“นิด้าโพล” เชื่อพรรคร่วมจ้องล้ม “รบ.เศรษฐา” หวังเปลี่ยนตัวนายกฯ
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_736501/
“นิด้าโพล”เชื่อมีข้อตกลงการเมือง พรรคร่วมจ้องล้ม “รบ.เศรษฐา” หวังเปลี่ยนตัวนายกฯ มองคนมีเส้นได้ สว.
“นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจของประชาชน เรื่อง “Believe It or Not! ทางการเมืองไทย” โดยทำการสำรวจระหว่างวันที่ 19-20 มิถุนายน 2567 จากประชาชนทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,310 หน่วยตัวอย่าง พบว่า
เมื่อถามถึงความเชื่อของประชาชนเกี่ยวกับข้อตกลงลับทางการเมือง ในรอบ1ปีที่ผ่านมา ตัวอย่าง ร้อยละ 39.77 ระบุว่า เชื่อมาก รองลงมา ร้อยละ 31.06 ระบุว่า ค่อนข้างเชื่อ ร้อยละ 15.73 ระบุว่า ไม่ค่อยเชื่อ ร้อยละ 10.31 ระบุว่า ไม่เชื่อเลย และร้อยละ 3.13 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
ด้านความเชื่อของประชาชนเกี่ยวกับความพยายามของพรรคร่วมรัฐบาลที่จะล้มรัฐบาลนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 31.45 ระบุว่า ค่อนข้างเชื่อ รองลงมา ร้อยละ 26.03 ระบุว่า ไม่ค่อยเชื่อ ร้อยละ 21.83 ระบุว่า ไม่เชื่อเลย ร้อยละ 17.71 ระบุว่า เชื่อมาก และร้อยละ 2.98 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
ส่วนความเชื่อของประชาชนเกี่ยวกับการเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีที่อาจจะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 28.70 ระบุว่า ไม่เชื่อเลย รองลงมา ร้อยละ 28.02 ระบุว่า ไม่ค่อยเชื่อ ร้อยละ 25.34 ระบุว่า ค่อนข้างเชื่อ ร้อยละ 15.73 ระบุว่า เชื่อมาก และร้อยละ 2.21 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
สำหรับความเชื่อของประชาชนเกี่ยวกับการยุบพรรคการเมืองที่อาจจะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 31.15 ระบุว่า ค่อนข้างเชื่อ รองลงมา ร้อยละ 23.66 ระบุว่า ไม่ค่อยเชื่อ ร้อยละ 21.60 ระบุว่า เชื่อมาก ร้อยละ 20.61 ระบุว่า ไม่เชื่อเลย และร้อยละ 2.98 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงความเชื่อของประชาชนเกี่ยวกับการใช้เส้นสายทางการเมืองของผู้สมัครบางคนเพื่อให้ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภา (สว.) พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 55.42 ระบุว่า เชื่อมาก รองลงมา ร้อยละ 28.55 ระบุว่า ค่อนข้างเชื่อ ร้อยละ 7.63 ระบุว่า ไม่ค่อยเชื่อ ร้อยละ 7.48 ระบุว่า ไม่เชื่อเลย และร้อยละ 0.92 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
“พิธา” ขอโอกาสชาวอุดรธานี เลือกก้าวไกลเป็นนายกฯ อบจ.
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_736490/
“พิธา” ขอโอกาสชาวอุดรธานี เลือกนายกฯ อบจ.ของก้าวไกล ชี้ มีแนวโน้มสีส้มเข้าวิน ไม่หวั่น “เพื่อไทย” ทวงคืนพื้นที่ พร้อมสอนมวยรัฐบาล เรียงลำดับความสำคัญ เอา “คนไทย” ก่อน ปมแก้ไข กม.อสังหาฯ ฝากรัฐบาลให้รอบคอบ เพราะทรัพยากรมีจำกัด
นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า งาน Policy Fest ครั้งที่ 2 ของพรรคก้าวไกล ที่เลือกมาจัดที่จังหวัดอุดรธานี เพื่อสื่อสารวาระการทำงานของพรรคก้าวไกลที่แบ่งเป็น 6 บิ๊กแบง ทั้งวาระเฉพาะหน้าในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เรื่องการศึกษา
รวมถึงวาระเฉพาะกาล เช่น การปฏิรูปรัฐราชการ การทำให้เป็นประชาธิปไตยเต็มใบ ด้วยในการจัดครั้งแรกได้รับการตอบรับที่ดี จึงขยายออกมาอย่างภูมิภาคต่างๆ และเลือกที่แรกที่จังหวัดอุดรธานี
ส่วนเหตุผลที่เลือกจังหวัดอุดรธานีเป็นจังหวัดแรก เพราะต้องการจะยึดหัวหาดเมืองประชาธิปไตย สำหรับการเลือกตั้ง อบจ.และเลือกตั้งทั่วไปหรือไม่ นาย
พิธา ปฏิเสธ พร้อมบอกว่า เราตั้งใจจะยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวว่า เป็นพื้นที่ที่มีแคนดิเดต นายก อบจ. ด้วย และเป็นการได้มาจัด Policy Fest ในภาคอีสานด้วย โดยในช่วงหลังจากนี้ก็จะเป็นเวลาของภูมิภาคอื่นๆ ต่อไป ส่วนจะเป็นที่ใดต่อไป ก็ขึ้นอยู่กับมุมมองด้านยุทธศาสตร์และความพร้อมของทีมงานจังหวัด
ในเชิงยุทธศาสตร์ หมายความว่าอุดรธานีมีโอกาสจะเป็นสีส้มในอนาคตใช่หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ในการเลือกตั้งปี 2560 พรรคอนาคตใหม่ได้ 140,000 คะแนน /ปี 2566 ได้ 220,000 คะแนน และระหว่างนั้น ได้ผู้บริหารท้องถิ่นมาบ้าง แม้จะยังไม่เป็นอันดับหนึ่งและยังตามพรรคเพื่อไทยอยู่ แต่ในขณะเดียวกัน ถ้าดูในมุมมองของฝ่ายค้าน ทางพรรคก้าวไกลและพรรคไทยสร้างไทยก็มีโอกาสที่จะสู้กับพรรคอันดับหนึ่งตอนนี้ได้
ส่วนในตอนนี้ที่มีการลงพื้นที่ทั้งแกนนำของพรรคเพื่อไทยคนในตระกูลชินวัตร และแกนนำพรรคก้าวไกลเพื่อเตรียมความพร้อมศึก นายก อบจ. ในหลายจังหวัด ทำให้มีความกังวลผลในสนามท้องถิ่นหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ในมุมมองของเราการแข่งขันเป็นเรื่องดี แต่ขอให้การแข่งขันที่สร้างสรรค์ แข่งขันด้วยนโยบาย แข่งขันด้วยบุคลากร
คนที่เคยมีประสบการณ์มาก่อน เช่น นายคณิศร ขุริรัง ว่าที่ผู้สมัคร นายก อบจ.อุดรธานี เมื่อครั้งเคยเป็นรองนายกฯ อบจ. ก็ดูแลเรื่องแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดมาก่อน อยากให้แข่งขันกันว่าแต่ละคนมีความสามารถอย่างไร แต่ตอนนี้พบว่ากลายเป็นการช่วงชิงเชิงเทคนิคหรือการไม่รักษาสัญญากันบ้าง แต่ตนไม่ได้รู้สึกไม่สบายใจ ตนรู้สึกเฉยๆ เพราะคิดว่าประชาชนตื่นรู้และรู้ว่าอะไรเป็นอะไร
ทั้งนี้ พรรคมั่นใจว่าในเรื่องอุดมการณ์ ประสบการณ์ และประสิทธิภาพนั้น มีความพร้อม หากพี่น้องชาวอุดรฯ เลือกเขาวันนี้ พรุ่งนี้ก็ทำงานได้ทันที จะสามารถประสานงานกับ สส.อุดรธานี และ สส.ภาคอีสานได้อย่างดี และจะไม่ทำให้พี่น้องชาวอุดรธานีผิดหวัง
ขณะเดียวกัน นายพิธา ยังกล่าวถึงการที่กระทรวงมหาดไทย เตรียมศึกษาแก้ไขกฎหมายอสังหาริมทรัพย์ ประเภทอาคารชุดของต่างด้าว จากเดิม 49% เป็น 75% ของห้องชุด และการเช่าที่ดินขยายเป็น 99 ปี ว่า คล้ายกับสิ่งที่เคยมีการพูดคุยกันในสมัยรัฐบาลชุดก่อน ในความคิดของตน ตนคิดถึงการเรียงลำดับความสำคัญว่าปัญหาที่ดินทำกินของคนไทยเป็นเรื่องสำคัญ เป็นเรื่องที่ไม่ได้รับการแก้ไขมาเป็นเวลานาน
ดังนั้น เรื่องกรรมสิทธิ์ของคนไทยต้อมาก่อน ถ้าเราทำได้ดี ทำได้อย่างต่อเนื่อง มีงบประมาณเพียงพอ อาจจะอยากเริ่มคิดเรื่องแบบนี้ ในการดึงดูดการลงทุน โดยการทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่อยู่ศูนย์กลางนานาชาติ
ทั้งนี้ ต้องพิจารณาศึกษาให้รอบคอบและเอาคนไทยมาเป็นที่หนึ่ง แน่นอนว่าทรัพยากรมีจำกัด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเวลา งบประมาณ ก็ขอให้เรียงลำดับความสำคัญกับพี่น้องคนไทยทั่วประเทศก่อน พร้อมยกโมเดล “ฮ่องกง” สุดท้ายห้องชุดกลายเป็นกรงนกเล็กๆ
อสังหาแนะ กทม.-ภูเก็ต-พัทยา นำร่องเปิดทางต่างชาติ เช่าจาก 30 เป็น 99 ปี ช้อปคอนโดไม่เกิน 75%.
https://www.matichon.co.th/economy/news_4643306
กลุ่มอสังหาฯแนะนำร่อง กทม. ภูเก็ต พัทยา ใช้มาตรการบูม”อสังหา” เปิดทางต่างชาติ เช่าจาก 30 99 ปี ช้อปคอนโดไม่เกิน 75%
เมื่อวันที่ 22 มิถุนายนที่ผ่านมา นาย
อิสระ บุญยัง ประธานคณะกรรมการสมาคมการค้ากลุ่มอสังหาริมทรัพย์ออกแบบและก่อสร้าง สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และนายกกิตติมศักดิ์ สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผยว่า ทั้ง 7 องค์กรด้านอสังหาริมทรัพย์ ประกอบด้วย คณะกรรมการสมาคมการค้ากลุ่มอสังหาริมทรัพย์ อกแบบ และก่อสร้าง สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร สมาคมอาคารชุดไทย สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน สมาคมการขายและการตลาดอสังหาริมทรัพย์ สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ไทย ได้ร่วมหารือกับกรมที่ดินและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตามที่คณะรัฐมนตรี(ครม.) ได้มีมติเมื่อวันที่ เมษายน 2567 เรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์และเตรียมการเพื่อรองรับการดำเนินการยกระดับประเทศไทยสู่ศูนย์กลางเมืองแห่งอุตสาหกรรมระดับโลก
นาย
อิสระกล่าวว่า โดยขอแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ทรัพย์อิงสิทธิและการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.อาคารชุด เป็นไปตามมติครม.วันที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา ล่าสุด ประชุมครม.เมื่อวันที่ 18 มิถุนายนอนุมัติให้กระทรวงมหาดไทยศึกษารายละเอียดและความเป็นไปได้แล้ว อาจต้องใช้เวลา เนื่องจากเป็นการแก้ไขพ.ร.บ. แต่เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เป็นมาตรการกระตุ้นและปรับโครงสร้างของอสังหาริมทรัพย์ในระยะยาว
นาย
อิสระกล่าวว่า สำหรับรายละเอียด เรื่องแรกเป็นการขยายระยะเวลาการเช่าจากเดิม 30 ปี เป็น 99 ปี กำหนดการเช่าให้เป็นทรัพยสิทธิ เป็นการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ทรัพย์อิงสิทธิ มาตรา 4 วรรค 2 แก้ไขระยะเวลาในการก่อตั้งทรัพย์อิงสิทธิ จากเดิมไม่เกิน 30 ปี เป็นมีกำหนดเวลาได้ไม่เกิน 50 ปี เมื่อครบกำหนดเวลาในการก่อตั้งทรัพย์อิงสิทธิแล้ว เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ และ ผู้ทรงทรัพย์อิงสิทธิ อาจตกลงต่อระยะเวลาทรัพย์อิงสิทธิออกไปอีกได้ ไม่เกิน 50 ปี นับแต่วันที่ตกลงกัน ต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อหน้าพนักงานเจ้าหน้าที่ มิฉะนั้นเป็นโมฆะ ดำเนินการได้ทั้งโครงการแนวราบและคอนโดมิเนียม
นาย
อิสระกล่าวว่า เรื่องที่สองการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.อาคารชุด ให้ชาวต่างชาติถือกรรมสิทธิ์ห้องชุดในอาคารชุด ได้เกินกว่า 49% แต่ไม่เกิน 75% อาจกำหนดเงื่อนไขต่างๆ อาทิ ส่วนที่ชาวต่างชาติถือกรรมสิทธิ์เกินจาก 49% ต้องสละสิทธิ์การออกเสียงใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของนิติบุคคลอาคารชุด กำหนดจำนวนเนื้อที่ไม่เกิน 5 ไร่ ต่อ 1 อาคารชุด ที่ชาวต่างชาติจะสามารถถือครองกรรมสิทธิ์ได้เกินกว่า 49% แต่ไม่เกิน 75% เพื่อมิให้เกิดการถือครองที่ดินทางอ้อม
“
การขยายโควต้าต่างชาติซื้อคอนโดได้เป็น 75% จะกำหนดพื้นที่ที่จะอนุญาตให้ชาวต่างชาติถือครองอาคารชุดได้เกินกว่า 49% แต่ไม่เกิน 75% ไม่ได้อนุญาตเป็นการทั่วไปในทุกพื้นที่ และจัดทำเป็นประกาศกระทรวงฯ เป็นคราวๆ ไป ในเบื้องต้นอาจกำหนดใน 3 พื้นที่ที่ต่างชาตินิยมอยู่อาศัย ได้แก่ กรุงเทพฯ ภูเก็ต และเมืองพัทยา การปรับสัดส่วนต่างชาติซื้อคอนโดได้เพิ่มขึ้น เคยนำมาใช้ครั้งวิกฤตต้มยำกุ้งมาแล้ว ครั้งนั้นมีการขยายให้ถึง 100% ทางรัฐบาลสามารถอิงหลักเกณฑ์เดิมได้และเราก็เสนอให้มีการเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างรวมถึงค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองสูงกว่าอัตราคนไทย เพื่อให้รัฐมีรายได้มากขึ้น” นาย
อิสระกล่าว
นายพีระพงศ์ จรูญเอก นายกกิตติมศักดิ์สมาคมอาคารชุดไทยและประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ทรัพย์อิงสิทธิและพ.ร.บ.อาคารชุด นี้ คาดใช้เวลาดำเนินการ 1-2 ปี ทั้ง 2 ประเด็นจะเป็นแรงส่งขับเคลื่อนตลาดอสังหาริมทรัพย์เป็นอย่างดี
นาย
พีระพงศ์กล่าวว่า การขยายระยะเวลาเช่าตามพ.ร.บ.ทรัพย์อิงสิทธิ เป็น 50 ปี ต่อได้อีก 1 ครั้ง เป็นไม่เกิน 99 ปี ช่วยแก้ปัญหาการเข้าถึงที่อยู่อาศัยในเมือง ซึ่งที่ดินราคาแพงและหายาก ประกอบกับเจ้าของที่ดินไม่อยากขายส่วนใหญ่จะปล่อยเช่า ปัจจุบันกฎหมายกำหนดระยะสั้น 30 ปี ซึ่งไม่คุ้ม หากได้ 50 ปี หรือ 99 ปี จะทำให้ต้นทุนการพัฒนาโครงการถูกลง เช่น คอนโดในเมืองหรือเมืองท่องเที่ยวเดิมขาย 2-3 แสนต่อตร.ม. เหลือ 1 แสนบาทต่อตร.ม. ทำให้คนไทยที่ต้องการซื้อที่อยู่ในเมืองสามารถซื้อได้ หรือซื้อบ้านได้ราคาถูกลงด้วย รวมถึงแก้ปัญหากู้แบงก์ยาก ขณะที่ต่างชาติเช่าอยู่อาศัยระยะยาวในโครงการจัดสรรได้ด้วย จากปัจจุบันไม่สามารถซื้อบ้านจัดสรรได้
“
ขณะที่ดีเวลลอปเปอร์จะเปลี่ยนวิธีการขายเป็นการเช่าระยะยาวแทน เป็นไปตามกฎหมายที่เปลี่ยนไป และการเช่าระยะยาวไม่ต้องจ่ายครั้งเดียวหมดเหมือนซื้อขาด เช่น บ้าน 10 ล้านบาท ถ้าเช่า 50 ปีเหลือ 5 ล้านบาท เราอาจจะเก็บค่าเซ้ง 2 ล้านบาท อีก 3 ล้านบาทจะจ่ายเป็นค่าเช่า แก้ปัญหากู้แบงก์ไม่ผ่านด้วย ทำให้ต่างชาติสนใจมาเช่าระยะยาวมากขึ้น เกิดจีดีพีใหม่มาขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ถ้ารัฐบาลตัดสินใจแก้กฎหมายครั้งนี้ จะทำให้ต่างชาติมั่นใจมากขึ้น ต่างประเทศก็มีแล้ว เช่น จีนให้เช่า 70 ปี ถ้าเราให้ 99 ปี จะดึงดูดกว่าสำหรับคนที่ต้องการมีบ้านหลังที่2ในเมืองไทย” นาย
พีระพงศ์กล่าว
JJNY : “นิด้าโพล”เชื่อพรรคร่วมจ้องล้ม│“พิธา”ขอโอกาสชาวอุดร│อสังหาแนะนำร่องเปิดทางต่างชาติ│มณฑลกวางตุ้งเผชิญน้ำท่วมหนัก
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_736501/
“นิด้าโพล”เชื่อมีข้อตกลงการเมือง พรรคร่วมจ้องล้ม “รบ.เศรษฐา” หวังเปลี่ยนตัวนายกฯ มองคนมีเส้นได้ สว.
“นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจของประชาชน เรื่อง “Believe It or Not! ทางการเมืองไทย” โดยทำการสำรวจระหว่างวันที่ 19-20 มิถุนายน 2567 จากประชาชนทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,310 หน่วยตัวอย่าง พบว่า
เมื่อถามถึงความเชื่อของประชาชนเกี่ยวกับข้อตกลงลับทางการเมือง ในรอบ1ปีที่ผ่านมา ตัวอย่าง ร้อยละ 39.77 ระบุว่า เชื่อมาก รองลงมา ร้อยละ 31.06 ระบุว่า ค่อนข้างเชื่อ ร้อยละ 15.73 ระบุว่า ไม่ค่อยเชื่อ ร้อยละ 10.31 ระบุว่า ไม่เชื่อเลย และร้อยละ 3.13 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
ด้านความเชื่อของประชาชนเกี่ยวกับความพยายามของพรรคร่วมรัฐบาลที่จะล้มรัฐบาลนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 31.45 ระบุว่า ค่อนข้างเชื่อ รองลงมา ร้อยละ 26.03 ระบุว่า ไม่ค่อยเชื่อ ร้อยละ 21.83 ระบุว่า ไม่เชื่อเลย ร้อยละ 17.71 ระบุว่า เชื่อมาก และร้อยละ 2.98 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
ส่วนความเชื่อของประชาชนเกี่ยวกับการเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีที่อาจจะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 28.70 ระบุว่า ไม่เชื่อเลย รองลงมา ร้อยละ 28.02 ระบุว่า ไม่ค่อยเชื่อ ร้อยละ 25.34 ระบุว่า ค่อนข้างเชื่อ ร้อยละ 15.73 ระบุว่า เชื่อมาก และร้อยละ 2.21 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
สำหรับความเชื่อของประชาชนเกี่ยวกับการยุบพรรคการเมืองที่อาจจะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 31.15 ระบุว่า ค่อนข้างเชื่อ รองลงมา ร้อยละ 23.66 ระบุว่า ไม่ค่อยเชื่อ ร้อยละ 21.60 ระบุว่า เชื่อมาก ร้อยละ 20.61 ระบุว่า ไม่เชื่อเลย และร้อยละ 2.98 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงความเชื่อของประชาชนเกี่ยวกับการใช้เส้นสายทางการเมืองของผู้สมัครบางคนเพื่อให้ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภา (สว.) พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 55.42 ระบุว่า เชื่อมาก รองลงมา ร้อยละ 28.55 ระบุว่า ค่อนข้างเชื่อ ร้อยละ 7.63 ระบุว่า ไม่ค่อยเชื่อ ร้อยละ 7.48 ระบุว่า ไม่เชื่อเลย และร้อยละ 0.92 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
“พิธา” ขอโอกาสชาวอุดรธานี เลือกก้าวไกลเป็นนายกฯ อบจ.
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_736490/
“พิธา” ขอโอกาสชาวอุดรธานี เลือกนายกฯ อบจ.ของก้าวไกล ชี้ มีแนวโน้มสีส้มเข้าวิน ไม่หวั่น “เพื่อไทย” ทวงคืนพื้นที่ พร้อมสอนมวยรัฐบาล เรียงลำดับความสำคัญ เอา “คนไทย” ก่อน ปมแก้ไข กม.อสังหาฯ ฝากรัฐบาลให้รอบคอบ เพราะทรัพยากรมีจำกัด
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า งาน Policy Fest ครั้งที่ 2 ของพรรคก้าวไกล ที่เลือกมาจัดที่จังหวัดอุดรธานี เพื่อสื่อสารวาระการทำงานของพรรคก้าวไกลที่แบ่งเป็น 6 บิ๊กแบง ทั้งวาระเฉพาะหน้าในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เรื่องการศึกษา
รวมถึงวาระเฉพาะกาล เช่น การปฏิรูปรัฐราชการ การทำให้เป็นประชาธิปไตยเต็มใบ ด้วยในการจัดครั้งแรกได้รับการตอบรับที่ดี จึงขยายออกมาอย่างภูมิภาคต่างๆ และเลือกที่แรกที่จังหวัดอุดรธานี
ส่วนเหตุผลที่เลือกจังหวัดอุดรธานีเป็นจังหวัดแรก เพราะต้องการจะยึดหัวหาดเมืองประชาธิปไตย สำหรับการเลือกตั้ง อบจ.และเลือกตั้งทั่วไปหรือไม่ นายพิธา ปฏิเสธ พร้อมบอกว่า เราตั้งใจจะยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวว่า เป็นพื้นที่ที่มีแคนดิเดต นายก อบจ. ด้วย และเป็นการได้มาจัด Policy Fest ในภาคอีสานด้วย โดยในช่วงหลังจากนี้ก็จะเป็นเวลาของภูมิภาคอื่นๆ ต่อไป ส่วนจะเป็นที่ใดต่อไป ก็ขึ้นอยู่กับมุมมองด้านยุทธศาสตร์และความพร้อมของทีมงานจังหวัด
ในเชิงยุทธศาสตร์ หมายความว่าอุดรธานีมีโอกาสจะเป็นสีส้มในอนาคตใช่หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ในการเลือกตั้งปี 2560 พรรคอนาคตใหม่ได้ 140,000 คะแนน /ปี 2566 ได้ 220,000 คะแนน และระหว่างนั้น ได้ผู้บริหารท้องถิ่นมาบ้าง แม้จะยังไม่เป็นอันดับหนึ่งและยังตามพรรคเพื่อไทยอยู่ แต่ในขณะเดียวกัน ถ้าดูในมุมมองของฝ่ายค้าน ทางพรรคก้าวไกลและพรรคไทยสร้างไทยก็มีโอกาสที่จะสู้กับพรรคอันดับหนึ่งตอนนี้ได้
ส่วนในตอนนี้ที่มีการลงพื้นที่ทั้งแกนนำของพรรคเพื่อไทยคนในตระกูลชินวัตร และแกนนำพรรคก้าวไกลเพื่อเตรียมความพร้อมศึก นายก อบจ. ในหลายจังหวัด ทำให้มีความกังวลผลในสนามท้องถิ่นหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ในมุมมองของเราการแข่งขันเป็นเรื่องดี แต่ขอให้การแข่งขันที่สร้างสรรค์ แข่งขันด้วยนโยบาย แข่งขันด้วยบุคลากร
คนที่เคยมีประสบการณ์มาก่อน เช่น นายคณิศร ขุริรัง ว่าที่ผู้สมัคร นายก อบจ.อุดรธานี เมื่อครั้งเคยเป็นรองนายกฯ อบจ. ก็ดูแลเรื่องแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดมาก่อน อยากให้แข่งขันกันว่าแต่ละคนมีความสามารถอย่างไร แต่ตอนนี้พบว่ากลายเป็นการช่วงชิงเชิงเทคนิคหรือการไม่รักษาสัญญากันบ้าง แต่ตนไม่ได้รู้สึกไม่สบายใจ ตนรู้สึกเฉยๆ เพราะคิดว่าประชาชนตื่นรู้และรู้ว่าอะไรเป็นอะไร
ทั้งนี้ พรรคมั่นใจว่าในเรื่องอุดมการณ์ ประสบการณ์ และประสิทธิภาพนั้น มีความพร้อม หากพี่น้องชาวอุดรฯ เลือกเขาวันนี้ พรุ่งนี้ก็ทำงานได้ทันที จะสามารถประสานงานกับ สส.อุดรธานี และ สส.ภาคอีสานได้อย่างดี และจะไม่ทำให้พี่น้องชาวอุดรธานีผิดหวัง
ขณะเดียวกัน นายพิธา ยังกล่าวถึงการที่กระทรวงมหาดไทย เตรียมศึกษาแก้ไขกฎหมายอสังหาริมทรัพย์ ประเภทอาคารชุดของต่างด้าว จากเดิม 49% เป็น 75% ของห้องชุด และการเช่าที่ดินขยายเป็น 99 ปี ว่า คล้ายกับสิ่งที่เคยมีการพูดคุยกันในสมัยรัฐบาลชุดก่อน ในความคิดของตน ตนคิดถึงการเรียงลำดับความสำคัญว่าปัญหาที่ดินทำกินของคนไทยเป็นเรื่องสำคัญ เป็นเรื่องที่ไม่ได้รับการแก้ไขมาเป็นเวลานาน
ดังนั้น เรื่องกรรมสิทธิ์ของคนไทยต้อมาก่อน ถ้าเราทำได้ดี ทำได้อย่างต่อเนื่อง มีงบประมาณเพียงพอ อาจจะอยากเริ่มคิดเรื่องแบบนี้ ในการดึงดูดการลงทุน โดยการทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่อยู่ศูนย์กลางนานาชาติ
ทั้งนี้ ต้องพิจารณาศึกษาให้รอบคอบและเอาคนไทยมาเป็นที่หนึ่ง แน่นอนว่าทรัพยากรมีจำกัด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเวลา งบประมาณ ก็ขอให้เรียงลำดับความสำคัญกับพี่น้องคนไทยทั่วประเทศก่อน พร้อมยกโมเดล “ฮ่องกง” สุดท้ายห้องชุดกลายเป็นกรงนกเล็กๆ
อสังหาแนะ กทม.-ภูเก็ต-พัทยา นำร่องเปิดทางต่างชาติ เช่าจาก 30 เป็น 99 ปี ช้อปคอนโดไม่เกิน 75%.
https://www.matichon.co.th/economy/news_4643306
กลุ่มอสังหาฯแนะนำร่อง กทม. ภูเก็ต พัทยา ใช้มาตรการบูม”อสังหา” เปิดทางต่างชาติ เช่าจาก 30 99 ปี ช้อปคอนโดไม่เกิน 75%
เมื่อวันที่ 22 มิถุนายนที่ผ่านมา นายอิสระ บุญยัง ประธานคณะกรรมการสมาคมการค้ากลุ่มอสังหาริมทรัพย์ออกแบบและก่อสร้าง สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และนายกกิตติมศักดิ์ สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผยว่า ทั้ง 7 องค์กรด้านอสังหาริมทรัพย์ ประกอบด้วย คณะกรรมการสมาคมการค้ากลุ่มอสังหาริมทรัพย์ อกแบบ และก่อสร้าง สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร สมาคมอาคารชุดไทย สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน สมาคมการขายและการตลาดอสังหาริมทรัพย์ สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ไทย ได้ร่วมหารือกับกรมที่ดินและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตามที่คณะรัฐมนตรี(ครม.) ได้มีมติเมื่อวันที่ เมษายน 2567 เรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์และเตรียมการเพื่อรองรับการดำเนินการยกระดับประเทศไทยสู่ศูนย์กลางเมืองแห่งอุตสาหกรรมระดับโลก
นายอิสระกล่าวว่า โดยขอแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ทรัพย์อิงสิทธิและการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.อาคารชุด เป็นไปตามมติครม.วันที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา ล่าสุด ประชุมครม.เมื่อวันที่ 18 มิถุนายนอนุมัติให้กระทรวงมหาดไทยศึกษารายละเอียดและความเป็นไปได้แล้ว อาจต้องใช้เวลา เนื่องจากเป็นการแก้ไขพ.ร.บ. แต่เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เป็นมาตรการกระตุ้นและปรับโครงสร้างของอสังหาริมทรัพย์ในระยะยาว
นายอิสระกล่าวว่า สำหรับรายละเอียด เรื่องแรกเป็นการขยายระยะเวลาการเช่าจากเดิม 30 ปี เป็น 99 ปี กำหนดการเช่าให้เป็นทรัพยสิทธิ เป็นการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ทรัพย์อิงสิทธิ มาตรา 4 วรรค 2 แก้ไขระยะเวลาในการก่อตั้งทรัพย์อิงสิทธิ จากเดิมไม่เกิน 30 ปี เป็นมีกำหนดเวลาได้ไม่เกิน 50 ปี เมื่อครบกำหนดเวลาในการก่อตั้งทรัพย์อิงสิทธิแล้ว เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ และ ผู้ทรงทรัพย์อิงสิทธิ อาจตกลงต่อระยะเวลาทรัพย์อิงสิทธิออกไปอีกได้ ไม่เกิน 50 ปี นับแต่วันที่ตกลงกัน ต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อหน้าพนักงานเจ้าหน้าที่ มิฉะนั้นเป็นโมฆะ ดำเนินการได้ทั้งโครงการแนวราบและคอนโดมิเนียม
นายอิสระกล่าวว่า เรื่องที่สองการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.อาคารชุด ให้ชาวต่างชาติถือกรรมสิทธิ์ห้องชุดในอาคารชุด ได้เกินกว่า 49% แต่ไม่เกิน 75% อาจกำหนดเงื่อนไขต่างๆ อาทิ ส่วนที่ชาวต่างชาติถือกรรมสิทธิ์เกินจาก 49% ต้องสละสิทธิ์การออกเสียงใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของนิติบุคคลอาคารชุด กำหนดจำนวนเนื้อที่ไม่เกิน 5 ไร่ ต่อ 1 อาคารชุด ที่ชาวต่างชาติจะสามารถถือครองกรรมสิทธิ์ได้เกินกว่า 49% แต่ไม่เกิน 75% เพื่อมิให้เกิดการถือครองที่ดินทางอ้อม
“การขยายโควต้าต่างชาติซื้อคอนโดได้เป็น 75% จะกำหนดพื้นที่ที่จะอนุญาตให้ชาวต่างชาติถือครองอาคารชุดได้เกินกว่า 49% แต่ไม่เกิน 75% ไม่ได้อนุญาตเป็นการทั่วไปในทุกพื้นที่ และจัดทำเป็นประกาศกระทรวงฯ เป็นคราวๆ ไป ในเบื้องต้นอาจกำหนดใน 3 พื้นที่ที่ต่างชาตินิยมอยู่อาศัย ได้แก่ กรุงเทพฯ ภูเก็ต และเมืองพัทยา การปรับสัดส่วนต่างชาติซื้อคอนโดได้เพิ่มขึ้น เคยนำมาใช้ครั้งวิกฤตต้มยำกุ้งมาแล้ว ครั้งนั้นมีการขยายให้ถึง 100% ทางรัฐบาลสามารถอิงหลักเกณฑ์เดิมได้และเราก็เสนอให้มีการเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างรวมถึงค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองสูงกว่าอัตราคนไทย เพื่อให้รัฐมีรายได้มากขึ้น” นายอิสระกล่าว
นายพีระพงศ์ จรูญเอก นายกกิตติมศักดิ์สมาคมอาคารชุดไทยและประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ทรัพย์อิงสิทธิและพ.ร.บ.อาคารชุด นี้ คาดใช้เวลาดำเนินการ 1-2 ปี ทั้ง 2 ประเด็นจะเป็นแรงส่งขับเคลื่อนตลาดอสังหาริมทรัพย์เป็นอย่างดี
นายพีระพงศ์กล่าวว่า การขยายระยะเวลาเช่าตามพ.ร.บ.ทรัพย์อิงสิทธิ เป็น 50 ปี ต่อได้อีก 1 ครั้ง เป็นไม่เกิน 99 ปี ช่วยแก้ปัญหาการเข้าถึงที่อยู่อาศัยในเมือง ซึ่งที่ดินราคาแพงและหายาก ประกอบกับเจ้าของที่ดินไม่อยากขายส่วนใหญ่จะปล่อยเช่า ปัจจุบันกฎหมายกำหนดระยะสั้น 30 ปี ซึ่งไม่คุ้ม หากได้ 50 ปี หรือ 99 ปี จะทำให้ต้นทุนการพัฒนาโครงการถูกลง เช่น คอนโดในเมืองหรือเมืองท่องเที่ยวเดิมขาย 2-3 แสนต่อตร.ม. เหลือ 1 แสนบาทต่อตร.ม. ทำให้คนไทยที่ต้องการซื้อที่อยู่ในเมืองสามารถซื้อได้ หรือซื้อบ้านได้ราคาถูกลงด้วย รวมถึงแก้ปัญหากู้แบงก์ยาก ขณะที่ต่างชาติเช่าอยู่อาศัยระยะยาวในโครงการจัดสรรได้ด้วย จากปัจจุบันไม่สามารถซื้อบ้านจัดสรรได้
“ขณะที่ดีเวลลอปเปอร์จะเปลี่ยนวิธีการขายเป็นการเช่าระยะยาวแทน เป็นไปตามกฎหมายที่เปลี่ยนไป และการเช่าระยะยาวไม่ต้องจ่ายครั้งเดียวหมดเหมือนซื้อขาด เช่น บ้าน 10 ล้านบาท ถ้าเช่า 50 ปีเหลือ 5 ล้านบาท เราอาจจะเก็บค่าเซ้ง 2 ล้านบาท อีก 3 ล้านบาทจะจ่ายเป็นค่าเช่า แก้ปัญหากู้แบงก์ไม่ผ่านด้วย ทำให้ต่างชาติสนใจมาเช่าระยะยาวมากขึ้น เกิดจีดีพีใหม่มาขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ถ้ารัฐบาลตัดสินใจแก้กฎหมายครั้งนี้ จะทำให้ต่างชาติมั่นใจมากขึ้น ต่างประเทศก็มีแล้ว เช่น จีนให้เช่า 70 ปี ถ้าเราให้ 99 ปี จะดึงดูดกว่าสำหรับคนที่ต้องการมีบ้านหลังที่2ในเมืองไทย” นายพีระพงศ์กล่าว