เปิดร้านในแอพส้มมาได้ประมาน6ปี แต่ไม่ได้ขายอะไร แต่เริ่มขายจริงๆคือ1ปีกว่าๆ คือเหมือนมาสานต่อธุรกิจของพ่อซึ่งพ่อเสียไปแล้ว เมื่อก่อนพ่อเป็นเหมือนรถพุ่มพวงแบกของใส่รถไปขายตามร้านค้า แต่เราไม่ได้วิ่งรถเร่ไปขายตามต่างจังหวัดแบบพ่อแล้ว แต่เปลี่ยนมาขายออนไลน์แทนครับ
ซึ่งปีที่แล้วไม่ได้ขายดีอะไรมาก แต่มันเริ่มมาดีในปี67นี้ ซึงคาดว่ายอดจะทะลุที่กฎหมายกำหนดไว้ในเรื่องต้องจดvat คำถามมีดังนี้ครับ
1.เราควรเข้าไปแจ้งไปคุยกับสรรพกรโดยตรงเลยไหมครับไปแจงรายละเอียดให้ฟังว่าอะไรยังไง หรือโทรไปสอบถามถึงวิธีต่างๆก็พอ
2. ตอนพ่อเสีย พวกหนี้สินโรงงานที่ยังเคลียไม่จบ ยอดรวมเกือบ8หลัก เราก็ต้องมาจ่ายส่วนที่เหลือโดยการขายออนไลน์ทยอยใช้คืนไปเรื่อย ซึ่งมันยังไม่หมด(เหลืออีกเยอะ) คือแบ่งจ่ายเขาเดือนนึงก็แทบจะเดือนชนเดือนแล้ว ไหนจะค่าเลี้ยงดูเมียพ่อซึ่งเขาไม่ได้ทำงานและลูกพ่ออีกคนนึงซึ่งก็คือน้องสาวผมที่ยังเรียนอยู่ และซึงเราก็ต้องสั่งของจากโรงงานมาเสริมของที่มันจะหมดไป ซึ่งเหมือนเราต้องจ่ายหลายทางแต่รับทางเดียว ทั้งหนี้เก่าและของซื้อเข้าใหม่ แบบนี้ หนี้สินที่เรามีอยู่เราจะถูกคิดยังไงครับ สรรพกรจะเห็นใจเราตรงนี้ไหม ซึ่งถ้าจดVAT กำไรจากยอดขายก็หายไปแล้ว7% ซึ่งกำไรในการขายออนไลน์ก็ไม่เกิน25%กันอยู่แล้ว แล้วโดนค่าบริการจากแอพ ค่าบริการ ค่าอื่นๆต่างๆนาๆ บลาๆ ก็ปาไป15%แล้ว คือคิดรวบยอด ยอดขาย100% โดนแอพหักไป15 สรรพกรVATอีก7 เหลือกำไรประมาณไม่ถึง 10% ทางผมก็จะไม่ไหวนะครับ เพราะเงินที่ได้มามันก็ต้องหมุน ทุกวันนี้ก็คือเหมือนเสมอตัวบางเดือนบวกพอให้เหลือเก็บหลักพัน บางเดือนติดลบด้วยซ้ำ
3. แล้วถ้าเสียแบบบุคคลธรรมดา เรามีการจ้างลูกน้อง จ่ายเงินเดือนทุกเดือน เราจะบอกทางสรรพกรได้ไหมเขาจะเข้าใจไหม หรือต้องไปจดหจก หรือ บจก.
เพื่อจะเอาค่าใช้จ่ายพวกนี้มาหัก แล้วบุคคลธรรมดาถ้าเก็บเอกสารตามจริงจะต้องทำยังไงให้ถูก บางทีไปซื้อของใช้ในงานจาก7-11 ได้ใบเสร็จย่อมาจะเอามาใช้ได้ไหม บางร้านไปซื้อจากข้างทางจะทำยังไง สรรพกรจะเข้าใจไหม
4. แล้วพวกระบบการโปรโมทยิงแอดถือเป็นการจ่ายเงินในการทำธุรกิจไหม ของเสียของคืน หักจากอะไร บางทีจ้างแอดมินบางเดือนก็มีค่าใช้จ่ายอีก
5. ควรเสียภาษีแบบไหนดีครับ ระหว่างบุคคลธรรมดาจดvat หรือจัดตั้ง บจก. แล้วจดvat
6. ถ้าต้องเลือกจด บจก. ทางผมจะเปิดร้านค้าในแอพอื่นได้อีกไหม โดยไม่ต้องไปจดบ. เพิ่มอีกของแต่ละร้าน หรือต้องร้านใครร้านมัน 1บ.มีได้แค่1ร้านหรอครับหรือยังไง แล้วถ้าบุคคลธรรมดาจะมีหลายร้านค้าได้ไหม แล้วจะคิดรายได้ค่าใช้จ่ายรวมกันหรืออย่างไร
ค้าขายออนไลน์ อยากเสียภาษีถูกต้อง ควรเข้าไปคุยกับสรรพกรโดยตรงเลยไหมครับเพราะรายละเอียดมันเยอะมาก
ซึ่งปีที่แล้วไม่ได้ขายดีอะไรมาก แต่มันเริ่มมาดีในปี67นี้ ซึงคาดว่ายอดจะทะลุที่กฎหมายกำหนดไว้ในเรื่องต้องจดvat คำถามมีดังนี้ครับ
1.เราควรเข้าไปแจ้งไปคุยกับสรรพกรโดยตรงเลยไหมครับไปแจงรายละเอียดให้ฟังว่าอะไรยังไง หรือโทรไปสอบถามถึงวิธีต่างๆก็พอ
2. ตอนพ่อเสีย พวกหนี้สินโรงงานที่ยังเคลียไม่จบ ยอดรวมเกือบ8หลัก เราก็ต้องมาจ่ายส่วนที่เหลือโดยการขายออนไลน์ทยอยใช้คืนไปเรื่อย ซึ่งมันยังไม่หมด(เหลืออีกเยอะ) คือแบ่งจ่ายเขาเดือนนึงก็แทบจะเดือนชนเดือนแล้ว ไหนจะค่าเลี้ยงดูเมียพ่อซึ่งเขาไม่ได้ทำงานและลูกพ่ออีกคนนึงซึ่งก็คือน้องสาวผมที่ยังเรียนอยู่ และซึงเราก็ต้องสั่งของจากโรงงานมาเสริมของที่มันจะหมดไป ซึ่งเหมือนเราต้องจ่ายหลายทางแต่รับทางเดียว ทั้งหนี้เก่าและของซื้อเข้าใหม่ แบบนี้ หนี้สินที่เรามีอยู่เราจะถูกคิดยังไงครับ สรรพกรจะเห็นใจเราตรงนี้ไหม ซึ่งถ้าจดVAT กำไรจากยอดขายก็หายไปแล้ว7% ซึ่งกำไรในการขายออนไลน์ก็ไม่เกิน25%กันอยู่แล้ว แล้วโดนค่าบริการจากแอพ ค่าบริการ ค่าอื่นๆต่างๆนาๆ บลาๆ ก็ปาไป15%แล้ว คือคิดรวบยอด ยอดขาย100% โดนแอพหักไป15 สรรพกรVATอีก7 เหลือกำไรประมาณไม่ถึง 10% ทางผมก็จะไม่ไหวนะครับ เพราะเงินที่ได้มามันก็ต้องหมุน ทุกวันนี้ก็คือเหมือนเสมอตัวบางเดือนบวกพอให้เหลือเก็บหลักพัน บางเดือนติดลบด้วยซ้ำ
3. แล้วถ้าเสียแบบบุคคลธรรมดา เรามีการจ้างลูกน้อง จ่ายเงินเดือนทุกเดือน เราจะบอกทางสรรพกรได้ไหมเขาจะเข้าใจไหม หรือต้องไปจดหจก หรือ บจก.
เพื่อจะเอาค่าใช้จ่ายพวกนี้มาหัก แล้วบุคคลธรรมดาถ้าเก็บเอกสารตามจริงจะต้องทำยังไงให้ถูก บางทีไปซื้อของใช้ในงานจาก7-11 ได้ใบเสร็จย่อมาจะเอามาใช้ได้ไหม บางร้านไปซื้อจากข้างทางจะทำยังไง สรรพกรจะเข้าใจไหม
4. แล้วพวกระบบการโปรโมทยิงแอดถือเป็นการจ่ายเงินในการทำธุรกิจไหม ของเสียของคืน หักจากอะไร บางทีจ้างแอดมินบางเดือนก็มีค่าใช้จ่ายอีก
5. ควรเสียภาษีแบบไหนดีครับ ระหว่างบุคคลธรรมดาจดvat หรือจัดตั้ง บจก. แล้วจดvat
6. ถ้าต้องเลือกจด บจก. ทางผมจะเปิดร้านค้าในแอพอื่นได้อีกไหม โดยไม่ต้องไปจดบ. เพิ่มอีกของแต่ละร้าน หรือต้องร้านใครร้านมัน 1บ.มีได้แค่1ร้านหรอครับหรือยังไง แล้วถ้าบุคคลธรรมดาจะมีหลายร้านค้าได้ไหม แล้วจะคิดรายได้ค่าใช้จ่ายรวมกันหรืออย่างไร