ต่อเนื่องมาจากกระทู้นี้นะคะ (เข้าใจคำว่า ศีลไม่เสมอกัน แต่งงานกันไม่ได้ก็วันนี้แหล่ะ)
https://pantip.com/topic/42613492/comment108
จากกระทู้ที่แล้ว เราเข้าใจทุกคนค่ะ อ่านทุกความคิดเห็นเลย ทุกคนหวังดี ส่วนใหญ่แนะนำให้เราคิดดีๆ แนะนำเหมือนแม่ของเรา เพราะหลายๆคนก็ผ่านจุดนี้ไปแล้ว หรือเห็นคนใกล้ตัว สภาพเป็นยังไงหลังจากนี้ กระทู้ที่แล้วเราเขียนในมุมมองของฝ่ายหญิง ที่พบเจออะไรบ้าง เหนื่อยล้ายังไงบ้าง กังวลอะไรบ้าง ถ้าแต่งงานกับฝ่ายชายที่เงินเดือนน้อยกว่า ฐานะน้อยกว่า และอาจมีเรื่องครอบครัวเค้ามาเกี่ยวข้อง กระทู้นี้ตั้งใจจะมาแชร์มุมของแฟนบ้างค่ะ ว่าถ้าไม่นับเรื่องญาติเค้า เค้าต้องเสียสละอะไรมากมายขนาดไหน ในการมาคบกับเราที่เงินเดือนเยอะกว่า ฐานะดีกว่า (ไม่ใช่ว่าผู้ชายสบายนะคะ ที่ได้คบผู้หญิงฐานะดีกว่า) มาอ่านกันค่ะ มุมมองคุณอาจจะเปลี่ยนไป
เราแก่กว่าแฟน 10 ปี ตอนนี้เราอายุ 35 แฟนเรา 25 ค่ะ เราเงินเดือนเยอะกว่าแฟน ฐานะทางบ้านดีกว่าแฟน คบกันมา 3 ปี มีแพลนจะแต่งงานกันในปีหน้า ก่อนหน้าที่จะตัดสินใจคบกันแบบจริงจัง เค้าบอกว่า ด้วยอายุเค้า ถ้าจะเสกให้มีทุกอย่างเท่าเราตอนนี้ เค้าทำไม่ได้ แต่ขอเวลาเค้า ในอนาคตถ้าช่วยกันเก็บช่วยกันสร้าง ในอนาคตเค้าบอกเค้าจะมีให้แน่นอน เค้าเก็บคนเดียวได้ แต่ช่วยกัน มันก็ใช้เวลาไม่นาน ถ้าถามว่า 3 ปีที่ผ่านมา ในมุมของแฟนเราเหนื่อยขนาดไหน บอกเลยว่าเหนื่อยมากๆค่ะ เหนื่อยแบบสายตัวแทบขาด เพราะเราช่วยกันเก็บช่วยกันสร้าง ไม่ใช่เพียงแค่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เราบอกเลยว่าถ้าแฟนเราไม่ดีจริง เราไม่ตัดสินใจลงมาลำบากหรอกค่ะ ผู้ชายจำไว้นะคะ ถ้าอยากได้ผู้หญิงที่ไม่ได้มองคุณแค่เรื่องเงิน ตัวผู้ชายเองก็ต้องดีระดับนึงค่ะ
แฟนเราทำงานประจำ ฐานเงินเดือนไม่เยอะมาก แต่ก็มีเงินพิเศษในที่ทำงาน แต่ก็ต้องแลกด้วยแรงและเหงื่อ ด้วยการทำงานหนักขึ้นมากๆ บางวันได้นอนตี1 ตี2 ช่วยกันขายของออนไลน์หารายได้เสริม ในขณะเดียวกันเค้าก็พยายามอ่านหนังสือสอบ เพื่อสอบราชการ เค้าพยายามทำทุกอย่างพร้อมๆกัน เพราะอยากจะตามเราให้ทัน ทั้งเรื่องรายได้ และหน้าที่การงาน อยากหาเงินให้ได้เยอะๆ อยากเก็บเงินแต่งงาน อยากใช้ชีวิตคู่กับเรา บางคนอาจจะคิดว่าอืมก็ปกตินะ แต่สำหรับคนอายุแค่ 23 (ตอนนั้นเค้าอายุ 23 นะคะ) สำหรับคนอายุเท่านี้ ต้องแบกรับทุกอย่างขนาดนี้ เค้าเสียสละเวลาช่วงวัยรุ่นของเค้า วัยนี้ผู้ชายควรได้เที่ยวกับเพื่อน ไปสนุกกับเพื่อน ทำงานได้เงิน ใช้ชีวิตให้เต็มที่ให้สมวัยของเค้า แต่เค้ากลับเลือกสละความสุขในชีวิตไปหลายอย่าง เพื่อเลือกที่เก็บเงินแต่งงานสร้างชีวิตกับเรา เค้าได้เงินมาเท่าไหร่ เค้าฝากเงินไว้แต่งงานเพื่อสร้างอนาคตหมด จนบางครั้งเหลือใช้ติดตัวไม่กี่พันบาท เพียงแค่ไว้ใช้กินต่อเดือน ของอะไรที่อยากได้ ไม่ซื้อสักอย่าง ทำให้เค้าไม่มีเงินเก็บส่วนตัวเลย เพราะเค้าตั้งใจ และเต็มใจฝากหมด (จากกระทู้ที่แล้ว เป็นสาเหตุที่ทำไมเค้าต้องรบกวนเงินเราให้ญาติ) และด้วยอายุเราที่มากกว่า มากๆ เค้าก็ไม่อยากให้เราต้องเสียเวลาในชีวิตเราไปกับเค้าแบบเสียเปล่า ถึงได้รีบเก็บ อัดเงินแต่งงาน
ใครที่กำลังสร้างชีวิตคู่ จะรู้ดีว่าการเก็บเงินด้วยกันมันเหนื่อยมากๆนะคะ หลายครั้งที่เราก็เหนื่อย ตัวเราเองก็ต้องทำอาชีพเสริมหลายอย่าง เพื่อที่จะเก็บเงินด้วยกันให้ได้มากที่สุด เร็วที่สุด บางทีก้อน้อยใจ เห็นเพื่อนมีแฟนเปย์ๆ ใช้ชีวิตดีๆ ก็แอบอิจฉาบ้าง จนบางทีมันก็ทั้งเหนื่อย และน้อยใจ จนบางครั้งก็ลืมไป ว่าแฟนเราก็เหนื่อยขนาดไหน เพื่อเรา เค้าก็มักจะขอโทษและขอบคุณเราเสมอว่า ขอโทษที่ตัวเองไม่ได้มีต้นทุนในชีวิตเยอะ และขอบคุณเราเสมอที่เรายังคงอยู่ข้างๆเค้า เค้าบอกเราว่า บอกเค้าได้เสมอถ้าวันนึงรู้สึกเหนื่อยจนไม่ไหวแล้ว เหนื่อยจนรู้สึกว่าไม่อยากไปต่อ เค้ายินดีปล่อยเราไป เพราะสิ่งสำคัญที่สุดคือเค้าอยากเห็นเรามึความสุข แม้เค้าจะไม่ได้ไปต่อกับเราก็ตาม
ซึ่งหลายครั้ง เราก็ท้อ และมันก็เหนื่อยจริงๆ มีวันนึงเราเดินเข้าไปในห้องเค้า เห็นโต๊ะอ่านหนังสือเค้า เราน้ำตาไหลเลยค่ะ โต๊ะทำงานเค้ามีตารางอ่านหนังสือที่เค้าเขียนด้วยตัวเอง เพราะเค้าตั้งใจจะวางแผนอ่านหนังสือสอบราชการให้ได้ เพื่อยกระดับหน้าที่การงานตัวเองให้เท่าเรา รูปบ้านที่ตัดแปะไว้ เพราะหวังจะซื้อบ้านอยู่กับเราในอนาคต ความฝันเค้ามันกว้าง และใหญ่เกินกว่าเด็กอายุ 23 มากๆ ยิ่งเราไปเจอกระดาษที่เขียน TimeLine ชีวิตเค้าในแต่ละปีว่า เค้าวางแผนจะมีอะไรบ้าง ตั้งแต่มีรถ มีที่ดิน แต่งงาน มีบ้าน ทุก Timeline ตั้งแต่แรกจนถึงปัจจุบัน และอนาคต มีเราอยู่ในนั้น เรายิ่งเสียใจไปอีกที่บางครั้ง เราน้อยใจเอาชีวิตเราไปเปรียบเทียบกับคนอื่นที่เค้ามี จนบางครั้งเผลอมองข้ามไป ว่าแฟนเราเค้าก็พยายามมากแค่ไหน เหนื่อยแค่ไหน จนบางทีก็น้อยใจและพูดทำร้ายจิตใจเค้า จนเค้าก็เอ่ยปากว่าตัวเค้าเองก็กดดันตัวเองมากๆ แล้วเรายังไปกดดันเค้าอีก เราเลยตัดสินใจพูดกับเค้าเหมือนกันว่า ถ้าวันนึงเค้ารู้สึกเหนื่อยจนทนไม่ไหว ที่จะไปต่อกับเรา เราก็ยินดีปล่อยเค้าไปเจอคนที่ดีกว่าเช่นกัน เค้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อยเกินไวขนาดนี้ เราจะไม่ฉุดรั้งเค้าไว้ เช่นเดียวกับที่เค้าเคยบอกเรา ถึงแม้เราอายุจะเยอะ แต่เวลาที่ผ่านมา เราไม่เสียดายนะคะ
3 ปีที่ผ่านมา จากที่ไม่มีอะไรเลย เรามีที่ดินด้วยกัน 2 แปลง มีเงินเก็บด้วยกันเกือบครึ่งล้าน มีรถยนต์ 1 คัน เป็นสิ่งที่เราร่วมกันสร้างให้มีด้วยกัน สำหรับวันที่พร้อมจะแต่งงาน ซึ่งเค้าทำได้แบบในวันแรกที่เค้าพูดไว้จริงๆ ว่าจะมีหลายๆอย่างด้วยกัน ถ้าให้เวลาเค้า จริงๆเงิน 1 ล้าน ไม่จำเป็นต้องเก็บก็ได้ เพราะทางบ้านเราไม่ได้กำหนดว่าต้องมีสินสอด แต่แฟนเราก็รัก และให้เกียรติเรามากๆ เค้าบอกเองเลย ด้วยหน้าที่การงานเรา หน้าตาทางสังคม เค้าอยากเก็บสินสอดต่อให้สมฐานะเรา เค้าให้เกียรติเรามากๆ (ช่วยกันเก็บนะคะ ไใ่ใช่เราออกคนเดียว หรือแฟนเก็บคนเดียว)
และ 3 ปีที่ผ่านมา มันก็เป็นเครื่องพิสูจน์ความหนักแน่นของเค้า ความดีของเค้า ความมั่นคงของเค้า เรื่องผู้หญิงไม่เคยมีให้ต้องกังวลแม้แต่นิดเดียว ในอนาคตเราก็ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงต่อ แต่วันนี้เราและเค้าทำดีที่สุดแล้ว ก็จริงที่ขีวิตคู่อาจไม่จำเป็นต้องเสียสละ หรือต้องเหนื่อยขนาดนี้ แต่ก็เลือกกันและกันมาแล้ว ร่วมสร้างกันมาได้ตั้งเยอะ ผ่านอะไรด้วยกันมาก็เยอะ
**จากกระทู้ล่าสุด ที่มีปัญหาเรื่องครอบครัวแฟนเข้ามาด้วย ที่มีคนบอกว่าเลิกเถอะ อนาคตเหนื่อยแน่ๆ ฟังคำของแม่ไว้เยอะๆ เราฟังนะคะ ไม่ใช่ไม่ฟัง เราก็รักแม่มากๆ ในขณะเดียวกันเราก็ไม่ลืมที่จะรักตัวเอง ถึงได้กังวลอนาคต และเราก็รักแฟนมากๆด้วย แต่ถ้าให้เราตัดสินใจเลิกกับแฟนที่ดีกับเราขนาดนี้ ทั้งที่ผ่านมาเค้าเสียสละทำเพื่อเรามากขนาดไหนและตัวเค้าเองก็ยังไม่ได้ทำผิดอะไรเลย ทำมาดีทุกอย่าง เลิกเพียงแค่ครอบครัวที่เค้าเลือกเกิดไม่ได้ หรือเลิกเพราะอนาคตที่ยังไม่รู้ว่าจะเป็นแบบไหน ใช่ค่ะ ผู้ชายที่ดีๆ ฐานะดีๆ และครอบครัวดีๆ อาจจะมีอีกเยอะ แต่จะหาใครที่รักเรา และเราก็รักเค้า ยอมลำบากทำเพื่อเราได้ขนาดนี้ มันมีสักกี่คนหรอคะ? เราจะเปิดใจคุยกับแฟนอย่างจริงจัง เกี่ยวกับปัญหาเรื่องเงินหรือครอบครัวเค้าที่อาจจะเกิดขึ้นให้เคลียร์ ตกลงกันให้เรียบร้อยก่อนแต่ง ว่าช่วยได้มากน้อยแค่ไหน ที่เราจะไม่เดือดร้อน ตามที่หลายๆคอมเม้นแนะนำ จะได้ไม่เกิดปัญหาขึ้นภายหลัง ที่เหลือคือความหนักแน่นของเค้าในวันหน้า ว่าเค้าจะยังหนักแน่นเหมือนวันนี้ไหม ถ้าเรามั่นใจในตัวแฟน มันคือความเสี่ยงที่ตัวเราเองต้องยอมรับให้ได้ค่ะ
เรานั่งคิด นอนคิดมาหลายวัน เราขอตัดสินใจเดินหน้าต่อนะคะ(อย่าด่าเราโง่เลยนะ) เพราะเราไม่รู้ว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นยังไง จะดี หรือจะร้าย แต่ปัจจุบันคือเครื่องพิสูจน์ เค้าคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเราแล้วค่ะ ถ้าจะเลิกกันเพราะเอาอนาคตที่ยังไม่เกิดขึ้น มาตัดสินสิ่งดีๆที่เค้าทำมาทั้งหมด เราว่าม้นไม่แฟร์กับเค้า ตั้งแต่คบกับเค้ามา เรามั่นใจค่ะ ว่าแฟนเราเป็นคนหนักแน่น เป็นคนที่รักษาคำพูดมากๆ ถ้าอะไรที่เค้าทำไม่ได้ เค้าจะไม่พูด ไม่สัญญา กับเราเด็ดขาด ขนาดเคยแกล้งเค้า หลอกให้เค้าพูดออกมาเล่นๆ เค้ายังไม่พูดเลยค่ะ ถ้าเค้าทำไม่ได้ การกังวลอนาคตหลังแต่งงาน เราว่ามันดีค่ะ เพราะเรายังรักตัวเอง แต่ถ้ามันต้องทำลายปัจจุบันที่สร้างกันมาทั้งหมด มองย้อนกลับไป เราคงรู้สึกเสียใจกับตัวเองมากๆ ทั้งๆที่อนาคตมันอาจจะเลวร้ายอย่างที่กังวลก็ได้ ในขณะเดียวกัน มันอาจจะดีกว่าที่คิดไว้ก็ได้ เพราะเรามั่นใจว่าแฟนเราเป็นคนดีมากๆ รักเรามากๆ หนักแน่นในระดับนึง และไม่คิดหยุดพัฒนาตัวเอง วันนี้อาจจะมีไม่มาก ดีที่สุดมันก็มีได้เท่านี้ แต่ในอนาคต วันที่เค้าอายุเท่าเรา เค้าอาจจะมีมากกว่าเราด้วยซ้ำ แต่ถ้าถึงวันนั้นใจเค้าเปลี่ยนไปจากเรา ก็ถือซะว่าเราเลือกหวยผิดใบแล้วกันค่ะ เพราะหวยที่เราเลือกในมือวันนี้ เราค่อนข้างมั่นใจแล้วว่ามันเป็นหวยรางวัลที่1 และในระหว่างทางนี้ เราก็ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ความดีของเค้า จนถึงวันที่เราจะได้แต่งงานกันค่ะ
เหตุผลที่ทำให้ผู้หญิงหน้าที่การงานดี ฐานะดีกว่า ตัดสินใจยอมลงมาลำบากสร้างชีวิตกับคุณ
จากกระทู้ที่แล้ว เราเข้าใจทุกคนค่ะ อ่านทุกความคิดเห็นเลย ทุกคนหวังดี ส่วนใหญ่แนะนำให้เราคิดดีๆ แนะนำเหมือนแม่ของเรา เพราะหลายๆคนก็ผ่านจุดนี้ไปแล้ว หรือเห็นคนใกล้ตัว สภาพเป็นยังไงหลังจากนี้ กระทู้ที่แล้วเราเขียนในมุมมองของฝ่ายหญิง ที่พบเจออะไรบ้าง เหนื่อยล้ายังไงบ้าง กังวลอะไรบ้าง ถ้าแต่งงานกับฝ่ายชายที่เงินเดือนน้อยกว่า ฐานะน้อยกว่า และอาจมีเรื่องครอบครัวเค้ามาเกี่ยวข้อง กระทู้นี้ตั้งใจจะมาแชร์มุมของแฟนบ้างค่ะ ว่าถ้าไม่นับเรื่องญาติเค้า เค้าต้องเสียสละอะไรมากมายขนาดไหน ในการมาคบกับเราที่เงินเดือนเยอะกว่า ฐานะดีกว่า (ไม่ใช่ว่าผู้ชายสบายนะคะ ที่ได้คบผู้หญิงฐานะดีกว่า) มาอ่านกันค่ะ มุมมองคุณอาจจะเปลี่ยนไป
เราแก่กว่าแฟน 10 ปี ตอนนี้เราอายุ 35 แฟนเรา 25 ค่ะ เราเงินเดือนเยอะกว่าแฟน ฐานะทางบ้านดีกว่าแฟน คบกันมา 3 ปี มีแพลนจะแต่งงานกันในปีหน้า ก่อนหน้าที่จะตัดสินใจคบกันแบบจริงจัง เค้าบอกว่า ด้วยอายุเค้า ถ้าจะเสกให้มีทุกอย่างเท่าเราตอนนี้ เค้าทำไม่ได้ แต่ขอเวลาเค้า ในอนาคตถ้าช่วยกันเก็บช่วยกันสร้าง ในอนาคตเค้าบอกเค้าจะมีให้แน่นอน เค้าเก็บคนเดียวได้ แต่ช่วยกัน มันก็ใช้เวลาไม่นาน ถ้าถามว่า 3 ปีที่ผ่านมา ในมุมของแฟนเราเหนื่อยขนาดไหน บอกเลยว่าเหนื่อยมากๆค่ะ เหนื่อยแบบสายตัวแทบขาด เพราะเราช่วยกันเก็บช่วยกันสร้าง ไม่ใช่เพียงแค่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เราบอกเลยว่าถ้าแฟนเราไม่ดีจริง เราไม่ตัดสินใจลงมาลำบากหรอกค่ะ ผู้ชายจำไว้นะคะ ถ้าอยากได้ผู้หญิงที่ไม่ได้มองคุณแค่เรื่องเงิน ตัวผู้ชายเองก็ต้องดีระดับนึงค่ะ
แฟนเราทำงานประจำ ฐานเงินเดือนไม่เยอะมาก แต่ก็มีเงินพิเศษในที่ทำงาน แต่ก็ต้องแลกด้วยแรงและเหงื่อ ด้วยการทำงานหนักขึ้นมากๆ บางวันได้นอนตี1 ตี2 ช่วยกันขายของออนไลน์หารายได้เสริม ในขณะเดียวกันเค้าก็พยายามอ่านหนังสือสอบ เพื่อสอบราชการ เค้าพยายามทำทุกอย่างพร้อมๆกัน เพราะอยากจะตามเราให้ทัน ทั้งเรื่องรายได้ และหน้าที่การงาน อยากหาเงินให้ได้เยอะๆ อยากเก็บเงินแต่งงาน อยากใช้ชีวิตคู่กับเรา บางคนอาจจะคิดว่าอืมก็ปกตินะ แต่สำหรับคนอายุแค่ 23 (ตอนนั้นเค้าอายุ 23 นะคะ) สำหรับคนอายุเท่านี้ ต้องแบกรับทุกอย่างขนาดนี้ เค้าเสียสละเวลาช่วงวัยรุ่นของเค้า วัยนี้ผู้ชายควรได้เที่ยวกับเพื่อน ไปสนุกกับเพื่อน ทำงานได้เงิน ใช้ชีวิตให้เต็มที่ให้สมวัยของเค้า แต่เค้ากลับเลือกสละความสุขในชีวิตไปหลายอย่าง เพื่อเลือกที่เก็บเงินแต่งงานสร้างชีวิตกับเรา เค้าได้เงินมาเท่าไหร่ เค้าฝากเงินไว้แต่งงานเพื่อสร้างอนาคตหมด จนบางครั้งเหลือใช้ติดตัวไม่กี่พันบาท เพียงแค่ไว้ใช้กินต่อเดือน ของอะไรที่อยากได้ ไม่ซื้อสักอย่าง ทำให้เค้าไม่มีเงินเก็บส่วนตัวเลย เพราะเค้าตั้งใจ และเต็มใจฝากหมด (จากกระทู้ที่แล้ว เป็นสาเหตุที่ทำไมเค้าต้องรบกวนเงินเราให้ญาติ) และด้วยอายุเราที่มากกว่า มากๆ เค้าก็ไม่อยากให้เราต้องเสียเวลาในชีวิตเราไปกับเค้าแบบเสียเปล่า ถึงได้รีบเก็บ อัดเงินแต่งงาน
ใครที่กำลังสร้างชีวิตคู่ จะรู้ดีว่าการเก็บเงินด้วยกันมันเหนื่อยมากๆนะคะ หลายครั้งที่เราก็เหนื่อย ตัวเราเองก็ต้องทำอาชีพเสริมหลายอย่าง เพื่อที่จะเก็บเงินด้วยกันให้ได้มากที่สุด เร็วที่สุด บางทีก้อน้อยใจ เห็นเพื่อนมีแฟนเปย์ๆ ใช้ชีวิตดีๆ ก็แอบอิจฉาบ้าง จนบางทีมันก็ทั้งเหนื่อย และน้อยใจ จนบางครั้งก็ลืมไป ว่าแฟนเราก็เหนื่อยขนาดไหน เพื่อเรา เค้าก็มักจะขอโทษและขอบคุณเราเสมอว่า ขอโทษที่ตัวเองไม่ได้มีต้นทุนในชีวิตเยอะ และขอบคุณเราเสมอที่เรายังคงอยู่ข้างๆเค้า เค้าบอกเราว่า บอกเค้าได้เสมอถ้าวันนึงรู้สึกเหนื่อยจนไม่ไหวแล้ว เหนื่อยจนรู้สึกว่าไม่อยากไปต่อ เค้ายินดีปล่อยเราไป เพราะสิ่งสำคัญที่สุดคือเค้าอยากเห็นเรามึความสุข แม้เค้าจะไม่ได้ไปต่อกับเราก็ตาม
ซึ่งหลายครั้ง เราก็ท้อ และมันก็เหนื่อยจริงๆ มีวันนึงเราเดินเข้าไปในห้องเค้า เห็นโต๊ะอ่านหนังสือเค้า เราน้ำตาไหลเลยค่ะ โต๊ะทำงานเค้ามีตารางอ่านหนังสือที่เค้าเขียนด้วยตัวเอง เพราะเค้าตั้งใจจะวางแผนอ่านหนังสือสอบราชการให้ได้ เพื่อยกระดับหน้าที่การงานตัวเองให้เท่าเรา รูปบ้านที่ตัดแปะไว้ เพราะหวังจะซื้อบ้านอยู่กับเราในอนาคต ความฝันเค้ามันกว้าง และใหญ่เกินกว่าเด็กอายุ 23 มากๆ ยิ่งเราไปเจอกระดาษที่เขียน TimeLine ชีวิตเค้าในแต่ละปีว่า เค้าวางแผนจะมีอะไรบ้าง ตั้งแต่มีรถ มีที่ดิน แต่งงาน มีบ้าน ทุก Timeline ตั้งแต่แรกจนถึงปัจจุบัน และอนาคต มีเราอยู่ในนั้น เรายิ่งเสียใจไปอีกที่บางครั้ง เราน้อยใจเอาชีวิตเราไปเปรียบเทียบกับคนอื่นที่เค้ามี จนบางครั้งเผลอมองข้ามไป ว่าแฟนเราเค้าก็พยายามมากแค่ไหน เหนื่อยแค่ไหน จนบางทีก็น้อยใจและพูดทำร้ายจิตใจเค้า จนเค้าก็เอ่ยปากว่าตัวเค้าเองก็กดดันตัวเองมากๆ แล้วเรายังไปกดดันเค้าอีก เราเลยตัดสินใจพูดกับเค้าเหมือนกันว่า ถ้าวันนึงเค้ารู้สึกเหนื่อยจนทนไม่ไหว ที่จะไปต่อกับเรา เราก็ยินดีปล่อยเค้าไปเจอคนที่ดีกว่าเช่นกัน เค้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อยเกินไวขนาดนี้ เราจะไม่ฉุดรั้งเค้าไว้ เช่นเดียวกับที่เค้าเคยบอกเรา ถึงแม้เราอายุจะเยอะ แต่เวลาที่ผ่านมา เราไม่เสียดายนะคะ
3 ปีที่ผ่านมา จากที่ไม่มีอะไรเลย เรามีที่ดินด้วยกัน 2 แปลง มีเงินเก็บด้วยกันเกือบครึ่งล้าน มีรถยนต์ 1 คัน เป็นสิ่งที่เราร่วมกันสร้างให้มีด้วยกัน สำหรับวันที่พร้อมจะแต่งงาน ซึ่งเค้าทำได้แบบในวันแรกที่เค้าพูดไว้จริงๆ ว่าจะมีหลายๆอย่างด้วยกัน ถ้าให้เวลาเค้า จริงๆเงิน 1 ล้าน ไม่จำเป็นต้องเก็บก็ได้ เพราะทางบ้านเราไม่ได้กำหนดว่าต้องมีสินสอด แต่แฟนเราก็รัก และให้เกียรติเรามากๆ เค้าบอกเองเลย ด้วยหน้าที่การงานเรา หน้าตาทางสังคม เค้าอยากเก็บสินสอดต่อให้สมฐานะเรา เค้าให้เกียรติเรามากๆ (ช่วยกันเก็บนะคะ ไใ่ใช่เราออกคนเดียว หรือแฟนเก็บคนเดียว)
และ 3 ปีที่ผ่านมา มันก็เป็นเครื่องพิสูจน์ความหนักแน่นของเค้า ความดีของเค้า ความมั่นคงของเค้า เรื่องผู้หญิงไม่เคยมีให้ต้องกังวลแม้แต่นิดเดียว ในอนาคตเราก็ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงต่อ แต่วันนี้เราและเค้าทำดีที่สุดแล้ว ก็จริงที่ขีวิตคู่อาจไม่จำเป็นต้องเสียสละ หรือต้องเหนื่อยขนาดนี้ แต่ก็เลือกกันและกันมาแล้ว ร่วมสร้างกันมาได้ตั้งเยอะ ผ่านอะไรด้วยกันมาก็เยอะ
**จากกระทู้ล่าสุด ที่มีปัญหาเรื่องครอบครัวแฟนเข้ามาด้วย ที่มีคนบอกว่าเลิกเถอะ อนาคตเหนื่อยแน่ๆ ฟังคำของแม่ไว้เยอะๆ เราฟังนะคะ ไม่ใช่ไม่ฟัง เราก็รักแม่มากๆ ในขณะเดียวกันเราก็ไม่ลืมที่จะรักตัวเอง ถึงได้กังวลอนาคต และเราก็รักแฟนมากๆด้วย แต่ถ้าให้เราตัดสินใจเลิกกับแฟนที่ดีกับเราขนาดนี้ ทั้งที่ผ่านมาเค้าเสียสละทำเพื่อเรามากขนาดไหนและตัวเค้าเองก็ยังไม่ได้ทำผิดอะไรเลย ทำมาดีทุกอย่าง เลิกเพียงแค่ครอบครัวที่เค้าเลือกเกิดไม่ได้ หรือเลิกเพราะอนาคตที่ยังไม่รู้ว่าจะเป็นแบบไหน ใช่ค่ะ ผู้ชายที่ดีๆ ฐานะดีๆ และครอบครัวดีๆ อาจจะมีอีกเยอะ แต่จะหาใครที่รักเรา และเราก็รักเค้า ยอมลำบากทำเพื่อเราได้ขนาดนี้ มันมีสักกี่คนหรอคะ? เราจะเปิดใจคุยกับแฟนอย่างจริงจัง เกี่ยวกับปัญหาเรื่องเงินหรือครอบครัวเค้าที่อาจจะเกิดขึ้นให้เคลียร์ ตกลงกันให้เรียบร้อยก่อนแต่ง ว่าช่วยได้มากน้อยแค่ไหน ที่เราจะไม่เดือดร้อน ตามที่หลายๆคอมเม้นแนะนำ จะได้ไม่เกิดปัญหาขึ้นภายหลัง ที่เหลือคือความหนักแน่นของเค้าในวันหน้า ว่าเค้าจะยังหนักแน่นเหมือนวันนี้ไหม ถ้าเรามั่นใจในตัวแฟน มันคือความเสี่ยงที่ตัวเราเองต้องยอมรับให้ได้ค่ะ
เรานั่งคิด นอนคิดมาหลายวัน เราขอตัดสินใจเดินหน้าต่อนะคะ(อย่าด่าเราโง่เลยนะ) เพราะเราไม่รู้ว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นยังไง จะดี หรือจะร้าย แต่ปัจจุบันคือเครื่องพิสูจน์ เค้าคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเราแล้วค่ะ ถ้าจะเลิกกันเพราะเอาอนาคตที่ยังไม่เกิดขึ้น มาตัดสินสิ่งดีๆที่เค้าทำมาทั้งหมด เราว่าม้นไม่แฟร์กับเค้า ตั้งแต่คบกับเค้ามา เรามั่นใจค่ะ ว่าแฟนเราเป็นคนหนักแน่น เป็นคนที่รักษาคำพูดมากๆ ถ้าอะไรที่เค้าทำไม่ได้ เค้าจะไม่พูด ไม่สัญญา กับเราเด็ดขาด ขนาดเคยแกล้งเค้า หลอกให้เค้าพูดออกมาเล่นๆ เค้ายังไม่พูดเลยค่ะ ถ้าเค้าทำไม่ได้ การกังวลอนาคตหลังแต่งงาน เราว่ามันดีค่ะ เพราะเรายังรักตัวเอง แต่ถ้ามันต้องทำลายปัจจุบันที่สร้างกันมาทั้งหมด มองย้อนกลับไป เราคงรู้สึกเสียใจกับตัวเองมากๆ ทั้งๆที่อนาคตมันอาจจะเลวร้ายอย่างที่กังวลก็ได้ ในขณะเดียวกัน มันอาจจะดีกว่าที่คิดไว้ก็ได้ เพราะเรามั่นใจว่าแฟนเราเป็นคนดีมากๆ รักเรามากๆ หนักแน่นในระดับนึง และไม่คิดหยุดพัฒนาตัวเอง วันนี้อาจจะมีไม่มาก ดีที่สุดมันก็มีได้เท่านี้ แต่ในอนาคต วันที่เค้าอายุเท่าเรา เค้าอาจจะมีมากกว่าเราด้วยซ้ำ แต่ถ้าถึงวันนั้นใจเค้าเปลี่ยนไปจากเรา ก็ถือซะว่าเราเลือกหวยผิดใบแล้วกันค่ะ เพราะหวยที่เราเลือกในมือวันนี้ เราค่อนข้างมั่นใจแล้วว่ามันเป็นหวยรางวัลที่1 และในระหว่างทางนี้ เราก็ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ความดีของเค้า จนถึงวันที่เราจะได้แต่งงานกันค่ะ