สุสานแห่งนี้อยู่ไม่ไกลจากสถานทีที่ "Queen Asylla" หรือ "ราชินีอซิลล่า" ประสูติมากนัก อยู่ใกล้เลยก็ว่าได้ และเหมือนโชคชะตาจะเล่นตลกทั้งต้นกำเนิดและจุดจบมันลงเอยใกล้เคียงกันในที่สุด

สถานที่เงียบสงบนี้ถูกเฝ้าดูแลโดย "Ulric" ผู้ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลที่ดินรวมทั้งสุสานแห่งนี้ด้วย โดยเขาได้อาศัยอยู่ใกล้ใกล้กับสุสานในบ้านกับภรรยาและบุตรชายของตน ที่ทางเหนือของสุสานนี่เอง

ในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมาเมือง Ashwold เป็นแหล่งซ่องสุมของกลุ่มโจรลักขโมย ที่มองหาโอกาสมากมายจากการปล้นและแน่นอนการขุดสุสานเพื่อขโมยของคนตายที่วายชนน์ก็เป็นหนึ่งในงานที่พวกมันทำมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา จนกระทั่งในปี 1263 ก็ได้มีนำร่างของ Queen Asylla มาฝังไว้ยังสุสานหลังจากที่ถูก "King Leoric" สั่งประหาร ทั้งยังปิดบังสถานที่ฝังร่างราชินีเป็นความลับที่ไม่มีใครล่วงรู้ได้ จนในอีกสองปีต่อมาในช่วงปี 1265 เป็นเวลาที่ "Worldstone" ถูกทำลายและหนึ่งในเศษชิ้นส่วนนั้นได้กระเด็นไกลจนตกลงมาใกล้กับบริเวณสุสานแห่งนี้

ปี 1270 เวลาผ่านมาห้าปี เหล่าคนตายลุกขึ้นจากหลุมศพ กลายเป็นร่างเน่าที่เดินไปทั่วเมือง Ashwold และแน่นอนว่าที่ที่มีซากศพเดินได้เยอะที่สุดก็ต้องเป็นจุดจบและจุดเริ่มของมัน ที่สุสานนั่นเอง เหล่าทหารยามต่อสู้กับสิ่งผิดปกติเหล่านี้มานานหลายเดือนหลายสัปดาห์จนแทบไม่ได้พัก แต่ความหวังยังมีเพราะได้มีการติดต่อไปยังเมืองใหญ่หลายเมืองให้ส่งคนมาช่วยเหลือ ทำให้พวกเขายังสู้เพื่อปกป้องผู้คนในเมืองอยู่ นอกจากนี้ยังมีพวกโจรที่คอยออกปล้นสุสานในเวลาที่ทุกอย่างคับขัน กลายเป็นเมืองที่มีปัญหาลักขโมยหนักมากขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ผู้คนส่วนใหญ่ตั้งค่ายที่มีทหารยามคอยดูแลปกป้องและเตรียมออกเดินทางลี้ภัยไปยังเมือง "Westmarch"

ในปี 1272 เมือง Ashwold ยังคงถูกเหล่าซากศพรบกวนและก่อความเดือดร้อนอยู่

ปล.คนในเมืองกับทหารก็ใจสู้สุดสุด ชาวบ้านอยู่อย่างปวดหัว อยากย้ายหนีใจจะขาด ทหารก็ปกป้องบ้านเมืองไม่ขาด แถมไม่กลัวเลยแม้จะเสี่ยง นี่สินะหน้าที่ของทหาร ฮ่าาาฮ่าา