้วไม่ต้องสแตนบายด้วยซ้ำเพราะฝ่ายค้านแจ้งไปอย่างไม่เป็นทางการ ตั้งแต่ช่วงเย็นวันจันทร์แล้ว ดังนั้นนายกฯและรัฐมนตรี ก็น่าจะสามารถเคลียร์ภารกิจ มาตอบกระทู้ได้ จึงต้องดูว่านายกฯจะทำอย่างที่สัญญาไว้หรือไม่ และหากสัปดาห์นี้ นายกฯยังไม่มาตอบกระทู้ของฝ่ายค้านอีก ก็ต้องตั้งคำถามว่า ท่านจะหลีกเลี่ยงและยื้อการตรวจสอบไปเรื่อยๆหรือไม่ และตนไม่แน่ใจว่าการพิจารณา พ.ร.บ.งบกลางปี นายกฯจะส่งใครมาเป็นผู้ชี้แจงในสภาฯ ซึ่งคาดว่าอาจจะเป็นรมว.คลัง เช่นเดิม
“
อยากให้นายกฯมาชี้แจงแถลงไขให้ประชาชนรับทราบ เพราะคิดว่าเป็นเวทีที่สำคัญและเป็นโอกาสที่นายกฯจะสามารถสื่อสารกับประชาชนได้ ผ่านการถามคำถามจากสส. ซึ่งนายฯสามารถสะท้อนกลับมาได้ว่า ครม.กำลังทำอะไรอยู่ นี่เป็นโอกาสที่ดีอย่าคิดว่าเป็นเวทีที่ฝ่ายค้านจะมาฉวยโอกาสหลอกด่า ผมคิดว่าถ้านายกฯ ทำงานอยู่ตลอดเวลา ก็มาชี้แจงได้อยู่แล้วว่าท่านทำอะไรไว้บ้าง เพราะมีหลายเรื่องที่ฝ่ายค้านอยากรู้จริงๆ ไม่ใช่จะหลอกด่า เพราะบางทีเราก็ไม่รู้ว่าใน ครม. มีการทำอะไรกันบ้าง" นาย
ปกรณ์วุฒิกล่าว
นาย
ปกรณ์วุฒิ กล่าวถึงการเพิ่มวันประชุมสภาฯว่า มีการเพิ่มวันประชุมมาตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ในกรณีที่มีญัตติคั่งค้างอยู่จำนวนมาก จึงไม่เข้าใจว่าประธานวิปรัฐบาลไปฟังอันไหนมาถึงบอกว่าฝ่ายค้านจะเพิ่มวันประชุม เป็นพุธ พฤหัสบดี ศุกร์ ทั้งที่การเพิ่มวันศุกร์เกิดขึ้นเป็นครั้งเป็นคราวเท่านั้น ซึ่งการประชุมในสมัยนี้ตนก็เสนอแล้วโดยเป็นการพูดคุยกับวิปรัฐบาลอย่างไม่เป็นทางการเมื่อวันที่ 8 ก.ค.ที่ผ่านมาว่าขณะนี้มีญัตติ รวมถึงรายงานของคณะกรรมการ ค้างอยู่จำนวนมาก จึงคิดว่าอย่างน้อยๆ ต้องมีการประชุมเพิ่มสัก 1 ครั้งภายในเดือนนี้หรือต้นเดือนหน้าก็ได้ เพื่อที่จะให้สะสางวาระ ที่ค้างอยู่ให้สามารถเดินต่อไปได้
"
ผมเสนออย่างนี้ แต่อาจจะไม่ใช่ข้อเสนอที่ต้องทำทันที เพราะเห็นว่ามีหลายประเทศเขามีการจัดการประชุม ใช้วิธีประชุม 5 วันต่อสัปดาห์ แต่ประชุมแค่ 3 สัปดาห์ต่อ 1 เดือน สัปดาห์สุดท้ายให้สส.กลับพื้นที่ ซึ่งผมคิดว่าอาจจะเป็นทางออกก็ได้ ถ้าเราประชุมสัปดาห์ละ 3-4 วัน แต่ประชุมแค่ 3 สัปดาห์ ต่อ 1 เดือน ซึ่งกลายเป็นเดือนละ 12 วันจากเดิมมีเพียงแค่ 8 วัน ซึ่งจะทำให้สภาฯได้ประชุมเยอะกว่าเดิมและสส.มีเวลาลงพื้นที่ยาวนานกว่าเดิม ผมเห็นว่าวิธีการมีหลายวิธีแต่เราต้องยอมรับว่าหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ ควรต้องมาประชุมสภาฯเพราะญัตติต่างๆก็เกี่ยวข้องกับพี่น้องประชาชนโดยตรงเกือบทั้งหมด ทั้งนี้การลงพื้นที่ก็มีความสำคัญ แต่ลงพื้นที่อย่างเดียว แล้วไม่ได้นำมาพูดคุยหรือใช้กลไกต่างๆในสภาฯ เพื่อที่จะแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน ปัญหาเหล่านั้นก็ไม่ถูกแก้ไข ดังนั้นต้องจัดสรรให้ดี ไม่ใช่ว่าเพิ่มเวลาประชุมไม่ได้เลย หรือเพิ่มมากจนเกินไป" นาย
ปกรณ์วุฒิกล่าว
ศ.ปิ่นแก้ว เตือนสติ #Saveทับลาน ติงข้ออ้างกลัวนายทุนฮุบที่ ไม่ควรเพิกถอนป่า เป็นตรรกะวิบัติมาก
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_777777821389
ศ.ปิ่นแก้ว เตือนสติ #Saveทับลาน ชี้ที่ทำกินชาวบ้าน ถูกเฉือนเซ่นป่าอนุรักษ์มานานหลายสิบปี ติงข้ออ้างกลัวกลุ่มทุนฮุบที่ ไม่ควรเพิกถอนป่า เป็นตรรกะวิบัติมาก
กระแส #Saveทับลาน ในโลกออนไลน์ โดยหวั่นว่าการเพิกถอนพื้นที่ อุทยานแห่งชาติทับลาน 2.65 แสนไร่ จะเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับนายทุน
ศ.ดร.
ปิ่นแก้ว เหลืองอร่ามศรี ภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แสดงความคิดเห็นต่อเรื่องดังกล่าว ผ่านทางเฟซบุ๊ก ความว่า
สิ่งที่พวกกลุ่มอนุรักษ์ตั้งใจไม่พูดถึงคือ อุทยานแห่งชาติหลายแห่ง จัดตั้งโดยไม่เคยสนใจที่จะสำรวจและกันพื้นที่ทำกินของชาวบ้านที่อยู่มาก่อนออกก่อนที่จะประกาศเป็นเขตป่า
สนใจแต่จะเพิ่มพื้นที่ป่าให้มากเข้าไว้ แต่ไม่สนสี่สนแปดว่า ป่าที่จัดตั้งขึ้นนั้นไปแย่งที่ทำกินของใครเขามาบ้าง กลายเป็นชนวนความขัดแย้ง เผชิญหน้าระหว่างรัฐกับชุมชนเรื้อรังมานานหลายทศวรรษ อุทยานแห่งชาติทับลาน ก็เช่นกัน
การใช้วาทกรรม “ผืนป่าที่ถูกเฉือน” ของกลุ่มอนุรักษ์บางกลุ่ม จึงเป็นการจงใจบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อปั่นกระแสเขียวตกขอบในหมู่ชนชั้นกลางอย่างจงใจ
ทั้งที่ในความเป็นจริง ผืนดินทำกินของชาวบ้านต่างหากที่ถูกเฉือนไปเซ่นป่าอนุรักษ์มานานหลายสิบปี อุทยานประกาศปี 2524 ชาวบ้านบางกลุ่มอยู่กันมาตั้งแต่ก่อนปี 2515 ด้วยซ้ำไป แบบนี้ไม่เรียกว่าอุทยานบุกรุกที่ชาวบ้าน จะให้เรียกว่าอะไร
การใช้ข้ออ้างเรื่องกลัวกลุ่มทุนจะมาฮุบที่เหมาเข่ง ดังนั้น จึงไม่ควรเพิกถอนป่าที่ไปแย่งชาวบ้านเขามา และคืนสิทธิให้กับเจ้าของที่ดินที่อยู่มาก่อน จึงเป็นตรรกะที่วิบัติมาก
https://www.facebook.com/arunothai.ruangrong/posts/pfbid034KbXRwwU1QfhFy858WS7x252brAnngZbeU1d2eR8wSDWVDTKkHU6wFZyVJMoRZ7wl
'แบงก์ชาติ' ย้อนค่าครองชีพ 5 ปีก่อน เทียบปี 67 มีแต่ขึ้น - 'โฆษก รบ.' กางดัชนีผู้บริโภค อัดเป็นการปล่อยข่าวปั่นกระแส
https://ch3plus.com/news/economy/morning/407640
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือแบงก์ชาติ ได้เผยแพร่การเปรียบเทียบราคา รายการสินค้าสำคัญที่คนบริโภคเป็นประจำ จำนวน 7 รายการ โดยเปรียบเทียบราคาเฉลี่ยของปี 2562 กับ ราคา ณ เดือน พ.ค. 2567
แก๊สโซฮอล์ 95
5 ปีก่อน ราคาลิตรละ 27.70 บาท เพิ่มเป็น 38.80 บาท (เพิ่มขึ้น 40%)
น้ำมันดีเซล
5 ปีก่อน (รัฐบาลช่วยอุดหนุนราคา) ราคาอยู่ที่ 26.30 บาทต่อลิตร เพิ่มเป็น 33 บาท (เพิ่มขึ้น 24.5%)
ก๊าซหุงต้ม
5 ปีก่อน (รัฐบาลช่วยอุดหนุนราคา) อยู่ที่ 364 บาทต่อถัง 15 กก. เพิ่มเป็น 423 บาท (เพิ่มขึ้น 16.2%)
ไข่ไก่
5 ปีก่อน ราคาอยู่ที่ 4 บาท/ฟอง เพิ่มเป็น 5 บาท/ฟอง (เพิ่มขึ้น 25%)
ไก่สดทั้งตัว
5 ปีก่อน ราคาอยู่ที่ 200 บาท เพิ่มเป็น 230 บาท (เพิ่มขึ้น 15%)
หมูสันนอก
5 ปีก่อน ราคา กก.ละ 140 บาท เพิ่มเป็น 160 บาท (เพิ่มขึ้น 14.3%)
น้ำมันพืช
5 ปีก่อน ขวดละ 40 บาท เพิ่มเป็น 53 บาท (เพิ่มขึ้น 32.5%)
--------------
จากสถิติค่าจ่างแรงงานเฉลี่ยรายภาคธุรกิจของแบงก์ชาติ พบว่า รายได้เฉลี่ยของแรงงานไทยทุกภาคธุรกิจ เดือน พ.ค.ปี 67 มีรายได้ทั้งสิ้น 15,581.21 บาทต่อคนต่อเดือน
เพิ่มขึ้นจาก 5 ปี ที่ผ่านมา ซึ่งมีรายได้เฉลี่ยที่ 14,230.36 บาท/คน/เดือน เป็นเงินทั้งสิ้น 1,350.85 บาทต่อเดือน (เพิ่มขึ้น 9.49%) เท่ากับว่า รายได้เพิ่มขึ้นไม่ทันค่าครองชีพที่พุ่งสูง
แรงงานนอกภาคการเกษตร เดือน พ.ค. ปี 67 มีรายได้เฉลี่ยทั้งสิ้น 16,082.49 บาท/คน/เดือน เพิ่มขึ้นจาก 5 ปี ที่ผ่านมา ซึ่งมีรายได้เฉลี่ยที่ 15,688.50 บาทต่อ/คน/เดือน เพียง 393.99 บาท/เดือน (เพิ่มขึ้น 2.5%)
แรงงานภาคการเกษตร รายได้เฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 6,028.33 บาท/คน/เดือน มาเป็น 7,728 บาท/คน/เดือน
ตัวเลขหนี้ครัวเรือนของไทย ตัวเลขปี 2566 พบว่า คนไทยมีหนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 539,291 บาทต่อคน และมี 13.5% เป็นหนี้มากกว่า 1 ล้านบาท โดยมีหนี้ที่ต้องส่งเฉลี่ย 3 บัญชี/คน และมีแนวโน้มว่า มูลหนี้ก้อนนี้จะเพิ่มสูงขึ้นอีกในระยะข้างหน้า
--------------
นาย
ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์แสดงความคิดเห็นตอบโต้กรณีที่ถูกโจมตีเรื่องค่าครองชีพสูงขึ้น พร้อมรายงานดัชนีราคาผู้บริโภคของประเทศ เดือนมิถุนายน ปี 2567 และไตรมาสที่ 2 ปี 2567 สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า โดยมีเนื้อหาดังนี้
ก่อนจะเชื่อข้อกล่าวหาโจมตีว่า ช่วงนี้ราคาข้าวของค่าครองชีพสูงขึ้นกว่าเดิมมาก ซึ่งเป็นการจงใจปล่อยข่าวเพื่อมุ่งหวังที่จะปั่นกระแสความรู้สึก ไม่พอใจให้เกิดขึ้นในหมู่ประชาชน.
ขอพี่น้องประชาชนได้โปรดพิจารณารายงานข้อเท็จจริงข้างล่างนี้ ซึ่งเป็นตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคที่สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) ได้รายงานเอาไว้ล่าสุด เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2567
สาระสำคัญคือ
เฉลี่ย 6 เดือนแรกของปีนี้ กับ เฉลี่ย 6 เดือนแรกของปี 2566 (ก่อนที่รัฐบาลชุดนี้จะเข้ามาบริหารประเทศ) ดัชนีราคาผู้บริโภคไม่มีการเปลี่ยนแปลง
เทียบเฉพาะเดือนมิถุนายนปีนี้ กับ มิถุนายนปีที่แล้ว : เพิ่มขึ้นเพียง 0.62% โดยหมวดอาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นเพียง 0.19% และ 0.48% เท่านั้น ในขณะที่หมวดเครื่องนุ่งห่ม และที่อยู่อาศัยลดลง 0.53% และ 0.82% ตามลำดับ
แล้วในความเป็นจริง สินค้าบางอย่างสู.ขึ้นมาก หรนือเท่าเดิม หรือลดลง เช่น ผักชีที่แพง เป็นเพราะฤดูกาล และขึ้นอยู่กับใครจะยกส่วนไหนมาอ้างอิง
และถ้าแฟร์จริง ๆ ต้องดูภาพรวม ตั้งแต่รัฐบาลนี้เข้ามา เมื่อเทียบกับ 6 เดือนแรกของปีที่แล้ว ราคาสินค้าไม่ได้แตกต่างกันมาก
-------------------
รับชมผ่านยูทูบได้ที่ :
https://youtu.be/UXVpwhj9oJA
JJNY : ส่ง“ศิริกัญญา”ถามกระทู้สด│ศ.ปิ่นแก้วเตือนสติ #Saveทับลาน│'แบงก์ชาติ'ย้อนค่าครองชีพ│เปิดภาพบ้านถูก“เบริล”หอบหลังคา
https://siamrath.co.th/n/549534
วันที่ 9 ก.ค.2567 เวลา 10.00 น.ที่รัฐสภา นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน หรือวิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงการประชุมสภาฯว่า ในการพิจารณาวันที่ 10 ก.ค.นี้จะมีการพิจารณากฎหมายยกเลิกคำสั่งคสช. เกี่ยวกับจังหวัดชายแดนภาคใต้ กรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้วและคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร คงจะรับหลักการเห็นชอบตามที่กรรมาธิการพิจารณามา นอกจากนี้ยังมีร่างกฎหมายของครม.อีก 1 ร่าง เกี่ยวกับสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งเป็นร่างกฎหมายที่สส.เป็นผู้ยื่นเอง ตนได้มีการตั้งข้อสังเกตว่า ทุกร่างครม.น่าจะรับกลับไปพิจารณาก่อน 60 วัน แม้กระทั่งร่างของสส.พรรคเพื่อไทย จึงขอตั้งคำถามว่า ที่ผ่านมามีการปิดสมัยประชุมหลายเดือน และทุกคนก็ทราบกันดีอยู่แล้วว่าร่างกฎหมายที่จะเข้าสภาหลังเปิดสมัยประชุมมีอะไรบ้าง และเชื่อว่าไม่เกินความสามารถรัฐบาลที่จะรับทราบว่า ร่างกฎหมายฉบับไหนที่จะเข้าสภาเป็นอันดับต้นๆ แต่ก็ยังคงไม่มีความพร้อมในการเตรียมการใดๆ แต่ก็ไม่ได้ผิดข้อบังคับอะไรที่ครม.จะรับร่างไปพิจารณาก่อน 60 วัน จึงขอทวงถาม ต่อการเตรียมความพร้อมกับการยึดโยงระหว่างฝ่ายบริหาร กับ ฝ่ายนิติบัญญัติอีกครั้ง ว่าให้ความสำคัญกับฝ่ายนิติบัญญัติมากแค่ไหน
นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ส่วนการตั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจาในวันที่ 11 ก.ค.ตนได้แจ้งไปยังวิปรัฐบาลแล้ว ตั้งแต่เย็นวันที่ 8 ก.ค. ว่า น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ถามตรงไปยัง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เท่านั้น โดยเป็นการถามเกี่ยวกับมาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจ แม้นายกฯอาจจะให้ รมว.คลังหรือรมช.คลังมาตอบแทนได้ เพราะเข้าใจว่า จะถามเรื่อง ดิจิทัล วอลเล็ต แต่จริงๆแล้ว มาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ใช่มีแค่นั้น และเรายืนยันว่าต้องเป็นนายกฯเท่านั้นที่มาตอบ ทั้งนี้เรื่องดิจิทัลวอลเล็ต เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของปัญหาปากท้องของประชาชน แต่จะพูดเรื่องอื่นๆที่เกี่ยวกับปัญหาปากท้องของประชาชน เช่นค่าไฟก็จะต้องเกี่ยวเนื่องกับกระทรวงพลังงาน และมาตรการอีกหลายๆด้านที่จะเกี่ยวข้องกับหลายกระทรวง จึงจำเป็นต้องเป็นนายกฯที่มาตอบ เพราะนายกฯเป็นหัวโต๊ะในการประชุมครม.ชุดเล็ก ที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ
ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า นายกฯเองก็เพิ่งพูดไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าไม่ได้ตั้งใจจะหนี ถ้าว่างก็จะมา และครั้งนี้ท่านรู้อยู่แล้ว ว่าทุกวันพฤหัสบดีช่วงเช้า จะเป็นกระทู้ถามสด ที่ครม. จะต้องมาสแตนบาย แต่จริงๆแล้วไม่ต้องสแตนบายด้วยซ้ำเพราะฝ่ายค้านแจ้งไปอย่างไม่เป็นทางการ ตั้งแต่ช่วงเย็นวันจันทร์แล้ว ดังนั้นนายกฯและรัฐมนตรี ก็น่าจะสามารถเคลียร์ภารกิจ มาตอบกระทู้ได้ จึงต้องดูว่านายกฯจะทำอย่างที่สัญญาไว้หรือไม่ และหากสัปดาห์นี้ นายกฯยังไม่มาตอบกระทู้ของฝ่ายค้านอีก ก็ต้องตั้งคำถามว่า ท่านจะหลีกเลี่ยงและยื้อการตรวจสอบไปเรื่อยๆหรือไม่ และตนไม่แน่ใจว่าการพิจารณา พ.ร.บ.งบกลางปี นายกฯจะส่งใครมาเป็นผู้ชี้แจงในสภาฯ ซึ่งคาดว่าอาจจะเป็นรมว.คลัง เช่นเดิม
“อยากให้นายกฯมาชี้แจงแถลงไขให้ประชาชนรับทราบ เพราะคิดว่าเป็นเวทีที่สำคัญและเป็นโอกาสที่นายกฯจะสามารถสื่อสารกับประชาชนได้ ผ่านการถามคำถามจากสส. ซึ่งนายฯสามารถสะท้อนกลับมาได้ว่า ครม.กำลังทำอะไรอยู่ นี่เป็นโอกาสที่ดีอย่าคิดว่าเป็นเวทีที่ฝ่ายค้านจะมาฉวยโอกาสหลอกด่า ผมคิดว่าถ้านายกฯ ทำงานอยู่ตลอดเวลา ก็มาชี้แจงได้อยู่แล้วว่าท่านทำอะไรไว้บ้าง เพราะมีหลายเรื่องที่ฝ่ายค้านอยากรู้จริงๆ ไม่ใช่จะหลอกด่า เพราะบางทีเราก็ไม่รู้ว่าใน ครม. มีการทำอะไรกันบ้าง" นายปกรณ์วุฒิกล่าว
นายปกรณ์วุฒิ กล่าวถึงการเพิ่มวันประชุมสภาฯว่า มีการเพิ่มวันประชุมมาตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ในกรณีที่มีญัตติคั่งค้างอยู่จำนวนมาก จึงไม่เข้าใจว่าประธานวิปรัฐบาลไปฟังอันไหนมาถึงบอกว่าฝ่ายค้านจะเพิ่มวันประชุม เป็นพุธ พฤหัสบดี ศุกร์ ทั้งที่การเพิ่มวันศุกร์เกิดขึ้นเป็นครั้งเป็นคราวเท่านั้น ซึ่งการประชุมในสมัยนี้ตนก็เสนอแล้วโดยเป็นการพูดคุยกับวิปรัฐบาลอย่างไม่เป็นทางการเมื่อวันที่ 8 ก.ค.ที่ผ่านมาว่าขณะนี้มีญัตติ รวมถึงรายงานของคณะกรรมการ ค้างอยู่จำนวนมาก จึงคิดว่าอย่างน้อยๆ ต้องมีการประชุมเพิ่มสัก 1 ครั้งภายในเดือนนี้หรือต้นเดือนหน้าก็ได้ เพื่อที่จะให้สะสางวาระ ที่ค้างอยู่ให้สามารถเดินต่อไปได้
"ผมเสนออย่างนี้ แต่อาจจะไม่ใช่ข้อเสนอที่ต้องทำทันที เพราะเห็นว่ามีหลายประเทศเขามีการจัดการประชุม ใช้วิธีประชุม 5 วันต่อสัปดาห์ แต่ประชุมแค่ 3 สัปดาห์ต่อ 1 เดือน สัปดาห์สุดท้ายให้สส.กลับพื้นที่ ซึ่งผมคิดว่าอาจจะเป็นทางออกก็ได้ ถ้าเราประชุมสัปดาห์ละ 3-4 วัน แต่ประชุมแค่ 3 สัปดาห์ ต่อ 1 เดือน ซึ่งกลายเป็นเดือนละ 12 วันจากเดิมมีเพียงแค่ 8 วัน ซึ่งจะทำให้สภาฯได้ประชุมเยอะกว่าเดิมและสส.มีเวลาลงพื้นที่ยาวนานกว่าเดิม ผมเห็นว่าวิธีการมีหลายวิธีแต่เราต้องยอมรับว่าหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ ควรต้องมาประชุมสภาฯเพราะญัตติต่างๆก็เกี่ยวข้องกับพี่น้องประชาชนโดยตรงเกือบทั้งหมด ทั้งนี้การลงพื้นที่ก็มีความสำคัญ แต่ลงพื้นที่อย่างเดียว แล้วไม่ได้นำมาพูดคุยหรือใช้กลไกต่างๆในสภาฯ เพื่อที่จะแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน ปัญหาเหล่านั้นก็ไม่ถูกแก้ไข ดังนั้นต้องจัดสรรให้ดี ไม่ใช่ว่าเพิ่มเวลาประชุมไม่ได้เลย หรือเพิ่มมากจนเกินไป" นายปกรณ์วุฒิกล่าว
ศ.ปิ่นแก้ว เตือนสติ #Saveทับลาน ติงข้ออ้างกลัวนายทุนฮุบที่ ไม่ควรเพิกถอนป่า เป็นตรรกะวิบัติมาก
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_777777821389
ศ.ปิ่นแก้ว เตือนสติ #Saveทับลาน ชี้ที่ทำกินชาวบ้าน ถูกเฉือนเซ่นป่าอนุรักษ์มานานหลายสิบปี ติงข้ออ้างกลัวกลุ่มทุนฮุบที่ ไม่ควรเพิกถอนป่า เป็นตรรกะวิบัติมาก
กระแส #Saveทับลาน ในโลกออนไลน์ โดยหวั่นว่าการเพิกถอนพื้นที่ อุทยานแห่งชาติทับลาน 2.65 แสนไร่ จะเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับนายทุน
ศ.ดร.ปิ่นแก้ว เหลืองอร่ามศรี ภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แสดงความคิดเห็นต่อเรื่องดังกล่าว ผ่านทางเฟซบุ๊ก ความว่า
สิ่งที่พวกกลุ่มอนุรักษ์ตั้งใจไม่พูดถึงคือ อุทยานแห่งชาติหลายแห่ง จัดตั้งโดยไม่เคยสนใจที่จะสำรวจและกันพื้นที่ทำกินของชาวบ้านที่อยู่มาก่อนออกก่อนที่จะประกาศเป็นเขตป่า
สนใจแต่จะเพิ่มพื้นที่ป่าให้มากเข้าไว้ แต่ไม่สนสี่สนแปดว่า ป่าที่จัดตั้งขึ้นนั้นไปแย่งที่ทำกินของใครเขามาบ้าง กลายเป็นชนวนความขัดแย้ง เผชิญหน้าระหว่างรัฐกับชุมชนเรื้อรังมานานหลายทศวรรษ อุทยานแห่งชาติทับลาน ก็เช่นกัน
การใช้วาทกรรม “ผืนป่าที่ถูกเฉือน” ของกลุ่มอนุรักษ์บางกลุ่ม จึงเป็นการจงใจบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อปั่นกระแสเขียวตกขอบในหมู่ชนชั้นกลางอย่างจงใจ
ทั้งที่ในความเป็นจริง ผืนดินทำกินของชาวบ้านต่างหากที่ถูกเฉือนไปเซ่นป่าอนุรักษ์มานานหลายสิบปี อุทยานประกาศปี 2524 ชาวบ้านบางกลุ่มอยู่กันมาตั้งแต่ก่อนปี 2515 ด้วยซ้ำไป แบบนี้ไม่เรียกว่าอุทยานบุกรุกที่ชาวบ้าน จะให้เรียกว่าอะไร
การใช้ข้ออ้างเรื่องกลัวกลุ่มทุนจะมาฮุบที่เหมาเข่ง ดังนั้น จึงไม่ควรเพิกถอนป่าที่ไปแย่งชาวบ้านเขามา และคืนสิทธิให้กับเจ้าของที่ดินที่อยู่มาก่อน จึงเป็นตรรกะที่วิบัติมาก
https://www.facebook.com/arunothai.ruangrong/posts/pfbid034KbXRwwU1QfhFy858WS7x252brAnngZbeU1d2eR8wSDWVDTKkHU6wFZyVJMoRZ7wl
'แบงก์ชาติ' ย้อนค่าครองชีพ 5 ปีก่อน เทียบปี 67 มีแต่ขึ้น - 'โฆษก รบ.' กางดัชนีผู้บริโภค อัดเป็นการปล่อยข่าวปั่นกระแส
https://ch3plus.com/news/economy/morning/407640
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือแบงก์ชาติ ได้เผยแพร่การเปรียบเทียบราคา รายการสินค้าสำคัญที่คนบริโภคเป็นประจำ จำนวน 7 รายการ โดยเปรียบเทียบราคาเฉลี่ยของปี 2562 กับ ราคา ณ เดือน พ.ค. 2567
แก๊สโซฮอล์ 95
5 ปีก่อน ราคาลิตรละ 27.70 บาท เพิ่มเป็น 38.80 บาท (เพิ่มขึ้น 40%)
น้ำมันดีเซล
5 ปีก่อน (รัฐบาลช่วยอุดหนุนราคา) ราคาอยู่ที่ 26.30 บาทต่อลิตร เพิ่มเป็น 33 บาท (เพิ่มขึ้น 24.5%)
ก๊าซหุงต้ม
5 ปีก่อน (รัฐบาลช่วยอุดหนุนราคา) อยู่ที่ 364 บาทต่อถัง 15 กก. เพิ่มเป็น 423 บาท (เพิ่มขึ้น 16.2%)
ไข่ไก่
5 ปีก่อน ราคาอยู่ที่ 4 บาท/ฟอง เพิ่มเป็น 5 บาท/ฟอง (เพิ่มขึ้น 25%)
ไก่สดทั้งตัว
5 ปีก่อน ราคาอยู่ที่ 200 บาท เพิ่มเป็น 230 บาท (เพิ่มขึ้น 15%)
หมูสันนอก
5 ปีก่อน ราคา กก.ละ 140 บาท เพิ่มเป็น 160 บาท (เพิ่มขึ้น 14.3%)
น้ำมันพืช
5 ปีก่อน ขวดละ 40 บาท เพิ่มเป็น 53 บาท (เพิ่มขึ้น 32.5%)
--------------
จากสถิติค่าจ่างแรงงานเฉลี่ยรายภาคธุรกิจของแบงก์ชาติ พบว่า รายได้เฉลี่ยของแรงงานไทยทุกภาคธุรกิจ เดือน พ.ค.ปี 67 มีรายได้ทั้งสิ้น 15,581.21 บาทต่อคนต่อเดือน
เพิ่มขึ้นจาก 5 ปี ที่ผ่านมา ซึ่งมีรายได้เฉลี่ยที่ 14,230.36 บาท/คน/เดือน เป็นเงินทั้งสิ้น 1,350.85 บาทต่อเดือน (เพิ่มขึ้น 9.49%) เท่ากับว่า รายได้เพิ่มขึ้นไม่ทันค่าครองชีพที่พุ่งสูง
แรงงานนอกภาคการเกษตร เดือน พ.ค. ปี 67 มีรายได้เฉลี่ยทั้งสิ้น 16,082.49 บาท/คน/เดือน เพิ่มขึ้นจาก 5 ปี ที่ผ่านมา ซึ่งมีรายได้เฉลี่ยที่ 15,688.50 บาทต่อ/คน/เดือน เพียง 393.99 บาท/เดือน (เพิ่มขึ้น 2.5%)
แรงงานภาคการเกษตร รายได้เฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 6,028.33 บาท/คน/เดือน มาเป็น 7,728 บาท/คน/เดือน
ตัวเลขหนี้ครัวเรือนของไทย ตัวเลขปี 2566 พบว่า คนไทยมีหนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 539,291 บาทต่อคน และมี 13.5% เป็นหนี้มากกว่า 1 ล้านบาท โดยมีหนี้ที่ต้องส่งเฉลี่ย 3 บัญชี/คน และมีแนวโน้มว่า มูลหนี้ก้อนนี้จะเพิ่มสูงขึ้นอีกในระยะข้างหน้า
--------------
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์แสดงความคิดเห็นตอบโต้กรณีที่ถูกโจมตีเรื่องค่าครองชีพสูงขึ้น พร้อมรายงานดัชนีราคาผู้บริโภคของประเทศ เดือนมิถุนายน ปี 2567 และไตรมาสที่ 2 ปี 2567 สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า โดยมีเนื้อหาดังนี้
ก่อนจะเชื่อข้อกล่าวหาโจมตีว่า ช่วงนี้ราคาข้าวของค่าครองชีพสูงขึ้นกว่าเดิมมาก ซึ่งเป็นการจงใจปล่อยข่าวเพื่อมุ่งหวังที่จะปั่นกระแสความรู้สึก ไม่พอใจให้เกิดขึ้นในหมู่ประชาชน.
ขอพี่น้องประชาชนได้โปรดพิจารณารายงานข้อเท็จจริงข้างล่างนี้ ซึ่งเป็นตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคที่สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) ได้รายงานเอาไว้ล่าสุด เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2567
สาระสำคัญคือ
เฉลี่ย 6 เดือนแรกของปีนี้ กับ เฉลี่ย 6 เดือนแรกของปี 2566 (ก่อนที่รัฐบาลชุดนี้จะเข้ามาบริหารประเทศ) ดัชนีราคาผู้บริโภคไม่มีการเปลี่ยนแปลง
เทียบเฉพาะเดือนมิถุนายนปีนี้ กับ มิถุนายนปีที่แล้ว : เพิ่มขึ้นเพียง 0.62% โดยหมวดอาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นเพียง 0.19% และ 0.48% เท่านั้น ในขณะที่หมวดเครื่องนุ่งห่ม และที่อยู่อาศัยลดลง 0.53% และ 0.82% ตามลำดับ
แล้วในความเป็นจริง สินค้าบางอย่างสู.ขึ้นมาก หรนือเท่าเดิม หรือลดลง เช่น ผักชีที่แพง เป็นเพราะฤดูกาล และขึ้นอยู่กับใครจะยกส่วนไหนมาอ้างอิง
และถ้าแฟร์จริง ๆ ต้องดูภาพรวม ตั้งแต่รัฐบาลนี้เข้ามา เมื่อเทียบกับ 6 เดือนแรกของปีที่แล้ว ราคาสินค้าไม่ได้แตกต่างกันมาก
-------------------
รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/UXVpwhj9oJA