JJNY : 5in1 กมธ.เรียกตร.แจง│ก้าวไกลจี้ถามทักษิณป่วยแค่ไหน│Save อโยธยาผิดหวัง│หนี้สูงทุบยอดขายกระบะร่วง│สหรัฐเยือนไต้หวัน

มธ.เรียกตร. แจงเคสนักข่าวโดนจับ ผิดหวังสมาคมสื่อฯ เชิญแล้วไม่มา
https://www.matichon.co.th/politics/news_4437555

กมธ.พัฒนาการเมือง เชิญ ตร.แจงกรณีสื่อโดนจับ หวังสร้างหลักประกันเสรีภาพการนำเสนอข่าว หาที่ยืนให้สื่อออนไลน์
 
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 22 กุมภาพันธ์ ที่รัฐสภา น.ส.ภคมน หนุนอนันต์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และรองโฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการประชุมในวันนี้ ซึ่งมีการเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจง สืบเนื่องจากกรณีตำรวจออกหมายจับกุมผู้สื่อข่าว และช่างภาพ ในข้อกล่าวหาเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิด เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
 
โดย น.ส.ภคมนกล่าวว่า กมธ.จะเป็นตัวกลาง เปิดพื้นที่ให้เป็นเวที กับสื่อมวลชนอิสระ และออนไลน์ ที่เคยถูกแจ้งข้อกล่าวหาจากการทำงาน ฝ่ายตำรวจจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ซึ่งเป็นตัวแทนของรัฐบาล และสมาคมนักข่าวและนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ส่วนจะมีธงอะไร จากการเรียกเข้าชี้แจงหรือไม่นั้น อย่างน้อยเราคงไม่ได้กลับไปพูดถึงกรณีเกิดขึ้น เพราะผ่านไปแล้ว หลังจากนี้ เราอยากให้มีเส้นเริ่มต้นว่า ขอบเขตการทำงานของสื่อมวลชนในสถานการณ์ล่อแหลมต่างๆ จะมีขอบเขตอยู่ที่ตรงไหน การคัดกรองสื่อมวลชนจะเป็นอย่างไร
 
น.ส.ภคมนกล่าวว่า ที่ผ่านมาต้องยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า สื่อมวลชนที่ถูกดำเนินคดีส่วนใหญ่เป็นสื่อมวลชนอิสระ ออนไลน์ และขนาดเล็ก หวังว่าอาจจะได้คำตอบว่า สื่อกลุ่มที่เป็นเป้าหมายของการฟ้องปิดปากเหล่านี้ จะมีเส้นการทำงานในสังคมอย่างไรได้บ้าง อาจจะพิจารณาจากช่องทางการเผยแพร่ มียอดผู้ติดตามเท่าไหร่ การนำเสนอข่าวอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลากี่ปี จึงถือว่าเป็นสื่อมวลชน

น.ส.ภคมนกล่าวว่า ต้องยอมรับว่า บริบทของสื่อมวลชนไทยเปลี่ยนไปแล้ว คงไม่ได้มีแค่สื่อโทรทัศน์หรือวิทยุ อันนี้สื่ออิสระมากมาย ตามเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป ผู้คนสามารถเป็นผู้นำเสนอข้อมูลข้อเท็จจริงได้ ดังนั้น ถึงเวลาที่รัฐ หรือ ตร. ในฐานะที่เป็นผู้กำกับดูแล ต้องปรับตัว พูดคุย เริ่มต้นพร้อมกัน
 
เพื่อให้มั่นใจว่า อย่างน้อยๆ ในรัฐบาลพลเรือนชุดนี้จะสามารถการันตีได้ในระดับเบื้องต้นว่า เหตุการณ์นี้อาจจะเป็นเหตุการณ์สุดท้าย ที่จะมีการคุกคาม ลิดรอนเสรีภาพของสื่อมวลชน เป็นสิ่งที่เราคาดหวัง” น.ส.ภคมนกล่าว
 
น.ส.ภคมนกล่าวด้วยว่า ได้มีการเชิญตัวแทนจากสำนักนายกรัฐมนตรีไปด้วย แต่ไม่มีตัวแทนตอบรับมา เนื่องจากในอดีตที่ผ่านมา การขึ้นทะเบียนสื่อมวลชน ต้องขึ้นทะเบียนกับกรมประชาสัมพันธ์ เราจึงอาจจะไม่ได้คำตอบว่า หลังจากนี้ การจัดการ หรือการขึ้นทะเบียนสื่อมวลชนในประเทศไทย ควรจะเป็นรูปแบบแบบไหน ซึ่งก็น่าเสียดายพอสมควร
 
ส่วนกรณีที่สมาคมสื่อฯ ไม่มีการตอบรับมานั้นจะสะท้อนอะไรหรือไม่ น.ส.ภคมนกล่าวว่า ค่อนข้างจะผิดหวังนิดหนึ่ง เพราะสมาคมสื่อฯ เอง น่าจะคว้าโอกาสใช้พื้นที่ กมธ. ในการยืนยันความชอบธรรมให้กับตนเอง ที่ผ่านมา สมาคมสื่อฯ ก็ถูกตั้งคำถามเยอะมากถึงบทบาทในการปกป้องเสรีภาพของคนในวิชาชีพสื่อมวลชน ถือเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก และยังคงต้องตั้งคำถาม และพิสูจน์บทบาทของสมาคมสื่อฯ กันต่อไปว่า จะทำให้คนที่อยู่ในวิชาชีพสื่อมวลชนเชื่อมั่นได้อย่างไร
 
น.ส.ภคมนกล่าวทิ้งท้ายว่า หลังจากนี้ กมธ.และคณะทำงาน คงจะผลักดันต่อให้ออกมาในรูปแบบข้อบังคับที่ชัดเจน ให้สื่อมวลชนสามารถทำงานได้อย่างเสรีภาพจริงๆ ยืนยันว่า เราไม่ได้เรียกร้องเพื่อสื่อมวลชนอย่างเดียว แต่เราเรียกร้องภาพลักษณ์และความชอบธรรมให้กับตำรวจด้วย
 
ส่วนความพยายามผลักดันในครั้งนี้ จะเป็นการอุ้มสื่อมวลชนที่จงใจทำผิดกฎหมายหรือไม่ น.ส.ภคมนกล่าวว่า เราคงไม่มีหน้าที่ที่จะพิจารณา หรือชี้ผิดชี้ถูกกับใคร แต่สิ่งที่เราต้องทำวันนี้ คือเราต้องทำกติกาให้ชัดก่อน ที่ผ่านมากติกาไม่เคยชัด เมื่อไหร่ที่มีผู้ได้รับความเดือดร้อน และมีคนที่เห็นด้วยกับผู้เดือดร้อน ก็จะมีกล่าวหาแบบนี้เสมอ ถ้าอยู่บนกติกาเดียวกัน ก็พูดคุยกันได้ ควรเริ่มต้นกติกาด้วยการนับขั้นบันไดเดียวกัน สุดท้ายถ้าสื่อเป็นคนผิด จะได้พิจารณาลงโทษอย่างไม่มีความเคลือบแคลงใจ
 
ทั้งนี้ หลังจากได้ข้อมูลในวันนี้แล้ว กมธ.จะมีการนำไปทำงานต่อ หากสภาอยู่ครบสมัย ก็คงจะมีโอกาสได้เห็นการยื่นพระราชบัญญัติบางอย่างเข้าสภา เพื่อคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ แต่คงต้องถกกันหลายฝ่ายต่อไปว่า การคุ้มครองนี้อาจจะไม่ใช่การริดรอนสิทธิเสรีภาพ หรือสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนไม่ควรมีกฎหมายใดมาบังคับใช้เลยหรือไม่
 


ก้าวไกล จี้ถาม ทักษิณ ป่วยแค่ไหนถึงได้พักโทษ ‘รมว.ยุติธรรม’ แจง ยันเข้าเกณฑ์
https://www.khaosod.co.th/politics/news_8107963

ก้าวไกล จี้ถาม “ทักษิณ” ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ยังไง ด้าน “รมว.ยุติธรรม” ยัน พักโทษตามหลักเกณฑ์ แจง ผู้ป่วยไม่ยินยอมให้เปิดเผยอาการ
 
เมื่อเวลา 11.25 น. วันที่ 22 ก.พ. 2567 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง เป็นประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม. พรรคก้าวไกล ถามพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เรื่อง หลักเกณฑ์พักโทษให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
   
นายณัฐชา กล่าวว่า ในการพิจารณาพักโทษนายทักษิณ เข้าเกณฑ์พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ กฎกระทรวง และประกาศกรมราชทัณฑ์อย่างไร ตามประกาศของกรมราชทัณฑ์ หลักแห่งการพักโทษคือ 

1. ป่วย ซึ่งต้องเป็นโรคที่กำหนดไว้ 7 ข้อ อาทิ โรงร้ายแรงที่รักษาไม่หายขาด ไตวายระยะสุดท้าย ต้องฟอกไต มะเร็งระยะสุดท้าย สมองเสื่อม อัลไซเมอร์ เป็นต้น มีโอกาสเสียชีวิตหากอยู่ในเรือนจำต่อ
 
2. ชราภาพ อายุเกิน 70 ปี แต่จะต้องช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ด้วย โดยเกณฑ์ทั้งหมดที่ใช้วัดในแบบทดสอบมี 10 ข้อ ต้องได้คะแนนไม่เกิน 11 คะแนน ประกอบด้วย กินอาหารด้วยตนเองไม่ได้ ใช้ห้องน้ำด้วยตนเองไม่ได้ ชำระร่างกายด้วยตนเองไม่ได้
 
สวมเสื้อผ้าด้วยตนเองไม่ได้ เดินไปมาภายในบ้านไม่ได้ ลุกจากเตียงไปนั่งเก้าอี้ไม่ได้ ขึ้นบันไดด้วยตนเองไม่ได้ อาบน้ำไม่ได้ กลั้นอุจจาระไม่ได้ และกลั้นปัสสาวะไม่ได้ จึงอยากถามว่านายทักษิณช่วยเหลือตัวเองไม่ได้อย่างไร
 
ขอให้ชี้แจงให้ชัดเจน ไม่ให้สังคมเข้าใจผิด แต่ถ้าบอกว่าไม่เกี่ยวกับโรคภัย ได้รับสิทธิ์ผู้สูงอายุ ซึ่งตามกฎระบุไว้ชัดว่าต้อง 70 ปี และช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ก็ขอให้เอาออกมาเปิดและตอบให้ชัด ต้องการรู้ว่าใครคือ “หมอเทวดา” ที่เซ็นรับรองนักโทษชายที่ป่วยเป็นโรคร้ายแรง ให้หายได้ใน 180 วัน วันต่อมากลับมาอยู่บ้านได้ แล้ววันถัดมาก็รับแขกบ้านแขกเมืองได้” นายณัฐชา กล่าว
 
ด้าน พ.ต.อ.ทวี ชี้แจงว่า เรื่องการพักโทษมีกำหนดไว้ในพ.ร.บ.ราชทัณฑ์ มาตรา 52 ข้อ 7 และในกฎกระทรวงแบ่งการพักโทษเป็น 2 อย่าง คือ พักโทษทั่วไป กับพักโทษเนื่องจากมีเหตุพิเศษ โดยเริ่มจากความเห็นของอธิบดีกรมราชทัณฑ์ จากนั้นส่งไปให้คณะอนุกรรมการ 19 คน พิจารณาให้ความเห็นชอบ และส่งมาที่รมว.ยุติธรรม พิจารณาอีกครั้ง
 
กรรมการไม่ใช่เป็นตรายาง โดครั้งที่ผ่านมามีการพิจารณา 945 คน ไม่ให้ผ่าน 15 คน ดังนั้น มีผู้ได้พักโทษ 930 คน ทั้งหมดพิจารณาจากหลักฐานทางการแพทย์ทั้งสิ้น ทั้งนี้ การพักโทษมีมาตั้งแต่ปี 46 ยอดรวมถึงปัจจุบันมีผู้ได้รับการพักโทษแล้ว 2,420 คน
 
กรณีนี้ (นายทักษิณ) อยู่ต่ำกว่าเกณฑ์เลข 11 เล็กน้อย ผมรู้สึกกังวล เพราะพ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติ ห้ามเปิดเผยข้อมูลสุขภาพส่วนบุคคล หรือจะใช้อำนาจหรือสิทธิ์เพื่อขอเอกสารสุขภาพของบุคคลไม่ได้ อย่างไรก็ตาม หมอที่วินิจฉัยเป็นคณะแพทย์จากโรงพยาบาลตำรวจ
 
ยืนยันการพักโทษเป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ทางการแพทย์ ชอบธรรมด้วยเหตุผลและคุณธรรม และมีใบไม่ยินยอมเปิดเผยอาการป่วยจากผู้ป่วยส่งมาถึงผม ซึ่งคณะแพทย์ที่ให้ความเห็นก็มีความกลาง” รมว.ยุติธรรม กล่าว
 
หลังจบการตอบกระทู้ถาม นายณัฐชา กล่าวทิ้งท้ายว่า วันนี้รัฐมนตรีได้ตอบหลักเกณฑ์ชัดเจนแล้วในสภาฯ ดังนั้น ต่อไปนี้นักโทษเด็ดขาดอายุ 70 ปีขึ้นไป สามารถไปขอแบบฟอร์มจากกรมอนามัย และประเมินตนเองส่งให้รัฐมนตรีได้เลย เพราะจะมีนักโทษมากมายที่เข้าหลักเกณฑ์ หากไม่สามารถดำเนินการได้ก็เอาเทปการประชุมวันนี้ไปเปิดให้อธิบดีฟังว่า เป็นนโยบายของ รมว.ยุติธรรม



กลุ่ม ‘Save อโยธยา’ ผิดหวัง คมนาคมดึงดันสร้าง ‘รางลอยฟ้า’ สะท้อน ไม่เก็ทปัญหา แจงเคสญี่ปุ่น-เยอรมันบริบทต่าง
https://www.matichon.co.th/politics/news_4438104

กลุ่ม Save อโยธยา พ้อคมนาคมฯ ดึงดันสร้างรางลอยฟ้า ลั่นมองทางออกดีกว่านี้ได้ แนะลงทุนเพิ่มแต่ช่วยเซฟเมืองมรดกโลก
 
สืบเนื่องกรณีสำนักงานสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ได้ทำหนังสือถึงรฟท. ให้ทำข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายงานผลกระทบต่อมรดกโลกทางวัฒนธรรมหรือ Heritage Impact Assessment (HIA) ของสถานีอยุธยา ซึ่งเป็นเนื้องานอยู่ในสัญญา4-5ช่วงบ้านโพ-พระแก้วของโครงการถไฟความเร็งสูงไทย-จีน ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ตามที่ยูเนสโกมีหนังสือให้ดำเนินการไปก่อนหน้านี้ เนื่องจากยูเนสโกประกาศขึ้นทะเบียนอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาเป็นแหล่งมรดกโลก เป็นนครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา
 
เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ เวลา 11.40 น. ที่ห้องกระทู้ถามแยกเฉพาะ อาคารรัฐสภา นายทวิวงศ์ โตทวิวงศ์ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา เขต 1 พรรคก้าวไกล พร้อมด้วย ยื่นวาระกระทู้แยกถาม นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เรื่อง ‘ปัญหาเรื่องผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการก่อสร้างสถานีรถไฟฟ้าความเร็วสูงพระนครศรีอยุธยา’ ซึ่งนายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม รับมอบหมายเป็นผู้ตอบกระทู้แทน โดยยืนยันว่า จะพยายามดูแลให้โครงสร้างไม่สร้างผลกระทบกระเทือนพื้นที่ โดยรถไฟฟ้าจะสร้างรายได้เพิ่มให้กับคนในพื้นที่อย่างมหาศาล และไม่ยอมให้ถูกถอดถอนจากมรดกโลก  (อ่านข่าว คมนาคมตอบปมสถานีอยุธยา ยัน ‘มุดดินไม่ทันแล้ว’ ลั่น รถไฟความเร็วสูงต้องมา แต่ไม่ยอมถูกถอดมรดกโลกแน่)
 
นายกณวรรธน์ ราษฎรนิยม ตัวแทนจากกลุ่ม ‘Saveอโยธยา’ หนึ่งในผู้เข้าร่วมสังเกตการณ์เปิดเผยว่า วันนี้ได้ฟังสิ่งที่รัฐมนตรีช่วยฯมาพูด ส่วนตัวรู้สึกผิดหวังที่กระทรวงคมนาคมขาดความเข้าใจอย่างแท้จริง เช่น ปัญหาเรื่องชุมชน ปัญหาเรื่องพื้นที่ อย่างที่ท่านตัวอย่างประเทศญี่ปุ่น เยอรมัน มันมีรายละเอียดที่ต่างกัน
 
ที่ญี่ปุ่นเขาขึ้นทะเบียนตัวอาคารต่างกับอยุธยา ซึ่งอยุธยาขึ้นทะเบียนทั้งเมือง มันจึงต้องส่งผลกระทบต่อด้านทัศนียภาพของเมืองด้วย เห็นได้ว่าขาดความเข้าใจอย่างชัดเจน แต่ก็ต้องขอบคุณที่กระทรวงคมนาคมเห็นถึงความสำคัญของมีมรดกโลกมีความสำคัญ แต่ก็รู้สึกว่าเสียใจอยู่ที่ยังดึงดันสร้างเหมือนเดิม” นายกณวรรธน์เผย
 
นายกณวรรธน์กล่าวว่า ตนคิดว่ามันต้องทางออกที่ดีกว่านี้สำหรับกระทรวงคมนาคม อยากให้ทบทวนใหม่ แก้ไขใหม่ ไม่ใช่แค่พูดแล้วก็จบไป

ทางเลือกที่บอกว่ามีจำกัด เป็นเพราะว่าเขาบอกให้มีทางเลือกแค่นี้หรือเปล่า การจำกัดมาจากตัวเขาเอง แต่ความจริงแล้ว มันมีทางเลือกที่ดีกว่านี้ได้ เช่น คุณเอาลงใต้ดินได้ไหม หรือ ย้ายไปบ้านม้าได้ไหม แบบนี้ก็ทำได้เหมือนกัน มันอาจจะมีค่าใช้จ่ายมากขึ้น แต่มันคุ้มค่าต่อการแลกมากับมรดกโลก มันคุ้มค่ากว่าการสร้างรถไฟทับเมืองโบราณ หรือ องค์ความรู้ด้านประวัติศาสตร์ โบราณคดีที่กำลังจะสูญเสียไป
 
หากมีการทบทวนใหม่ คงไม่ได้เกิดความล่าช้าออกไปถึง 8 ปีอย่างที่มีตัวเลขลอยๆ ขึ้นมา แต่ต้องมีทางออกที่ดีกว่านี้ และไม่ทำลายเมืองโบราณ” นาย กณวรรธน์ กล่าว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่