ธนาธร ชี้กองทัพไม่ควรทำธุรกิจ เสนอเรียกคืนทรัพย์สินของรัฐ ลดแรงจูงทหารเล่นการเมือง
https://www.matichon.co.th/politics/news_4464654
“ธนาธร” จับตาเงินสวัสดิการกองทัพ หลังขอมานานแต่ไม่เคยได้ ซัด ตั้งกฎเอง-บริหารเอง-ตรวจสอบเองเสร็จสรรพ ย้ำควรเรียกคืนทรัพยากรรัฐ หวังลดประโยชน์ทางธุรกิจ ไร้แรงจูงใจทหารเล่นการเมือง
เมื่อวันที่ 10 มีนาคม ที่ร้านอาหารพริ้มเพลิน จ.ปทุมธานี นาย
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า กล่าวตอนหนึ่งในการสัมมนา เรื่อง “
การใช้พื้นที่ทหาร บทบาทหน้าที่ของทหารกับท้องถิ่นในการพัฒนาประเทศ” ว่า ทหารมีกิจการมากมาย แต่ไม่ได้ถูกรายงานให้กับสภาผู้แทนราษฎร หรือสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน โดยทหารจะมีกฎหมายอันหนึ่งเขียนมาเฉพาะกิจเพื่อให้กิจการกองทัพ คือ เงินนอกงบประมาณประเภท 2 คือ เงินที่ส่วนราชการได้รับหรือต้องรับผิดชอบ โดยที่ส่วนราชการนั้น หรือกระทรวงกลาโหมส่วนราชการที่ขึ้นตรงต่อกระทรวงกลาโหม กองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ ออกข้อบังคับระเบียบคำสั่งหรือคำชี้แจง ไว้ให้ถือเป็นทางปฏิบัติ ก็แค่ไปเซ็น MOU ร่วมกันเมื่อจะใช้ทรัพยากรของประเทศมาใช้แล้วออกข้อบังคับเองว่าจะจัดการปันส่วนแบ่งโดยไม่ต้องขอต่อหน่วยงานไหนๆ เลย
ในขณะที่หน่วยงานอื่นอย่างตำรวจ หรือหน่วยงานในกระทรวงมหาดไทย เงินทุกบาทที่ต้องใช้เนื่องจากเป็นเงินภาษีประชาชนจะต้องขอผ่านสภาและตรวจสอบได้ แต่กิจการของกองทัพกลับออกกฎเอง บริหารเอง สอบบัญชีเอง แต่เมื่อขอดูรายงานการสอบบัญชีกลับไม่เคยได้เลยสักกิจการ แม้ว่าจะใช้ตำแหน่ง ส.ส.ในการขอเอกสารเหล่านี้ก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ปีนี้ตนไปอยู่ในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการถ่ายโอนธุรกิจของกองทัพไปอยู่ในความดูแลของหน่วยงานอื่นหรือย้ายไปสถานที่อื่นที่เหมาะสม สภาผู้แทนราษฎรก็ขอรายงานอีกประชุมกันได้ครึ่งทางแล้วจะรอดูว่ารอบนี้จะได้หรือไม่ ในเรื่องของงบการเงิน กิจการสวัสดิการของกองทัพ
นาย
ธนาธรกล่าวว่า สำหรับกิจการหลังจากนั้นมีหลายอย่าง เช่น สนามกอล์ฟธูปะเตมีย์ ส่งกำไรเข้ากองทุนสวัสดิการ แม้กระทั่งร้านกาแฟ Amazon ปั๊มน้ำมัน มีร้านสะดวกซื้อ 7-11 เป็นต้น หรืออย่างพื้นที่ภาคตะวันออก กองทัพเรือมีสวัสดิการไฟฟ้าบริเวณแสมสาร สัตหีบ ซึ่งชาวบ้านที่นั่นไม่ได้ซื้อไฟจากการไฟฟ้า แต่ซื้อไฟจากกองทัพ เงินที่ได้ก็เข้ากองทุนสวัสดิการที่อยู่ข้างบน
ดังนั้น ตอนนี้เราเริ่มเห็นภาพแล้วว่ากิจการกองทัพมีอะไรบ้าง แต่ยังไม่เห็นงบประมาณว่าแต่ละปีมีเท่าไหร่ ใช้จ่ายอะไร แต่ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับกองทัพว่าขณะนี้มีแนวโน้มที่ดีขึ้น แต่ยังไม่เป็นไปตามสิ่งที่ควรจะเป็น ในเมื่อใช้ทรัพยากรของประเทศ ดอกผลของมันก็ควรจะถูกตรวจสอบได้ด้วยตัวแทนของประชาชน ซึ่งตอนนี้เรายังไปไม่ถึงตรงนั้น อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ 4-5 ปีกองทัพเริ่มปรับตัวโดยเฉพาะนายทหารรุ่นใหม่ อายุสัก 40-50 ปี ก็พอเข้าใจสิ่งที่เราพูด และเริ่มเปิดเผยมากขึ้นเรื่อยๆ
นาย
ธนาธรกล่าวย้ำว่า สำหรับสนามกอล์ฟธูปะเตมีย์ ขนาด 625 ไร่ หากจัดการให้ประชาชนจะมีศักยภากมาก แต่ปัจจุบัน รอบๆ พื้นที่ดังกล่าวมีห้างสรรพสินค้า 5-8 แห่ง คนเดินเยอะ ทั้งๆ ที่เราอยากให้คนเดินสวนสาธารณะ แต่กลับไม่เคยสร้างสวนสาธารณะขึ้นรองรับการเติบโตของเมืองเลย ไม่มีการสร้างทางเลือกในการใช้ชีวิตให้กับคน พอมีแต่ห้างคนที่รวยก็คือเจ้าสัว
ดังนั้น หากมีการจัดสรรดีๆ ที่นี่จะเป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุด สามารถรับใช้คนได้หลายแสนคน ให้มาใช้สำหรับการทำกิจกรรมครอบครัว รวมถึงจัดอีเวนต์ทางการเมือง แล้วสร้างสายรถเมล์ที่วิ่งสั้นๆ เพื่อขนคนเข้าสู่โหมดของการเชื่อมต่อศูนย์กลางการคมนาคมไปยังที่ต่างๆ ได้ ที่แห่งนี้ก็ถือว่าเหมาะสมที่สุดที่จะเป็นฮับของการเดินทางย่านนี้ ไม่ว่าจะเชื่อมกับรถไฟฟ้า รถเมล์ แล้วจะเกิดเศรษฐกิจ 2 ข้างทางช่วยเหลือคนตัวเล็กตัวน้อย และคนที่เหมาะสมที่จะรับการถ่ายโอนพื้นที่ตรงนี้มากที่สุดคือ อบจ.ปทุมธานี อย่างไรก็ตาม อาจจะต้องมีการหารือร่วมกับนายกองค์การบริหารส่วนตำบลคูคต และทาง อบจ.ปทุมธานีอีกครั้งหนึ่งถึงความเหมาะสม
“
ทหารไม่ควรทำกิจกรรมที่ไม่ใช่ภารกิจหลัก ก็เพื่อให้กองทัพสามารถมีสมาธิในการสร้างกองกำลังที่เข้มแข็งเกรียงไกร ทันต่อโลก พร้อมปกป้องประเทศไทยตลอดเวลา ส่วนการพาณิชย์ไม่ใช่ภารกิจหลักของกองทัพ จึงไม่ควรจะทำ ประการที่สองเรื่องของความโปร่งใส ทหารเวลาคุยกรรมาธิการมักจะพูดว่าทหารทำงานหนัก เสี่ยงภัย ผมถามว่าอาชีพอื่นทำงานหนักน้อยกว่าทหารหรือ ถ้าคุยกับครู ตำรวจ คนเก็บขยะ ต่างมีความสำคัญกับประเทศไม่แพ้กัน ทหารบอกว่าต้องเสียสละ แต่ผมบอกว่าถ้าไม่อยากเป็นทหารก็ลาออกมาก็เท่านั้นเอง อย่างไรก็ตาม เพื่อความเป็นธรรม คนเก็บขยะ ครู ตำรวจ ข้าราชการอื่นๆ ไม่สามารถเอาทรัพย์สินของรัฐมาทำกิจการให้กับตนเองแบบนี้ได้ แต่ทหารกลับเอาทั้งคลื่นวิทยุ คลื่นโทรทัศน์ ที่ดิน และอะไรต่างๆ มาทำเป็นธุรกิจของตัวเอง ซึ่งไม่ใช่ภารกิจหลักของกองทัพเยอะแยะไปหมด เราต้องการลดตรงนี้ เพราะเมื่อมีผลประโยชน์ทางธุรกิจน้อยลง แรงจูงใจที่จะมายุ่งเกี่ยวกับการเมืองก็น้อยลงไปด้วย นี่คือส่วนหนึ่งของการปฏิรูปกองทัพ” นาย
ธนาธรกล่าว
ในช่วงท้ายมีการเปิดให้ผู้ร่วมประชุมซักถาม โดยมีผู้สอบถามว่า หากการถ่ายโอนไม่สำเร็จจะดำเนินการอย่างไร นาย
ธนาธรกล่าวว่า ง่ายๆ แค่ครั้งหน้าเลือกก้าวไกลให้เยอะกว่านี้ เป็นแผน 2 คือการชนะเลือกตั้งให้มากกว่านี้
เมื่อมีผู้ร่วมประชุมถามถึงกรณีการป้องกัน หากมีการถ่ายโอนให้กับท้องถิ่นแล้วจะไม่นำไป จัดสรรให้กับภาคเอกชนอีก นาย
ธนาธรกล่าวว่า สำหรับการป้องกันกรณีหากถ่ายโอนแล้ว อบจ.จะไม่ดำเนินการ หรือล้มเหลว หรือเอื้อประโยชน์ส่วนตัว ตรงนี้ก็ต้องอยู่ที่คนปทุมฯ ที่จะติดตามการเมือง มีความกระตือรือร้นทางการเมืองตลอดเวลา เพราะวันนี้การเมืองพังเพราะเราไม่ติดตามการเมือง ไม่กระตือรือร้น และหากบริหารไม่ดีจริงก็จัดม็อบหน้า อบจ.เลย เราต้องการประชาชนที่กระตือรือร้นทางการเมืองแบบนี้ถึงจะควบคุม ตรวจสอบ ถ่วงดุลผู้มีอำนาจได้ มีเพียงประชาชนที่กระตือรื้อร้นทางเสรีภาพ และกระตือรือร้นทางการเมืองถึงจะทำให้การเมืองดี
ธนาธร โนคอมเมนต์ ทักษิณกลับเชียงใหม่ ย้ำกม.ต้องเสมอภาค ไม่หนักใจยุบก้าวไกล
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_8132449
“ธนาธร” โนคอมเมนต์ “ทักษิณ” กลับเชียงใหม่ ย้ำ กฎหมายต้องเสมอภาค เชื่อมือ “ก้าวไกล” ซักฟอกรัฐบาล เผย ไม่หนักใจหากพรรคถูกยุบ
เมื่อวันที่ 10 มี.ค. 2567 ที่ร้านพริ้มเพลิน จ.ปทุมธานี ในการสัมมนาของกรรมาธิการ (กมธ.) การทหาร สภาผู้แทนราษฎร นาย
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ให้สัมภาษณ์กรณีฝ่ายค้านเตรียมยื่นอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามมาตรา 152
โดยนาย
ธนาธร กล่าวว่า สส.พรรคก้าวไกลมีวิจารณญาณ ตนคิดว่านาย
ชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล พิจารณาและไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน มีข้อมูลเพียงพอที่จะอภิปรายเพื่อเสนอแนะให้รัฐบาลแก้ไขในด้านต่างๆ
เมื่อถามว่ามั่นใจในพรรคก้าวไกลหรือไม่ว่า ข้อมูลอภิปรายจะแน่นพอในการตรวจสอบรัฐบาล นายธนาธร กล่าวว่า ตั้งแต่เปิดสภาฯ ชุด 2566 มา ตนเห็นแต่คุณภาพของ สส.พรรคก้าวไกล เทียบพรรคอนาคตใหม่ ปี 2562 กับก้าวไกล ปี 2566 สส.มีคุณภาพกว่าเยอะมาก
“
อยากเชิญชวนให้ประชาชนติดตามการประชุมสภา เพื่อดูว่าสส.ที่เลือกมาแต่ละคนทำผลงานมากน้อยเท่าไร หากฟังทุกสิ่งที่สส.ก้าวไกลเสนอต่อรัฐบาล หน่วยงานราชการในด้านต่างๆ ตนเชื่อว่าจะเห็นความมุ่งมั่นทำงานที่หนักหน่วง มีคุณภาพ ดังนั้น ผมไว้เนื้อเชื่อใจ สส.ชุดนี้ครับ” นาย
ธนาธร กล่าว
เมื่อถามว่ามองว่าในการอภิปรายควรมีประเด็นใดบ้าง นาย
ธนาธร กล่าวว่า ตนไม่รู้เลยว่าจะอภิปรายอะไรบ้าง แต่เชื่อว่านาย
ชัยธวัชพิจารณาถี่ถ้วน ไม่ใช่แค่ประเด็นเกมการเมือง แต่เน้นคุณภาพ
เมื่อถามว่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะเริ่มพิจารณาการยุบพรรคก้าวไกลสัปดาห์นี้ มองเรื่องนี้อย่างไรในฐานะที่พรรคอนาคตใหม่ก็เคยถูกยุบ นาย
ธนาธร กล่าวว่า การยุบพรรคไม่ทำให้พรรคก้าวไกลหนักใจ เพราะพรรคก้าวไกลและพรรคอนาคตใหม่ผ่านการยุบพรรคมาแล้ว เชื่อว่าผู้สนับสนุนเข้าใจและพร้อมจะเดินทางต่อ การยุบพรรคจะทำให้คนเห็นอกเห็นใจถึงความไม่เป็นธรรม ความไม่ถูกต้องที่ดำรงอยู่ในประเทศ
เมื่อถามว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยหรือไม่ นาย
ธนาธร หัวเราะ พร้อมกล่าวว่า แล้วแต่ประชาชน แต่คณะก้าวหน้าและพรรคก้าวไกลมุ่งมั่นทำงานทุกวันให้ดีที่สุด เพื่อแสดงให้ประชาชนเห็นว่าพวกเราตั้งใจจริงที่จะเปลี่ยนให้ประเทศไทยดีกว่านี้ ให้ประชาชนเข้าถึงคุณภาพชีวิตที่ดี
ส่วนเรื่องนาย
ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะกลับไป จ.เชียงใหม่ มองว่าเป็นเรื่องสองมาตรฐานหรือไม่ นาย
ธนาธร กล่าวตอบทันทีว่า “
โห ผมไม่มีความเห็นคิดในเรื่องนี้ ทั้งนี้ การบังคับใช้กฎหมายต้องเสมอภาค มีนักโทษคดีการเมืองเป็นพันคน เข้าใจว่ามีหลายสิบคนที่ยังอยู่ในคุก พวกเขาไม่ใช่เป็นคนที่ลักขโมยหรือฆ่าข่มขืนใคร พวกเขาเป็นนักโทษทางความคิด การพูดคิดอ่านเขียนไม่ควรเป็นอาชญากร”
เมื่อถามว่ามีประชาชนไปรอต้อนรับนาย
ทักษิณ จะเป็นเป้าให้เกิดความขัดแย้งทางการเมืองหรือไม่ นาย
ธนาธร กล่าวสั้นๆ ว่า ขอให้ไปถามพรรคเพื่อไทยดีกว่า
ก้าวไกล เล็งขยี้ปมพักโทษ ทักษิณ ยันเข้มข้นแน่ ซักฟอกรัฐบาล แม้ไม่ลงมติ
https://www.khaosod.co.th/politics/news_8132204
ก้าวไกล เล็งขยี้ปมพักโทษ “ทักษิณ” ในเวทีซักฟอกรัฐบาล ยัน ไม่ลดความเข้มข้น แม้อภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ โว ฝ่ายค้านจี้ถามกระทู้สด ทำยอดรมต.ตอบกระเตื้องขึ้น
เมื่อวันที่ 10 มี.ค. 2567 นาย
พริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กรณีการเตรียมยื่นญัตติอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ว่า ในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เราได้ประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้าน และมีมติร่วมกันว่า จะยื่นอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติอย่างเป็นทางการในสัปดาห์ที่จะถึงนี้ โดยเวลาในการอภิปรายจะอยู่ที่ 2-3 วัน ในช่วงวันที่ 3-5 เม.ย.
พรรคก้าวไกลมีความพร้อมแน่นอนในการอภิปรายครั้งนี้ ซึ่งการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติอยู่ในแผนที่เราเตรียมไว้ในช่วงต้นปีอยู่แล้ว แม้เราจะเพิ่งยื่นญัตติขออภิปรายในสัปดาห์นี้ แต่เรามีการดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือน ม.ค.
ตามที่นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้แถลงแผนการทำงานปี 67 มั่นใจได้ว่าข้อมูลและประเด็นที่เราติดตามพร้อมในการอภิปรายแน่นอน
นาย
พริษฐ์ กล่าวต่อว่า ธีมหลักในการอภิปรายของเรา คือการตรวจการบ้านรัฐบาลหลังจากทำงานมาแล้ว 6-7 เดือน ว่าได้ผลักดันนโยบายสำเร็จตามที่แถลงต่อรัฐสภาหรือไม่ ซึ่งเราจะเห็นว่าหลายนโยบายเรือธงของรัฐบาลไม่มีความคืบหน้ามากนัก ทั้งนี้ เราให้ความสำคัญกับทุกเรื่องที่เกี่ยวกับรัฐบาล ที่อาจจะยังบริหารไม่ตอบโจทย์หรือมีความบกพร่อง
ซึ่งเราไม่ได้มุ่งเน้นที่เรื่องใดเรื่องหนึ่งเป็นการเฉพาะ เราพร้อมอภิปรายในทุกประเด็นที่สำคัญ ส่วนพรรคจะพูดในประเด็นใดบ้างและกรอบเวลาที่จะใช้อภิปรายนั้น ต้องรอความชัดเจนจากพรรคอีกครั้ง เพราะยังอยู่ในกระบวนการคัดเลือก สส. ที่จะมาอภิปราย
เมื่อถามว่าจะอภิปรายกระบวนการยุติธรรมของนาย
ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ด้วยหรือไม่ นาย
พริษฐ์ กล่าวว่า เรื่องกระบวนการยุติธรรมก็เป็นเรื่องที่เราให้ความสำคัญ และเราก็เห็นว่ามีการตั้งคำถามกับการดำเนินการของรัฐบาลอยู่ ตนคิดว่าเรื่องกระบวนการยุติธรรมก็เป็นอีกหนึ่งหัวข้อที่อยู่ในการอภิปราย
JJNY : 5in1 ธนาธรเสนอเรียกคืน│ธนาธรย้ำกม.ต้องเสมอภาค│ก้าวไกลเล็งขยี้ปมทักษิณ│บาททยอยแข็ง│โหดเกิน!ศาลรัสเซียสั่งจำคุกน.ศ.
https://www.matichon.co.th/politics/news_4464654
“ธนาธร” จับตาเงินสวัสดิการกองทัพ หลังขอมานานแต่ไม่เคยได้ ซัด ตั้งกฎเอง-บริหารเอง-ตรวจสอบเองเสร็จสรรพ ย้ำควรเรียกคืนทรัพยากรรัฐ หวังลดประโยชน์ทางธุรกิจ ไร้แรงจูงใจทหารเล่นการเมือง
เมื่อวันที่ 10 มีนาคม ที่ร้านอาหารพริ้มเพลิน จ.ปทุมธานี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า กล่าวตอนหนึ่งในการสัมมนา เรื่อง “การใช้พื้นที่ทหาร บทบาทหน้าที่ของทหารกับท้องถิ่นในการพัฒนาประเทศ” ว่า ทหารมีกิจการมากมาย แต่ไม่ได้ถูกรายงานให้กับสภาผู้แทนราษฎร หรือสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน โดยทหารจะมีกฎหมายอันหนึ่งเขียนมาเฉพาะกิจเพื่อให้กิจการกองทัพ คือ เงินนอกงบประมาณประเภท 2 คือ เงินที่ส่วนราชการได้รับหรือต้องรับผิดชอบ โดยที่ส่วนราชการนั้น หรือกระทรวงกลาโหมส่วนราชการที่ขึ้นตรงต่อกระทรวงกลาโหม กองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ ออกข้อบังคับระเบียบคำสั่งหรือคำชี้แจง ไว้ให้ถือเป็นทางปฏิบัติ ก็แค่ไปเซ็น MOU ร่วมกันเมื่อจะใช้ทรัพยากรของประเทศมาใช้แล้วออกข้อบังคับเองว่าจะจัดการปันส่วนแบ่งโดยไม่ต้องขอต่อหน่วยงานไหนๆ เลย
ในขณะที่หน่วยงานอื่นอย่างตำรวจ หรือหน่วยงานในกระทรวงมหาดไทย เงินทุกบาทที่ต้องใช้เนื่องจากเป็นเงินภาษีประชาชนจะต้องขอผ่านสภาและตรวจสอบได้ แต่กิจการของกองทัพกลับออกกฎเอง บริหารเอง สอบบัญชีเอง แต่เมื่อขอดูรายงานการสอบบัญชีกลับไม่เคยได้เลยสักกิจการ แม้ว่าจะใช้ตำแหน่ง ส.ส.ในการขอเอกสารเหล่านี้ก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ปีนี้ตนไปอยู่ในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการถ่ายโอนธุรกิจของกองทัพไปอยู่ในความดูแลของหน่วยงานอื่นหรือย้ายไปสถานที่อื่นที่เหมาะสม สภาผู้แทนราษฎรก็ขอรายงานอีกประชุมกันได้ครึ่งทางแล้วจะรอดูว่ารอบนี้จะได้หรือไม่ ในเรื่องของงบการเงิน กิจการสวัสดิการของกองทัพ
นายธนาธรกล่าวว่า สำหรับกิจการหลังจากนั้นมีหลายอย่าง เช่น สนามกอล์ฟธูปะเตมีย์ ส่งกำไรเข้ากองทุนสวัสดิการ แม้กระทั่งร้านกาแฟ Amazon ปั๊มน้ำมัน มีร้านสะดวกซื้อ 7-11 เป็นต้น หรืออย่างพื้นที่ภาคตะวันออก กองทัพเรือมีสวัสดิการไฟฟ้าบริเวณแสมสาร สัตหีบ ซึ่งชาวบ้านที่นั่นไม่ได้ซื้อไฟจากการไฟฟ้า แต่ซื้อไฟจากกองทัพ เงินที่ได้ก็เข้ากองทุนสวัสดิการที่อยู่ข้างบน
ดังนั้น ตอนนี้เราเริ่มเห็นภาพแล้วว่ากิจการกองทัพมีอะไรบ้าง แต่ยังไม่เห็นงบประมาณว่าแต่ละปีมีเท่าไหร่ ใช้จ่ายอะไร แต่ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับกองทัพว่าขณะนี้มีแนวโน้มที่ดีขึ้น แต่ยังไม่เป็นไปตามสิ่งที่ควรจะเป็น ในเมื่อใช้ทรัพยากรของประเทศ ดอกผลของมันก็ควรจะถูกตรวจสอบได้ด้วยตัวแทนของประชาชน ซึ่งตอนนี้เรายังไปไม่ถึงตรงนั้น อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ 4-5 ปีกองทัพเริ่มปรับตัวโดยเฉพาะนายทหารรุ่นใหม่ อายุสัก 40-50 ปี ก็พอเข้าใจสิ่งที่เราพูด และเริ่มเปิดเผยมากขึ้นเรื่อยๆ
นายธนาธรกล่าวย้ำว่า สำหรับสนามกอล์ฟธูปะเตมีย์ ขนาด 625 ไร่ หากจัดการให้ประชาชนจะมีศักยภากมาก แต่ปัจจุบัน รอบๆ พื้นที่ดังกล่าวมีห้างสรรพสินค้า 5-8 แห่ง คนเดินเยอะ ทั้งๆ ที่เราอยากให้คนเดินสวนสาธารณะ แต่กลับไม่เคยสร้างสวนสาธารณะขึ้นรองรับการเติบโตของเมืองเลย ไม่มีการสร้างทางเลือกในการใช้ชีวิตให้กับคน พอมีแต่ห้างคนที่รวยก็คือเจ้าสัว
ดังนั้น หากมีการจัดสรรดีๆ ที่นี่จะเป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุด สามารถรับใช้คนได้หลายแสนคน ให้มาใช้สำหรับการทำกิจกรรมครอบครัว รวมถึงจัดอีเวนต์ทางการเมือง แล้วสร้างสายรถเมล์ที่วิ่งสั้นๆ เพื่อขนคนเข้าสู่โหมดของการเชื่อมต่อศูนย์กลางการคมนาคมไปยังที่ต่างๆ ได้ ที่แห่งนี้ก็ถือว่าเหมาะสมที่สุดที่จะเป็นฮับของการเดินทางย่านนี้ ไม่ว่าจะเชื่อมกับรถไฟฟ้า รถเมล์ แล้วจะเกิดเศรษฐกิจ 2 ข้างทางช่วยเหลือคนตัวเล็กตัวน้อย และคนที่เหมาะสมที่จะรับการถ่ายโอนพื้นที่ตรงนี้มากที่สุดคือ อบจ.ปทุมธานี อย่างไรก็ตาม อาจจะต้องมีการหารือร่วมกับนายกองค์การบริหารส่วนตำบลคูคต และทาง อบจ.ปทุมธานีอีกครั้งหนึ่งถึงความเหมาะสม
“ทหารไม่ควรทำกิจกรรมที่ไม่ใช่ภารกิจหลัก ก็เพื่อให้กองทัพสามารถมีสมาธิในการสร้างกองกำลังที่เข้มแข็งเกรียงไกร ทันต่อโลก พร้อมปกป้องประเทศไทยตลอดเวลา ส่วนการพาณิชย์ไม่ใช่ภารกิจหลักของกองทัพ จึงไม่ควรจะทำ ประการที่สองเรื่องของความโปร่งใส ทหารเวลาคุยกรรมาธิการมักจะพูดว่าทหารทำงานหนัก เสี่ยงภัย ผมถามว่าอาชีพอื่นทำงานหนักน้อยกว่าทหารหรือ ถ้าคุยกับครู ตำรวจ คนเก็บขยะ ต่างมีความสำคัญกับประเทศไม่แพ้กัน ทหารบอกว่าต้องเสียสละ แต่ผมบอกว่าถ้าไม่อยากเป็นทหารก็ลาออกมาก็เท่านั้นเอง อย่างไรก็ตาม เพื่อความเป็นธรรม คนเก็บขยะ ครู ตำรวจ ข้าราชการอื่นๆ ไม่สามารถเอาทรัพย์สินของรัฐมาทำกิจการให้กับตนเองแบบนี้ได้ แต่ทหารกลับเอาทั้งคลื่นวิทยุ คลื่นโทรทัศน์ ที่ดิน และอะไรต่างๆ มาทำเป็นธุรกิจของตัวเอง ซึ่งไม่ใช่ภารกิจหลักของกองทัพเยอะแยะไปหมด เราต้องการลดตรงนี้ เพราะเมื่อมีผลประโยชน์ทางธุรกิจน้อยลง แรงจูงใจที่จะมายุ่งเกี่ยวกับการเมืองก็น้อยลงไปด้วย นี่คือส่วนหนึ่งของการปฏิรูปกองทัพ” นายธนาธรกล่าว
ในช่วงท้ายมีการเปิดให้ผู้ร่วมประชุมซักถาม โดยมีผู้สอบถามว่า หากการถ่ายโอนไม่สำเร็จจะดำเนินการอย่างไร นายธนาธรกล่าวว่า ง่ายๆ แค่ครั้งหน้าเลือกก้าวไกลให้เยอะกว่านี้ เป็นแผน 2 คือการชนะเลือกตั้งให้มากกว่านี้
เมื่อมีผู้ร่วมประชุมถามถึงกรณีการป้องกัน หากมีการถ่ายโอนให้กับท้องถิ่นแล้วจะไม่นำไป จัดสรรให้กับภาคเอกชนอีก นายธนาธรกล่าวว่า สำหรับการป้องกันกรณีหากถ่ายโอนแล้ว อบจ.จะไม่ดำเนินการ หรือล้มเหลว หรือเอื้อประโยชน์ส่วนตัว ตรงนี้ก็ต้องอยู่ที่คนปทุมฯ ที่จะติดตามการเมือง มีความกระตือรือร้นทางการเมืองตลอดเวลา เพราะวันนี้การเมืองพังเพราะเราไม่ติดตามการเมือง ไม่กระตือรือร้น และหากบริหารไม่ดีจริงก็จัดม็อบหน้า อบจ.เลย เราต้องการประชาชนที่กระตือรือร้นทางการเมืองแบบนี้ถึงจะควบคุม ตรวจสอบ ถ่วงดุลผู้มีอำนาจได้ มีเพียงประชาชนที่กระตือรื้อร้นทางเสรีภาพ และกระตือรือร้นทางการเมืองถึงจะทำให้การเมืองดี
ธนาธร โนคอมเมนต์ ทักษิณกลับเชียงใหม่ ย้ำกม.ต้องเสมอภาค ไม่หนักใจยุบก้าวไกล
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_8132449
“ธนาธร” โนคอมเมนต์ “ทักษิณ” กลับเชียงใหม่ ย้ำ กฎหมายต้องเสมอภาค เชื่อมือ “ก้าวไกล” ซักฟอกรัฐบาล เผย ไม่หนักใจหากพรรคถูกยุบ
เมื่อวันที่ 10 มี.ค. 2567 ที่ร้านพริ้มเพลิน จ.ปทุมธานี ในการสัมมนาของกรรมาธิการ (กมธ.) การทหาร สภาผู้แทนราษฎร นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ให้สัมภาษณ์กรณีฝ่ายค้านเตรียมยื่นอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามมาตรา 152
โดยนายธนาธร กล่าวว่า สส.พรรคก้าวไกลมีวิจารณญาณ ตนคิดว่านายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล พิจารณาและไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน มีข้อมูลเพียงพอที่จะอภิปรายเพื่อเสนอแนะให้รัฐบาลแก้ไขในด้านต่างๆ
เมื่อถามว่ามั่นใจในพรรคก้าวไกลหรือไม่ว่า ข้อมูลอภิปรายจะแน่นพอในการตรวจสอบรัฐบาล นายธนาธร กล่าวว่า ตั้งแต่เปิดสภาฯ ชุด 2566 มา ตนเห็นแต่คุณภาพของ สส.พรรคก้าวไกล เทียบพรรคอนาคตใหม่ ปี 2562 กับก้าวไกล ปี 2566 สส.มีคุณภาพกว่าเยอะมาก
“อยากเชิญชวนให้ประชาชนติดตามการประชุมสภา เพื่อดูว่าสส.ที่เลือกมาแต่ละคนทำผลงานมากน้อยเท่าไร หากฟังทุกสิ่งที่สส.ก้าวไกลเสนอต่อรัฐบาล หน่วยงานราชการในด้านต่างๆ ตนเชื่อว่าจะเห็นความมุ่งมั่นทำงานที่หนักหน่วง มีคุณภาพ ดังนั้น ผมไว้เนื้อเชื่อใจ สส.ชุดนี้ครับ” นายธนาธร กล่าว
เมื่อถามว่ามองว่าในการอภิปรายควรมีประเด็นใดบ้าง นายธนาธร กล่าวว่า ตนไม่รู้เลยว่าจะอภิปรายอะไรบ้าง แต่เชื่อว่านายชัยธวัชพิจารณาถี่ถ้วน ไม่ใช่แค่ประเด็นเกมการเมือง แต่เน้นคุณภาพ
เมื่อถามว่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะเริ่มพิจารณาการยุบพรรคก้าวไกลสัปดาห์นี้ มองเรื่องนี้อย่างไรในฐานะที่พรรคอนาคตใหม่ก็เคยถูกยุบ นายธนาธร กล่าวว่า การยุบพรรคไม่ทำให้พรรคก้าวไกลหนักใจ เพราะพรรคก้าวไกลและพรรคอนาคตใหม่ผ่านการยุบพรรคมาแล้ว เชื่อว่าผู้สนับสนุนเข้าใจและพร้อมจะเดินทางต่อ การยุบพรรคจะทำให้คนเห็นอกเห็นใจถึงความไม่เป็นธรรม ความไม่ถูกต้องที่ดำรงอยู่ในประเทศ
เมื่อถามว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยหรือไม่ นายธนาธร หัวเราะ พร้อมกล่าวว่า แล้วแต่ประชาชน แต่คณะก้าวหน้าและพรรคก้าวไกลมุ่งมั่นทำงานทุกวันให้ดีที่สุด เพื่อแสดงให้ประชาชนเห็นว่าพวกเราตั้งใจจริงที่จะเปลี่ยนให้ประเทศไทยดีกว่านี้ ให้ประชาชนเข้าถึงคุณภาพชีวิตที่ดี
ส่วนเรื่องนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะกลับไป จ.เชียงใหม่ มองว่าเป็นเรื่องสองมาตรฐานหรือไม่ นายธนาธร กล่าวตอบทันทีว่า “โห ผมไม่มีความเห็นคิดในเรื่องนี้ ทั้งนี้ การบังคับใช้กฎหมายต้องเสมอภาค มีนักโทษคดีการเมืองเป็นพันคน เข้าใจว่ามีหลายสิบคนที่ยังอยู่ในคุก พวกเขาไม่ใช่เป็นคนที่ลักขโมยหรือฆ่าข่มขืนใคร พวกเขาเป็นนักโทษทางความคิด การพูดคิดอ่านเขียนไม่ควรเป็นอาชญากร”
เมื่อถามว่ามีประชาชนไปรอต้อนรับนายทักษิณ จะเป็นเป้าให้เกิดความขัดแย้งทางการเมืองหรือไม่ นายธนาธร กล่าวสั้นๆ ว่า ขอให้ไปถามพรรคเพื่อไทยดีกว่า
ก้าวไกล เล็งขยี้ปมพักโทษ ทักษิณ ยันเข้มข้นแน่ ซักฟอกรัฐบาล แม้ไม่ลงมติ
https://www.khaosod.co.th/politics/news_8132204
ก้าวไกล เล็งขยี้ปมพักโทษ “ทักษิณ” ในเวทีซักฟอกรัฐบาล ยัน ไม่ลดความเข้มข้น แม้อภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ โว ฝ่ายค้านจี้ถามกระทู้สด ทำยอดรมต.ตอบกระเตื้องขึ้น
เมื่อวันที่ 10 มี.ค. 2567 นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กรณีการเตรียมยื่นญัตติอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ว่า ในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เราได้ประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้าน และมีมติร่วมกันว่า จะยื่นอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติอย่างเป็นทางการในสัปดาห์ที่จะถึงนี้ โดยเวลาในการอภิปรายจะอยู่ที่ 2-3 วัน ในช่วงวันที่ 3-5 เม.ย.
พรรคก้าวไกลมีความพร้อมแน่นอนในการอภิปรายครั้งนี้ ซึ่งการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติอยู่ในแผนที่เราเตรียมไว้ในช่วงต้นปีอยู่แล้ว แม้เราจะเพิ่งยื่นญัตติขออภิปรายในสัปดาห์นี้ แต่เรามีการดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือน ม.ค.
ตามที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้แถลงแผนการทำงานปี 67 มั่นใจได้ว่าข้อมูลและประเด็นที่เราติดตามพร้อมในการอภิปรายแน่นอน
นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า ธีมหลักในการอภิปรายของเรา คือการตรวจการบ้านรัฐบาลหลังจากทำงานมาแล้ว 6-7 เดือน ว่าได้ผลักดันนโยบายสำเร็จตามที่แถลงต่อรัฐสภาหรือไม่ ซึ่งเราจะเห็นว่าหลายนโยบายเรือธงของรัฐบาลไม่มีความคืบหน้ามากนัก ทั้งนี้ เราให้ความสำคัญกับทุกเรื่องที่เกี่ยวกับรัฐบาล ที่อาจจะยังบริหารไม่ตอบโจทย์หรือมีความบกพร่อง
ซึ่งเราไม่ได้มุ่งเน้นที่เรื่องใดเรื่องหนึ่งเป็นการเฉพาะ เราพร้อมอภิปรายในทุกประเด็นที่สำคัญ ส่วนพรรคจะพูดในประเด็นใดบ้างและกรอบเวลาที่จะใช้อภิปรายนั้น ต้องรอความชัดเจนจากพรรคอีกครั้ง เพราะยังอยู่ในกระบวนการคัดเลือก สส. ที่จะมาอภิปราย
เมื่อถามว่าจะอภิปรายกระบวนการยุติธรรมของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ด้วยหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า เรื่องกระบวนการยุติธรรมก็เป็นเรื่องที่เราให้ความสำคัญ และเราก็เห็นว่ามีการตั้งคำถามกับการดำเนินการของรัฐบาลอยู่ ตนคิดว่าเรื่องกระบวนการยุติธรรมก็เป็นอีกหนึ่งหัวข้อที่อยู่ในการอภิปราย