JJNY : “นิด้าโพล”เชื่อพรรคร่วมจ้องล้ม│“พิธา”ขอโอกาสชาวอุดร│อสังหาแนะนำร่องเปิดทางต่างชาติ│มณฑลกวางตุ้งเผชิญน้ำท่วมหนัก

“นิด้าโพล” เชื่อพรรคร่วมจ้องล้ม “รบ.เศรษฐา” หวังเปลี่ยนตัวนายกฯ
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_736501/
 
 
“นิด้าโพล”เชื่อมีข้อตกลงการเมือง พรรคร่วมจ้องล้ม “รบ.เศรษฐา” หวังเปลี่ยนตัวนายกฯ มองคนมีเส้นได้ สว.
 
“นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจของประชาชน เรื่อง “Believe It or Not! ทางการเมืองไทย” โดยทำการสำรวจระหว่างวันที่ 19-20 มิถุนายน 2567 จากประชาชนทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,310 หน่วยตัวอย่าง พบว่า
 
เมื่อถามถึงความเชื่อของประชาชนเกี่ยวกับข้อตกลงลับทางการเมือง ในรอบ1ปีที่ผ่านมา ตัวอย่าง ร้อยละ 39.77 ระบุว่า เชื่อมาก รองลงมา ร้อยละ 31.06 ระบุว่า ค่อนข้างเชื่อ ร้อยละ 15.73 ระบุว่า ไม่ค่อยเชื่อ ร้อยละ 10.31 ระบุว่า ไม่เชื่อเลย และร้อยละ 3.13 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
ด้านความเชื่อของประชาชนเกี่ยวกับความพยายามของพรรคร่วมรัฐบาลที่จะล้มรัฐบาลนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 31.45 ระบุว่า ค่อนข้างเชื่อ รองลงมา ร้อยละ 26.03 ระบุว่า ไม่ค่อยเชื่อ ร้อยละ 21.83 ระบุว่า ไม่เชื่อเลย ร้อยละ 17.71 ระบุว่า เชื่อมาก และร้อยละ 2.98 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
 
ส่วนความเชื่อของประชาชนเกี่ยวกับการเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีที่อาจจะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 28.70 ระบุว่า ไม่เชื่อเลย รองลงมา ร้อยละ 28.02 ระบุว่า ไม่ค่อยเชื่อ ร้อยละ 25.34 ระบุว่า ค่อนข้างเชื่อ ร้อยละ 15.73 ระบุว่า เชื่อมาก และร้อยละ 2.21 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
 
สำหรับความเชื่อของประชาชนเกี่ยวกับการยุบพรรคการเมืองที่อาจจะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 31.15 ระบุว่า ค่อนข้างเชื่อ รองลงมา ร้อยละ 23.66 ระบุว่า ไม่ค่อยเชื่อ ร้อยละ 21.60 ระบุว่า เชื่อมาก ร้อยละ 20.61 ระบุว่า ไม่เชื่อเลย และร้อยละ 2.98 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
 
ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงความเชื่อของประชาชนเกี่ยวกับการใช้เส้นสายทางการเมืองของผู้สมัครบางคนเพื่อให้ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภา (สว.) พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 55.42 ระบุว่า เชื่อมาก รองลงมา ร้อยละ 28.55 ระบุว่า ค่อนข้างเชื่อ ร้อยละ 7.63 ระบุว่า ไม่ค่อยเชื่อ ร้อยละ 7.48 ระบุว่า ไม่เชื่อเลย และร้อยละ 0.92 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ



“พิธา” ขอโอกาสชาวอุดรธานี เลือกก้าวไกลเป็นนายกฯ อบจ.
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_736490/ 

“พิธา” ขอโอกาสชาวอุดรธานี เลือกนายกฯ อบจ.ของก้าวไกล ชี้ มีแนวโน้มสีส้มเข้าวิน ไม่หวั่น “เพื่อไทย” ทวงคืนพื้นที่ พร้อมสอนมวยรัฐบาล เรียงลำดับความสำคัญ เอา “คนไทย” ก่อน ปมแก้ไข กม.อสังหาฯ ฝากรัฐบาลให้รอบคอบ เพราะทรัพยากรมีจำกัด 
 
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า งาน Policy Fest ครั้งที่ 2 ของพรรคก้าวไกล ที่เลือกมาจัดที่จังหวัดอุดรธานี เพื่อสื่อสารวาระการทำงานของพรรคก้าวไกลที่แบ่งเป็น 6 บิ๊กแบง ทั้งวาระเฉพาะหน้าในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เรื่องการศึกษา
 
รวมถึงวาระเฉพาะกาล เช่น การปฏิรูปรัฐราชการ การทำให้เป็นประชาธิปไตยเต็มใบ ด้วยในการจัดครั้งแรกได้รับการตอบรับที่ดี จึงขยายออกมาอย่างภูมิภาคต่างๆ และเลือกที่แรกที่จังหวัดอุดรธานี
 
ส่วนเหตุผลที่เลือกจังหวัดอุดรธานีเป็นจังหวัดแรก เพราะต้องการจะยึดหัวหาดเมืองประชาธิปไตย สำหรับการเลือกตั้ง อบจ.และเลือกตั้งทั่วไปหรือไม่ นายพิธา ปฏิเสธ พร้อมบอกว่า เราตั้งใจจะยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวว่า เป็นพื้นที่ที่มีแคนดิเดต นายก อบจ. ด้วย และเป็นการได้มาจัด Policy Fest ในภาคอีสานด้วย โดยในช่วงหลังจากนี้ก็จะเป็นเวลาของภูมิภาคอื่นๆ ต่อไป ส่วนจะเป็นที่ใดต่อไป ก็ขึ้นอยู่กับมุมมองด้านยุทธศาสตร์และความพร้อมของทีมงานจังหวัด
 
ในเชิงยุทธศาสตร์ หมายความว่าอุดรธานีมีโอกาสจะเป็นสีส้มในอนาคตใช่หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ในการเลือกตั้งปี 2560 พรรคอนาคตใหม่ได้ 140,000 คะแนน /ปี 2566 ได้ 220,000 คะแนน และระหว่างนั้น ได้ผู้บริหารท้องถิ่นมาบ้าง แม้จะยังไม่เป็นอันดับหนึ่งและยังตามพรรคเพื่อไทยอยู่ แต่ในขณะเดียวกัน ถ้าดูในมุมมองของฝ่ายค้าน ทางพรรคก้าวไกลและพรรคไทยสร้างไทยก็มีโอกาสที่จะสู้กับพรรคอันดับหนึ่งตอนนี้ได้
  
ส่วนในตอนนี้ที่มีการลงพื้นที่ทั้งแกนนำของพรรคเพื่อไทยคนในตระกูลชินวัตร และแกนนำพรรคก้าวไกลเพื่อเตรียมความพร้อมศึก นายก อบจ. ในหลายจังหวัด ทำให้มีความกังวลผลในสนามท้องถิ่นหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ในมุมมองของเราการแข่งขันเป็นเรื่องดี แต่ขอให้การแข่งขันที่สร้างสรรค์ แข่งขันด้วยนโยบาย แข่งขันด้วยบุคลากร
 
คนที่เคยมีประสบการณ์มาก่อน เช่น นายคณิศร ขุริรัง ว่าที่ผู้สมัคร นายก อบจ.อุดรธานี เมื่อครั้งเคยเป็นรองนายกฯ อบจ. ก็ดูแลเรื่องแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดมาก่อน อยากให้แข่งขันกันว่าแต่ละคนมีความสามารถอย่างไร แต่ตอนนี้พบว่ากลายเป็นการช่วงชิงเชิงเทคนิคหรือการไม่รักษาสัญญากันบ้าง แต่ตนไม่ได้รู้สึกไม่สบายใจ ตนรู้สึกเฉยๆ เพราะคิดว่าประชาชนตื่นรู้และรู้ว่าอะไรเป็นอะไร
 
ทั้งนี้ พรรคมั่นใจว่าในเรื่องอุดมการณ์ ประสบการณ์ และประสิทธิภาพนั้น มีความพร้อม หากพี่น้องชาวอุดรฯ เลือกเขาวันนี้ พรุ่งนี้ก็ทำงานได้ทันที จะสามารถประสานงานกับ สส.อุดรธานี และ สส.ภาคอีสานได้อย่างดี และจะไม่ทำให้พี่น้องชาวอุดรธานีผิดหวัง
 
ขณะเดียวกัน นายพิธา ยังกล่าวถึงการที่กระทรวงมหาดไทย เตรียมศึกษาแก้ไขกฎหมายอสังหาริมทรัพย์ ประเภทอาคารชุดของต่างด้าว จากเดิม 49% เป็น 75% ของห้องชุด และการเช่าที่ดินขยายเป็น 99 ปี ว่า คล้ายกับสิ่งที่เคยมีการพูดคุยกันในสมัยรัฐบาลชุดก่อน ในความคิดของตน ตนคิดถึงการเรียงลำดับความสำคัญว่าปัญหาที่ดินทำกินของคนไทยเป็นเรื่องสำคัญ เป็นเรื่องที่ไม่ได้รับการแก้ไขมาเป็นเวลานาน
 
ดังนั้น เรื่องกรรมสิทธิ์ของคนไทยต้อมาก่อน ถ้าเราทำได้ดี ทำได้อย่างต่อเนื่อง มีงบประมาณเพียงพอ อาจจะอยากเริ่มคิดเรื่องแบบนี้ ในการดึงดูดการลงทุน โดยการทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่อยู่ศูนย์กลางนานาชาติ
 
ทั้งนี้ ต้องพิจารณาศึกษาให้รอบคอบและเอาคนไทยมาเป็นที่หนึ่ง แน่นอนว่าทรัพยากรมีจำกัด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเวลา งบประมาณ ก็ขอให้เรียงลำดับความสำคัญกับพี่น้องคนไทยทั่วประเทศก่อน พร้อมยกโมเดล “ฮ่องกง” สุดท้ายห้องชุดกลายเป็นกรงนกเล็กๆ



อสังหาแนะ กทม.-ภูเก็ต-พัทยา นำร่องเปิดทางต่างชาติ เช่าจาก 30 เป็น 99 ปี ช้อปคอนโดไม่เกิน 75%.
https://www.matichon.co.th/economy/news_4643306

กลุ่มอสังหาฯแนะนำร่อง กทม. ภูเก็ต พัทยา ใช้มาตรการบูม”อสังหา” เปิดทางต่างชาติ เช่าจาก 30 99 ปี ช้อปคอนโดไม่เกิน 75%
 
เมื่อวันที่ 22 มิถุนายนที่ผ่านมา นายอิสระ บุญยัง ประธานคณะกรรมการสมาคมการค้ากลุ่มอสังหาริมทรัพย์ออกแบบและก่อสร้าง สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และนายกกิตติมศักดิ์ สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผยว่า ทั้ง 7 องค์กรด้านอสังหาริมทรัพย์ ประกอบด้วย คณะกรรมการสมาคมการค้ากลุ่มอสังหาริมทรัพย์ อกแบบ และก่อสร้าง สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร สมาคมอาคารชุดไทย สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน สมาคมการขายและการตลาดอสังหาริมทรัพย์ สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ไทย ได้ร่วมหารือกับกรมที่ดินและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตามที่คณะรัฐมนตรี(ครม.) ได้มีมติเมื่อวันที่ เมษายน 2567 เรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์และเตรียมการเพื่อรองรับการดำเนินการยกระดับประเทศไทยสู่ศูนย์กลางเมืองแห่งอุตสาหกรรมระดับโลก
 
นายอิสระกล่าวว่า โดยขอแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ทรัพย์อิงสิทธิและการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.อาคารชุด เป็นไปตามมติครม.วันที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา ล่าสุด ประชุมครม.เมื่อวันที่ 18 มิถุนายนอนุมัติให้กระทรวงมหาดไทยศึกษารายละเอียดและความเป็นไปได้แล้ว อาจต้องใช้เวลา เนื่องจากเป็นการแก้ไขพ.ร.บ. แต่เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เป็นมาตรการกระตุ้นและปรับโครงสร้างของอสังหาริมทรัพย์ในระยะยาว
 
นายอิสระกล่าวว่า สำหรับรายละเอียด เรื่องแรกเป็นการขยายระยะเวลาการเช่าจากเดิม 30 ปี เป็น 99 ปี กำหนดการเช่าให้เป็นทรัพยสิทธิ เป็นการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ทรัพย์อิงสิทธิ มาตรา 4 วรรค 2 แก้ไขระยะเวลาในการก่อตั้งทรัพย์อิงสิทธิ จากเดิมไม่เกิน 30 ปี เป็นมีกำหนดเวลาได้ไม่เกิน 50 ปี เมื่อครบกำหนดเวลาในการก่อตั้งทรัพย์อิงสิทธิแล้ว เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ และ ผู้ทรงทรัพย์อิงสิทธิ อาจตกลงต่อระยะเวลาทรัพย์อิงสิทธิออกไปอีกได้ ไม่เกิน 50 ปี นับแต่วันที่ตกลงกัน ต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อหน้าพนักงานเจ้าหน้าที่ มิฉะนั้นเป็นโมฆะ ดำเนินการได้ทั้งโครงการแนวราบและคอนโดมิเนียม
 
นายอิสระกล่าวว่า เรื่องที่สองการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.อาคารชุด ให้ชาวต่างชาติถือกรรมสิทธิ์ห้องชุดในอาคารชุด ได้เกินกว่า 49% แต่ไม่เกิน 75% อาจกำหนดเงื่อนไขต่างๆ อาทิ ส่วนที่ชาวต่างชาติถือกรรมสิทธิ์เกินจาก 49% ต้องสละสิทธิ์การออกเสียงใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของนิติบุคคลอาคารชุด กำหนดจำนวนเนื้อที่ไม่เกิน 5 ไร่ ต่อ 1 อาคารชุด ที่ชาวต่างชาติจะสามารถถือครองกรรมสิทธิ์ได้เกินกว่า 49% แต่ไม่เกิน 75% เพื่อมิให้เกิดการถือครองที่ดินทางอ้อม
 
การขยายโควต้าต่างชาติซื้อคอนโดได้เป็น 75% จะกำหนดพื้นที่ที่จะอนุญาตให้ชาวต่างชาติถือครองอาคารชุดได้เกินกว่า 49% แต่ไม่เกิน 75% ไม่ได้อนุญาตเป็นการทั่วไปในทุกพื้นที่ และจัดทำเป็นประกาศกระทรวงฯ เป็นคราวๆ ไป ในเบื้องต้นอาจกำหนดใน 3 พื้นที่ที่ต่างชาตินิยมอยู่อาศัย ได้แก่  กรุงเทพฯ ภูเก็ต และเมืองพัทยา การปรับสัดส่วนต่างชาติซื้อคอนโดได้เพิ่มขึ้น เคยนำมาใช้ครั้งวิกฤตต้มยำกุ้งมาแล้ว ครั้งนั้นมีการขยายให้ถึง 100% ทางรัฐบาลสามารถอิงหลักเกณฑ์เดิมได้และเราก็เสนอให้มีการเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างรวมถึงค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองสูงกว่าอัตราคนไทย เพื่อให้รัฐมีรายได้มากขึ้น” นายอิสระกล่าว
 
นายพีระพงศ์ จรูญเอก นายกกิตติมศักดิ์สมาคมอาคารชุดไทยและประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ทรัพย์อิงสิทธิและพ.ร.บ.อาคารชุด นี้ คาดใช้เวลาดำเนินการ 1-2 ปี ทั้ง 2 ประเด็นจะเป็นแรงส่งขับเคลื่อนตลาดอสังหาริมทรัพย์เป็นอย่างดี
 
นายพีระพงศ์กล่าวว่า การขยายระยะเวลาเช่าตามพ.ร.บ.ทรัพย์อิงสิทธิ เป็น 50 ปี ต่อได้อีก 1 ครั้ง เป็นไม่เกิน 99 ปี ช่วยแก้ปัญหาการเข้าถึงที่อยู่อาศัยในเมือง ซึ่งที่ดินราคาแพงและหายาก ประกอบกับเจ้าของที่ดินไม่อยากขายส่วนใหญ่จะปล่อยเช่า ปัจจุบันกฎหมายกำหนดระยะสั้น 30 ปี ซึ่งไม่คุ้ม หากได้ 50 ปี หรือ 99 ปี จะทำให้ต้นทุนการพัฒนาโครงการถูกลง เช่น คอนโดในเมืองหรือเมืองท่องเที่ยวเดิมขาย 2-3 แสนต่อตร.ม. เหลือ 1 แสนบาทต่อตร.ม. ทำให้คนไทยที่ต้องการซื้อที่อยู่ในเมืองสามารถซื้อได้ หรือซื้อบ้านได้ราคาถูกลงด้วย รวมถึงแก้ปัญหากู้แบงก์ยาก ขณะที่ต่างชาติเช่าอยู่อาศัยระยะยาวในโครงการจัดสรรได้ด้วย จากปัจจุบันไม่สามารถซื้อบ้านจัดสรรได้
 
ขณะที่ดีเวลลอปเปอร์จะเปลี่ยนวิธีการขายเป็นการเช่าระยะยาวแทน เป็นไปตามกฎหมายที่เปลี่ยนไป และการเช่าระยะยาวไม่ต้องจ่ายครั้งเดียวหมดเหมือนซื้อขาด เช่น บ้าน 10 ล้านบาท ถ้าเช่า 50 ปีเหลือ 5 ล้านบาท เราอาจจะเก็บค่าเซ้ง 2 ล้านบาท อีก 3 ล้านบาทจะจ่ายเป็นค่าเช่า แก้ปัญหากู้แบงก์ไม่ผ่านด้วย ทำให้ต่างชาติสนใจมาเช่าระยะยาวมากขึ้น เกิดจีดีพีใหม่มาขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ถ้ารัฐบาลตัดสินใจแก้กฎหมายครั้งนี้ จะทำให้ต่างชาติมั่นใจมากขึ้น ต่างประเทศก็มีแล้ว เช่น จีนให้เช่า 70 ปี ถ้าเราให้ 99 ปี จะดึงดูดกว่าสำหรับคนที่ต้องการมีบ้านหลังที่2ในเมืองไทย” นายพีระพงศ์กล่าว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่