ฟุดฟีดฟอไฟ I don't get it .

หนึ่งในฉายาคนไทย Thailand land of smile ยี้มสยาม 

ที่ยี้มไม่ใช่อะไรหรอก พูดกับฝรั่งไม่ได้ คนไทยสมัยก่อน ก็ได้แต่เจอฝรั่งคุยด้วย ถามทาง หรืออะไรก็ตาม ไทยเรา ยี้มลูกเดียว แห่ะๆ ฝรั่งก็เลยยอ ว่า Land of Smile แต่ลึกๆ เคยมีฝรั่งออกทีวี เขาบอกว่า คนไทยยี้มเก่ง แต่ไม่รู้มีอะไรเคลือบแฝงหรือเปล่า 

แต่ไหนๆก็เป็น สโลแกน ระดับชาตไปแล้ว ก็อย่าไป ขุดคุ้ยอะไรให้มีปัญหาดีกว่า ... เป็นการตลาด ยุคเก่าๆ แต่ไทยเรามีอะไรมากกว่านั้น สถานที่สวยๆ เนอะ

ที่คนไทยส่วนใหญ่ ยี้มสมัยก่อน เพราะพูดอังกฤษไม่ได้ ต่างจาก เด็กยุคใหม่ คงพูดกันเก่งแล้วเนอะ 

ผมจำได้เลย เรียน จบ มหาลัยแล้ว ทำงาน ปีแรก เพื่อนๆหลายคน ไปเรียน AUA ตอนหลังงานประมาณ 18 .00 น ทำงานสีลม ใกล้ๆ ไปทัน
ผมเรียน ถึง Level 8 ผ่านหมดเลย เป็น conver class แต่ ผลที่ได้คือ เมื่อผมต้องโทรไปขายของให้ แล้ว เจอฝรั่ง สำหรับ IT Product ผมก็พูดๆๆๆๆ
ฝรั่งตอบคำเดียว I don't get it เท่านั้นละครับ ผมต้องขออภัยฝรั่ง แล้ว วางหูไป ก็ฝรั่งคนนั้นเขาไม่เข้าใจ ทั้งที่ ผมก็ มีลูกค้าฝรั่ง หลายชาตอยู่นะ 
แต่เจอดอกนี้เข้าไป ผมก็ต้องกลับมามองตัวเองว่า เราน่ะ ยังต้องแก้อะไร เพราะ ของที่เราขายน่ะ ไม่ใช่ ก๋วยเตี๋ยว ซะด้วย 

ผมมีโชคอยู่หน่อย ที่ชอบดู พวกหนังฝรั่ง ซีรีส์ฝรั่ง แล้ว ก็เป็นเองที่ทำก็คือ เอาสมุดมาจด คำที่ชัดๆ แล้ว มี Dictionary ( สมัยก่อน ) วางไว้ข้างตัว ดูหนังไป จดไป แปลไป ได้ทีละคำสองคำ ไปเรื่อยๆ ไม่รีบร้อน ( ใครบอกดูหนัง ไม่ได้อะไร ผมว่าได้นะ ก็ ภาษานี่ไง ) 

การช่วยตัวเองพัฒนาทักษะ เป็นส่วนนึง แต่ ต้องมีคนช่วยบ้าง นั่นคือ เพื่อน ผมโชคดี มีเพื่อนเก่งภาษาพอใช้ได้ เขาก็ง่ายๆ แนะนำผมในบางส่วน ทำให้ ผมค่อยๆ เอาส่วนที่เขาแนะ บวกกับส่วนที่ผมเก็บเกี่ยวเอง มาผสมๆกัน สร้าง Resume ฝรั่งแบบ สไตล์เรา ดูจน ได้ ลงตัวแล้ว ผมก็ร่อนไปทั่ว จนได้ทำกับชาวต่างชาต แต่ก่อนจะได้ มีครั้งนึง เจอ ฝรั่ง ผญ ถามผมว่า Writing เป็นไง เขาบอกไม่ห่วงเรื่องคุยหรอก เขาห่วงเรื่องเขียน ผมก็ทราบเต็มอกว่า ตอนเรียน AUA นั้น Class Writing นั้นยากกว่า ผมก็เลยตอบไปตามตรงว่า ไม่ค่อยดี กลางๆ ฝรั่งขอบคุณเลย ที่ตอบเขาตรงๆ ( แล้วก็ไม่รับนะ เหอะๆๆ ) 

ผมได้ไปทำงาน กับ บ แขกก่อน แบบ แขกในไทยน่ะครับ บ้านอยู่ฝั่งธน หรูหรามากเลย ทำ IT นี่แหล่ะ อ้าว คุยกันรู้เรื่อง แล้วก็ไปต่อ ที่ทำงานอีกที่เป็นพวก american แต่หัวหน้าเป็นไทย แต่ เมล์น่ะ ไม่มีไทยนะ เราก็ค่อยดูเมล์เขาใช้กัน ภาษา อะไรพวกนี้ บอกตรงๆ ทำๆไปก็เก่งเองแหล่ะ ขอให้พอมีพื้นฐานหน่อยเถอะ ทำไปหลายปี ก็คล่อง 

จนไปจบกับ บ Singapore สัมภาษณ์ผ่านแน่ๆ ทำงานก็ทำไป ทำไป ก็ได้ภาษามากขึ้น จากพื่นฐานเก่าๆ บวกไปเรื่อยๆ ๆๆ จนมาเจออีกแล้ว ต้องโทรคุยกับ คน สก๊อตแลนด์ ตอนแรก ผมจะให้คนฝร่งเศศเพื่อนร่วมงาน ที่พูดไทยได้ ช่วยโทร แต่ไม่ใช้หน้าที่เขา แถมเขาบอกว่า คน สก๊อตแลนด์ เขาพูดไม่รู้เรื่อง ( คงกลัวสำเนียง เพราะ ฝรั่งเศส ก็สำเนียงไม่ English เท่าไหร่ หรอก ออกกลางๆ ) 

ในเมื่อมาไกลขนาดนี้แล้ว จากวันที่เจอ ฝรั่งพูดใส่ว่า I don't get it มันก็หลายปีละ ผมจึงทำเรื่องง่ายๆเรื่องนึงคือ  ร่างบทแนะนำตัวก่อนโทร อย่างงี้ๆๆๆ ผมจะเรี่มต้นด้วย นี่ และ ต่อด้วยนั่น ตบท้ายด้วย โน่น ...

ได่ผล สก๊อตแลนด์ เบรฟฮาร์ท คุยกับผมรู้เรื่องครับ เขาบอกว่า เรื่องนี้ เขาจะ คุยกับเพื่อนร่วมงานคนไทยของเขา แล้ว ให้ผมโทรไปหาเพื่อนคนไทยของเขา ใน วันถัดไป เขาจะรีบให้คำตอบ ..... วางหูเสร็จ รู้สึกว่า ทำงานมาหลายปี แต่มันก็มีเรื่องให้ดีใจคนเดียว เล็กๆ ไม่เคยบอกใคร มาปล่อยไก่ในพันทีปนี่แหล่ะ ว่า เรื่องแค่นี้มันก็เป็น พัฒนาการนะ ทำงานมาหลายปี หาใช่จะหยุดได้ ที่ดีใจไม่ใช่เพราะคุยรู้เรื่อง แต่ผมรู้แล้วว่าการเตรียมตัวคุยน่ะแหล่ะสำคัญสุด แต่ก็ต้องอยู่บนพื้นฐานที่ดีของเราด้วย ทั้งการฟัง การโต้ตอบที่ทันท่วงที เลือกคำที่เหมาะสม เรียกว่า มันต้องยกระดับไปหมดเลย เพราะคุยสายแบบนี้ จะให้ฝรั่งรอเรามานั่งนึก หรือ เปีด กูเกี้ลแปลภาษา ไม่ได้หรอก ต้องออกอาวุธได้ในทันที ทั้งเพลงกระบี่ ฝ่ามือ และ อาวุธซัด ( ออกแนวหนังจีน ไปหน่อย ขออภัย )

วันรุ่งขึ้นผมโทรไป ได้เรืองครับ คนไทย เพื่อนร่วมงาน คุยต่อได้เลย แสดงว่า ฝรั่งถ่ายทอดรู้ความ ผมสื่อสารโอเค และ จบไปอีกงานนึง แบบได้หน้า ไปรายงานเจ้านาย Singapore อีกเรื่อง 

ช่วงนั้นผมพยายาม เจอใครพูดไทยไม่ได้ เช่น ญี่ปุ่นที่ร้านแว่นตา คุยกับพนักงานแล้ว เมื่อยมือกันมาก ผมจึง แปลงร่าง กลืนวุ้นแปลภาษา ของโดเรม่อน ( พูดเล่น ก็คือไปยิ้มเรื่องเขาแค่นั้นเอง ) ขอเขาช่วยคุยให้ จน คนญี่ปุ่นอาวุโส ขอบคุณที่ผมช่วย และ ได้นั่งคุยกัน เขาบอกว่า ญี่ปุ่นน่ะก้าวหน้าทุกอย่างนะ แต่เขาไม่เข้าใจทำไมคนชาตเขาไม่พูด อังกฤษ เออ .... ผมพยักหน้าเห็นด่วย และ สุดท้ายเขาก็ดันวนไปเรื่อง สงครามโลก และบอกผมว่า I hate chinese หึหึหึหึ เต็มหน้าเลยครับ ผมเป็นลูกคนจีน อ่ะ นั่งนึกในใจ นี่ด่ากันไม่รู้เลยหรือว่า เค้าเป็นจีนนะตัวเอง แต่ผมก็ไม่ได้ถือสา แค่คุยกันขำๆแล้วแยกันไป

เจอฝรั่งร้านกาแฟ ก็ไปคุยกับเขาอีก ฝรั่งคนนี้ก็ เหมือนผีเจาะปากมา คุยน้ำลายแตกฟอง ตอนนั้น ก่อน covid กำลังจะมี 4 G ในไทย ฝรั่งคุยใหญ่ บอก 4 
G น่ะเร็วกว่า 3 G 10 เท่า ผมก็ฟังๆๆๆ ก่อนหมดเรื่องคุย แยกย้ายตามฟอร์ม

ตอนหลัง ย้ายงานจาก Singapore เพราะ ทีมงานมีปัญหา ก็ได้เจอฝรั่งน้อยละ ตอนนี้ ชอบร้อง คาราโอเกะ เพลงฝรั่งแบบจำเอา ไม่ดูเนื้อ คงได้แค่นี้ละครับ เพราะ วันก่อนดูหนัง The End of Storm ของ ทีม Liverpool ฟังแทบไม่รู้เรื่อง คือ เจอฝรั่งคุยกันเองน่ะ บอกตรงๆ จับยากมาก รวบคำเร็วมาก 

แต่ได้แค่นี้ก็โอเคละ คนเราเรียนเท่าไหร่ก็ไม่จบครับ เพราะความรู้มีเยอะเหลือหลาย ขึ้นอยู่กับว่า เราอยากเรียนไหมแค่นั้นเอง.

ปล ใครสร้างวุ้นแปลภาษาได้ ผมว่า รวยเละ 555

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่