จากภาพด้านบนแสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิตประจำวันของคนในกรุง เป็นภาพที่หลายๆคนในยุคที่ผมยังละอ่อน พบเจอจนคุ้นชินตา การ
โหนรถเมล์ไปเรียน ไปทำงาน ทำธุระเร่งด่วน (ใช่..ไม่ด่วน กูคงไม่ยอมโหนหรอก) ผมเองก็เคยอยู่ในสถานการณ์นี้มาก่อน สังเกตุ
วงกลมสีแดง ในภาพด้านบน ซึ่งในภาพนี้ ไม่ใช่ตัวผม แต่จุดที่พี่แกคนในวงกลมนั้นยืน คือ จุดที่ที่ผมเคยยืนมาแล้วเหมือนกัน
สมัยนั้นไม่คิดอะไรมาก ขอแค่ให้ได้ไปก่อน ดีกว่ารอคันหลัง ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามันจะ คัน เอ้ย!! มันจะมาอีกเมื่อไร
มีอยู่วันนึงโหนมาได้ครึ่งทาง
รถเมล์จอดป้าย มีคนบนรถขอทางจะลงป้ายนี้ " ขอทางหน่อยค่าาาา" ผมผู้ซึ่งกำลังโหน และ อีก 3-4 คนที่ร่วมชะตากรรมในวันนั้น ก็ต้องยอมปล่อยมือชั่วคราว ลงมายืนข้างๆ รถเมล์กันก่อน (บางคนใช้วิธีไม่ปล่อยมือ แต่ยังห้อยโหนเอี้ยวตัวหลบเท่านั้น เพื่อประกันความเสี่ยง) หลังผู้โดยสารบนรถลงหมดแล้ว เหล่าผู้ร่วมชะตากรรมรวมทั้งตัวผมก็รีบกระโดดโหนตัวรถเมล์ทันที เพราะชั่วหายใจยังไม่ทั่วท้อง รถเมล์ออกตัวอย่างรวดเร็ว ทุกคนต้องได้ไปต่อ 555
เว้นก็แต่เพียงแค่ผม ที่โดดเกาะไม่ทัน ครั้นจะตะโกนเรียกรถให้หยุด มันก็ดูจะเสียฟอร์มอยู่ไม่น้อย เลยต้องเลยตามเลย เดินไปที่ป้ายรถ รอคันต่อไป เอาน่าอย่างน้อยเราก็มาได้ครึ่งทางแล้ว 555
พูดถึงตำแหน่งยืน
โหนรถเมล์ที่ผมเคยยืน อย่างในรูปที่วงกลมสีแดงนั้น หลายคนอาจคิดว่า ถ้าผมได้ยืนอยู่ ณ. จุดๆนั้น ผมคงได้ขึ้น
รถเมล์ฟรีเป็นแน่ เพราะพี่กระเป๋าคงมาไม่ถึง แต่มันไม่ใช่อย่างนั้นเลยครับ บ่อยครั้งที่ผมโหน ณ. จุดนี้ แต่ผมต้องจัดระเบียบร่างกายให้ได้ เพราะเพียงชั่วอึดใจ ไม่ถึง 1 ป้าย พี่กระเป๋าแกก็ถึงตัวผม ใช่ครับ แกยื่นมือมาจนสามารถเก็บเงินผมจนได้ หลังเอาเงินใส่กระบอกเก็บตั๋ว แกก็ฉีกตั๋วส่งให้กับผม 555 ตั้งแต่ได้โหนมาผมไม่เคยได้ขึ้นรถเมล์ฟรีเลย
พูดถึง
กระเป๋ารถเมล์ สมัยเด็กๆบางครั้งผมก็มีความรู้สึกว่า การจะเป็นกระเป๋าได้นี่ต้องเรียนวิทยายุทธอะไรมาก่อนมั้ย เพราะผมไม่เคยเห็นกระเป๋ารถเมล์ล้มเลย รถจะออกตัวแรง หรือ เบรคแรงซักแค่ไหน พี่แกก็สามารถบาลานซ์ร่างกายให้นิ่งสงบสยบเคลื่อนไหวได้ตลอด แม้การยืนที่ไม่ต้องพึ่งการเกาะจับใดๆ มีเพียงขาสองข้างอันมั่งคงที่ทรงตัวพี่แกให้นิ่งแบบเท่ๆ เก็บเงิน ฉีกตั๋ว งับกระบอก เสียง กั๊บๆๆๆ
ที่สำคัญสกิลฉีกตั๋วที่ดูเหมือนฉีกมั่วๆ แต่มันไม่มั่วนะ ฉีกไว ฉีกโดน และ ถูกต้อง นี่แหล่ะ ความ amazing ที่สมัยเด็กๆผมนึกถึงกระเป๋ารถเมล์ เดี๋ยวนี้ไม่ได้ขึ้นรถเมล์ในกรุงเทพ มา 20 ปี แระ ไม่รู้เดี๋ยวนี้เป็นแบบไหนกัน บ้าง
ภาพจำในอดีตที่ผมเคยผ่านจุดนี้มาก่อน กับความ amazing ของกระเป๋ารถเมล์
สมัยนั้นไม่คิดอะไรมาก ขอแค่ให้ได้ไปก่อน ดีกว่ารอคันหลัง ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามันจะ คัน เอ้ย!! มันจะมาอีกเมื่อไร
มีอยู่วันนึงโหนมาได้ครึ่งทาง รถเมล์จอดป้าย มีคนบนรถขอทางจะลงป้ายนี้ " ขอทางหน่อยค่าาาา" ผมผู้ซึ่งกำลังโหน และ อีก 3-4 คนที่ร่วมชะตากรรมในวันนั้น ก็ต้องยอมปล่อยมือชั่วคราว ลงมายืนข้างๆ รถเมล์กันก่อน (บางคนใช้วิธีไม่ปล่อยมือ แต่ยังห้อยโหนเอี้ยวตัวหลบเท่านั้น เพื่อประกันความเสี่ยง) หลังผู้โดยสารบนรถลงหมดแล้ว เหล่าผู้ร่วมชะตากรรมรวมทั้งตัวผมก็รีบกระโดดโหนตัวรถเมล์ทันที เพราะชั่วหายใจยังไม่ทั่วท้อง รถเมล์ออกตัวอย่างรวดเร็ว ทุกคนต้องได้ไปต่อ 555
เว้นก็แต่เพียงแค่ผม ที่โดดเกาะไม่ทัน ครั้นจะตะโกนเรียกรถให้หยุด มันก็ดูจะเสียฟอร์มอยู่ไม่น้อย เลยต้องเลยตามเลย เดินไปที่ป้ายรถ รอคันต่อไป เอาน่าอย่างน้อยเราก็มาได้ครึ่งทางแล้ว 555
พูดถึงตำแหน่งยืนโหนรถเมล์ที่ผมเคยยืน อย่างในรูปที่วงกลมสีแดงนั้น หลายคนอาจคิดว่า ถ้าผมได้ยืนอยู่ ณ. จุดๆนั้น ผมคงได้ขึ้นรถเมล์ฟรีเป็นแน่ เพราะพี่กระเป๋าคงมาไม่ถึง แต่มันไม่ใช่อย่างนั้นเลยครับ บ่อยครั้งที่ผมโหน ณ. จุดนี้ แต่ผมต้องจัดระเบียบร่างกายให้ได้ เพราะเพียงชั่วอึดใจ ไม่ถึง 1 ป้าย พี่กระเป๋าแกก็ถึงตัวผม ใช่ครับ แกยื่นมือมาจนสามารถเก็บเงินผมจนได้ หลังเอาเงินใส่กระบอกเก็บตั๋ว แกก็ฉีกตั๋วส่งให้กับผม 555 ตั้งแต่ได้โหนมาผมไม่เคยได้ขึ้นรถเมล์ฟรีเลย
พูดถึงกระเป๋ารถเมล์ สมัยเด็กๆบางครั้งผมก็มีความรู้สึกว่า การจะเป็นกระเป๋าได้นี่ต้องเรียนวิทยายุทธอะไรมาก่อนมั้ย เพราะผมไม่เคยเห็นกระเป๋ารถเมล์ล้มเลย รถจะออกตัวแรง หรือ เบรคแรงซักแค่ไหน พี่แกก็สามารถบาลานซ์ร่างกายให้นิ่งสงบสยบเคลื่อนไหวได้ตลอด แม้การยืนที่ไม่ต้องพึ่งการเกาะจับใดๆ มีเพียงขาสองข้างอันมั่งคงที่ทรงตัวพี่แกให้นิ่งแบบเท่ๆ เก็บเงิน ฉีกตั๋ว งับกระบอก เสียง กั๊บๆๆๆ
ที่สำคัญสกิลฉีกตั๋วที่ดูเหมือนฉีกมั่วๆ แต่มันไม่มั่วนะ ฉีกไว ฉีกโดน และ ถูกต้อง นี่แหล่ะ ความ amazing ที่สมัยเด็กๆผมนึกถึงกระเป๋ารถเมล์ เดี๋ยวนี้ไม่ได้ขึ้นรถเมล์ในกรุงเทพ มา 20 ปี แระ ไม่รู้เดี๋ยวนี้เป็นแบบไหนกัน บ้าง