สวัสดีครับ ผมแค่อยากระบายสิ่งที่มันไม่สามารถบอกให้ใครทั้งคนใกล้ตัวและคนไกลให้ ตัวฟังได้ ที่มันอัดอั้นอยู่ในใจผมมานานมสก
ครอบครัวของผม พ่อผมติดยาเสพติด ส่วนแม่ผมถูกทางบ้านคลุมถุงชน พ่อเป็นคนดีมากๆขยันทำงานรักลูกเมียแต่พอเมาหรือเสพยามักจะทะเลาะเตะตีแม่ มันเป็นภาพจำที่ติดตาตลอดตั้งแต่จำความได้ เพราะเหตุแบบนี้มักจะเกิดประจำ และมีปัญหาภายในและภายนอกมากมาย
แล้วมีปัญหาใหญ่ จนทำให้ทั้งครอบครัวต้องเข้ารับการรักษาที่แผนกจิตเวช แล้วทางหมอวินิจฉัยว่า ตัวผมเป็นโรคซึมเศร้าระดับปานกลาง ส่วนคนอื่นๆในครอบครัวเป็นโรคซึมเศร้าขั้นรุนแรง ต้องทานยาเป็นประจำ แล้วปัญหาก็ยังไม่เคยหายไป แล้วต่อมาผมก็ไม่แน่ใจว่าที่บ้านผมมีปัญหาอะไร แต่ตอนนั้นผมจำได้แค่ แม่ต้องการพาพ่อไปที่อื่นเจอสังคมอื่นให้พ่อเลิกเสพยาได้ ผมต้องย้ายบ้านไปพบกับสังคมใหม่บรรยากาศใหม่ ที่นี้ทุกอย่างดีมากๆทั้งการเงิน ทั้งบรรยากาศก็ค่อยๆดีขึ้น เวลาผ่านไปปีสองปีแรกก็ไม่ได้มีอะไร แต่อยู่ดีๆความสงบสุขทั้งหมดกับหายไปดั่งความฝันที่ตื่นขึ้นมาเจอกับความจริงแสนโหดร้าย พ่อกลับไปวงจรอุบาทว์อีกครั้ง แม่ก็เลยตัดใจแยกทางแบบเด็ดขาดไป พอเวลาผ่านไปไม่ถึงสามเดือน มีสายจากทางญาติพ่อโทรมาแจ้งว่า พ่อเสียแล้ว พวกผมทำอะไรไม่ถูกรีบไปทันที แต่ทุกอย่างก็ไม่ทันเสียแล้ว ทางญาติพ่อได้ส่งศพไปชันสูตร พวกผมก็จัดสถานที่ ที่วัดรอ แต่พอผลชันสูตรออกมา กระดูกซี่โครงหัก ทิ่งปอด ม้ามแตก แล้วบริเวณหน้าถูกของแข็งกระแทก จนมาเสียชีวิตที่โรงพยาบาล แต่สุดท้ายแล้วทาง ตะกวดทำสำนวนว่าเป็นการตายแบบธรรมชาติ ทั้งที่ผลชันสูตรก็บอกชัดเจนว่าถูกทำร้าย จนต้องถอนการแจ้งความเพราะกลัวผู้มีอิทธิพล
ณ เวลานั้นทุกอย่างที่กำลังดีเสียศูนย์ ล้มหมดเลย ทั้งกิจการที่บ้านทำกำลังจะดีก็ต้องหยุดชะงังไป
ตัวผมรู้สึกว่าตัวเองเริ่มแปลกไปตั้งแต่ตอนนั้น เริ่มติดโลกออนไลน์ เพราะไม่มีใครรู้ตัวตนเรา และไม่รู้จักเราในชีวิตจริง ทำให้ผมสามารถเล่าสิ่งที่ทุกข์ พูดคุยกับคนแปลกหน้าแบบที่ผมอยากคุยยังไงก็ได้ เริ่มนอนดึก เริ่มไปโรงเรียนสาย เริ่มไม่อยากไปโรงเรียน
และเริ่มได้ยินเสียงวีดแหลมๆเหมือนเสียงคลื่นความถี่ตอนกลางดึกบ่อยๆ เริ่มนอนตอนกลางคืนไม่ได้ บางวันก็ไม่ได้นอนติดต่อกันนานเกิน 36 ชั่วโมง ถ้าไม่น็อคแล้วหลับไป ก็ไม่สามารถนอนแบบคนปกติได้ อารมณ์เริ่มขึ้นๆลงๆ แล้วที่หนักสุดสำหรับตัวผมคือ ไม่สามารถแยกแยะความจริงกับความฝันได้ มันเป็นฝันการใช้ชีวิตประจำวันปกติที่สมจริงมาก พอตื่นมาก็รู้สึกเพลียมากไม่มีกระจิตกระใจจะทำอะไร
จนสุดท้ายต้องดรอปเรียนไป แล้วทั้งคนใกล้ตัวทั้งญาติก็คิดว่าเราติดยาเล่นยาจนเสียคน ความคิดเห็นแย่ๆก็ถาโถมเข้ามา
และในวันที่ไม่มีคนอยู่บ้าน มีแต่ความเงียบสงัด ตอนนั้นเป็นครั้งแรกที่ผมคิดอะไรไม่ออกรู้สึกมืดแปดด้าน ผมเดินเข้าห้องไปหายานอนหลับเก่าที่เคยได้ตอนรักษาซึมเศร้า ประมาณ 4-5 แผง + ยาพารา 6 เม็ด มาต้มละลายในน้ำ แล้วก็กิน
ความรู้สึกแรกที่ดื่มเข้าไปอึกแรกคือ ขมมากขมติดคอ สักพักรู้สึกมึนๆอึนๆ แล้วก็รู้สึกง่วงอยากจะนอน ก็เลยเดินไปเตียงนอนได้แป๊ปเดียว รู้สึกเหมือนมีอะไรจะตีออกมาจากคออยากจะอ้วกแต่ก็ไม่อ้วก หัวเริ่มหมุนตาเริ่มพร่ามัวอาการเหมือนคนเหลือง ร่างกายหนักมาก จะลุกก็ลุกไม่ได้ เหมือนร่างกายนอนไปแล้วแต่จิตสำนึกยังตื่นตัวอยู่ทำให้หลับไม่ได้ มันไม่เหมือนสิ่งที่คิด คิดว่าจะนอนเหมือนคนนอนปกติแล้วก็ไม่ตื่นมาอีก(เพื่อนๆพี่ที่คิดจะใช้วิธีนี้ บอกเลยว่ามันทรมารมากๆ)
พอจะคุยกับคนในครอบครัว ผมจะมีอารมณ์โมโหหรืออารมณ์เสียตลอดเวลา แบบไม่สามารถควบคุมได้ ผมเลยได้เริ่มเก็บตัวอยู่ใน พยายามไม่ออกไปข้างนอก ไม่พูดกับใครในชีวิตจริง ใช้ชิวิตแต่ในสังคมออนไลน์ เพราะผมคิดว่าที่นั่นคือ safezone สุดท้ายของตัวผม มีเพื่อนๆให้ระบายได้ มีคนที่เข้าใจ ถึงจะเจอคนแย่ๆ เราก็แค่ block ไปแค่นั้นเราก็ไม่ต้องเจอสิ่งแย่ๆที่เราไม่ต้องการได้แล้ว แต่เราไม่สามารถทำแบบนั้นได้ในชีวิตจริง ถ้าเราบอกว่าไม่ชอบก็ไม่ใช่วาาคนนั้นจะเลิกทำตัวแย่ๆหรือพ่นคำแย่ๆใส่เราได้
จากการสิงตัวอยู่ในสังคมออนไลน์ทำให้ผมเริ่มเข้าวงการขายของจากเกมส์ออนไลน์ทำให้มีเงินจำนวนมากที่เด็กวัยนั้นไม่สามารถมีได้ ผมก็เริ่มไม่อยากอยู่บ้านที่มีแต่สิ่งแย่ๆให้พบเจอไม่เว้นวัน ไปสิงอยู่ตามคาเฟ่หรือร้านอาหารอร่อยๆแทน(จะกลับบ้านเฉพาะตอนนอน) เพราะรู้สึกว่าการได้กินของอร่อยๆมันฮิลใจได้จริงๆ
แต่คนรอบข้างไม่ได้คิดเหมือนผมนะสิ เขาคิดกับว่าพวกผมไปมั่วสุมเสพยากัน จนผมก็ไม่รู้จะทำยังไงต่อดีถึง คนอื่นจะมองดูภายนอกเหมือนเป็นคนปกติ แต่ข้างในมันแหลกสลายไปแล้ว มันเป็นเหมือนลูปมรณะ พอเกิดเรื่องแย่ๆ ตอนนั้นมันไม่เป็นอะไรหรอก แต่พอมันสะสมมากเรื่อยๆ
แต่ในคืนที่มันเงียบจนน่ากลัวความคิดแย่ๆมากมายที่เจอมา ก็ผุดมาจากไหนก็ไม่รู้จนสมองแทบแตก
แล้วตัวผมก็ทำอะไรแย่ๆอีกครั้ง ผมเดินไปหน้าบ้านเห็นเชือกไนล่อนมัดราวตากผ้า ผมแก้มัดเชือกได้มาราวๆ 2 เมตร
แล้วก็เดินไปหยิบบันได เอาไปไว้ที่ห้อง เริ่มปีนบันไดดันแผ่นฝ้าออก เอามือคว้าหยิบเชือกไปมัดกับขื่อแล้วก็ทำบ่วงที่ปลาย แล้วก็เอาคอมาใส่ในบ่วงใน เวลานั้นไม่มีคำใดสามารถอธิบายความรู้สึกในตอนนั้นได้จริงๆ มีแค่หยดน้ำตา ผมค่อยๆหลับตาแล้วถีบบรรไดลง เชือกรัดที่ปลายคอด้วยน้ำหนักตัว เชือกเลยรวบไปรัดที่ต้นคอใกล้ๆกราม หายใจไม่ออกทันใดทันที ด้วยสัญชาตญาณพยายามหายใจ พยายามยังไงก็หายใจไม่ได้ พอพยายามหายใจจะรู้สึกเหมือนจะขย้อนอะไรออกมามีแต่เสียงอ็อกอักจากคอ น้ำหูน้ำตาเริ่มออก ตอนแรกปวดต้นคอแล้วก็ชา ในเวลานั้นรู้สึกว่า 1 วิมันนานมากๆ นานจนไม่รู้จะอะไรมาเทียบ ในเวลาไม่ถึง 1 นาทีบนเชือกนั้น ทำให้ผม time skip เห็นอดีตตัวเองได้ ผมจำได้เลยว่าตอนนั้นผม เตะขา ขยับแขนมั่วสุดๆไปเลย พอจะถึงความตายจริงๆ ผมดันกลัวตายแบบสุดขีด ผมยืดมือสุดแขนจับเชือกได้แล้วพยายามยกตัวเองให้ออกจากบ่วงแต่มันไม่ออก เลยต้องเอาอีกมือสอดใต้คอแล้วยกตัวแบบสุดแรงจนดิ้นหลุดออกมาได้ ซึ่งเป็นปาฏิหาริย์มากๆที่รอดมาได้ รู้สึกปวดชาที่คอ สักพักแสบร้อนพร้อมน้ำหูน้ำตา
แต่สิ่งแย่ๆก็ไม่ได้หมดแค่นี้ ชีวิตผมวนวัฏจักรนี้อีก 2 ครั้ง (ชีวิตเริ่มดี มีปัญหามากมายถาโถมเข้ามา หมดหนทางคิดสั้น เริ่มต้นชีวิตที่ใหม่ ปรับตัวกับสถานที่ใหม่)
ที่ผมมาเล่าซะยาวเหยียดแบบนี้ เพราะผมก็ไม่รู้ว่าชีวิตของตัวผมจะรอดยาวไปถึงไหน ผมรู้สึกได้ว่าอาการรอบนี้ของตัวผมรุนแรงมากกว่าครั้งไหนมากๆ ผมไม่อยากจะจากไปโดยที่เก็บมันไปด้วย
ผมแค่อยากให้กำลังใจเพื่อนๆพี่ๆที่กำลังคิดสั้นเหมือนกันกับตัวผม ผมก็ไม่รู้หรอกสิ่งที่ทำให้คุณเครียดมันจะยิ่งใหญ่เท่าช้างหรือเล็กเท่ามด เพราะแต่ละคนมีความสามารถที่ทนเรื่องแย่ๆได้ไม่เหมือนกัน ผมไม่อยากไปตัดสินคนอื่น คนที่คิดสั้นไม่ใช่คนที่สิ้นคิด แต่เป็นคนที่คิดมากกว่าคนอื่นๆ คิดมากจนมันค่อยๆมาแว้งกัดตัวเราเอง ในฐานะที่ผมเป็นคนนึงที่มีอาการเหมือนพวกคุณ ถ้าคุณเครียดหรือคุณเศร้า ลองหาของกินให้อิ่นเต็มท้องดู หรือคุณคิดอะไรที่มันไม่ดี ให้ลองอาบน้ำให้สบายตัวดู หรือเปิดเพลงเพราะๆอย่าให้มีความเงียบเกิดขึ้นในใจเด็ดขาด เพราะตัวผมรู้สึกว่า พอเกิดความเงียบ ความคิดฟุ้งซ่านมันจะทำงาน ถ้าคุณมีอาการแย่ให้ไปพบแพทย์อย่ามัวแต่พะวงหน้าพะวงหลังเลย เชื่อผมสิ ลองทำตามที่ผมบอกดูมันอาจจะช่วยคุณได้ 🥹
ระบายเกี่ยวกับชีวิตของตัวผม
ครอบครัวของผม พ่อผมติดยาเสพติด ส่วนแม่ผมถูกทางบ้านคลุมถุงชน พ่อเป็นคนดีมากๆขยันทำงานรักลูกเมียแต่พอเมาหรือเสพยามักจะทะเลาะเตะตีแม่ มันเป็นภาพจำที่ติดตาตลอดตั้งแต่จำความได้ เพราะเหตุแบบนี้มักจะเกิดประจำ และมีปัญหาภายในและภายนอกมากมาย
แล้วมีปัญหาใหญ่ จนทำให้ทั้งครอบครัวต้องเข้ารับการรักษาที่แผนกจิตเวช แล้วทางหมอวินิจฉัยว่า ตัวผมเป็นโรคซึมเศร้าระดับปานกลาง ส่วนคนอื่นๆในครอบครัวเป็นโรคซึมเศร้าขั้นรุนแรง ต้องทานยาเป็นประจำ แล้วปัญหาก็ยังไม่เคยหายไป แล้วต่อมาผมก็ไม่แน่ใจว่าที่บ้านผมมีปัญหาอะไร แต่ตอนนั้นผมจำได้แค่ แม่ต้องการพาพ่อไปที่อื่นเจอสังคมอื่นให้พ่อเลิกเสพยาได้ ผมต้องย้ายบ้านไปพบกับสังคมใหม่บรรยากาศใหม่ ที่นี้ทุกอย่างดีมากๆทั้งการเงิน ทั้งบรรยากาศก็ค่อยๆดีขึ้น เวลาผ่านไปปีสองปีแรกก็ไม่ได้มีอะไร แต่อยู่ดีๆความสงบสุขทั้งหมดกับหายไปดั่งความฝันที่ตื่นขึ้นมาเจอกับความจริงแสนโหดร้าย พ่อกลับไปวงจรอุบาทว์อีกครั้ง แม่ก็เลยตัดใจแยกทางแบบเด็ดขาดไป พอเวลาผ่านไปไม่ถึงสามเดือน มีสายจากทางญาติพ่อโทรมาแจ้งว่า พ่อเสียแล้ว พวกผมทำอะไรไม่ถูกรีบไปทันที แต่ทุกอย่างก็ไม่ทันเสียแล้ว ทางญาติพ่อได้ส่งศพไปชันสูตร พวกผมก็จัดสถานที่ ที่วัดรอ แต่พอผลชันสูตรออกมา กระดูกซี่โครงหัก ทิ่งปอด ม้ามแตก แล้วบริเวณหน้าถูกของแข็งกระแทก จนมาเสียชีวิตที่โรงพยาบาล แต่สุดท้ายแล้วทาง ตะกวดทำสำนวนว่าเป็นการตายแบบธรรมชาติ ทั้งที่ผลชันสูตรก็บอกชัดเจนว่าถูกทำร้าย จนต้องถอนการแจ้งความเพราะกลัวผู้มีอิทธิพล
ณ เวลานั้นทุกอย่างที่กำลังดีเสียศูนย์ ล้มหมดเลย ทั้งกิจการที่บ้านทำกำลังจะดีก็ต้องหยุดชะงังไป
ตัวผมรู้สึกว่าตัวเองเริ่มแปลกไปตั้งแต่ตอนนั้น เริ่มติดโลกออนไลน์ เพราะไม่มีใครรู้ตัวตนเรา และไม่รู้จักเราในชีวิตจริง ทำให้ผมสามารถเล่าสิ่งที่ทุกข์ พูดคุยกับคนแปลกหน้าแบบที่ผมอยากคุยยังไงก็ได้ เริ่มนอนดึก เริ่มไปโรงเรียนสาย เริ่มไม่อยากไปโรงเรียน
และเริ่มได้ยินเสียงวีดแหลมๆเหมือนเสียงคลื่นความถี่ตอนกลางดึกบ่อยๆ เริ่มนอนตอนกลางคืนไม่ได้ บางวันก็ไม่ได้นอนติดต่อกันนานเกิน 36 ชั่วโมง ถ้าไม่น็อคแล้วหลับไป ก็ไม่สามารถนอนแบบคนปกติได้ อารมณ์เริ่มขึ้นๆลงๆ แล้วที่หนักสุดสำหรับตัวผมคือ ไม่สามารถแยกแยะความจริงกับความฝันได้ มันเป็นฝันการใช้ชีวิตประจำวันปกติที่สมจริงมาก พอตื่นมาก็รู้สึกเพลียมากไม่มีกระจิตกระใจจะทำอะไร
จนสุดท้ายต้องดรอปเรียนไป แล้วทั้งคนใกล้ตัวทั้งญาติก็คิดว่าเราติดยาเล่นยาจนเสียคน ความคิดเห็นแย่ๆก็ถาโถมเข้ามา
และในวันที่ไม่มีคนอยู่บ้าน มีแต่ความเงียบสงัด ตอนนั้นเป็นครั้งแรกที่ผมคิดอะไรไม่ออกรู้สึกมืดแปดด้าน ผมเดินเข้าห้องไปหายานอนหลับเก่าที่เคยได้ตอนรักษาซึมเศร้า ประมาณ 4-5 แผง + ยาพารา 6 เม็ด มาต้มละลายในน้ำ แล้วก็กิน
ความรู้สึกแรกที่ดื่มเข้าไปอึกแรกคือ ขมมากขมติดคอ สักพักรู้สึกมึนๆอึนๆ แล้วก็รู้สึกง่วงอยากจะนอน ก็เลยเดินไปเตียงนอนได้แป๊ปเดียว รู้สึกเหมือนมีอะไรจะตีออกมาจากคออยากจะอ้วกแต่ก็ไม่อ้วก หัวเริ่มหมุนตาเริ่มพร่ามัวอาการเหมือนคนเหลือง ร่างกายหนักมาก จะลุกก็ลุกไม่ได้ เหมือนร่างกายนอนไปแล้วแต่จิตสำนึกยังตื่นตัวอยู่ทำให้หลับไม่ได้ มันไม่เหมือนสิ่งที่คิด คิดว่าจะนอนเหมือนคนนอนปกติแล้วก็ไม่ตื่นมาอีก(เพื่อนๆพี่ที่คิดจะใช้วิธีนี้ บอกเลยว่ามันทรมารมากๆ)
พอจะคุยกับคนในครอบครัว ผมจะมีอารมณ์โมโหหรืออารมณ์เสียตลอดเวลา แบบไม่สามารถควบคุมได้ ผมเลยได้เริ่มเก็บตัวอยู่ใน พยายามไม่ออกไปข้างนอก ไม่พูดกับใครในชีวิตจริง ใช้ชิวิตแต่ในสังคมออนไลน์ เพราะผมคิดว่าที่นั่นคือ safezone สุดท้ายของตัวผม มีเพื่อนๆให้ระบายได้ มีคนที่เข้าใจ ถึงจะเจอคนแย่ๆ เราก็แค่ block ไปแค่นั้นเราก็ไม่ต้องเจอสิ่งแย่ๆที่เราไม่ต้องการได้แล้ว แต่เราไม่สามารถทำแบบนั้นได้ในชีวิตจริง ถ้าเราบอกว่าไม่ชอบก็ไม่ใช่วาาคนนั้นจะเลิกทำตัวแย่ๆหรือพ่นคำแย่ๆใส่เราได้
จากการสิงตัวอยู่ในสังคมออนไลน์ทำให้ผมเริ่มเข้าวงการขายของจากเกมส์ออนไลน์ทำให้มีเงินจำนวนมากที่เด็กวัยนั้นไม่สามารถมีได้ ผมก็เริ่มไม่อยากอยู่บ้านที่มีแต่สิ่งแย่ๆให้พบเจอไม่เว้นวัน ไปสิงอยู่ตามคาเฟ่หรือร้านอาหารอร่อยๆแทน(จะกลับบ้านเฉพาะตอนนอน) เพราะรู้สึกว่าการได้กินของอร่อยๆมันฮิลใจได้จริงๆ
แต่คนรอบข้างไม่ได้คิดเหมือนผมนะสิ เขาคิดกับว่าพวกผมไปมั่วสุมเสพยากัน จนผมก็ไม่รู้จะทำยังไงต่อดีถึง คนอื่นจะมองดูภายนอกเหมือนเป็นคนปกติ แต่ข้างในมันแหลกสลายไปแล้ว มันเป็นเหมือนลูปมรณะ พอเกิดเรื่องแย่ๆ ตอนนั้นมันไม่เป็นอะไรหรอก แต่พอมันสะสมมากเรื่อยๆ
แต่ในคืนที่มันเงียบจนน่ากลัวความคิดแย่ๆมากมายที่เจอมา ก็ผุดมาจากไหนก็ไม่รู้จนสมองแทบแตก
แล้วตัวผมก็ทำอะไรแย่ๆอีกครั้ง ผมเดินไปหน้าบ้านเห็นเชือกไนล่อนมัดราวตากผ้า ผมแก้มัดเชือกได้มาราวๆ 2 เมตร
แล้วก็เดินไปหยิบบันได เอาไปไว้ที่ห้อง เริ่มปีนบันไดดันแผ่นฝ้าออก เอามือคว้าหยิบเชือกไปมัดกับขื่อแล้วก็ทำบ่วงที่ปลาย แล้วก็เอาคอมาใส่ในบ่วงใน เวลานั้นไม่มีคำใดสามารถอธิบายความรู้สึกในตอนนั้นได้จริงๆ มีแค่หยดน้ำตา ผมค่อยๆหลับตาแล้วถีบบรรไดลง เชือกรัดที่ปลายคอด้วยน้ำหนักตัว เชือกเลยรวบไปรัดที่ต้นคอใกล้ๆกราม หายใจไม่ออกทันใดทันที ด้วยสัญชาตญาณพยายามหายใจ พยายามยังไงก็หายใจไม่ได้ พอพยายามหายใจจะรู้สึกเหมือนจะขย้อนอะไรออกมามีแต่เสียงอ็อกอักจากคอ น้ำหูน้ำตาเริ่มออก ตอนแรกปวดต้นคอแล้วก็ชา ในเวลานั้นรู้สึกว่า 1 วิมันนานมากๆ นานจนไม่รู้จะอะไรมาเทียบ ในเวลาไม่ถึง 1 นาทีบนเชือกนั้น ทำให้ผม time skip เห็นอดีตตัวเองได้ ผมจำได้เลยว่าตอนนั้นผม เตะขา ขยับแขนมั่วสุดๆไปเลย พอจะถึงความตายจริงๆ ผมดันกลัวตายแบบสุดขีด ผมยืดมือสุดแขนจับเชือกได้แล้วพยายามยกตัวเองให้ออกจากบ่วงแต่มันไม่ออก เลยต้องเอาอีกมือสอดใต้คอแล้วยกตัวแบบสุดแรงจนดิ้นหลุดออกมาได้ ซึ่งเป็นปาฏิหาริย์มากๆที่รอดมาได้ รู้สึกปวดชาที่คอ สักพักแสบร้อนพร้อมน้ำหูน้ำตา
แต่สิ่งแย่ๆก็ไม่ได้หมดแค่นี้ ชีวิตผมวนวัฏจักรนี้อีก 2 ครั้ง (ชีวิตเริ่มดี มีปัญหามากมายถาโถมเข้ามา หมดหนทางคิดสั้น เริ่มต้นชีวิตที่ใหม่ ปรับตัวกับสถานที่ใหม่)
ที่ผมมาเล่าซะยาวเหยียดแบบนี้ เพราะผมก็ไม่รู้ว่าชีวิตของตัวผมจะรอดยาวไปถึงไหน ผมรู้สึกได้ว่าอาการรอบนี้ของตัวผมรุนแรงมากกว่าครั้งไหนมากๆ ผมไม่อยากจะจากไปโดยที่เก็บมันไปด้วย
ผมแค่อยากให้กำลังใจเพื่อนๆพี่ๆที่กำลังคิดสั้นเหมือนกันกับตัวผม ผมก็ไม่รู้หรอกสิ่งที่ทำให้คุณเครียดมันจะยิ่งใหญ่เท่าช้างหรือเล็กเท่ามด เพราะแต่ละคนมีความสามารถที่ทนเรื่องแย่ๆได้ไม่เหมือนกัน ผมไม่อยากไปตัดสินคนอื่น คนที่คิดสั้นไม่ใช่คนที่สิ้นคิด แต่เป็นคนที่คิดมากกว่าคนอื่นๆ คิดมากจนมันค่อยๆมาแว้งกัดตัวเราเอง ในฐานะที่ผมเป็นคนนึงที่มีอาการเหมือนพวกคุณ ถ้าคุณเครียดหรือคุณเศร้า ลองหาของกินให้อิ่นเต็มท้องดู หรือคุณคิดอะไรที่มันไม่ดี ให้ลองอาบน้ำให้สบายตัวดู หรือเปิดเพลงเพราะๆอย่าให้มีความเงียบเกิดขึ้นในใจเด็ดขาด เพราะตัวผมรู้สึกว่า พอเกิดความเงียบ ความคิดฟุ้งซ่านมันจะทำงาน ถ้าคุณมีอาการแย่ให้ไปพบแพทย์อย่ามัวแต่พะวงหน้าพะวงหลังเลย เชื่อผมสิ ลองทำตามที่ผมบอกดูมันอาจจะช่วยคุณได้ 🥹