อาจจะเล่าติดขัดไปบ้างนะครับ
ผมทำงานอยู่ในองค์กรที่เป็นหน่วยงานในกำกับของรัฐทำงานที่นี่มาได้ 4 ปี ซึ่งองค์กรประสบปัญหาพนักงานลาออกเยอะ
ทำให้พนักงานเหลือประมาณ 70 % ของงาน ที่พนักงานส่วนใหญ่ลาออกเนื่องจากที่นี่มีการปรับสวัสดิการตั้งแต่ 6 ปีที่แล้ว
ทำให้คนที่เข้ามาช่วง 6 ปีหลังมีสวัสดิการที่ไม่ได้ดีเหมือนคนรุ่นก่อน ๆ คนส่วนใหญ่จึงลาออกไปหางานที่ได้เงินเยอะกว่า
หลังจากนั้นเมื่อไม่นานช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ก็มีระเบียบในการรับพนักงานเป็นสัญญาจ้างแทนและ จะพิจารณาบรรจุเมื่อทำงานครบ 3 ปี เพื่อต้องการ recruit เด็กจบใหม่ให้เข้ามาทำงานโดยให้เงินเดือนเริ่มต้นที่สูงมากขึ้น แถมยังได้สวัสดิการเทียบเท่ากับคนในช่วง 6 ปีที่ผ่านมาแบบเป๊ะ ๆ
ซึ่งตรงนี้ทำให้ผมสงสัยเนื่องจากโดยทั่วไปแล้ว พนักงานสัญญาจ้างอาจจะได้เงินที่มากกว่าพนักงานประจำแต่สิทธิ์สวัสดิการไม่ควรจะเทียบเท่าได้
ผมเลยสงสัยเรื่องเงินเดือนขึ้นมาจึงได้สอบถามไปยัง HR ถ้าหากพนักงานสัญญาจ้างได้บรรจุเข้าเป็นพนักงานประจำจะต้องมีการปรับเข้ากระบอกเงินเดือนหรือไม่คำตอบที่ได้รับคือ "พนักงานสัญญาจ้างเป็นกระบอกเงินเดือนเดียวกับพนักงานประจำอยู่แล้วเมื่อบรรจุก็เงินเดือนขึ้นตามปกติ" ทำให้ผมยิ่งสับสนไปใหญ่เหมือนแบบนี้เป็นการปรับฐานเงินเดือนคนที่เพิ่งเข้ามาใหม่แต่ไม่ปรับให้กับคนรุ่นก่อนหรือไม่
และเมื่อไม่นานมานี้จากแต่ก่อน การปรับพนักงานขึ้นเป็นอาวุโสจำเป็นที่จะต้องทำงานอย่างน้อย 3 ปีขึ้นไป และอาจจะมี criteria อื่นๆอีกด้วย แต่ในเมื่อปีที่ผ่านมาได้มีการเอา criteria ตรงนี้ออกทำให้เด็กจบใหม่ที่ทำงานได้ 1 ปี ได้ปรับตำแหน่งเป็นอาวุโสพร้อมๆกับผม
ทั้ง ๆ ที่เด็กจบใหม่ยังเป็นพนักงานสัญญาจ้างอยู่ เนื่องจากองค์กรนี้การขึ้นเป็นตำแหน่งเป็นอาวุโสจะไม่ใช่ให้เงินเพิ่มเติมจากเงินเดือนเดิม แต่เป็นการปรับไปเป็นเงินเดือนขึ้นต่ำของอาวุโส หมายความว่าหากได้ปรับเป็นอาวุโสในรอบเดียวกันจะมีเงินเดือนที่เท่ากันอย่างแน่นอน ซึ่งผมจะได้เงินเดือนขึ้นประมาณหลักร้อยบาท ในขณะน้องในแผนกที่เป็นเด็กจบใหม่ได้เงินเดือนขึ้นหลักหลายพันจนถึงหมื่น
ผมเลยรู้สึกเหมือนการทำงาน 4 ปีที่ผ่านมาเหมือนผมไม่ได้ก้าวหน้าขึ้นเลยเนื่องจากน้อง ๆ จบใหม่หลายๆคนมาทำงานแค่ปีเดียวเงินก็มาเท่ากันแล้ว
หรือมันก็คือสัจจะธรรมของการเป็นพนักงานเงินเดือนที่ต้องเจอรึเปล่าต่อให้ไปทำงานที่อื่นก็จะเป็นไหม
ควรจะรู้สึกยังไงคนในแผนกเงินเดือนขึ้นมาเทียบเรา
ผมทำงานอยู่ในองค์กรที่เป็นหน่วยงานในกำกับของรัฐทำงานที่นี่มาได้ 4 ปี ซึ่งองค์กรประสบปัญหาพนักงานลาออกเยอะ
ทำให้พนักงานเหลือประมาณ 70 % ของงาน ที่พนักงานส่วนใหญ่ลาออกเนื่องจากที่นี่มีการปรับสวัสดิการตั้งแต่ 6 ปีที่แล้ว
ทำให้คนที่เข้ามาช่วง 6 ปีหลังมีสวัสดิการที่ไม่ได้ดีเหมือนคนรุ่นก่อน ๆ คนส่วนใหญ่จึงลาออกไปหางานที่ได้เงินเยอะกว่า
หลังจากนั้นเมื่อไม่นานช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ก็มีระเบียบในการรับพนักงานเป็นสัญญาจ้างแทนและ จะพิจารณาบรรจุเมื่อทำงานครบ 3 ปี เพื่อต้องการ recruit เด็กจบใหม่ให้เข้ามาทำงานโดยให้เงินเดือนเริ่มต้นที่สูงมากขึ้น แถมยังได้สวัสดิการเทียบเท่ากับคนในช่วง 6 ปีที่ผ่านมาแบบเป๊ะ ๆ
ซึ่งตรงนี้ทำให้ผมสงสัยเนื่องจากโดยทั่วไปแล้ว พนักงานสัญญาจ้างอาจจะได้เงินที่มากกว่าพนักงานประจำแต่สิทธิ์สวัสดิการไม่ควรจะเทียบเท่าได้
ผมเลยสงสัยเรื่องเงินเดือนขึ้นมาจึงได้สอบถามไปยัง HR ถ้าหากพนักงานสัญญาจ้างได้บรรจุเข้าเป็นพนักงานประจำจะต้องมีการปรับเข้ากระบอกเงินเดือนหรือไม่คำตอบที่ได้รับคือ "พนักงานสัญญาจ้างเป็นกระบอกเงินเดือนเดียวกับพนักงานประจำอยู่แล้วเมื่อบรรจุก็เงินเดือนขึ้นตามปกติ" ทำให้ผมยิ่งสับสนไปใหญ่เหมือนแบบนี้เป็นการปรับฐานเงินเดือนคนที่เพิ่งเข้ามาใหม่แต่ไม่ปรับให้กับคนรุ่นก่อนหรือไม่
และเมื่อไม่นานมานี้จากแต่ก่อน การปรับพนักงานขึ้นเป็นอาวุโสจำเป็นที่จะต้องทำงานอย่างน้อย 3 ปีขึ้นไป และอาจจะมี criteria อื่นๆอีกด้วย แต่ในเมื่อปีที่ผ่านมาได้มีการเอา criteria ตรงนี้ออกทำให้เด็กจบใหม่ที่ทำงานได้ 1 ปี ได้ปรับตำแหน่งเป็นอาวุโสพร้อมๆกับผม
ทั้ง ๆ ที่เด็กจบใหม่ยังเป็นพนักงานสัญญาจ้างอยู่ เนื่องจากองค์กรนี้การขึ้นเป็นตำแหน่งเป็นอาวุโสจะไม่ใช่ให้เงินเพิ่มเติมจากเงินเดือนเดิม แต่เป็นการปรับไปเป็นเงินเดือนขึ้นต่ำของอาวุโส หมายความว่าหากได้ปรับเป็นอาวุโสในรอบเดียวกันจะมีเงินเดือนที่เท่ากันอย่างแน่นอน ซึ่งผมจะได้เงินเดือนขึ้นประมาณหลักร้อยบาท ในขณะน้องในแผนกที่เป็นเด็กจบใหม่ได้เงินเดือนขึ้นหลักหลายพันจนถึงหมื่น
ผมเลยรู้สึกเหมือนการทำงาน 4 ปีที่ผ่านมาเหมือนผมไม่ได้ก้าวหน้าขึ้นเลยเนื่องจากน้อง ๆ จบใหม่หลายๆคนมาทำงานแค่ปีเดียวเงินก็มาเท่ากันแล้ว
หรือมันก็คือสัจจะธรรมของการเป็นพนักงานเงินเดือนที่ต้องเจอรึเปล่าต่อให้ไปทำงานที่อื่นก็จะเป็นไหม