บารมี เหตุแห่งการ"เห็นธรรม"

พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๓ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๕
ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ -พุทธวังสะ-จริยาปิฎก
 
สโมธานกถา
สรุปการบำเพ็ญบารมี ๓๐ ทัศ
[๓๖]   การบำเพ็ญบารมีอันเป็นเครื่องบ่มพระโพธิญาณเหล่านี้ จัดเป็น บารมี ๑๐ อุปบารมี ๑๐
ปรมัตถบารมี ๑๐

คือการบำเพ็ญทานในภพที่ตถาคตเป็นพระเจ้าสิวิราชผู้ประเสริฐเป็นทานบารมี

ในภพที่เราเป็นเวสสันดรและเป็นเวลามพราหมณ์ เป็นทานอุปบารมี

ในภพที่เราเป็นอกิติดาบสอดอาหารนั้น เป็นทานอุปบารมี

ในภพที่เราเป็นพระยาไก่ป่า สีลวนาคและพระยากระต่าย เป็นทานปรมัตถบารมี

ในภพที่เราเป็นพระยาวานร ช้างฉัททันต์ และช้างเลี้ยงมารดาเป็นศีลบารมี

พระผู้มีพระภาคผู้แสวงหาคุณยิ่งใหญ่ตรัสไว้ดังนี้

การรักษาศีลในภพที่เราเป็นจัมเปยยกนาคราช และภูริทัตตนาคราช เป็นศีลอุปบารมี

ในภพที่เราเป็นสังขปาลบัณฑิต เป็นศีลปรมัตถบารมี

ในภพที่เราเป็นยุธัญชยกุมาร มหาโควินทพราหมณ์ คนเลี้ยงช้างอโยฆรราชโอรส ภัลลาติ สุวรรณสาม มฆเทวะและเนมิราช บารมีเหล่านี้เป็นอุปบารมี

ในภพที่เราเป็นมโหสถผู้เป็นทรัพย์ของรัฐกุลฑลตัณฑิละและนกกระทาบารมีเหล่านี้เป็นปัญญาอุปบารมี

ในภพที่เราเป็นวิธูรบัณฑิตและสุริยพราหมณ์มาตังคะ ผู้เป็นศิษย์เก่าของอาจารย์บารมีทั้ง ๒ ครั้งนี้ เป็นปัญญาบารมี

ในภพที่เราเป็นพระราชาผู้มีศีล มีความเพียร เป็นผู้ก่อให้เกิดสัตตุภัสตชาดก บารมีนี้แลเป็นปัญญาปรมัตถบารมี

ในภพที่เราเป็นพระราชาผู้มีความเพียรบากบั่น เป็นวิริยปรมัตถบารมี

ในภพที่เราเป็นพระยาวานรผู้มีครุธรรม ๕ ประการ เป็นวิริยบารมี

ในภพที่เราเป็นธรรมปาลกุมาร เป็นขันติบารมี

ในภพที่เราเป็นธรรมิกเทพบุตร ทำสงครามกับอธรรมิกเทพบุตร เรียกว่าขันติอุปบารมี

ในภพที่เราเป็นขันติวาทีดาบสแสวงหาพุทธภูมิด้วยการบำเพ็ญขันติบารมี ได้ทำกรรมที่ทำได้ยากเป็นอันมาก นี้เป็นขันติปรมัตถบารมี

ในภพที่เราเป็นสสบัณฑิตนกคุ่ม ซึ่งประกาศคุณสัจจะ ยังไฟให้ดับด้วยสัจจะ นี้เป็นสัจจบารมี

ในภพที่เราเป็นปลาอยู่ในน้ำ ได้ทำสัจจะอย่างสูงยังฝนให้ตกใหญ่นี้เป็นสัจจบารมีของเรา

ในภพที่เราเป็นสุปารบัณฑิตผู้เป็นนักปราชญ์ยังเรือให้ข้ามสมุทรจนถึงฝั่ง เป็นกัณหทีปายนดาบส ระงับยาพิษได้ด้วยสัจจะ และเป็นวานรข้ามกระแสแม่น้ำคงคาได้ด้วยสัจจะนี้เป็นสัจจอุปบารมีของเรา

ในภพที่เราเป็นสุตโสมราชา รักษาสัจจะอย่างสูง ช่วยปล่อยกษัตริย์ ๑๐๑ นี้เป็นสัจจปรมัตถบารมี

อะไรที่จะเป็นความพอใจไปกว่าอธิษฐาน นี้เป็นอธิษฐานบารมี ในภพที่เราเป็นมาตังฏิล และช้างมาตังคะ นี้เป็นอธิษฐานอุปบารมี

ในภพที่เราเป็นมูคผักขกุมาร เป็นอธิษฐานปรมัตถบารมี

ในภพที่เป็นมหากัณหฤาษี และพระเจ้าโสธนะ และบารมีสองอย่าง คือในภพที่เราเป็นพระเจ้าพรหมทัตต์ และคัณฑิติณฑกะ ที่กล่าวแล้วเป็นเมตตาบารมี

ในภพที่เราเป็นโสณนันทบัณฑิตผู้ทำความรัก บารมีเหล่านั้นเป็นเมตตาอุปบารมี

ในภพที่เราเป็นพระเจ้าเอกราชเป็นบารมีไม่มีของผู้อื่นเหมือน นี้เป็นเมตตาปรมัตถบารมี

ในภพที่เราเป็นนกแขกเต้าสองครั้ง เป็นอุเบกขาบารมี

ในภพที่เราเป็นโลมหังสบัณฑิต เป็นอุเบกขาปรมัตถบารมี

บารมีของเรา ๑๐ ประการนี้ เป็นส่วนแห่งโพธิญาณอันเลิศ บารมียิ่งกว่า ๑๐ ไม่มีหย่อนกว่า ๑๐ ก็ไม่มี เราบำเพ็ญบารมีทุกอย่างไม่ยิ่งไม่หย่อน เป็นบารมี ๑๐ ประการฉะนี้แล.

จบสโมธานกถา
จบจริยาปิฎก
ดอกไม้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่